"ใครให้แกพาผู้หญิงคนนี้เข้าบ้าน"
"คุณคะ" ผู้เป็นภรรยาจ้องสามีตาเขม็ง
"คุณจะไม่ให้ผมพูดได้ยังไง ก็ผมไม่ได้ต้องการผู้หญิงคนนี้มาเป็นสมาชิกในบ้าน" เพราะพ่อนิสัยแบบนี้นอร์เวย์ถึงได้ไม่กลับบ้านตอนที่เขาขัดใจพ่อ ยังมาซ้ำรอยเซอร์เวย์อีกคน ส่วนรันเวย์น่ะเหรอ ที่ไม่เข้าบ้านเพราะเหตุผลเดียวกันเป๊ะ
"ปุ" ปลาบปลื้มตกใจกับคำพูดของปู่ คิดว่าคนเป็นปู่ว่าให้ตัวเอง
"ปู่ไม่ได้ว่าให้ปลื้มสักหน่อยลูก มีแต่ปลื้มนี่แหละที่เห็นใจปู่"
ไอยวริญทำใจไว้แล้วว่าจะเจออะไรที่บ้านของเขาบ้าง แต่ที่เธอไม่ได้ทำใจก็เพราะเรื่องเด็กคนนี้ ตกลงเขาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือว่ามีภรรยาอยู่แล้ว อย่างหลังคงไม่ใช่ถ้ามีภรรยาเขาจะพาเธอเข้าบ้านทำไม
"แม่ว่าพาน้องขึ้นไปข้างบนก่อน" อมรรัตน์มองไปเห็นรอยจ้ำที่ริมฝีปากและซอกคอของแฟนลูกชาย กลัวว่าสามีจะเห็นแล้วนำมาพูดให้ผู้หญิงเขาอาย
"ครับ" เซอร์เวย์ส่งปลาบปลื้มให้กับคุณย่าแล้วก็พาเธอขึ้นบ้าน
"ป้อ" ปลาบปลื้มร้องตามคุณลุงไป ใบหน้าของเซอร์เวย์และนอร์เวย์ไม่ได้ต่างกันมาก แต่ปลาบปลื้มก็รู้แหละว่าทั้งสองไม่ใช่คนคนเดียวกัน เวลาเรียกลุงทีไรเขาจะชอบเรียกพ่อ
"วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่หนูไม่ได้มาครับ หนูนอนกับย่านะครับ" ประโยคที่อมรรัตน์คุยกับหลาน ไอยวริญไม่ได้ยินแล้ว เพราะตอนนี้เธอขึ้นไปถึงชั้นสอง
"เข้ามาสิ"
"ค่ะ" หญิงสาวเดินตามเข้าไปในห้องนอนอันกว้างขวาง
"เตรียมตัวด้วย เดี๋ยวอีกสักครู่ผมจะพาลงไปทานข้าวร่วมกับครอบครัว"
"คุณหมอคะ" หญิงสาวอายที่จะพูดแต่ก็ต้องพูดกับเขาก่อน
"มีอะไร"
"คือว่า" มือเรียวยกขึ้นมาลูบต้นคอตัวเองเล็กน้อย เพื่อให้เขาเห็นว่ามันมีรอยที่เขาทำไว้เมื่อคืนนี้
"ปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ"
"ปล่อยไว้แบบนี้?" หรือว่าเขาจะจงใจ นี่เขาจงใจให้มันมีรอยเหรอ?
