LOGIN“แกต้องแต่งงานกับหนูจาร์…นี่คือคำสั่งแม่และถ้าแกยังเป็นลูกชายแกก็ต้องทำตามที่แม่บอก” ดาราวรรณยื่นคำขาด
“แต่ว่า…” ภูริทัตเอ่ยปากขึ้นยังพูดไม่หมดคำดาราวรรณพูดแทรกขึ้นมาทันที
“ไม่มีแต่ใดๆ ทั้งสิ้น แกอยากให้ลูกของแกเกิดมาแล้วขาดพ่อหรือแม่ไปแบบแกเหรอ?” ดาราวรรณพูดย้อนให้ภูริทัตคิดเพราะเขาโตมาจากพ่อแม่ที่แยกทางกันเขามีแค่แม่ที่เลี้ยงดูเขาแค่คนเดียวพ่อไม่เคยมาสนใจอะไรเขาเลย
ภูริทัตคิดย้อนถึงตัวเองคำพูดของแม่เขาดึงสติเขาเพราะเขาเป็นคนผิดกับเรื่องนี้และที่สำคัญถ้าเรื่องที่เขาทำผู้หญิงท้องแต่ไม่รับผิดชอบแดงขึ้นมาภาพลักษณ์ของบริษัทเขาต้องเสียหมด บริษัทนี้แม่ของเขาสร้างมันมาด้วยความลำบากเพียงลำพังเขาจึงคิดได้ว่าควรทำอะไร
“ผมจะรับผิดชอบจารุวีย์และแต่งงานกับเธอ..ว่าแต่เมื่อไหร่ครับ?”
จารุวีย์ได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจว่าภูริทัตทำไมยอมง่ายจัง ไหนเขาว่ารักข้าวฟ่างมากแต่เธอเองก็ไม่สบายใจสักเท่าไหร่ที่ภูริทัตต้องมาแต่งงานกับเธอเพราะเธอเองก็รู้สึกผิดต่อข้าวฟ่าง..แต่มันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะเธอเองก็ห่วงภาพลักษณ์ของแม่เธอถ้าหากเธอท้องไม่มีพ่อ เธอแอบดีใจที่จะได้แต่งงานกับภูริทัต
ทำไมฉันต้องอมยิ้มด้วยนะที่เขาแต่งงานกับฉันเพราะฉันท้องต่างหากเขาถึงต้องมารับผิดชอบคนที่เขารักคือข้าวฟ่างไม่ใช่ฉัน ความคิดนี้ของจารุวีย์ทำให้เธอหุบยิ้มในทันที
“แม่จะคุยกับป้ามลก่อนแล้วจะบอกอีกที แต่ต้องแต่งให้เร็วที่สุดเพราะเดี๋ยวท้องของหนูจาร์จะโตก่อน แม่ขอตัวไปโทรหาป้ามลก่อน” ดาราพูดบอกภูริทัตและเดินออกไปและเหลือแค่ภูริทัตกับจารุวีย์สองคน
“เธอไม่ต้องดีใจไปหรอก …..ที่ฉันต้องแต่งงานกับเธอก็เพราะต้องรับผิดชอบลูกในท้องของเธอ คนที่ฉันรักมีแค่ข้าวฟ่างคนเดียวเท่านั้นเมื่อเธอคลอดลูกแล้วเธอต้องออกไปจากชีวิตฉันและลูกพร้อมเงินจำนวนหนึ่ง” ภูริทัตพูดโดยมองหน้าจารุวีย์ด้วยความไม่พอใจ
“คุณคิดว่าเงินคุณใหญ่โตมาจากไหน ฉันเองก็มีเงินไม่น้อยไปจากคุณหรอกเงินของคุณฉันไม่ต้องการหรอกและถ้าลูกของฉันต้องมีพ่อแบบคุณฉันขอไม่ให้ลูกมีพ่อดีกว่า และคุณไม่ต้องห่วงนะเมื่อฉันคลอดลูกฉันจะหย่าและออกไปจากชีวิตคุณเองแต่ลูกต้องไปกับฉัน ที่ฉันต้องแต่งงานกับคุณก็เพราะไม่อยากให้แม่ฉันอายคนอื่นที่ฉันท้องไม่่มีพ่อแค่นั้นแหละ” จารุวีย์พูดด้วยอาการโมโหและเริ่มเอือมละอากับภูริทัตทีแรกก็นึกว่าจะคิดได้ที่แท้ก็เหมือนเดิมพูดจบจารุวีย์ก็เดินหนีไป
“เธอจะไปไหนมาคุยกับฉันให้รู้เรื่องก่อนลูกต้องอยู่กับฉันไม่ใช่เธอ” ภูริทัตตะโกนพูดกับจารุวีย์ด้วยความฉุนเฉียว
