“ไม่ได้ ถึงเราสองคนไม่ได้อยากอยู่ด้วยกัน แต่พ่อๆ สองคนเค้าตกลงกันแล้ว และคงขนของใช้คุณมาบ้านผมแล้ว เราทนอีกนิดแล้วกันกว่าจะถึงวันหย่า”
“ผมขอไปอยู่บ้านผมได้ไหมต่างคนต่างอยู่ดีกว่า เดี๋ยววันไหนถ้าต้องออกงานด้วยกัน คุณค่อยมารับผมที่บ้านก็ได้” ร่างบางเสนอทางออกให้ทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าจะได้ไม่อึดอัด “ถ้าได้แบบนั้นก็ดีน่ะซิ พ่อๆ ของเรายอมที่ไหน หรือคุณจะลองขอพวกเค้าดูก่อนก็ได้ ผมก็ไม่ได้อยากจะแต่งหรอกนะไอ้งานแต่งบ้าๆ เนี่ย” ร่างสูงบ่นยาวแต่ก็ไม่ยอมจอดรถให้อีกคนลงตามคำขอ ตรงกันข้ามเขากลับขับรถมุ่งตรงไปที่บ้านของตัวเองตามเดิม คำว่า งานแต่งบ้าๆ ทำเอาพีรฉัตรได้ยินแล้วถึงกับจุกเหมือนกัน ก็รู้ว่าไม่เต็มใจแต่งงาน แต่ช่วยพูดอะไรที่มันซอฟๆ กว่านี้ได้ไหม คนฟังพอได้ยินแล้วมันก็เจ็บเหมือนกันนะ พอคุณหมอรูปหล่อทำหน้าที่สารถีหนุ่มขับรถคันหรูสัญชาติยุโรปเข้ามาจอดสนิทที่โรงจอดรถของคฤหาสน์ตระกูลธีรวัฒนาวัฒน์ เขาก็กดเปิดประตูแล้วลงจากรถเดินเข้าบ้านไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด ส่วนคนที่โดยสารมาด้วยรีบลงจากรถและเก็บสัมภาระของตัวเองก่อนจะเดินตามเข้าไป แบบงงๆ พอเดินมาถึงห้องโถงของคฤหาสน์ก็เจอชายสูงวัยนั่งอยู่เค้าจำได้เป็นคุณลุงอาทิตย์เพื่อนพ่อและเจ้าของคฤหาสน์นี่เอง “สวัสดีครับ คุณลุงอาทิตย์” พีรฉัตรยกมือไหว้เจ้าของบ้าน “หวัดดี น้องพรีน เรียกพ่อเถอะ เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วอย่าเรียกลุงเลย ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัว ธีรวัฒนาวัฒน์อย่างเป็นทางการนะลูก เป็นยังไงบ้างพี่นิลทำให้ลำบากใจอะไรหรือเปล่า” “เปล่าครับ” “บอกพ่อมาเลยลูกไม่ต้องเกรงใจ” “งั้น เอาตรงๆ นะครับ เราเหมือนคนแปลกหน้ากัน พอต้องมาอยู่ด้วยกันเลยไม่รู้จะพูดอะไร มันเลยทำให้เราอึดอัดทั้งคู่ครับ” “ค่อยๆ เรียนรู้กันไปนะลูก เจ้านิลลูกพ่อมันอาจจะเป็นคนพูดน้อย ดูหน้าจริงจังไปหน่อย เลยทำให้พรีนอึดอัด พรีนมีอะไรจะบอกพ่ออีกไหม” “เอ่อ คือแบบ พรีนขอนอนคนละห้องได้ไหมครับ ไหนๆ ก็แต่งกันไปรอเวลาเลิกกันเท่านั้น” “ฮือ เอาไงดี ถ้าพรีนต้องการแบบนั้นก็ได้ เดี๋ยวอีกไม่ถึงชั่วโมงพ่อพรีนจะมาพร้อมกับเสื้อผ้าของใช้ของพรีน