แฟ้มเอกสารสีดำนับสิบถูกขนมากองไว้บนโต๊ะทำงานของประธานบริษัทคนใหม่ของ Wind Thai จำกัด สาวหน้าหวานผมยาวปะบ่าสวมชุดสูทกระโปรงสีดำยืนประหม่าอยู่ฝั่งตรงข้าม
เลขานุการ นั้นคือตำแหน่งของเธอซึ่งถูกปรับเปลี่ยนจากแผนกบัญชีเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อมาเป็นผู้ช่วยของประธานบริษัทคนใหม่ ตอนได้ยินว่าเขาหน้าตาหล่อ สูงจนต้องหารูปถ่ายมาดูเธอเองก็ดีใจจนเนื้อเต้น
ทว่า...ตอนนี้กลับคิดผิดถนัดเพราะความหล่อมันช่างตรงกันข้ามกับบุคลิกเสียจริง รู้สึกเย็นสันหลังวาบทุกครั้งเมื่อเขาเหลือบมองมา
“คุณวายุครับ นี่คุณเอนจอยเป็นเลขาฯ ที่จะมาช่วยงานคุณวายุครับ”
ชินมัยเอ่ยแนะนำเลขาฯคนใหม่เพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดในห้องทำงาน
นิสัยเย็นชาแบบนี้ลำพังตัวเขาไม่เท่าไรหรอกเพราะรู้สึกชินกับมาดขรึมของคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสมัยเรียนมัธยมจึงรู้จักนิสัยของวายุเป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะ คุณวายุ”
เอนจอยรีบยกมือขึ้นไหว้แม้อีกฝ่ายจะมีอายุน้อยกว่าแต่ว่าตำแหน่งกลับสูงกว่าหลายเท่านัก
“อืม ผมฝากงานด้วยแล้วกันนะ”
พูดเสียงเรียบปราศจากรอยิ้มพลางหยิบแฟ้มเอกสารย้อนหลังของบริษัทมาเปิดดูเพื่อศึกษาอีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้เคยให้ชินมันถ่ายเอกสารส่งไปให้ดูตอนที่ไปเรียนต่อยังต่างประเทศ
“ถ้างั้นจอยขอแจ้งตารางงานวันนี้แล้วกันนะคะ ช่วงบ่ายมีประชุมกับพนักงานทั้งบริษัทเพื่อแนะนำตัว แล้วก็หลังจากนั้นมีประชุมกับผู้บริหารและผู้ถือหุ้นค่ะ”
จบการรายงานของเอนจอยวายุพยักหน้ารับรู้แล้วบอกให้เลขาฯออกไปทำงานได้
ร่างสูงเอนหลังกับเก้าอี้หยิบสมาร์ตโฟนออกมาเลื่อนดูรูปถ่ายในนั้น รอยยิ้มสดในของเธอยังคงเหมือนเดิม ความรักของเธอกับเพื่อนเขาก็คงดีเหมือนกันไม่อย่างนั้นคงไม่แสดงออกว่ารักกันมากขนาดนี้
ขณะเลื่อนดูรูปถ่ายอยู่นั้นพลันหน้าจอก็เลือนหายเปลี่ยนเป็นสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหม่นหัวคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นคุณพ่อโทรเข้ามา
วินไทยคือพ่อของวายุและเป็นอดีตCEOผู้แสนใจดีของพนักงานทุกคน เขาวางมือจากธุรกิจเพื่อเกษียณตัวเองออกไปพักผ่อนตามช่วงอายุ
ทว่าวันนี้ต้องต่อสายหาเจ้าลูกชายก็เพราะกลับมาจากเมืองนอกแล้วแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมโทรบอกกันสักคำต้องให้เขารู้ข่าวจากผู้บริหารที่ยังทำงานอยู่ที่นั้นเหมือนเคย
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
‘รับสายฉันได้แล้วเหรอ’
“ปกติผมก็รับสายคุณพ่อตลอด” เขายังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
‘ก็นานเป็นชาติกว่าจะรับสายสักครั้ง แต่ก็ช่างมันเถอะ แล้วนี่กลับมาแล้วทำไมไม่กลับมานอนบ้าน ไปซุกหัวนอนที่ไหน’
“ผมไปนอนคอนโดฯ ครับ เคลียร์งานในบริษัทเสร็จผมถึงจะกลับบ้าน ถ้าคุณพ่อไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายนะครับจะทำงาน”
กำลังจะกดปุ่มวางสายก็ต้องชะงักมือเมื่อคนเป็นพ่อร้องผ่านปลายสายว่าอย่าเพิ่งวาง
“มีอะไรอีกเหรอครับ” น้ำเสียงติดรำคาญเล็กน้อย
“เสาร์นี้แกว่างหรือเปล่า”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” จะว่างหรือไม่ว่างมันขึ้นอยู่กับธุระที่พ่อเขาเอ่ยขึ้นมา