ทั้งสองขึ้นมาเพียงไม่นานแม่บ้านก็มาตามลงไปทานข้าว
"แล้วคุณพ่อล่ะครับ"
"พ่อบอกว่าไม่หิว ก็เลยตามตาปลื้มขึ้นไปที่ห้องของหลานแล้ว..อย่าสนใจเลยนะหนู" อมรรัตน์หันมาพูดกับหญิงสาวที่เอาแต่นั่งเงียบ
"ค่ะ"
"ถ้ารักชอบกันก็ตบแต่งให้เป็นเรื่องเป็นราว" พอคุยกับฝ่ายหญิงแล้วนางก็หันไปพูดกับลูกชาย
"แอะ" ชายหนุ่มที่เพิ่งจะเอาอาหารเข้าไปในปากเกือบสำลักออกมา
"เราก็อายุมากแล้ว แม่ว่าได้เวลาที่จะมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้วล่ะ ไม่ต้องไปสนใจพ่อ"
"ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นครับแม่" เขาไม่หันมามองเธอเลยด้วยซ้ำ
"ไม่ได้คิดเรื่องนั้น หมายความว่ายังไง"
"เออ..ไม่ใช่ไม่คิดหรอกครับแม่ แต่อายยังไม่พร้อมนี่สิครับ" ชายหนุ่มเอื้อมไปตักอาหารแล้ววางใส่จานข้าวให้กับเธอเหมือนคู่รัก
"หนูชื่ออายเหรอจ๊ะ"
"ค่ะ"
"ชื่อก็น่ารัก คนก็น่ารัก"
"ขอบพระคุณมากค่ะ" หญิงสาวยกมือขึ้นมาไหว้
"หนูยังไม่อยากแต่งงานเหรอ"
"เรื่องนั้น.."
"หนูพูดมาได้เลยนะลูก อยู่ด้วยกันขนาดนั้นแล้ว"
"คือ อาย"
แพทย์หญิงอมรรัตน์อยากให้ลูกชายเป็นหลักเป็นฐานสักที ถ้าแต่งงานไปสามีจะได้ไม่ต้องไปยุ่งยากกับเรื่องของลูกๆ อีก
"เรื่องสินสอดทองหมั้น แม่จะจัดแบบไม่ให้หนูน้อยหน้าใครเลย"
อึก! เซอร์เวย์ตกใจอีกครั้ง อะไรของแม่เนี่ย เพิ่งเคยพาผู้หญิงเข้าบ้านครั้งแรกก็จะมาคุยเรื่องแต่งงานแล้ว
"ขอบคุณค่ะคุณแม่" ดวงตางามกรอกไปมองเขาเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีน่ะสิ เรื่องแม่ของเธอจะได้ง่ายขึ้น
แต่สายตาของอีกคนที่มองมา ไม่ชอบใจนัก เพราะเขาไม่ได้คิดจะให้ไปถึงเรื่องแต่งงาน
"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่เลยแล้วกัน..แล้วครอบครัวของเราว่ายังไงบ้าง"
"ครอบครัวหรือคะ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ"
"ผมอิ่มแล้วครับ คุณอิ่มหรือยัง" ชายหนุ่มรีบหยุดทั้งสองคนไว้ก่อนที่จะพูดเรื่องแต่งงานไปมากกว่านี้
"น้องยังไม่ได้กินเลยจะอิ่มได้ยังไง"
ก่อนที่จะไม่ได้กินข้าว ไอยวริญก็เลยต้องรีบตักใส่ปากแล้วเคี้ยว
"ใครอนุญาตให้คุณพูดเรื่องนี้กับแม่ผม" ประโยคแรกที่เซอร์เวย์พูดกับเธอเมื่อขึ้นมาถึงบนห้องนอน
"ผู้ใหญ่พูดด้วยคุณจะให้ฉันเงียบเหรอคะ"
"ใช่..คุณทำแค่เงียบก็พอแล้ว"
"ขอโทษค่ะ"
"มาขอโทษตอนนี้แล้วมันจะทันไหม" แล้วเขาจะทำยังไงเนี่ย แม่ของเขายิ่งเป็นประเภทถ้าได้พูดอะไรแล้วก็จะรีบจัดการ
ไอยวริญคิดว่ายังไงชีวิตของเธอก็ไม่มีทางเดินไปไหนอีกแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดีสิ ถึงแม้มันจะเป็นการเห็นแก่ตัว เพราะไม่ต่างจากการมัดมือชก เธอก็ไม่แคร์อยู่แล้ว ขอแค่ให้แม่มีชีวิตรอดต่อไป เพราะถึงแม้การผ่าตัดนี้จะผ่านไปด้วยดี แม่ของเธอก็ต้องได้อยู่ในความดูแลของหมอ อาจจะตลอดชีวิตเลยก็ได้ เรื่องนี้เธอรู้ดีเพราะเธอเคยเรียนมา
ไอยวริญอาบน้ำออกมาก็เห็นว่าเขานอนอยู่ที่โซฟา
"โซฟานอนไม่สบายทำไมคุณไม่มานอนที่เตียงล่ะคะ เดี๋ยวฉันไปนอนโซฟาเอง"
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรด้วย แถมเขายังนอนหันหลังให้
เช้าวันต่อมา..
