Masukเมื่อนักธุรกิจหนุ่มอย่าง กวิน พิพัฒน์ศิลป์ ต้องการพนักงานในบริษัทของเพื่อนสนิท มาทำงานให้บริษัทของตนเอง เค้าจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรงัดมาใช้เพื่อให้ได้มาของพนักงานสาวคนดังกล่าว ส่วนเพื่อนอย่างแอนดริว ทวีเกื้อตระกูล จะมีวิธีไหนมารับมือกับความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนคนนี้
Lihat lebih banyak"บอสกำลังมา" สาวรุ่นใหญ่ตำแหน่งสอดส่องที่คนในแผนกร่วมกันตั้งฉายาให้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในแผนก
"เก็บเร็ว!!"
ทุกคนกุลีกุจอเก็บเครื่องสำอางค์ และรวมไปถึงสิ่งของต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน กวาดลงไปในลิ้นชักภายในพริบตา
พนักงานในบริษัทแห่งนี้ต่างรู้ดีว่า บอสของพวกเขาไม่ชอบให้ทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานในเวลางาน
"สวัสดีค่ะบอส"
"สวัสดีครับบอส"
พนักงานทุกคนต่างลุกขึ้นกล่าวทักทายในขณะที่เจ้านายของพวกเขาเดินผ่านแผนกออกแบบของตน
ปกติ บริษัท จะมีลิฟท์เพื่อขึ้นตรงไปยังชั้นผู้บริหาร ซึ่ง วิน หรือกวิน จะเลือกใช้เวลาที่เขามีงานด่วนเร่งรีบเท่านั้น ทำให้ทุกๆ วันที่เขาเข้าบริษัท กวินจึงเลือกที่จะเดินผ่านแผนกออกแบบ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปยังห้องทำงานของตัวเอง
แต่ใช่ว่าบอสคนนี้ จะไม่สนใจอะไรเลย เขาไม่ได้เมินเฉยต่อคำทักทายของพนักงาน ทุกครั้งเขาจะหันไปยิ้มอ่อนๆ และผงกหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายกลับ ด้วยเหตุนี้พนักงานในบริษัทไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ ต่างหลงไหลในความหล่อของเขา จนอยากจะเอาทั้งตัวและหัวใจใส่พานให้กวินไป
"วันนี้ผมมีนัดที่ไหนหรือเปล่า คุณริน" เมื่อถึงห้องทำงานเขาก็นั่งลงเปิดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะทันที
ปกติกวินจะเป็นคนจำตารางานของตัวเองได้แม่น แต่ธุรกิจกิจของเขากว้างขวาง ทำให้ลูกค้าของเขาบางคนนัดเข้ามาแบบกะทันหัน จึงทำให้ตารางงานที่ถูกกำหนดไว้แล้วตลอดทั้งเดือน คลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่เขาก็สามารถจัดการให้เรียบร้อยได้ทุกครั้ง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเขาทำให้เขาเป็นบุคคลที่ถูกยอมรับในวงการนักธุรกิจและนักลงทุน
"วันนี้ตอน 10 โมงมีประชุมกับฝ่ายจัดซื้อค่ะ ส่วนบ่ายสองมีประชุมกับฝ่ายผลิตค่ะ ตอนค่ำ มีดินเนอร์กับคุณกิ่ง ส่วนสถานที่คุณกิ่งจะโทรมาแจ้งอีกทีค่ะ"
เลขาสาวท้องแก่ที่ทำงานกับกวินมานานจนรู้ใจกันพอสมควร ทวนตารางงานให้กับบอสหนุ่มของหล่อนฟัง
"อืม"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว รินขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ"