“คือว่าพ่อกับน้องสาวแกมีนัดกินข้าวกับหนูกรรณิการ์แล้วก็ถือว่าเป็นการฉลองไปในตัวที่แกกลับมา”
วินไทยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นไม่นานก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย
“ถ้างั้นผมไม่ว่างครับ”
“พี่ลมห้ามไม่ว่างนะ น้ำนัดเพื่อนไว้แล้วไม่อย่างนั้นน้ำไปตามพี่ถึงบริษัทจริงๆ ด้วย”
เสียงแหวตะโกนแทรกเข้ามา เขาจำได้ว่าเป็นเสียงของยัยน้องสาวตัวแสบ
วายุหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะรับปากว่าไปก็ได้ขอให้ส่งเวลาและสถานที่นัดมาให้ก็พอแล้วก็กดวางสายไป สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงตามใจน้องสาวเหมือนเคยถึงแม้บางเรื่องจะไม่ชอบในก็ตาม ซึ่งก็เหมือนกับนัดครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การไปกินข้าวแต่มันคือการนัดจับคู่ดูตัวเสียมากกว่า
ลมหายใจถูกพ่นออกมาพลูใหญ่แล้วสายตาก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นชินมัยยืนยิ้มแป้นอยู่อีกฟากหนึ่งไม่ไกลส่วนในมือมีแฟ้มเอกสารถืออยู่
“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไร”
“ก็เข้ามาพร้อมกันกับคุณวายุยังไงครับ” พูดง่ายๆ ก็คือเขายังไม่ได้ขยับตัวออกไปไหนเลยตั้งแต่แรก
“ได้ยินแล้วใช่ไหมที่ผมคุยโทรศัพท์กับพ่อ”
“ได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลยครับ”
“ถ้าได้ยินก็รบกวนลงในตารางเวลาให้ผมด้วย”
“รับทราบครับ ท่านประธาน” ชินมัยตอบรับแล้วโค้งศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปทำงานของตัวเองต่อ
วายุนั่งมองผลประกอบการของแต่ละปีแล้วก็พนักหน้าเล็กน้อยพลางชื่นชมคนเป็นพ่ออยู่ในใจว่าบริหารงานดีจนได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ จนกระทั่งสายตาเขาเลื่อนไปสะดุดกับช่องตารางค่าใช้จ่ายอันหนึ่งจึงเปลี่ยนไปหยิบแฟ้มอันอื่นขึ้นมาดูซึ่งมันก็ผิดปกติทุกอัน
จวนได้เวลาประชุมพนักงานหลักหลายร้อยตบเท้าเดินเข้ามาภายในห้องโถงขนาดใหญ่จนเกือบครบทุกแผนก มุมห้องโถงนั้นเหมือนฝันชะเง้ดคอมองประตูแล้วกวาดสายตามองซ้ายมองขวาเพื่อหาใครคนนั้น
“ว่าไงยัยฝัน เจอไหม?” พี่นิดาสะกิดหัวไหล่เบาๆ
“ไม่เจอเลยค่ะ พี่ดา”
“หรือว่าเขาไม่ได้ทำงานที่บริษัทเราแล้วมาติดต่องานก็เท่านั้น”
พี่สมรเอ่ยเสริมกับความว่าน่าจะเป็น
“สงสัยจะจริง ทุกแผนกก็เข้ามาครบหมดแล้ว” ใบหน้ากลมห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นไม่นานเสียงฮือฮาภายในห้องประชุมดังขึ้นโดยเฉพาะเสียงของพนักงานสาว ๆ ทำให้เหมือนฝันละสายตาจากพื้นพรมสีแดงตรงปลายเท้าขึ้นมามอง
“พี่ลม” เธอมองเขาเต็มตาแล้วพึมพำชื่อเขาออกมา
ผู้ชายที่เธอพยายามสอดส่องสายตาหาก้าวเท้าขึ้นไปยืนอยู่บน
โพเดียมโดยมีผู้บริหารระดับสูงหลายคนยืนอยู่ด้านหลังอีกที
“สวัสดีครับ ผมวายุ จิรโชติ CEO คนใหม่ของที่นี่”
น้ำเสียงเข้มและทรงพลังทำเอาเหมือนฝันตกตะลึงไม่น้อย หูดับจนไม่ได้ยินเสียงอะไรรอบกาย ภายในสมองคิดวนจนตีกันไปหมด เขาไม่ใช่พนักงานแต่เป็นเจ้าของที่นี่เลยต่างหาก
พลันหัวใจที่ชุ่มชื่นก็กลับห่อเหี่ยวลง เมื่อการกลับมาเจอกันอีกครั้งกลับกลายเป็นว่ามันแสนไกลกว่าเดิม สุดท้ายแล้วเธอก็คงเป็นได้แค่หมาที่เฝ้ามองเครื่องบินบนท้องฟ้าก็เท่านั้น...
