LOGINเมื่อนักธุรกิจหนุ่มอย่าง กวิน พิพัฒน์ศิลป์ ต้องการพนักงานในบริษัทของเพื่อนสนิท มาทำงานให้บริษัทของตนเอง เค้าจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรงัดมาใช้เพื่อให้ได้มาของพนักงานสาวคนดังกล่าว ส่วนเพื่อนอย่างแอนดริว ทวีเกื้อตระกูล จะมีวิธีไหนมารับมือกับความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนคนนี้
View More"บอสกำลังมา" สาวรุ่นใหญ่ตำแหน่งสอดส่องที่คนในแผนกร่วมกันตั้งฉายาให้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในแผนก
"เก็บเร็ว!!"
ทุกคนกุลีกุจอเก็บเครื่องสำอางค์ และรวมไปถึงสิ่งของต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน กวาดลงไปในลิ้นชักภายในพริบตา
พนักงานในบริษัทแห่งนี้ต่างรู้ดีว่า บอสของพวกเขาไม่ชอบให้ทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานในเวลางาน
"สวัสดีค่ะบอส"
"สวัสดีครับบอส"
พนักงานทุกคนต่างลุกขึ้นกล่าวทักทายในขณะที่เจ้านายของพวกเขาเดินผ่านแผนกออกแบบของตน
ปกติ บริษัท จะมีลิฟท์เพื่อขึ้นตรงไปยังชั้นผู้บริหาร ซึ่ง วิน หรือกวิน จะเลือกใช้เวลาที่เขามีงานด่วนเร่งรีบเท่านั้น ทำให้ทุกๆ วันที่เขาเข้าบริษัท กวินจึงเลือกที่จะเดินผ่านแผนกออกแบบ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปยังห้องทำงานของตัวเอง
แต่ใช่ว่าบอสคนนี้ จะไม่สนใจอะไรเลย เขาไม่ได้เมินเฉยต่อคำทักทายของพนักงาน ทุกครั้งเขาจะหันไปยิ้มอ่อนๆ และผงกหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายกลับ ด้วยเหตุนี้พนักงานในบริษัทไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ ต่างหลงไหลในความหล่อของเขา จนอยากจะเอาทั้งตัวและหัวใจใส่พานให้กวินไป
"วันนี้ผมมีนัดที่ไหนหรือเปล่า คุณริน" เมื่อถึงห้องทำงานเขาก็นั่งลงเปิดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะทันที
ปกติกวินจะเป็นคนจำตารางานของตัวเองได้แม่น แต่ธุรกิจกิจของเขากว้างขวาง ทำให้ลูกค้าของเขาบางคนนัดเข้ามาแบบกะทันหัน จึงทำให้ตารางงานที่ถูกกำหนดไว้แล้วตลอดทั้งเดือน คลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่เขาก็สามารถจัดการให้เรียบร้อยได้ทุกครั้ง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเขาทำให้เขาเป็นบุคคลที่ถูกยอมรับในวงการนักธุรกิจและนักลงทุน
"วันนี้ตอน 10 โมงมีประชุมกับฝ่ายจัดซื้อค่ะ ส่วนบ่ายสองมีประชุมกับฝ่ายผลิตค่ะ ตอนค่ำ มีดินเนอร์กับคุณกิ่ง ส่วนสถานที่คุณกิ่งจะโทรมาแจ้งอีกทีค่ะ"
เลขาสาวท้องแก่ที่ทำงานกับกวินมานานจนรู้ใจกันพอสมควร ทวนตารางงานให้กับบอสหนุ่มของหล่อนฟัง
"อืม"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว รินขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ"