หลังเสร็จงานซึ่งเลยเวลานัดมาพอสมควร กวินก็ไม่รอช้าเร่งเก็บของแล้วเดินออกจากห้องทำงานไปยังลานจอดรถทันที
"โชค! คุณกลับบ้านไปพักผ่อนได้เลย วันนี้ฉันจะขับรถไปเอง"
"ครับคุณกวิน"
เมื่อสั่งลูกน้องเสร็จกวินก็ขับรถไปตามโลเคชั่นที่ กิ่งแก้ว คู่หมั้นของเขาส่งมาให้
ทั้งคู่หมั้นหมายกันตั้งแต่กวินเรียนอยู่ปี 1 ด้วยการจัดการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งกวินก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไร เพราะทั้งสองครอบครัวก็รู้จัก สนิทสนมกันดีมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนเขากับ กิ่ง หรือกิ่งแก้วก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
ซึ่งการหมั้นในครั้งนี้ ทั้งคู่มีข้อตกลงร่วมกันคือ จะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของกันและกัน ให้อิสระต่อกัน
"มาช้าจัง คุณคู่หมั้น"
ประโยคแรกเมื่อเจอกันก็ทำให้กวินต้องขมวดคิ้ว
"กิ่งแค่ล้อเล่นเอง มาเหนื่อยๆ นั่งก่อนค่ะ ว่าแต่ยังไม่ตอบเลย ว่าทำไมมาช้าจัง"
"มีงานด่วนเข้ามานิดหน่อย เคลียร์เสร็จพี่ก็รีบมาเลย"
"รวยจนใช้ไม่หมดแล้วค่ะท่านประธาน พักบ้างนะคะ"
"เราก็เหมือนกัน ช่วงนี้ไม่เห็นว่างมากินข้าวกับพี่เลย พ่อกับแม่ถามหาทุกวัน"
"แน่ะ พูดแบบนี้แสดงว่าอยากให้ไปเป็นลูกสะไภ้จริงๆ แล้วใช่มั้ย"
"สนใจมั้ยล่ะ หึ"
"ถ้าสนใจ คือแต่งพรุ่งนี้ได้เลยใช่มั้ย"
"ไม่คิดจะแจกการ์ดก่อนเหรอ คุณหนูกิ่งแก้ว"
"ก่อนจะแจกการ์ดต้องถามว่าที่เจ้าบ่าวก่อน ว่ายอมให้ใส่ชื่อลงไปในการ์ดมั้ย"
"รู้ทันตลอดเลยนะ"
"ไม่รู้จักซะแล้วว่านี่ใคร"
"แล้วเป็นใครล่ะ"
"กิ่งแก้วผู้กุมความลับของประธานกวินไง อิอิ"
"ขออนุญาตเสริฟอาหารครับ"
หลังจากที่ทั้งสองคุยเล่นกันอยู่สักพัก พนักงานก็มาเสริพอาหาร ทั้งสองก็ยังทานไปคุยไปอย่างสนิทสนม ทำให้ใครๆ ที่เห็นภาพนี้ต่างเข้าใจได้ในทันทีว่านี้คือคู่รัก...
อีกฝั่งของร้านแห่งนี้ มีหญิงสาวสองคนนั่งทานข้าวกันหลังเสร็จจากนัดคุยงานกับลูกค้านอกสถานที่
"ฟ้า พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ อยากทานอะไรเพิ่มสั่งได้เลย"
"ค่ะ"
จริงๆ หลังคุยงานเสร็จ ฟ้า หรือฟ้าใส อยากกลับบ้านเลย เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด วันนี้เธอเลยตั้งใจขับรถกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งวันที่บ้านส่งข่าวมาว่าน้องชายต้องเข้าโรงพยาบาล ฟ้าใสจึงอยากจะกลับไปเยี่ยมน้อง
แต่เนื่องด้วย วิว หรือวิภาดา ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ที่สนิท และแฟนเจ้าของบริษัทที่เธอทำงานขอให้ฟ้าใสมาทานข้าวเป็นเพื่อนเนื่องจาก แอนดริว มีงานด่วนต้องบินไปฮ่องกง ฟ้าใสเลยเกรงใจไม่กล้าบอกเหตุผลของตัวเอง และไม่กล้าปฏิเสธออกไป
เพล้งงงง!!