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคุณภูริจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังแล้วก็ทุจริตบริษัทเราไปมากมายขนาดนั้น”พี่นิดารำพึงออกมา แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดแต่ก็คิดเหมือนกันเพราะภาพลักษณ์เวลาภูริอยู่ในบริษัทคือผู้ชายอบอุ่นใจดี เข้าใจหัวอกพนักงานแต่เบื้องหลังก็คือคนร้ายนี่เอง“แล้วนี่น้องฝันจะกลับมาทำงานวันไหนอ่า คิดถึงเสียงหัวเราะลั่นห้องจะแย่” พี่สมรทำหน้าเหงาหง่อย“ไม่รู้สิ ก็คุณวายุถูกยิงขนาดนั้นก็คงนานอยู่หรอก” พี่กุ๊กพูดเสริมแล้วทุกคนในแผนกก็ต่างต้องหันไปทางประตูเหมือนว่ามีใครอีกคนกำลังเปิดประตูเข้ามา“มีใครบ่นคิดถึงเหรอคะ”“น้องฝัน!” ทุกคนกรูกันเข้าไปหาแล้วจับหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจว่าน้องเล็กของทีมได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า“ฝันไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงวันนี้เลยแวะมาทำงานช่วงเช้าแล้วก็ช่วงบ่ายจะไปโรงพยาบาลต่อคุณหมดนัดตรวจเจ้าตัวเล็กค่ะ”พูดพร้อมกับลูบหน้าท้องน้อยทุกคนต่างหันมองหน้ากันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อได้แต่ยกมือเร้า ๆสะกิดกัน ก่อนพี่กุ๊กจะพูดขึ้นเสียงดัง“ฉันกำลังจะได้เป็นป้าของลูกท่านประธานแล้ว” ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดีเหตุการณ์วันนั้นสร้างความอยากรู้ให้กับเพื่อนร่วมงานเหมือนฝันจึ
“กี่เดือนแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นถาม“สองเดือนค่ะ”“รู้ตอนไหนว่าท้องทำไมไม่บอกพี่เลย” น้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจแฝงอยู่“รู้ตอนวันเกิดคุณลุงค่ะ”“ตอนที่ฝันบอกพี่ว่าไปหาหมอนะเหรอ” เหมือนฝันพยักหน้ารับงึก ๆ ทว่าคนฟังกลับมองด้วยสายตาตัดพ้อเขาไม่ได้อยู่ในวันที่รับรู้ข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเราแถมยังปล่อยให้ไปหาหมอเพียงลำพังอีกต่างหาก“อย่าทำสีหน้าอย่างนั้นสิคะ”“ถ้าไม่ให้ทำสีหน้าแบบนี้จะให้ทำสีหน้าแบบไหนล่ะครับ เมียไปหาหมอคนเดียวและรู้ว่าท้องก็ยังไม่บอกอีก”น้ำเสียงเริ่มขึ้นจมูกพลันน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลออกมาง่ายๆ ยิ่งเธอปลอบเท่าไรเขาก็ร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากอยู่ดูแลคนถูกยิงจนหายดีแล้วเพราะแผลไม่ได้ถูกจุดสำคัญหมอก็ให้วายุกลับไปพักฟื้นที่บ้านและแน่นอนว่าเจ้าตัวก็คอยออดอ้อนคนเป็นเมียอยู่ร่ำไปหากใครมาเห็นคงไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคุณวายุ“ป้ามาลีทำอะไรมาให้ผมกินครับเนี่ย ทำไมเหม็นแบบนี้” มือหนาเลื่อนถ้วยข้าวต้มออกแล้วยกมือขึ้นอังจมูก“ก็ข้าวต้มของโปรดคุณลมยังไงคะ ป้าเพิ่งยกลงจากเตาเมื่อกี้สด ๆ ร้อน ๆเลย” แม่บ้านประจำตระกูลหน้าตื่นวินไทยกับวารินทร์ก้ม