พ่อจะได้ให้คนขนของพรีนไปไว้ในห้องนั้นเลย” “ขอบคุณนะครับที่เข้าใจพรีน” “ไม่เป็นไรลูก ถ้าไม่สบายใจตรงไหนบอกพ่อได้เลยนะ งั้นเดี๋ยวพ่อพาพรีนไปดูห้องและเอาของไปเก็บที่ห้องแล้วลงมารอทานข้าวพร้อมพ่อพรีนดีกว่านะ” คุณอาทิตย์เดินนำพีรฉัตร ลูกสะใภ้หมาดๆ เดินไปดูห้องที่ต้องพักระหว่างที่อาศัยอยู่ที่นี่ ระหว่างที่กำลังจะไปถึงห้องของพีรฉัตรที่คุณอาทิตย์จะให้พัก ประตูอีกห้องก็โดนเปิดออกมาพร้อมด้วยร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาฟ้าประทานของ นิลกาฬก้าวออกมาจากห้องและมองพ่อกับภรรยาของตัวเองที่เดินมาพร้อมกันพร้อมกับเลิกคิ้วทำหน้าคล้ายอยากจะถาม แต่โดนผู้เป็นพ่อถามก่อน “แกกำลังจะออกไปไหนหรือเปล่านิล” “ใช่ครับ ผมว่าจะออกไปหาเพื่อนข้างนอกหน่อย และก็จะเลยไปที่โรงพยาบาล คงกลับดึกๆ นะครับพ่อ แล้วพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ” คุณอาทิตย์หมั่นไส้ลูกชายเลยแกล้งว่า “ฉันก็เอาเมียมาส่งแกน่ะซินิล แล้วแกจะออกไปได้ยังไง แกอย่าลืมว่าแกเพิ่งแต่งงานเมื่อคืน เดี๋ยวคนอื่นงงกันเจ้าบ่าวหนีไปเที่ยวคนเดียว” “อย่าบอกนะพ่อว่าจะให้เรานอนห้องเดียวกัน พ่อก็รู้ว่าการแต่งงานของเราคือแต่งงานหลอกๆ อีกเดี๋ยวก็ต้องหย่ากัน ผมว่าแยกกันนอนตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่าครับ และที่สำคัญถึงแม้ผมจะแต่งงานแล้ว ผมก็จะทำตัวเหมือนเดิม ไม่เห็นต้องปรับตัวเพื่อใครเลยนี่” คำพูดไม่สนโลกของคุณสามีทำเอาร่างบางแสลงหู ไม่อยากได้ยิน นิลกาฬแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้สนใจอะไรในตัวภรรยา ให้ต่างคนต่างอยู่และไม่ก้าวก่ายกันตามข้อตกลง “แกไม่ต้องห่วงหรอก น้องพรีนเค้ามาขอพ่อแล้วล่ะ ว่าจะขอนอนแยกห้องกับแก งั้นแกจะไปไหนทำอะไรของแกก็ไปเถอะ” คุณอาทิตย์ได้ยินลูกชายพูดไม่ถนอมน้ำใจภรรยาที่ฟังอยู่เลยอดจะแก้ตัวให้ไม่ได้ร่างบางไม่ได้ หมั่นไส้ความปากร้ายของลูกชายด้วย ส่วนร่างสูงของนิลกาฬเลยเดินลงบันไดไปทันที แยกกันนอนไปเลยเค้าก็ไม่อยากแบ่งพื้นที่ส่วนตัวกับใครหรอกนะถึงแม้จะเป็นภรรยาก็เถอะ แต่เป็นภรรยาที่ไม่ได้อยากจะแต่งด้วยนี่นา “หนูพรีนนอนห้องนี้นะลูก เดี๋ยวถ้าเสื้อผ้าของใช้หนูมาแล้วก็ให้เค้าขนมาไว้ห้องนี้เลย