เสียงจานชามหล่นแตกลงบนพื้นจนคนทั้งร้านหันไปมองตามเสียงที่เกิดขึ้น
"ช่วยด้วยค่ะ ลูกค้ามีอาการชักค่ะ"
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟ้าใสก็ไม่รอช้ารีบลุกจากโต๊ะวิ่งไป ก็เห็นคุณลุงท่านนึง อายุประมาณ 50 นอนอยู่บนพื้นข้างโต๊ะอาหาร ที่มีเศษแก้วกับจานหล่นกระจัดกระจาย
"ขอทางหน่อยค่ะ"
เมื่อแทรกตัวเข้าไปได้ฟ้าใสจึงใช้มือปัดเศษจานที่อยู่ใกล้ๆคุณลุงออกไป จากนั้นก็จับคุณลุงนอนตะแคง แล้วถอดแว่นให้คุณลุงเพื่อป้องกันแว่นแตก ฟ้าใสหันซ้ายหันขวาไปเห็นกระเป๋าใบนึง น่าจะเป็นของภรรยาของคุณลุงคนนี้
"ฉันขอยืมก่อนนะคะ"
หญิงคนที่คาดว่าเป็นภรรยาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาติ ฟ้าใสจึงนำมาวางรองศรีษะของคุณลุง จากนั้นเธอก็ปลดเข็มขัด เน็คไท และปลดกระดุมเสื้อของคุณลุงออกสองเม็ด เพื่อให้คุณลุงหายใจได้สะดวก
"คุณป้าเรียกรถพยาบาลเลยค่ะ"
เพราะไม่รู้ว่าคนไข้จะมีอาการดีขึ้นหรือไม่ ฟ้าจึงให้เรียกรถพยาบาล ส่วนเธอก็ทำได้แค่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น
คุณป้าเลยลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดโทรหารถพยาบาล
"ส่วนคนอื่นๆ รบกวนช่วยออกห่างๆจากบริเวณนี้หน่อยนะคะ อากาศจะได้ถ่ายเท คุณลุงจะได้หายใจได้สะดวก ขอบคุณมากค่ะ"
เมื่อได้ฟังเด็กสาวขอความร่วมมือ ทุกคนก็กลับไปนั่งยังโต๊ะของตนเอง
ผ่านไปสักพักคุณลุงก็มีอาการดีขึ้น อาการชักเกร็งค่อยๆ หายไป สามารถลุกขึ้นนั่งได้ สองผัวเมียจึงกล่าวขอบคุณฟ้าใสเป็นการใหญ่ และจะให้เงินเป็นการตอบแทน แต่ฟ้าใสปฏิเสธที่จะรับไว้ จากนั้นไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง ฟ้าใสเลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาล
ทุกการกระทำของฟ้าใสตกอยู่ในสายตาคมคู่หนึ่ง ที่จับจ้องตั้งแต่ฟ้าใสวิ่งเข้ามาแล้วจัดการปฐมพยาบาลคุณลุงคนนั้น จนอาการดีขึ้นเขานึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าทำไมถึงทำทุกอย่างได้คล่องแคล่วว่องไวอย่างนี้ หรือเธอจะเป็นหมอ
"พี่วินคะ"
"ห๊ะ!!"
"จ้องอะไรขนาดนั้นคะ"
"อ๋อ พี่แค่แปลกใจ ว่าทำไมเธอเก่งแบบนี้"
"ไม่ใช่มองเพราะน่ารักเหรอ" กิ่งแก้วเอ่ยแซว
"เปล่า!"
"แต่ว่าเธอน่ารักนะคะ ดูสิ หน้าก็หว๊านหวาน แถมยังมีน้ำใจ พี่ดูหนุ่มโต๊ะนั้นสิ มองด้วยสายตาหวานเยิ้มเลย"
มองไปยังโต๊ะที่กิ่งแก้วพูดถึง พอเห็นแววตาของหนุ่มคนนั้น มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด
"ช่างเขาสิ ใครจะมองใครก็เรื่องของเขา"
ปากพูดว่าไม่สนแต่สายตาก็ยังมองไปยังหญิงสาวที่เดินกลับโต๊ะของตัวเองไปแล้ว
"กิ่งแหย่พี่เล่นนิดเดียวเอง ทำเป็นจริงจังไปได้"
"อิ่มยัง จะได้กลับ"
"พี่กลับไปก่อนเลย กิ่งมีธุระต่อ"
"นัดหนุ่มไว้ละสิ"
"ก็ไม่เชิงนะ"
ยักไหล่ทำหน้ากวนๆ กวินเห็นแล้วหมั่นเขี้ยวเลยดีดนิ้วไปที่หน้าผากหนึ่งที
"โอ๊ย!! เจ็บนะ"
"ให้มันน้อยๆ หน่อย"
"หึงเหรอ"
"โตแล้ว สมองน่ะ" เอานิ้วจิ้มหน้าผากกิ่งแก้ว
"รู้แหละน่า หยอกนิดหยอกหน่อยก็ไม่ได้ คุยกับพี่ไม่เห็นจะสนุกเลย ไปล่ะ"
จบประโยคกิ่งแก้วก็คว้ากระเป๋าเดินออกไปจากร้านทันที กวินได้แต่ส่ายหัวให้ความไม่รู้จักโตของกิ่งแก้ว...