หลังเสร็จงานซึ่งเลยเวลานัดมาพอสมควร กวินก็ไม่รอช้าเร่งเก็บของแล้วเดินออกจากห้องทำงานไปยังลานจอดรถทันที
"โชค! คุณกลับบ้านไปพักผ่อนได้เลย วันนี้ฉันจะขับรถไปเอง"
"ครับคุณกวิน"
เมื่อสั่งลูกน้องเสร็จกวินก็ขับรถไปตามโลเคชั่นที่ กิ่งแก้ว คู่หมั้นของเขาส่งมาให้
ทั้งคู่หมั้นหมายกันตั้งแต่กวินเรียนอยู่ปี 1 ด้วยการจัดการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งกวินก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไร เพราะทั้งสองครอบครัวก็รู้จัก สนิทสนมกันดีมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนเขากับ กิ่ง หรือกิ่งแก้วก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
ซึ่งการหมั้นในครั้งนี้ ทั้งคู่มีข้อตกลงร่วมกันคือ จะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของกันและกัน ให้อิสระต่อกัน
"มาช้าจัง คุณคู่หมั้น"
ประโยคแรกเมื่อเจอกันก็ทำให้กวินต้องขมวดคิ้ว
"กิ่งแค่ล้อเล่นเอง มาเหนื่อยๆ นั่งก่อนค่ะ ว่าแต่ยังไม่ตอบเลย ว่าทำไมมาช้าจัง"
"มีงานด่วนเข้ามานิดหน่อย เคลียร์เสร็จพี่ก็รีบมาเลย"
"รวยจนใช้ไม่หมดแล้วค่ะท่านประธาน พักบ้างนะคะ"
"เราก็เหมือนกัน ช่วงนี้ไม่เห็นว่างมากินข้าวกับพี่เลย พ่อกับแม่ถามหาทุกวัน"
"แน่ะ พูดแบบนี้แสดงว่าอยากให้ไปเป็นลูกสะไภ้จริงๆ แล้วใช่มั้ย"
"สนใจมั้ยล่ะ หึ"
"ถ้าสนใจ คือแต่งพรุ่งนี้ได้เลยใช่มั้ย"
"ไม่คิดจะแจกการ์ดก่อนเหรอ คุณหนูกิ่งแก้ว"
"ก่อนจะแจกการ์ดต้องถามว่าที่เจ้าบ่าวก่อน ว่ายอมให้ใส่ชื่อลงไปในการ์ดมั้ย"
"รู้ทันตลอดเลยนะ"
"ไม่รู้จักซะแล้วว่านี่ใคร"
"แล้วเป็นใครล่ะ"
"กิ่งแก้วผู้กุมความลับของประธานกวินไง อิอิ"
"ขออนุญาตเสริฟอาหารครับ"
หลังจากที่ทั้งสองคุยเล่นกันอยู่สักพัก พนักงานก็มาเสริพอาหาร ทั้งสองก็ยังทานไปคุยไปอย่างสนิทสนม ทำให้ใครๆ ที่เห็นภาพนี้ต่างเข้าใจได้ในทันทีว่านี้คือคู่รัก...
อีกฝั่งของร้านแห่งนี้ มีหญิงสาวสองคนนั่งทานข้าวกันหลังเสร็จจากนัดคุยงานกับลูกค้านอกสถานที่
"ฟ้า พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ อยากทานอะไรเพิ่มสั่งได้เลย"
"ค่ะ"
จริงๆ หลังคุยงานเสร็จ ฟ้า หรือฟ้าใส อยากกลับบ้านเลย เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด วันนี้เธอเลยตั้งใจขับรถกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งวันที่บ้านส่งข่าวมาว่าน้องชายต้องเข้าโรงพยาบาล ฟ้าใสจึงอยากจะกลับไปเยี่ยมน้อง
แต่เนื่องด้วย วิว หรือวิภาดา ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ที่สนิท และแฟนเจ้าของบริษัทที่เธอทำงานขอให้ฟ้าใสมาทานข้าวเป็นเพื่อนเนื่องจาก แอนดริว มีงานด่วนต้องบินไปฮ่องกง ฟ้าใสเลยเกรงใจไม่กล้าบอกเหตุผลของตัวเอง และไม่กล้าปฏิเสธออกไป
เพล้งงงง!!