แล้วจะได้ให้แม่บ้านมาจัดให้” คุณอาทิตย์พาพีรฉัตรมาห้องพักที่อยู่ติดกันกับห้องของนิลกาฬ เปิดเข้าไปภายในห้องกว้างขวางพอๆ กับที่บ้านของเขา พีรฉัตรรู้สึกขอบคุณในความเมตตาของอีกคนที่มีให้ตัวเองมาก “ขอบคุณคุณพ่อที่เข้าใจและเมตตาพรีนนะครับ” “ไม่เป็นไรลูก พรีนก็เหมือนลูุกคนหนึ่งของพ่อ นอกจากจะเป็นลูกสะใภ้แล้วอย่าลืมว่าพรีนก็เป็นลูกของจุมพลเพื่อนรักของพ่อด้วยนะ ฉะนั้นแล้วมีอะไรน้องพรีนบอกพ่อได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ ป่ะเราลงไปรอไอ้พลพ่อหนูกันเถอะ หิวหรือยังลูก” “ยังไม่หิวมากเท่าไร่ครับ รอคุณพ่อก่อนดีกว่า” ทั้งสองคนต่างวัยในฐานะพ่อสามีกับลูกสะใภ้ก็พากันเดินลงมายังห้องรับแขกของบ้านเพื่อรอคุณจุมพลเอาเสื้อผ้าของใช้มาให้ลูกชาย พอเดินลงมาถึงก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณจุมพลให้คนเข็นกระเป๋าเดินทางที่บรรจุเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของลูกชายคนเดียวเข้ามาพอดี พีรฉัตรเลยเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ ก่อนที่จะยกมือไหว้และสวมกอดอีกคนเพื่อขอกำลังใจ “สวัสดีครับคุณพ่อ พรีนคิดถึงคุณพ่อจังเลยครับ” คุณจุมพลกอดตอบลูกชายพลางเอามือมาลูบหลังไปมาอย่างเอ็นดูในความขี้อ้อนของลูก ถึงแม้จะโตจนแต่งงานมีสามีแล้วยังไงในมุมของพ่อลูกก็ยังเป็นลูกชายตัวน้อยๆ ของพ่อเสมอ “พ่อก็คิดถึงน้องพรีนเหมือนกันลูก เป็นไงบ้างพ่ออาทิตย์ดูแลหนูดีไหม” “พ่ออาทิตย์ต้อนรับและดูแลพรีนดีมากเลยครับ” “สายบัว เดี๋ยวบอกเด็กๆ เอากระเป๋าคุณพรีนขึ้นไปไว้ที่ห้องข้างห้องตานิลนะ แล้วจัดเข้าตู้ให้หน่อย” คุณอาทิตย์สั่งสาวใช้ที่เดินผ่านมา “ได้ค่ะคุณท่าน” “ป่ะเราไปทานข้าวกันดีกว่า” สามหนุ่มต่างวัยก็พากันเดินไปที่ห้องอาหาร หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จทั้งสามคนก็พากันออกมาคุยกันต่อที่ห้องรับแขกอีกครั้ง “จุมพลมึงให้คนตามหาน้องพิมพ์เจอยัง” คุณอาทิตย์ถามเพื่อนรักขึ้นด้วยความเป็นห่วงทั้งจิตใจของเพื่อนรักและเป็นห่วงน้องพิมพ์ลูกสาวที่ท้องอ่อนๆของเพื่อน “ยังเลยมึง ให้ไปดูที่มหาลัยที่อิทธิพลสอนแล้ว เค้ายื่นเรื่องลาออกแล้วก่อนหน้าแล้ว ตอนนี้กูมืดแปดด้านสงสารลูกไม่รู้จะไปอยู่ยังไง