หลังจากที่กวินขอฟ้าใสแต่งงานในวันนั้นกวินก็กลับมาเป็นคนเดิมที่ไม่ว่าฟ้าใสจะอยู่ที่ไหนที่ตรงนั้นก็จะมีกวิน เขากลัวฟ้าใสจะไปไหนไม่บอกเขา แม้จะรู้สึกอึดอัดไปบ้าง แต่ฟ้าใสก็ชอบ เพราะอย่างน้อยฟ้าใสก็รับรู้ได้ว่ากวินยังรักเธออยู่"พี่วินคะ กลับไปทำงานเถอะ เดี๋ยวเที่ยงค่อยมารับฟ้าไปทานข้าวนะ"กวินจะมาส่งฟ้าใสที่บริษัททุกเช้า แล้วค่อยไปทำงาน แต่วันนี้เขางอแงเป็นพิเศษ เพราะเมื่อเช้าฟ้าใสไม่ยอมรออาบน้ำพร้อมเขา"ไม่วันนี้พี่จะนั่งรอฟ้าอยู่ที่นี่""มึงโดนปลดจากบอร์ดผู้บริหารแล้วเหรอ"แอนดริวที่เดินผ่านเห็นกวินวอแวฟ้าใสไม่เลิกก็นึกหมั่นไส้"ใครจะกล้าปลดกู""พ่อมึงไง งานการไม่ทำแบบนี้ ก็ว่าไม่นาน""มึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้ว กูก็อยากกลับไปทำงานเหมือนกัน แต่กูจะเอาเมียกูไปด้วย"แอนดริวตวัดสายตาไปมองกวินทันที เรื่องนี้คือปัญหาใหม่ของ แอนดริวที่เขาต้องรับมือจากกวิน เพราะตั้งแต่กวินขอฟ้าใสแต่งงานและฟ้าใสตอบตกลง กวินก็มาที่บริษัททุกวัน เพื่อมาบอกกับแอนดริวว่าเขาจะให้ฟ้าใสลาออกไปทำงานกับเขา"ไอ้วิน มึงจะใจดำกับกูไปถึงไหน"คราวก่อนก็ครั้งหนึ่งที่กวินพยายามหลอกล่อให้ฟ้าใสไปทำงานให้เขา พอมาตอนนี้ก็เอาอีก
"พี่วิน"ฟ้าใสที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องก็เห็นกวินนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา"หืม ว่าไง"กวินตอบกลับโดยไม่ได้เงยหน้าไปมองฟ้าใส"ทำอะไรอยู่คะ""คุยกับเพื่อน ฟ้ามีอะไรหรือเปล่า"ช่วงนี้กวินดูแปลกๆ เขาติดโทรศัพท์ บางวันก็กลับบ้านดึกและไม่โทรมาบอกฟ้าใสล่วงหน้า พอฟ้าใสถามก็มักจะบอกว่าคุยเรื่องงาน มีนัดกับลูกค้า"วันนี้ฟ้าขอออกไปหาพี่เค้กนะคะ""อืม...ไปสิ"ปกติกวินจะต้องพูดว่าขอไปด้วย หรือไม่ก็ค่อยไปได้ไหม วันนี้ยังไม่ว่าง เขาอยากพาไปเอง แต่วันนี้เขาดูไม่สนใจอะไรเลย ด้วยความน้อยใจที่มันสะสมมาหลายวันแล้ว ฟ้าใสจึงหยิบกุญวิวรถแล้วเดินออกไปจากห้องทันทีเมื่อฟ้าใสออกไปเขาก็วางโทรศัพท์ลงก่อนจะยกยิ้ม ทุกอย่างที่เขากับเพื่อนๆ วางแผนไว้เป็นไปตามแผนทุกอย่าง เมื่อสามสี่วันมานี้เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจฟ้าใส เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานฟ้าใส เขาเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว รอแค่เจ้าสาวของเขาเท่านั้นฟ้าใสขับรถออกมาเรื่อยๆ ตอนแรกเธอตั้งใจจะไปหาสลิลลา แต่เธอก็เปลี่ยนใจขับรถไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ตลอดทางฟ้าใสเอาแต่คิดว่า ถ้าวันหนึ่งกวินหมดรักเธอขึ้นมาล่ะ เธอจะทำยังไง เธอจะอยู่ได้ไหมหากไม่มีกวิน จนเกือบหนึ่ง