ทำไมเขาเห็นแก่ตัวแบบนี้นะอยากได้ลูกแต่ไม่อยากได้แม่คิดจะมาเอาลูกไปจากฉันฝันไปเถอะทำไมฉันต้องให้ด้วยอุส่าอุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือน จากที่ฉันรู้สึกดีด้วยเพราะเป็นผู้ชายคนแรกของฉันมาทำให้ฉันเกลียดฉันไม่น่าเมาจนพลาดเลย เฮ้อออ
จารุวีย์ได้แต่บ่นกับตัวเองและใจของเธอก็เป็นทุกข์ไม่น้อยเพราะเธอก็วาดฝันชีวิตครอบครัวไว้อย่างดีเธออยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่ใช่แบบนี้ต้องมีลูกกับคนที่ไม่รักเธอไม่รู้ลูกของเธอจะรู้สึกยังไงที่พ่อแม่ไม่รักกันและสักวันก็ต้องแยกกันอยู่
19:34น….
กริ่งๆๆ!!!!เสียงโทรศัพท์จารุวีย์ดังขึ้น
“ฮัลโหลค่ะแม่” จารุวีย์รับโทรศัพท์และเบอร์ที่โทรเข้ามาก็คือแม่ของเธอ
“เป็นยังไงบ้างลูก แม่ขอโทษนะลูกที่ให้หนูไปอยู่ที่นั่นทำให้ชีวิตหนูต้องเป็นแบบนี้” แม่ของจารุวีย์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอนเพราะรู้สึกผิดที่ให้เธอมาอยู่ที่นี่จนเกิดเรื่องขึ้นทำให้เธอไม่มีโอกาสในการเลือกทางเดินชีวิตตัวเองแถมต้องมาแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รัก เรื่องทั้งหมดดาราวรรณได้โทรไปบอกแม่จารุวีย์หมดแล้ว
“คุณแม่..รู้ได้ยังไงคะ” จารุวีย์ได้ยินแบบนั้นทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมาเต็มแก้มทั้งสองของเธอ ความทุกข์ความอึดอัดของเธอได้ระบายออกมาทางน้ำตาไปหมด
“แม่ขอโทษ..แม่ขอโทษจริงๆ แม่จะกลับไปหาหนูเร็วๆ นี้นะลูก” อมลภัทรเสียใจกับความคิดที่ผิดพลาดของเธอมากที่ส่งให้ลูกไปอยู่โดยลำพัง
“ไม่เป็นไรนะคะคุณแม่ หนูโอเคหนูไม่เป็นไร หนูขอโทษนะคะที่หนูพลาดไปแล้ว” จารุวีย์กลัวว่าแม่ของเธอจะคิดมากเธอพยายามรวบรวมสติเพื่อที่จะบอกแม่เธอว่าไม่เป็นไรทั้งที่ในใจของเขามันพังสลายไปหมดแล้ว เธอต้องมารู้สึกกับภูริทัตฝ่ายเดียวทั้งที่เขาไม่เคยสนใจเธอเลยด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไรนะลูกเริ่มใหม่นะ แม่จะไม่ยอมให้หนูท้องไม่มีพ่อแน่นอนแม่และน้าวรรณจะจัดงานแต่งให้ในเร็วๆ นี้”
“มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อคุณภูเขาไม่ได้รักหนูเขามีคนรักอยู่แล้ว เท่ากับหนูไปแย่งเขามา” จารุวีย์ปล่อยโฮออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจในทุกอย่าง
“แต่หนูไม่ผิดนะลูก คนที่ผิดคือภูริทัตเขาเป็นคนทำเขาก็ต้องรับผิดชอบหนู"
“คุณแม่จะมาเมื่อไหร่หนูคิดถึงคุณแม่แล้ว” จารุวีย์ถามแม่ของเธอด้วยความคิดถึง
“อีกสองสามวันนะเดี๋ยวแม่จะไปอดทนอีกหน่อยนะลูก” อมลภัทรพูดด้วยความเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวของเขา
“ค่ะแม่”
“แค่นี้ก่อนนะลูกแม่ไปธุระก่อน” มลภัทรต้องรีบไปเคลียร์งานของเธอให้หมดเพื่อที่จะได้กลับไทยเร็วๆ
“ค่ะ” จารุวีย์วางสายแล้วถอนหายใจเพราะเธอความเศร้าในใจเธอมีมากมาย
……………….