พากันไปลำบากหรือเปล่าก็ไม่รู้” คุณจุมพลตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “มึงมีอะไรให้กูช่วยไหม ให้คนของกูช่วยตามอีกแรงดีกว่า” คุณอาทิตย์เสนอเพื่อนรักเผื่อช่วยกันแล้วจะได้เจอ พิมพ์ชนกเร็วขึ้น “จริงป่ะ งั้นก็รบกวนมึงหน่อยละกัน ตอนนี้กูคงต้องทำงานคนเดียวรอยัยพิมพ์กลับมาก่อน” “คุณพ่อครับ ถ้าพรีนจะไปช่วย คุณพ่อจะว่าอะไรไหมครับ” พีรฉัตรมองเห็นความเศร้าโศกในน้ำเสียงและดวงตาของผู้เป็นพ่อ ก็รู้สึกสงสารเขาเป็นลูกมีอะไรที่ช่วยแบ่งเบาได้เขาก็ยินดีทำ เพราะตั้งแต่เด็กจำความได้พ่อคนนี้ดูแลเขากับพี่พิมพ์มาอย่างดีตลอด “พรีนไหวไหมลูก แต่มันเป็นงานที่พรีนไม่ถนัดนะ” “พรีนว่าน่าจะเรียนรู้ได้ไม่ยากครับระหว่างรอพี่พิมพ์กลับมา เพราะตอนนี้พรีนก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว” “เอางั้นก็ได้ลูก แล้วพรีนอยากทำอะไรอีกไหม” “พรีนอยากจะปรับปรุงห้องอาหารของโรงแรมครับ พรีนอยากให้ห้องอาหารของคุณแม่กลับมาดังอีกครั้ง” พีรฉัตรหมายถึงห้องอาหารฉัตรมณีของโรงแรมที่ก่อตั้งโดยคุณฉัตรมณีภรรยาของเจ้าของโรงแรม ตอนที่แม่ของเขาดูแลอยู่ห้องอาหารนี้ขึ้นชื่อว่ามีอาหารนานาชาติที่อร่อยที่สุดในย่านนี้ให้ทานและที่เลื่องลือว่าอร่อยเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมแขกทุกคนที่มาพักต้องมาลองชิมหรือแขกที่ไม่ได้มาพักก็ต้องหาโอกาสเข้ามาทานอาหารของที่นี่ให้ได้คืออาหารไทยสูตรชาววังที่บางอย่างบางเมนูหาทานได้ที่นี่ที่เดียว “ถ้าลูกไหว ไม่ทำให้ตัวเองเหนื่อยมากพ่อไฟเขียวเลย” “ก็ดีเหมือนกันนะพ่อก็สนับสนุน อยู่บ้านเฉยๆ เดี๋ยวก็เหงา เจ้านิลก็คงมีแต่ทำงานที่โรงพยาบาลไม่มีเวลาอยู่กับน้องพรีนแน่ ๆ” คุณอาทิตย์สนับสนุนอีกเสียง “งั้นพรีนขอเริ่มงานพรุ่งนี้เลยได้ไหมครับคุณพ่อ พรีนไม่อยากอยู่เฉย ๆ” “หนูไม่อยากพักผ่อนหรือเที่ยวก่อนเหรอลูก” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่อ่ะครับ พรีนอยากเริ่มเลย เริ่มเร็วเราได้เปรียบ” “งั้นก็ตามใจลูก เดี๋ยวพ่อแจ้งเลขาพี่พิมพ์เค้าก่อน ส่วนเรื่องเวลาเข้างานลูกสะดวกกี่โมงก็ค่อยไป ไม่ต้องซีเรียส ว่าแต่ลูกจะไปยังไงเดี๋ยวพ่อให้คนขับรถมารับไหม” คุณจุมพลก็ยังเป็นห่วงลูกชายอยู่มากเพราะพีรฉัตรไปอยู่เมืองนอกนานหลายปีน่าจะไม่คุ้นเคยกับถนนหนทางของเมืองไทยที่ผุดขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนอยู่เมืองไทยก็มีคนขับรถคอยไปรับไปส่ง “มึงไม่ต้องกังวลหรอกไอ้พล คนขับรถที่บ้านกูก็มีเอาคนขับรถที่บ้านกูก็ได้ หรือถ้าน้องพรีนอยากขับเองรถบ้านกูก็มีเยอะแยะเอาไปขับได้เลย” คุณอาทิตย์บอกทั้งเพื่อนรักและลูกสะใภ้ “เอ่อ พรีนอยากขับรถเองมากกว่าครับ แล้วก็พรีนพอมีเงินเก็บอยู่บ้างเรื่องรถขอพรีนซื้อเองดีกว่าครับ พรีนสบายใจกว่า” พีรฉัตรบอกพ่อๆ ทั้งสองคนเพราะไม่อยากรบกวนใครโดยเฉพาะที่บ้านของพ่ออาทิตย์ เพราะอีกหน่อยก็ต้องหย่าขาดจากนิลกาฬแล้ว เขาไม่อยากให้อีกคนมาว่าเอาได้ว่าขูดรีดพ่อเค้า “เอาตามที่ลูกว่าก็ได้ถ้างั้น แล้วลูกมีรถในดวงใจหรือยัง เล็งๆ ยี่ห้อไหนรุ่นไหนไว้บ้างหรือเปล่า ไหนๆ วันนี้ก็ว่างแล้วเราออกไปจองรถกันเลยไหมลูก” คุณจุมพลถือโอกาสชวนลูกชายเพื่อออกไปเปิดหูเปิดตา พีรฉัตรหันมามองคุณอาทิตย์เพื่อเป็นนัยว่าจะขออนุญาตออกไปข้างนอกกับพ่อของตน “ไปเลยลูกไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวพ่อก็ว่าจะออกไปหาพี่นันท์เค้าที่บริษัทหน่อย เจอกันอีกทีตอนเย็นนะลูก” คุณอาทิตย์บอกลูกสะใภ้เพื่อจะได้ไม่เป็นกังวล เกรงใจเพื่อนด้วยเหมือนเอาลูกเขามาทรมาน บังคับให้แต่งงานกับลูกชายตัวเอง แต่ไอ้ลูกชายมันดันหนีเมียไปทำงานตั้งแต่วันแรก “งั้นเราไปดูรถกันเถอะลูก” คุณจุมพลชวนลูกชายไปข้างนอกทันที“นี่ออเดิร์ฟครับเมีย ต่อไปเป็นของจริงแล้วนะครับ”ร่างสูงของนิลกาฬลงไปนอนบนเตียงสลับหัวกับภรรยาคนสวยก่อนที่แขนแกร่งจะออกแรงยกร่างบางให้ขึ้นมานอนทับบนตัวเอง ไม่ต้องบอกเป็นคำพูดแค่สื่อสารกันด้วยภาษากายภาษาใจ พีรฉัตรก็รู้ได้ทันทีว่าสามีจะต้องการอะไร มือเรียวเอื้อมไปคว้าเอาท่อนเนื้อไร้กระดูกขนาดใหญ่ยักษ์ของสามีมากำไว้แล้วใช้ปลายลิ้นเรียวเลียตรงส่วนหัวหยักไปมา จนเริ่มมีน้ำปริ่มเอ่อออกมา จากนั้นก็อ้าปากอมเจ้าท่อนเนื้อเข้าไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้ แล้วค่อยๆ รูดจากโคนมายังส่วนปลายอีกที ก่อนที่จะอมเข้าไปลึกสุดคออีกครั้งแล้วรูดออกมาอีกทำซ้ำไปเรื่อยๆ ส่วนที่เหลือที่ยาวเกินกว่าที่จะอมเข้าไปในปากได้หมดก็เป็นหน้าที่ของมือนุ่มที่ช่วยรูดอีกที ร่างสูงที่โดนรีดพิษครางเสียวอยู่ใต้สะโพกผายของภรรยา“อูยยย อ๊ะ เมีย เมียจ๋า อึยย เสียวค่ะ เสียวมาก อูยยย ทำไมหนูอมได้ลึกขนาดนี้ ดีค่ะเมีย ดีมากเลย โอยยย”นิลกาฬตอบแทนความเสียวที่ภรรยามอบให้ด้วยการคืนความเสียวให้แก่ร่างบางเช่นกัน ด้วยการผงกศีรษะขึ้นฝังริมฝีปากและลิ้นเข้าไปที่บริเวณรูรักด้านหลัง ใช้ปลายลิ้นร้อนเลียและแหย่เข้าไปในรูรักที่ยังปิดสนิท แล้วใช้น้ิวกล