กวินปลุกฟ้าใสตั้งแต่เช้า เขารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้ เรื่องราวที่เหมือนเป็นไดอารี่เล่มเล็กๆ ของเขา ไดอารี่ที่เขาปล่อยให้มันว่างเปล่ามาเกือบสองปี ตั้งแต่นี้ไปเขาจะเขียนมันต่อให้สมบูรณ์"พี่วินจะรีบไปไหนคะ""ต้องรีบสิ เดี๋ยวจะเลยเวลานะ""เวลาอะไรคะ""เหอะน่า ไปขึ้นรถกัน"ฟ้าใสที่ยังคงสงสัยกับท่าทีของกวินตั้งแต่เมื่อคืน ดูกวินจะตื่นเต้นออกนอกหน้าไปหน่อย แม้เธอจะพยายามถามสักเท่าไหร่ กวินก็ไม่ยอมบอกกวินขับรถออกไปจนถึงถนนเส้นหนึ่ง เขากะเวลาให้มันพอเหมาะเหมือนทุกๆ เช้าที่เขาไปทำงาน เนื่องจากเป็นเช้าวันจันทร์ผู้คนจึงพลุกพล่าน ฟ้าใสรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ เธอจำได้ว่าตอนสมัยเรียนเธอเดินผ่านมันประจำ ฟ้าใสกวาดสายตาไปเรื่อยๆ จนสะดุดตาเข้ากับใครคนหนึ่ง"พี่วินจอดรถก่อนค่ะ"กวินจึงเลี้ยวเข้าไปจอดตรงฟุตบาทตามคำร้องขอของฟ้าใสทันที ส่วนฟ้าใสก็ไม่รอช้าลงจากรถแล้ววิ่งไปหายายแก่ๆ ที่กำลังเข็นรถซึ่งเธอก็คุ้นเคยดี"มาค่ะยาย ฟ้าช่วยนะ""อ้าวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ยายคิดถึงมากเลยนะ"คุณยายหันมาเห็นฟ้าใสก็จำได้ทันที เด็กสาวในวันนั้นกับวันนี้ดูไม่เปลี่ยนไปเลย ความน่ารักสดใส แววตาที่มีแต่
ฟ้าใสถูกกวินอุ้มมาวางไว้บนที่นอนอย่างเบามือ เหมือนกับกลัวว่าคนตัวเล็กของเขาจะบอบช้ำ กวินค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อฟ้าใสทีละเม็ดจนหมด สายตาที่จ้องใบหน้าหวานนั้นอย่างไม่วางตา ทำให้ฟ้าใสเขินจนตัวแดงไปหมด"พะ...พี่วินคะ""หืม""อย่าจ้องกันแบบนี้สิ"ฟ้าใสเอามือมาปิดบนอกที่ไร้สิ่งปกปิดของตัวเองอย่างเขินอาย"ทำไม เขินพี่หรือไง""ก็พี่วินเล่นมองกันแบบนี้ ฟ้าก็ต้องเขินสิ""ยังไม่ชินอีกเหรอ หืม"กวินที่ก้มลงเอาหน้ามาใกล้ฟ้าใส จ้องไปในดวงตาคู่ใสที่เขาตกหลุมรักทุกครั้งที่มอง ฟ้าใสก็จ้องกลับอย่างไม่วางตา"เรื่องแบบนี้ใครมันจะชินกันละคะ"ฟ้าใสก็เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของกวินเช่นกัน กวินได้แต่ยิ้มให้กับการกระทำนั้น ถึงฟ้าใสจะไม่เจนจัดเรื่องแบบนี้ แต่กวินรู้ว่าฟ้าใสกำลังเรียนรู้จากเขา และทุกครั้งที่ฟ้าใสอัพเลเวลของตัวเอง กวินก็จะตื่นเต้นทุกครั้งเช่นกันกวินค่อยๆ จูบหน้าผากมน ไล่ลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เปลือกตาสองข้าง"ต่อไปตานี้ต้องมีไว้มองพี่แค่คนเดียวนะครับ"ฟ้าใสพยักหน้า"แก้มนี้ก็ของพี่ จมูกนี้ก็ของพี่ คางนี้ก็ของพี่ ทั้งหมดบนหน้านี้เป็นของพี่"กวินจูบไปตามส่วนต่างๆ ที่เขาพูดก่อนจะมาหยุดตรงปากอวบอิ่มคล้าย