"วันหลังมาค้างที่บ้านเราอีกนะลูก พาแฟนมาด้วย"
"ครับ"
"อายกลับก่อนนะคะคุณแม่" หญิงสาวพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้
"พรุ่งนี้แม่ว่าง เดี๋ยวแม่เข้าไปหานะ"
"คุณแม่จะเข้าไปทำไมครับ"
"ดูแฟนเราสิไม่มีเครื่องประดับเลย เดี๋ยวแม่จะดูของหมั้นไว้ด้วย"
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะหยุดแม่ พ่อก็เดินอุ้มปลาบปลื้มออกมาพอดี
"ขอบคุณมากครับแม่ แต่เรื่องนั้นเดี๋ยวผมจัดการเองก็ได้"
"เมื่อไรเราจะว่างจัดการล่ะ เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่ดีกว่า หนูคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมจ๊ะ" พอพูดกับลูกชายจบนางก็หันไปพูดกับว่าที่ลูกสะใภ้บ้าง
"คุณแม่น่ารักจังเลยค่ะ" หญิงสาวยิ้มหวานแบบปิติยินดี แต่ในใจก็เต้นแรงเพราะคิดว่าถ้าอยู่กันสองต่อสองต้องถูกเขาตำหนิยกใหญ่แน่
..บนรถ..
ผิดความคาดหมายมาก ถ้าเขาตำหนิสักนิดเธอจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เขาเล่นนิ่งเงียบมาจนถึงโรงพยาบาล
"ฉันขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ" หญิงสาวหันไปพูดด้วยแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินตรงเข้าไปก่อน
ไอยวริญรีบสาวเท้าเดินตามไปจนทันเขาตรงหน้าประตูลิฟต์
"ไปไหนกันมาคะเนี่ย" ขณะที่กำลังยืนรอลิฟต์อยู่ก็ได้ยินเสียงสุพัตรา
"ไปค้างที่บ้านมา"
"ไปค้างที่บ้านเหรอคะ" สายตาสุพัตรากรอกมองไปดูผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวรีบเอาคอเสื้อขึ้นมาปิดรอยนั้นไว้ ถึงแม้มันจะจางลงไปมากแล้วแต่เธอก็ยังคงประหม่าอยู่
"ฉันขอตัวก่อนนะคะ" พอประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็รีบเข้าไปด้านใน
"เดี๋ยวผมขึ้นไปส่ง ถ้ามีอะไรค่อยไปเจอกันที่ห้องทำงานแล้วกัน" ชายหนุ่มหันไปพูดกับสุพัตราก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง
"เธอแน่มากเลยนะ" แพทย์หญิงสุพัตราได้แต่มองตามลิฟต์ที่กำลังเลื่อนขึ้นไปชั้นบน ที่จริงสุพัตรารู้อยู่แล้วว่าเซอร์เวย์ไม่ได้ตายด้านหรือไม่ได้ชอบผู้ชาย เพียงแค่เขายังไม่เจอใครที่สามารถจะทะลายกำแพงนั้นได้
"เรื่องที่แม่ผมพูด คุณไม่ต้องเก็บไปใส่ใจ"
"เรื่องอะไรคะ"
"ก็เรื่องแต่งงานไง"
"ฉันเป็นประเภทที่ไม่อยากจะขัดใจผู้ใหญ่ด้วยสิคะ"
"อย่าบอกนะว่าคุณต้องการให้มันเป็นแบบนั้นตั้งแต่ทีแรกแล้ว" ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"