เสียงจานชามหล่นแตกลงบนพื้นจนคนทั้งร้านหันไปมองตามเสียงที่เกิดขึ้น
"ช่วยด้วยค่ะ ลูกค้ามีอาการชักค่ะ"
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟ้าใสก็ไม่รอช้ารีบลุกจากโต๊ะวิ่งไป ก็เห็นคุณลุงท่านนึง อายุประมาณ 50 นอนอยู่บนพื้นข้างโต๊ะอาหาร ที่มีเศษแก้วกับจานหล่นกระจัดกระจาย
"ขอทางหน่อยค่ะ"
เมื่อแทรกตัวเข้าไปได้ฟ้าใสจึงใช้มือปัดเศษจานที่อยู่ใกล้ๆคุณลุงออกไป จากนั้นก็จับคุณลุงนอนตะแคง แล้วถอดแว่นให้คุณลุงเพื่อป้องกันแว่นแตก ฟ้าใสหันซ้ายหันขวาไปเห็นกระเป๋าใบนึง น่าจะเป็นของภรรยาของคุณลุงคนนี้
"ฉันขอยืมก่อนนะคะ"
หญิงคนที่คาดว่าเป็นภรรยาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาติ ฟ้าใสจึงนำมาวางรองศรีษะของคุณลุง จากนั้นเธอก็ปลดเข็มขัด เน็คไท และปลดกระดุมเสื้อของคุณลุงออกสองเม็ด เพื่อให้คุณลุงหายใจได้สะดวก
"คุณป้าเรียกรถพยาบาลเลยค่ะ"
เพราะไม่รู้ว่าคนไข้จะมีอาการดีขึ้นหรือไม่ ฟ้าจึงให้เรียกรถพยาบาล ส่วนเธอก็ทำได้แค่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น
คุณป้าเลยลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดโทรหารถพยาบาล
"ส่วนคนอื่นๆ รบกวนช่วยออกห่างๆจากบริเวณนี้หน่อยนะคะ อากาศจะได้ถ่ายเท คุณลุงจะได้หายใจได้สะดวก ขอบคุณมากค่ะ"
เมื่อได้ฟังเด็กสาวขอความร่วมมือ ทุกคนก็กลับไปนั่งยังโต๊ะของตนเอง
ผ่านไปสักพักคุณลุงก็มีอาการดีขึ้น อาการชักเกร็งค่อยๆ หายไป สามารถลุกขึ้นนั่งได้ สองผัวเมียจึงกล่าวขอบคุณฟ้าใสเป็นการใหญ่ และจะให้เงินเป็นการตอบแทน แต่ฟ้าใสปฏิเสธที่จะรับไว้ จากนั้นไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง ฟ้าใสเลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาล
ทุกการกระทำของฟ้าใสตกอยู่ในสายตาคมคู่หนึ่ง ที่จับจ้องตั้งแต่ฟ้าใสวิ่งเข้ามาแล้วจัดการปฐมพยาบาลคุณลุงคนนั้น จนอาการดีขึ้นเขานึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าทำไมถึงทำทุกอย่างได้คล่องแคล่วว่องไวอย่างนี้ หรือเธอจะเป็นหมอ
"พี่วินคะ"
"ห๊ะ!!"
"จ้องอะไรขนาดนั้นคะ"
"อ๋อ พี่แค่แปลกใจ ว่าทำไมเธอเก่งแบบนี้"
"ไม่ใช่มองเพราะน่ารักเหรอ" กิ่งแก้วเอ่ยแซว
"เปล่า!"
"แต่ว่าเธอน่ารักนะคะ ดูสิ หน้าก็หว๊านหวาน แถมยังมีน้ำใจ พี่ดูหนุ่มโต๊ะนั้นสิ มองด้วยสายตาหวานเยิ้มเลย"
มองไปยังโต๊ะที่กิ่งแก้วพูดถึง พอเห็นแววตาของหนุ่มคนนั้น มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด
"ช่างเขาสิ ใครจะมองใครก็เรื่องของเขา"
ปากพูดว่าไม่สนแต่สายตาก็ยังมองไปยังหญิงสาวที่เดินกลับโต๊ะของตัวเองไปแล้ว
"กิ่งแหย่พี่เล่นนิดเดียวเอง ทำเป็นจริงจังไปได้"
"อิ่มยัง จะได้กลับ"
"พี่กลับไปก่อนเลย กิ่งมีธุระต่อ"
"นัดหนุ่มไว้ละสิ"
"ก็ไม่เชิงนะ"
ยักไหล่ทำหน้ากวนๆ กวินเห็นแล้วหมั่นเขี้ยวเลยดีดนิ้วไปที่หน้าผากหนึ่งที
"โอ๊ย!! เจ็บนะ"
"ให้มันน้อยๆ หน่อย"
"หึงเหรอ"
"โตแล้ว สมองน่ะ" เอานิ้วจิ้มหน้าผากกิ่งแก้ว
"รู้แหละน่า หยอกนิดหยอกหน่อยก็ไม่ได้ คุยกับพี่ไม่เห็นจะสนุกเลย ไปล่ะ"
จบประโยคกิ่งแก้วก็คว้ากระเป๋าเดินออกไปจากร้านทันที กวินได้แต่ส่ายหัวให้ความไม่รู้จักโตของกิ่งแก้ว...
