เย็นวันเดียวกันนั้น..
เซอร์เวย์แทบจะทำงานไม่รู้เรื่อง วันนี้เขาก็เลยไม่รับเคสผ่าตัดด่วน ปล่อยให้หมอคนอื่นรับผิดชอบไป ทำอะไรก็ไม่เป็นอันจะทำชายหนุ่มก็เลยกลับขึ้นมาที่ชั้นบน
แกร็ก..
"คุณทำอะไร"
"ฉันไม่รู้ว่าคุณหมอจะขึ้นมาเร็วขนาดนี้ ขอโทษค่ะ" หญิงสาวที่อยู่ในผ้าเช็ดตัวเพราะเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
สายตาคมมองตามไป..ร่างกายของเขาเริ่มร้อนวูบวาบ เมื่อคิดว่าจะลองทำอะไรกับเรือนร่างของเธอดู
เท้าแกร่งเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังเอื้อมมือขึ้นไปปลดเสื้อออกจากไม้แขวน
"อุ๊ยคุณหมอ" หญิงสาวตกใจ อยู่ดีๆ มือของเขาก็ยื่นมาแกะผ้าเช็ดตัวออก แต่เธอคว้ามันไว้ได้ทัน
ใบหน้าคมโน้มลงไปซอกคออีกฝ่ายจากทางด้านหลัง แล้วสูดดม
"คุณหมอ คุณจะทำอะไร"
"อยู่นิ่งๆ"
หญิงสาวที่ไม่เคยถูกชายใดสัมผัสร่างกายแบบใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆ ตามคำสั่งของเขา
ริมฝีปากหนาพรมจูบลงมาจนถึงแผ่นหลัง มือของเขาแนบไว้ที่หน้าอก ในใจหญิงสาวคิดไว้แล้วว่าวันนี้ต้องตกเป็นของเขาแน่ เรื่องนี้มันก็อยู่ในลายลักษณ์อักษรที่เธอได้เซ็นลงไป ที่จริงเขาเขียนขึ้นมาโดยที่ไม่คิดว่าจะแตะต้องตัวเธอหรอก แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอนเขาก็เลยมีข้อนี้เผื่อไว้ ซึ่งเธอก็ยอมเซ็น..นาทีนั้นไม่ว่าจะให้ทำอะไรเธอทำได้หมดขอแค่เขายอมผ่าตัดให้กับแม่
"ตามมาที่เตียง" ริมฝีปากหนากระซิบพูด โดยที่ยังคงสูดดมกลิ่นกายของเธออยู่
"คุณหมอจะไม่ไปอาบน้ำก่อนเหรอคะ"
"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น" หญิงสาวก็เลยต้องได้ทำตามโดยการเดินไปนั่งลงที่เตียง แต่มือของเธอก็ไม่ได้ปล่อยผ้าเช็ดตัวนั้นให้หลุดออกจากหน้าอก
มือแกร่งจับร่างบางให้นอนหงายลง และขณะนั้นเขาก็ได้ถอดเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วยเพื่อสร้างอารมณ์
หญิงสาวค่อยๆ หลับตา และปล่อยมือออกจากผ้าเช็ดตัว อยู่มาตั้งหลายวันคิดว่าเขาจะไม่ทำอะไรแล้ว พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ หรือจะเป็นเพราะคุณหมอคนสวยนั่นไปพูดอะไร พวกเขามีปากเสียงกันหรือเปล่า ถึงได้ต้องการทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ
ผ้าเช็ดตัวที่เหน็บอยู่หน้าอกค่อยๆ ถูกแกะออกโดยฝีมือของอีกฝ่าย จนเผยให้เห็นเรือนร่างระหงที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าเช็ดตัวผืนนั้น
หญิงสาวหลับตาอยู่นานพอสมควร เขาก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ เธอก็เลยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง
"??" มองอีกทีก็เห็นว่าเขาถือผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว นี่อะไรกัน เขาเล่นตลกอะไรกับเธอ ไอยวริญรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเสื้อผ้ามาสวมใส่
ชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่ใต้ฝักบัวเพื่อคุยกับตัวเองอยู่นานพอสมควร แล้วเขาก็เดินออกมาโดยที่ไม่ได้สวมใส่อะไรปิดบังร่างกายเลย
"คุณ?" หญิงสาวที่เผลอมองไปรีบหันหลังให้ คิดว่าเขาจะเปลี่ยนใจแล้ว "อืม" พอเขาเดินเข้ามาใกล้ริมฝีปากหนาก็โน้มลงมาแนบกับริมฝีปากของคนตัวเล็ก
"จูบผมหน่อย" วันนี้ยังไงเรื่องอย่างว่าต้องผ่านไปด้วยดี เพราะเขาไม่อยากให้อาการป่วยของเขาไปถึงหูอาจารย์หมอ กลัวว่าเรื่องทุกอย่างจะยุ่งยากมากขึ้น
"จูบ?" ในขณะที่พูดริมฝีปากของทั้งสองยังคงแนบชิดกันอยู่ ไอยวริญก็เลยกดริมฝีปากแนบเข้าไปอีก
"แบบนี้ไม่ได้เรียกจูบ" ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด
ถ้าแบบนี้ไม่เรียกจูบแล้วเขาเรียกอะไรล่ะ ใครจะไปจูบเป็น หญิงสาวทำได้แค่คิดอยู่ในใจ เธอก็เลยค่อยๆ เผยอริมฝีปากออกเล็กน้อย
เช้าวันต่อมา..