ไม่รู้ว่าสายอะไรต่อสายอะไรห้อยระโยระยางเต็มไปหมด คนถูกยิงได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ต่อให้เหมือนฝันอยากเข้าไปหาแค่ไหนก็ทำได้แค่มองผ่านกระจกใสอันเล็กของประตูกั้นก็เท่านั้นวายุปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิดจึงยังต้องงดเยี่ยมไปก่อนจนกว่าจะฟื้นขึ้นมาบางคนทยอยกลับกันไปบ้างแล้วเหลือเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมเพราะกลัวว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนั้น“พี่ว่าแกกลับบ้านไปพักก่อนไหม ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ลูกในท้องหน่อยก็ดีนะ”เหมือนฟ้าเดินเข้ามาตบไหล่น้องสาวแล้วทรุดตัวนั่งลงด้านข้าง“ฝันอยากอยู่ดูว่าเขาฟื้นแล้ว”“พี่รู้ว่าแกเป็นห่วงลม แต่แกก็ต้องห่วงตัวเองกับลูกด้วย”หญิงสาวช่างใจอยู่ครู่หนึ่งแววความกังวลผุดขึ้นในดวงตา ส่วนอีกมือก็ลูบหน้าท้องน้อยต้องเรียกว่าความโชคดีหรือเปล่านะที่เธอแทบจะไม่มีอาการแพ้ท้องเหมือนคนอื่นเลยแถมยังผ่านเรื่องเครียดมาตั้งมากมายเจ้าก้อนในท้องกลับไม่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด“ก็ได้ค่ะ แต่ขอฝันอยู่ดูพี่ลมอีกสักนิดก่อนได้ไหมคะ”“ตามใจ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนจะได้ไปส่งแกด้วย แล้ววันนี้กลับไปนอนบ้านค
เหมือนฝันกุมหน้าตัวเองแน่นขึ้นพร้อมกับคิดหาทางออกแต่คิดอย่างไรก็ไม่เป็นผลในเมื่อปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่ขมับด้านซ้าย หากเธอตุกติกแม้แต่นิดเดียวมีหวังลูกตะกั่วได้วิ่งเข้าไปทักทายมันสมองเธอแน่นอนวายุรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดขณะที่หัวใจเต้นรัว ดวงตาที่สบกับเหมือนฝันนั้นมันมีอะไรบางอย่างบอกเอาไว้และเขาอ่านมันออกหญิงสาวพยักหน้าให้กับเขาเพื่อเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างแต่เขากลับส่ายหัวให้เธออยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทว่ามันกลับไม่ทันเสียแล้วเหมือนฝันใช้วิชาเอาตัวรอดจากการถูกจับเป็นตัวประกันที่ได้เรียนมาเมื่อตอนเข้าชมรมสมัยมหาวิทยาลัยแล้วกระทุ้งหน้าท้องคนร้ายก่อนจะบิดแขนข้างที่มีปืนให้ยกขึ้นฟ้าความชุลมุนเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนฝันรีบวิ่งไปหาวายุ ภูริโกรธขึ้นขีดสุดเลยเล็งปืนไปยังเหมือนฝันแล้วเหนียวไกยิงทว่าคนที่รับกระสุนแทนกลับเป็นวายุ เขาใช้ตัวเองบังร่างอวบนั้นไว้แล้วทรุดตัวล้มลง“พี่ลม”หญิงสาวกรี๊ดออกมาสุดเสียงแล้วประคองร่างเลือดท่วมนั้นเอาไว้ จากนั้นเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากการวิสามัญคนร้าย“พี่ลม ไม่นะ อย่าเป็นอะไรนะ ฟื้นสิ” เธอพยายามตบหน้าเขาเบา