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาฟ้าใสยังคงเข้าไปทำงานที่บริษัทของแอนดริวปกติ แต่ที่แปลกไปคือมีกวินที่เข้ามาวอแวอยู่ไม่ห่าง โดยใช้งานเป็นข้ออ้างในการขอพบฟ้าใส ทำให้ตอนนี้ฟ้าใสรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ตอบตกลงรับงานไป"ฟ้า ทำงานกับคุณวินเป็นไงบ้าง""เหนื่อยค่ะพี่วิ นี่ผ่านไปแค่อาทิตย์เดียว ฟ้าเหมือนจะตายเลย""ทำไมล่ะ""คุณกวินนิสัยเหมือนเด็กๆ เลย เอาแต่ใจด้วย ชอบใช้งานฟ้า ดูแล้วมันไม่เกี่ยวกับงานเลย ทำให้ฟ้าเสียเวลามากเลยค่ะ""คุณวินเนี่ยนะ นิสัยเหมือนเด็กๆ"วิภาดาทวนคำที่ฟ้าใสพูดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด เพราะปกติในแวดวงธุรกิจ หรือในกลุ่มคนที่ทำงานกับกวินจะรู้กันดีว่ากวินเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก ในเวลางานห้ามทำอย่างอื่น"ใช่ค่ะ ฟ้าคิดไว้ว่าหลังจากเสร็จงานชิ้นนี้แล้ว ฟ้าก็จะไม่ทำงานให้คุณกวินแล้วค่ะ""แล้วคุณวินจะยอมเหรอ"วิภาดาสังเกตุเห็นว่าฟ้าใสคงจะเหนื่อยมากจริงๆ เพราะตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหน ฟ้าใสก็ไม่เคยบ่น สู้ทุกงาน แต่มาทำงานกับกวินแค่อาทิตย์เดียวฟ้าใสกลับถอดใจซะแล้ว"ฟ้าก็ต้องไปคุยกับเขาอีกที""แล้ววันก่อนได้เซ็นสัญญากันไว้หรือเปล่า""เซ็นค่ะ ฟ้าเสนอไปสามเดือน ตอนแร
และตอนนี้ทั้ง 5 คนก็มายืนอยู่หน้าร้านที่ฟ้าใสคุ้นเคย ก่อนหน้านี้ที่เจอกันที่ลานจอดรถ ฟ้าใสพยายามปฏิเสธ เพราะอยากเร่งงานให้เสร็จ แต่กวินก็คะยั้นคะยอและลากเธอขึ้นรถของเขาไป ต่อหน้าต่อตาเพื่อนทั้งสอง รวมไปถึงวิภาดาด้วย ฟ้าใสจึงเสนอร้านกาแฟร้านนี้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากบริษัท แถมยังได้ช่วยหาลูกค้าให้สลิลลาอีกด้วยจริงๆ แล้ววันนี้หลังเลิกงาน ฟ้าใสตั้งใจจะแวะมาหาสลิลลาที่ร้าน เพราะเธอไม่ได้แวะมาสองวันแล้ว เนื่องจาก ต้องเร่งงานที่จะต้องเสนอลูกค้า"อ้าวน้องฟ้า วันนี้ทำไมมาไวจัง""ฟ้ามากับคุณดริวค่ะ""อ๋อๆ สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อนนะคะ"หลังจากทุกคนนั่งลงและสั่งเครื่องดื่มกับเบเกอร์รี่เรียบร้อยแล้ว สลิลลาจึงขอตัวไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ"ดูท่าทางเบบี๋จะสนิทกับเจ้าของร้านนะ""ใช่ค่ะพี่เจมส์ ฟ้ากับพี่เค้กรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ เมื่อก่อนฟ้าเคยทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่""อ๋อ คงจะเป็นขนมจากร้านนี้แน่เลย ที่เจษชอบซื้อกลับไปฝากพี่ แต่พอเรียนจบก็ไม่เห็นซื้อไปฝากอีกเลย สงสัยเพราะเบบี๋ไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว มันเลยไม่มา""แต่มันเปลี่ยนมาเที่ยวที่บริษัทกูแทน" เมื่อจบประโยคของแอนดริว ก็ทำให้ทุกคนต่างหัวเราะออกมา