"เจ็บ" รู้สึกว่าปากตัวเองระบม เพราะเมื่อคืนนี้ทั้งสองจูบกันจนหลับไป เธอก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรมากกว่าการจูบ
แต่ความคิดนั้นต้องได้หยุดลง เมื่อมีคนมาเคาะประตูห้อง
หญิงสาวรีบเดินมาเปิดประตู และกำลังจะบอกคนที่มาหาว่าคุณหมอออกไปแล้ว
"วันนี้ฉันไม่ได้มาหาคุณหมอ แต่ฉันมาหาคุณค่ะ"
"มาหาฉันหรือคะ?"
"ฉันอยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับคุณหมอ" อย่างที่รู้กันอยู่สุพัตราเป็นหมอจิตเวช แค่มองดวงตาของอีกฝ่ายสุพัตราก็รู้แล้ว แต่อยากจะรู้ความคิดของผู้หญิงคนนี้ว่าจะสวนทางกับแววตาไหม
"ทำไมคุณไม่ถามคุณหมอเองล่ะคะ"
"ถามแล้วค่ะ คุณหมอบอกว่าคุณเป็นแฟน"
"ก็ตามที่คุณหมอพูดนั่นแหละค่ะ"
"เป็นแฟนจริงเหรอคะ" ขณะที่พูดสายตาสุพัตรามองดูริมฝีปากของอีกฝ่ายเพราะมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย แถมซอกคอก็ยังมีร่องรอยให้เห็น
ไอยวริญรีบหันหน้าหลบสายตา เพราะเธอไม่มีเครื่องสำอางมาปกปิด
"ฉันไม่กวนแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ" และนี่มันก็เป็นสัญญาณที่ดี ถ้าเซอร์เวย์ ยอมแตะต้องตัวผู้หญิงคนนี้ นั่นหมายถึงว่าเขาไม่ได้ตายด้าน
ก๊อก ก๊อก สุพัตราตรงลงมาหานายแพทย์เซอร์เวย์ที่ห้องตรวจผู้ป่วยชั้นล่าง
"ดูคุณจะว่างจังเลยนะ" ชายหนุ่มเหลือบมองเล็กน้อย แล้วก็กลับไปสนใจงานเหมือนเดิม
"เป็นไงบ้างคะ รู้สึกร้อนวูบวาบไหม เหมือนผีเสื้อนับร้อยบินอยู่ท้องน้อย"
"หึ.. คุณหมอครับคุณเป็นผู้หญิงนะอย่าลืม"
"ฉันรู้ค่ะว่าฉันเป็นผู้หญิง แต่ฉันกำลังรักษาผู้ชายที่.."
"ไม่ต้องพูดแล้วครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจะรักษาตัวเอง" เซอร์เวย์คิดว่าสุพัตราคงขึ้นไปบนห้องนั้นมาแล้ว และคงเห็นสิ่งที่เขาจงใจทำไว้ให้สุพัตราเห็น ใช่แล้วรอยช้ำพวกนั้นเขาจงใจทำ
"แล้วฉันจะคอยติดตามผลแล้วกัน"
"ผมไม่ส่งนะ"
"รีบไล่กันจังเลยนะคะ"
พอแพทย์หญิงสุพัตราออกจากห้องไป โทรศัพท์ของเซอร์เวย์ก็ดังขึ้น
>>{"ครับแม่"}
{"คืนนี้มาทานข้าวที่บ้านนะลูก"}
>>{"ได้ครับ"} ถ้าคนที่โทรมาเป็นพ่อ เขาคงปฏิเสธไปแล้ว แต่นี่เป็นแม่ที่โทรมา
เย็นวันเดียวกัน..
"อะไรคะ?" หญิงสาวมองถุงผ้าที่เซอร์เวย์ส่งมาให้
"ไปเปลี่ยนเป็นชุดนี้"
"ค่ะ" หญิงสาวรับมันมาแล้วกำลังจะไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
"เปลี่ยนตรงนี้เลย"
"คะ?"
"ผมบอกให้เปลี่ยนตรงนี้เลยไง"
เสื้อเชิ้ตตัวหลวมที่เธอสวมใส่อยู่ค่อยๆ ถูกปลดกระดุมออก..
"ตามผมมา" พอเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็เดินมาเปิดประตู
"คุณจะพาฉันไปพบแม่แล้วใช่ไหมคะ"
"ยังไม่ถึงเวลา วันนี้เราจะไปค้างที่บ้านผมกัน"
"ไปค้างบ้านคุณหมอเหรอคะ" ถ้าไปค้างบ้านเขาก็ต้องเจอพ่อกับแม่เขาน่ะสิ
"จะถามทำไมนักหนา" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินนำหน้าไปก่อน
หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้ลงมาข้างล่าง ดูทุกอย่างวุ่นวายไปหมด จนรู้สึกแปลกใจตัวเองทำไมเธอถึงชอบแบบที่เขาให้เป็นอยู่ เพราะดูมันเงียบสงบ
ไอยวริญนั่งรถมาแบบเงียบๆ จนถึงบ้านของเขา
"ลงมาสิ"
"ค่ะ" หญิงสาวไม่ได้แปลกใจเลยเขารวยถึงขั้นเป็นเจ้าของโรงพยาบาล บ้านของเขาก็ต้องหลังใหญ่โตเป็นธรรมดา
"ป้อ" ขณะที่ทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านก็มีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามากอดแถมยังเรียกเขาว่าพ่ออีก
"ว่าไงครับคนเก่ง ได้ยินข่าวว่าดื้อมากเลยใช่ไหมเรา" เซอร์เวย์อุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมา แล้วหอมแก้มแบบเอ็นดู
"ป้อ ป้อ "
คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือว่า..เขามีลูกแล้วเหรอ?
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"