“คุณจาร์คะคุณผู้หญิงให้ลงไปดื่มนมบำรุงค่ะ” เสียงของป้ามะลิแม่บ้านมาเรียกให้จารุวีย์ลงไปดื่มนมบำรุงลูกของเธอ
“ค่ะป้าเดี๋ยวจาร์ลงไปนะคะ ขอบคุณนะคะที่มาตาม” นี่ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วสินะจะทำอะไรคงต้องนึกถึงลูกก่อนฉันไม่ชอบดื่มนมแต่ฉันก็ต้องดื่มเพราะต้องบำรุงลูก ทำไมพ่อของเขาไม่ทำเพื่อเขาบ้างนะ จารุวีย์พูดกับตัวเองด้วยความน้อยใจในพ่อของลูกเธอ
และในขณะที่เธอเดินลงไปดื่มนมก็ไปเจอกับภูริทัตกำลังกลับมาถึงบ้าน ทั้งภูริทัตกับจารุวีย์ได้มองหน้ากันแต่จารุวีย์ก็เดินผ่านภูริทัตแต่ภูริทัตก็จับมือดึงไว้
“จะไปไหน?” ภูริทัตถามจารุวีย์ที่กำลังจะเดินสวนเขาไป
“ฉันจะไปดื่มนมบำรุงลูกของฉัน คุณมีอะไร?” จารุวีย์ถามภูริทัตด้วยความรำคาญเพราะคิดว่าเขาจะมาหาเรื่องอะไรเธออีก
“ลูกเธอคนเดียวซะที่ไหนนั่นก็ลูกฉันเหมือนกัน อะ เอานมนี้ไปไว้ดื่มบำรุงและพรุ่งนี้ฉันจะพาไปฝากครรภ์” จารุวีย์คิดว่าเธอได้ยินผิดเขาเป็นโรคประสาทหรือยังไงเดี๋ยวมาทำดีด้วยเดี๋ยวมาทำชั่วใส่เธอแปลกใจว่าเขาเป็นอะไรไป
“คุณเป็นบ้าอะไร”
“เป็นบ้าอะไรกัน ก็นั่นลูกฉัน..ฉันก็ต้องดูแลสิ” ความจริงแล้วเขาไปบอกความจริงกับข้าวฟ่างและข้าวฟ่างเสียใจมากแต่บอกให้เขากลับมาดูแลรับผิดชอบลูกของเขาแต่เขาก็บอกกับข้าวฟ่างตลอดว่าเขาไม่ได้รักจารุวีย์เขารักแค่ข้าวฟ่างเธอจึงบอกว่าให้ลูกคลอดแล้วค่อยกลับมาหาเธอก็ได้เธอจะเป็นแม่ของลูกให้เขาเอง..เด็กไม่ได้ผิดอะไรเขาพร้อมจะเป็นแม่เด็กให้
“ไม่จำเป็นหรอกฉันดูแลตัวเองได้”
“อย่าดื้อ ฉันจะพาไปฝากครรภ์พรุ่งนี้เตรียมตัวไว้” ภูริทัตพูดจบก็เดินขึ้นห้องไป
>>>>>ติดตามตอนต่อไป
หลังจากนั้นวุฒิชัยก็เดินเข้าไปในครัว เขากะจะโชว์ฝีมือการทำอาหารให้เมียเขาดูแต่เมื่อหันกลับไปเมียของเขากับนั่งเล่นมือถืออยู่ที่โซฟาไม่เดินตามเขามาเขาเดินกลับไปที่ห้องรับแขกไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นเมีย“ทำไมคุณไม่ตามผมมา” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ข้าวฟ่างถึงกับสะดุ้งและเงยหน้ามอง“ไปไหน” เธอถามเพียงสั้นๆ พร้อมหน้าตาที่งงงวย“ไปครัวไงผมจะโชว์ฝีมือ” เธอได้แต่ถอนหายใจแค่ทำอาหารทำไมต้องให้เธอไปดูด้วย“ทำไมฉันต้องไปด้วยคุณทำมาให้กินเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”“ก็ได้นั่งรออยู่นี่แหละ” สิ้นสุดเสียงนั้นหนุ่มหล่อผู้เป็นสามีก็เข้าครัวไปทำอาหารและสักพักก็ถือออกมาให้เมียของเขาทาน