หลายวันแล้ว ที่กวินก็ยังคงแวะเวียนไปยังบริษัทของแอนดริวอยู่บ่อยๆ จนแอนดริวต้องมานั่งกุมขมับตัวเองอยู่ในห้องทำงานหลังจากที่กวินกลับไปแล้วทุกครั้ง"เป็นอะไรคะ""เฮียปวดหัวกับไอ้วิน""คุณวินทำไมคะ""มันมาป่วนเฮียได้ทุกวัน จะมาเอาตัวฟ้าใสไปทำงานด้วยให้ได้""ได้ไง คุณวินก็นะ หรือคุณวินจะแค่แกล้งเฮียเล่น""เฮียไม่รู้ว่าต้องทำไง เหมือนงานนี้มันจะเอาจริง""วันก่อนที่วิแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน วิก็รู้สึกว่าคุณวินดูแปลกๆ นะคะ""ยังไง""คุณวินดูสนใจฟ้าใสเป็นพิเศษ""มันจะทำอะไรของมัน"แอนดริวก็จนปัญญาที่จะคิด เพราะทุกครั้งที่มากวินจะมีข้อเสนอมากมาย มาหลอกล่อแอนดริว เพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน แอนดริวจึงรู้วิธีการรับมือและเอาตัวรอดมาได้ตลอด แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรับมือกับเพื่อนคนนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน"ทำไมคุณไม่ถามไปตรงๆ ละคะว่าทำไมต้องเป็นฟ้าใส""เฮียเคยถามแล้ววิ มันบอกว่า อยากได้คนเก่งๆ ไปทำงานด้วย"ทั้งแอนดริวและวิภาดา ต่างก็คิดว่าถ้ากวินต้องการหาคนเก่งจริงๆ คงจะหาได้ไม่ยากและที่สำคัญทีมออกแบบของบริษัทกวินเองก็เป็นทีมที่มีคุณภาพภาพ และเก่งๆทั้งนั้น แต่ทำไมต้องมาเจาะจงว่าต้องเป็นฟ้าใสเท่านั้น
ในช่วงวันหยุดสองวันที่ผ่านมา ฟ้าใสอาสาไปเฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาล เพื่อให้แม่ได้พักผ่อน เนื่องจากน้องชายมีโรคประจำตัว ต้องเข้าออกโรงพยายาบาลบ่อยๆ ทุกคนในครอบครัวจึงดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษมาตลอด ทำให้ฟ้าใสซึ่งเป็นพี่โตต้องดูแลตัวเองมาตลอด เพราะแม่ต้องทำงานไปด้วยและดูแลน้องไปด้วยฟ้าใสเป็นเด็กกำพร้า พ่อของเธอเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธอ 7 ขวบ ซึ่งตอนนั้นน้องชายก็ยังเล็กอยู่ แม่มักจะบอกฟ้าใสเสมอว่า ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่แม่ไม่รัก จริงๆ แล้วแม่รักลูกทั้งสองคนมาก แต่ที่แม่ต้องแบ่งเวลาให้น้องมากกว่า เพราะน้องไม่สบาย ส่วนเธอก็เข้าใจ เพราะนอกเหนือจากเวลางานแล้ว ฟ้าใสก็ยกเวลาทั้งหมดให้ครอบครัวเช่นกัน"วันนี้พี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้พี่ต้องทำงาน""ไม่อยากให้พี่ไปเลยครับ""อย่างอแงกับพี่สิสกาย"จริงๆ แล้ว สกายเป็นเด็กฉลาด แต่เนื่องด้วยไม่สบายอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้เขาต้องหยุดเรียนเป็นประจำ ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ทำให้สกายเข้ารับการรักษาได้แค่ในโรงบาลของรัฐ ซึ่งโรคที่สกายเป็น หากจะให้ดีต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ซึ่งค่าใช้จ่ายก็สูงมากด้วย"เดี๋ยววันหยุดพี่จะกลับมาหาใหม่นะ สกายอย่าดื้อ