“จ้ำม่ำเชียวหลานลุง เลี้ยงง่ายๆ นะลูก โตไปอย่าเหมือนพ่อนะครับ” เวทานนท์ที่แวะมาเยี่ยมคลอดพีรฉัตรกับหลาน คุยกับน้องพู่กันตัวน้อยที่คุณพ่อนิลกาฬอุ้มอยู่ หยอกหลานเสร็จแอบแว๊บมาแขวะพ่อมันสักนิดหน่อยแล้วกัน “อ้าว ไอ้ห่าเวย์ เอ่อ ไอ้คุณเวย์ครับ โตไปเหมือนพ่อดีแล้วครับ เนาะลูก จะได้หล่อ เก่งและฉลาดเหมือนพ่อใช่ไหมครับ ยิ้มให้พ่อหน่อยครับคนเก่งของพ่อ” นิลกาฬยับยั้งปากไว้ได้ทันก่อนที่จะเผลอพูดคำหยาบออกไป เมื่อหันไปเจอน้องเนม วรานนท์ ลูกของเพื่อนรักที่ตอนนี้มากับพ่อด้วย ตอนนี้น้องเนมอายุเกือบสี่ขวบแล้วกำลังน่ารักช่างพูดช่างเจรจา ช่างจดช่างจำ จึงไม่ควรที่จะให้เด็กได้ยินคำไม่สุภาพจากผู้ใหญ่ “แด็ดดี้ น้องเนมอยากดูเบบี๋ใกล้ๆ ได้ไหมคร้าบ” เด็กชายวรานนท์ถามบิดาขึ้นเมือเห็นน้องน้อยในห่อผ้าที่ลุงหมออุ้มอยู่ อยากจะเข้าไปดูใกล้ๆแต่ไม่กล้า “ลองขอลุงหมอนิลดูซิลูก ว่าลุงหมอจะว่ายังไง เพราะเบบี๋น้อยเป็นลูกของลุงหมอ” เวทานนท์บอกให้ลูกชายขอนิลกาฬเอง เพื่อที่จะให้น้องเนมกล้าแสดงออก เด็กชายตัวอ้วนหันมามองพ่อของตัวเองแล้วก็หันไปมองนิลกาฬลุงหมอที่ใจดีกับน้องเนมมาตลอด พร้อมกับ
หนึ่งอาทิตย์ก่อนถึงวันกำหนดคลอด เท้าสองข้างของพีรฉัตรบวมขึ้นกว่าเดิมและปวดท้องเตือนเริ่มถี่ขึ้น คุณหมอนิลกาฬจึงให้ภรรยาเข้ามานอนแอดมิทรอคลอดที่โรงพยาบาลของตัวเองเลยเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินคลอดก่อนกำหนด และเจ้าของโรงพยาบาลอย่างหมอนิลกาฬก็เตรียมทีมผ่าตัดคลอดให้สแตนบายอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ตอนนี้ในห้องพัก VVIP ระดับเจ้าของโรงพยาบาล เหมือนมีการรวมญาติเพราะทุกคนมาให้กำลงใจคนท้องที่ต้องมานอนอยู่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเป็นอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อจุมพล พี่สาวคนสวยอย่างพิมพ์ชนกที่อุ้มลูกสาวตัวน้อยอย่างน้องพริ้มตามด้วยสามีอย่างอิทธิพล