“เฮ้ย! พวกนั้นหายไปไหน” ชายใบหน้าดุดันมีรอยบากระหว่างหัวคิ้วร้องตะโกนขึ้นสุดเสียงชายที่เหลือวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแล้วกวาดตามองรอบบริเวณไม่เห็นแม่แต่เงาของพวกผู้หญิงที่พวกเขาจับมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ ทิ้งไว้เพียงหนวดกุ้งรัดแขนเอาไว้ให้ดูต่างหน้าก็เท่านั้น“ไปตามหาตัวพวกมันสิวะ แล้วเอาตัวกลับมาให้ได้ยืนเซ่ออยู่ทำไม”ภูริตวาดลูกน้องลั่นแล้วไล่ด้วยความเดือดดาลก่อนจะวิ่งไปอีกทางเพื่อตามหาเพราะเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็ได้เวลานัดกับวายุแล้วบริเวณริมป่าละเมาะเหมือนฝันกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำหน้าเพื่อมองหาลู่ทางและเข้าใกล้เขตหมู่บ้านคนเพื่อขอความช่วยเหลือทว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดมิดเสียงวิ่งจากเบื้องหลังด้วยความเร็วพร้อมกับแสงไฟฉายสาดส่องไปมาทำให้รู้ว่าพวกมันใกล้เข้ามาถึงเต็มทีแล้ว“คุณณิ คุณน้ำ เร็วกว่านี้หน่อยค่ะ พวกมันตามมาแล้ว”เหมือนฝันเร่งสองสาวที่เดินรั้งท้ายส่วนตัวเองนั้นก็เริ่มเหนื่อยหอบเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง“เฮ้ย พวกมันอยู่นั้น หยุดนะเว้ย”ความกลัวทำให้วารินทร์สั่นไปทั้งตัววิ่งมองหลังจนไม่ทันระวังสะดุดหินล้มลงบนทางลูกรังจนข้อเท้าพลิกทำให้ลุกขึ้นเดินต่อไม่ได้ พอมอ
ทุกคนมานั่งประจำที่ตัวเองกันหมดแล้วยกเว้นเพียงเหมือนฝันเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา“ยัยฝันไปไหน ตั้งแต่แม่ยกถาดอาหารออกมายังไม่เห็นเลย”“น่าจะเอาเสื้อไปเก็บมั่งครับ แต่ก็ไปนานแล้วนะครับ” ตรีวิทย์บอกแล้วยืดคอขึ้นมองไปยังโรงจอดรถ“ถ้างั้นเดี๋ยวป้าไปตามให้นะคะ” ป้ามาลีอาสแล้วก็เดินออกไปไม่นานก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาด้วยสีหน้าตื่นในมือมีรองเท้าอยู่ข้างหนึ่งซึ่งวายุจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นของเหมือนฝัน หัวใจเขากระตุกวูบขึ้นมาแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดกล้องวงจรปิดดูทันทีเขาขบกรามแน่นเมื่อเห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนกำลังหิ้วปีกร่างไร้สติออกไปจากบ้านอย่างเงียบ ๆ โดยหลบเลี่ยงสายตาจากคนทั้งบ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น“ต้องเป็นฝีมือไอ้ภูริแน่นอน” วายุสบถออกมา“คนเดียวกันกับที่เคยจับฟ้าไปน่ะเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอนุชได้ยินแบบนั้นก็เข่าอ่อนทำท่าจะเป็นลมจนเหมือนฟ้าต้องรีบพยุงและพาไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ป้ามาลีรีบไปหายาดมมาให้ทันที“ผมพลาดเองที่ละหลวมความปลอดภัยเพราะคิดว่าคนอยู่เยอะกันขณะนี้มันคงไม่กล้าลงมือ”สองมือกำแน่นเข้าหากันเพราะรู้สึกเป็นห่วงเหมือนฝันจับใจ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นตอนแรก