ด้านฟ้าใสเมื่อกลับมาถึงโต๊ะก็เจอกับวิภาดาที่ยืนทำหน้าตื่นอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หลังจากเสร็จธุระที่ห้องน้ำ แอนดริวโทรเข้ามาพอดี วิภาดาเลยไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน จู่ๆ รถพยาบาลก็ขับเข้ามาจอดตรงบริเวณหน้าร้าน และมีพยาบาลกับบุรุษพยาบาลวิ่งเข้ามาในร้าน วิภาดาเลยวิ่งกลับเข้ามาในร้านเพื่อดูว่ามีใครเป็นอะไร แต่กลับไม่พบฟ้าใสบนโต๊ะอาหาร จึงทำให้ตกใจ"ฟ้าเป็นอะไรมั้ย""ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พอดีคุณลุงเขามีอาการชักเกร็ง ฟ้าเลยเข้าไปช่วย""แล้วนี่เลือดใคร"วิภาดายกแขนของฟ้าใสขึ้นมาดู เพราะมีรอยเลือดอยู่ตรงบริเวณปลายแขนเสื้อของฟ้าใส เมื่อพลิกไปพลิกมาก็พบว่ามีบาดแผลอยู่ตรงบริเวณนิ้ว คงเกิดจากตอนที่เอามือกวาดเศษจานที่แตก"คงจะโดนตอนที่ไปช่วยคุณลุงค่ะ""แล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยเหรอ แผลก็ไม่ได้เล็กมากนะ""เมื่อกี้คงจะตกใจค่ะ เลยไม่ทันได้สังเกตุ""จริงๆ เลยนะเรา เวลาช่วยคนอื่นไม่เคยระวังตัวเลย ไปเดี๋ยวพี่พาไปทำแผล""ไม่เป็นไรค่ะ ในรถฟ้ามีกล่องยาอยู่ ล้างแผลติดพลาสเตอร์ก็ได้แล้วค่ะ""งั้นกลับกันเลยดีกว่า ฟ้าจะได้พักผ่อนด้วยเดี๋ยวพี่ไปเคลียร์ค่าอาหารก่อนนะ ฟ้าไปรอพี่ที่นอกร้านได้เลย"กวินที่นั่งดูทั้งสองคนสนทนากัน
"บอสกำลังมา" สาวรุ่นใหญ่ตำแหน่งสอดส่องที่คนในแผนกร่วมกันตั้งฉายาให้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในแผนก"เก็บเร็ว!!"ทุกคนกุลีกุจอเก็บเครื่องสำอางค์ และรวมไปถึงสิ่งของต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน กวาดลงไปในลิ้นชักภายในพริบตาพนักงานในบริษัทแห่งนี้ต่างรู้ดีว่า บอสของพวกเขาไม่ชอบให้ทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานในเวลางาน"สวัสดีค่ะบอส""สวัสดีครับบอส"พนักงานทุกคนต่างลุกขึ้นกล่าวทักทายในขณะที่เจ้านายของพวกเขาเดินผ่านแผนกออกแบบของตนปกติ บริษัท จะมีลิฟท์เพื่อขึ้นตรงไปยังชั้นผู้บริหาร ซึ่ง วิน หรือกวิน จะเลือกใช้เวลาที่เขามีงานด่วนเร่งรีบเท่านั้น ทำให้ทุกๆ วันที่เขาเข้าบริษัท กวินจึงเลือกที่จะเดินผ่านแผนกออกแบบ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปยังห้องทำงานของตัวเองแต่ใช่ว่าบอสคนนี้ จะไม่สนใจอะไรเลย เขาไม่ได้เมินเฉยต่อคำทักทายของพนักงาน ทุกครั้งเขาจะหันไปยิ้มอ่อนๆ และผงกหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายกลับ ด้วยเหตุนี้พนักงานในบริษัทไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ ต่างหลงไหลในความหล่อของเขา จนอยากจะเอาทั้งตัวและหัวใจใส่พานให้กวินไป"วันนี้ผมมีนัดที่ไหนหรือเปล่า คุณริน" เมื่อถึงห้องทำงานเขาก็นั่งลงเปิดแฟ้มเอ
Comments