ฝั่งของนิลกาฬก็มีคุณพ่ออาทิตย์กับตัวแทนคนงานในบ้านอย่างป้าสายบัว ที่ขออาสาทำอาหารมาให้ทุกๆ คนได้ทานร่วมกันกับคนท้องในทุกๆ เย็น เพราะกลัวพีรฉัตรจะเหงา ตอนกลางวันนิลกาฬก็เอางานมาทำที่ห้องนี้และอยู่เป็นเพื่อนภรรยา ตอนกลางคืนคุณสามีก็จะขึ้นมานอนบนเตียงด้วย จนคนท้องลืมไปเลยว่านอนอยู่โรงพยาบาล เพราะทุกคนช่วยกันทำบรรยากาศให้เหมือนอยู่ที่บ้านตอนนี้พีรฉัตรต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนใกล้รุ่ง เพราะโดนก่อกวนจากลูกน้อยในครรภ์ที่ดูเหมือนจะดิ้นแรงย่ิงกว่าเดิม จนร่าง
“อึก อึก ฮือ ฮึก พี่นิลคิดว่าพรีนน่ารังเกียจหรือเปล่า ปกติเวลาเห็นพรีนเปลือย ไอ้นั่นของพี่นิลแข็ง พี่นิลก็จะจับพรีนกินเลย แต่ตอนนี้ทำไมนิลน้อยแข็งแต่ทำไมพี่นิลยังเฉย เพราะพรีนรูปร่างน่าเกลียดใช่ไหม ฮึก อึก ฮือ พี่นิลถึงไม่กินพรีน”โธ่ เมียเขาคิดได้ยังไง ตอนนี้เมียเขาน่ากินน้อยซะเมื่อไหร่ เขาท่องสวดมนต์ในใจเพื่อข่มใจไม่จับเมียปล้ำในห้องน้ำขนาดแค่ท่องพุทธโธยังผิดๆ ถูกๆ เลยตอนนี้“โธ่เมียจ๋าอย่าเข้าใจผัวผิดซิคะ ที่ผัวไม่จับหนูกินไม่ใช่ผัวไม่รู้สึกรู้สมอะไรนะ ผัวอยากจะจับเมียกระแทกใจจะขาด เพียงแต่กลัวเมียว่าหื่นไม่สงสารลูกสงสารเมีย นี่หนูดูหลักฐานซิไอ้ยักษ์ของผัวแข็งจนไม่อยากจะแข็งแล้ว มันอยากมุดรูเมียไปทักทายเทวดาตัวน้อยในท้องเมียมากเลยตอนนี้ ถ้าอย่างงั้นแสดงว่าเมียจะอนุญาตให้ผัวได้กินเมียได้ใช่ไหมคะ”พอได้ยินคนตัวสูงสารภาพความจริงว่าอยากจะจับตัวเองกินเหมือนกันทำเอาคนเข้าใจผิดคิดว่าผัวไม่อยากทำรักตัวเองใบหน้าเห่อแดงด้วยความเขินอาย หวังพี่นิลคงไม่หาว่าเราหื่นจัดอยากโดนจับกินหรอกนะ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ ถ้าพี่นิลจะจับเรากินก็จะยินดีที่สุด ร่างอวบจึงพยักหน้าตอบรับด้วยความเอียงอาย
หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนิลกาฬและพีรฉัตรสองสามีภรรยาก็ตกลงกันว่าจะอยู่ที่รีสอร์ตแค่อีกอาทิตย์เดียวก็พากันกลับกรุงเทพ เพราะกลัวทุกคนในครอบครัวพากันเป็นห่วง จนกระทั่งวันกลับนิลกาฬพาภรรยาท้องโตขึ้นเครื่องบินกลับเพราะไม่ต้องการให้คนท้องนั่งรถนาน ส่วนรถของนิลกาฬที่ขับมาจากกรุงเทพก็ให้คนงานที่รีสอร์ตขับกลับไปให้ จนลงเครื่องที่สนามบินที่กรุงเทพคุณอาทิตย์ก็ให้รถที่บ้านมารอรับ พอรถเคลื่อนเข้าไปจอดที่คฤหาสน์เท่านั้นแหละทั้งคุณพ่ออาทิตย์ คุณพ่อจุมพล ป้าสายบัวและบรรดาแม่บ้านและคนรับใช้ต่างก็ออกมาต้อนรับกันใหญ่“สวัสดีครับพ่อๆ สวัสดีครับทุกคน” ร่างอวบอิ่มจากการตั้งครรภ์ยกมือไหว้ทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังลงจากรถได้โดยมีคุณสามีประครองโอบเอวอยู่ไม่ห่าง“คุณพรีนของป้าบัว ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ คุณหนูตัวน้อยในท้องด้วยค่ะ” ป้าสายบัวเข้ามากอดร่างอวบอิ่ิมของคุณแม่ตั้งครรภ์ด้วยความคิดถึง“พรีนก็คิดถึงป้าบัวเหมือนกันครับ” “ป่ะลูกเข้าไปในบ้านกันเถอะจะได้นั่งพัก เดินทางมาเหนื่อยๆ หลานพ่อเพลียแล้วมั้งป่านนี้”คุณอาทิตย์ชวนทุกคนเข้าไปพักผ่อนที่ห้องรับแขก ป้าสายบัวกับเหล่าแม่บ้านก็เต
“เราหันมาคุยกันดีๆนะครับ หนูนั่งเฉยๆก่อนฟังพี่เล่าอย่างเดียวให้จบก่อนนะครับ หนูจะตัดสินใจยังไงพี่แล้วแต่หนูเลย”ร่างสูงของนิลกาฬเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ ของตัวเองกับเลขาให้ภรรยาฟัง พร้อมทั้งการจ้างนักสืบตามหาพีรฉัตรมาตลอด จนกระทั่งเจอ“ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีวันไหนเลยที่พี่จะไม่คิดถึงพรีน พอพรีนไม่อยู่ใจของพี่แทบจะขาด พี่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ไม่ได้ถ้าไม่พรีน ไม่มีวันไหนเลยที่พี่จะไม่รู้สึกผิด ไม่มีวันไหนเลยที่พี่จะนอนหลับสนิท ไม่มีวันไหนเลยที่พี่จะทานข้าวอร่อยเพราะมันไม่ใช่รสมือของเมียพี่ พี่กินแค่พอประทังชีวิตให้มีแรงตามหาหนูเท่านั้น พี่รักพรีนนะครับ หมอนิลกาฬคนนี้รักคุณพีรฉัตรมากนะครับ ที่รักของพี่ เมียพี่พอจะให้อภัยผัวคนนี้ได้ไหม เรากลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันได้ไหมครับ พี่ขอโอกาสได้ดูแลหนูดูแลลูกของเราด้วยได้ไหมครับ”ร่างสูงพูดออกมาทัั้งน้ำตาเขาคุกเข่ากับพื้นตรงหน้าของภรรยา พีรฉัตรก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขารับรู้มาตลอดตั้งแต่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลว่าอีกคนตามหาตัวเอง ช่วงเวลาสองเดือนกว่าไม่นึกว่ามันจะทำให้เขาเป็นขนาดนี้ รูปร่างที่เคยสง่างามกลับซูบผอม พ่ออาทิตย์บอกว่าร่างสูงไม่สามารถ