ข้าวฟ่างที่นั่งเล่นมือถืออยู่เมื่อได้ยินเสียงวางอาหารเธอก็รีบวางมือถือเพื่อจะชิม“ฉันรอชิมก่อนนะ” สิ้นสุดเสียงเธอก็ใช้ซ้อมตักโดยไม่รอคำตอบจากสามี เมื่ออาหารเข้าปากคำแรกเธอก็ได้รับรสชาติที่แสนอร่อยและไม่คิดว่าเขาจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้“เป็นไงบ้าง อร่อยมั้ยครับคุณหนูข้าวฟ่าง” ใบหน้าแห่งความคาดหวังให้เมียชมก็จ้องมองไปที่หน้าของเธอ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ ก็พอทานได้ให้สอนคุณทำอาหาร” ต่อให้อาหารจะอร่อยแค่ไหนเธอก็ไม่กล้าบอกเพราะกลัวเสียฟอร์ม“งั้นเห
“คุณไปเอารูปผมมาจากไหน” ใบหน้าที่แทบจะเก็บรอยยิ้มของเขาไว้ไม่อยู่ทั้งพูดทั้งมองหน้าเธอ“ในเฟชบุ๊คและไลนฺ์คุณไง เอามาไม่ได้เหรอ”“ก็ได้แต่แค่แปลกใจเฉยๆ ไหนคุณบอกไม่อยากลบรูปเขาไงกลัวไม่มีโอกาสได้ถ่ายอีก” คำพูดของเขาดูนอยๆ แต่ความจริงก็หายโกรธตั้งแต่เห็นหน้าเธอแล้วแหละแค่แกล้งถามไป“พอมาคิดดูๆ แล้วเขาก็แค่อดีตไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับฉันแล้ว ปัจจุบันนี้ต่างหากที่สำคัญ” เธอพูดและส่งรอยยิ้มหวานให้สามีเธอทำให้หัวใจของเขาพองโตยิ้มออกมาด้วยความเขิน“จริงเหรอผมสำคัญกับคุณขนาดนั้นเลยเหรอ”“เปล่าค่ะ ฉันหมายถึงฉันเองต่างหากที่ยืนอยู่ในปัจจุบันควรที่จะเห็นความสำคัญของตัวเองไม่ควรไปยึดติด” คำพูดของเธอกับทำให้เขาโกรธอีกครั้ง เขาเดินหนีไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานของเขาทำให้ข้าวฟ่างเข้าใจในทันทีว่าเขาน้อยใจอีกแล้ว เธอรีบเดินตามเขาไป“คุณเป็นอะไรคะ” หญิงสาวนั่งลงข้างๆ สามีและยื่นหน้าไปถามเขาทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังน้อยใจเธอ“เปล่าครับ”“ฉันล้อเล่น คุณก็สำคัญเหมือนกันนะไม่งั้นฉันไม่มาง้อถึงที่นี่หรอก” ได้ยินแบบนั้นมือทั้งสองข้างของเขาก็กอดไปที่เอวเธออัตโนมัติ และโน้มตัวไปหอมแก้มเธอ“จริงเหรอ”“คุณ
ข้าวฟ่างเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขานั่งนิ่งเงียบและมองหน้าเธอแปลกๆ เธอจึงเอ่ยปากถามเขาด้วยความสงสัย“คุณเป็นอะไรรึเปล่าทำไมมองหน้าฉันแปลกๆ”“เปล่า” สายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของเขาก็แสดงออกมาทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าคำปฏิเสธของเขานั้นต้องมีอะไรแน่ๆ“แน่ใจเหรอคะ” เธอถามทวนเขาอีกรอบเพราะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเก็บความอึดอัดไว้คนเดียวได้เดี๋ยวก็ต้องบอกความต้องการของเขามา ถึงแม้ว่าเธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นานแต่เธอมั่นใจว่าเธอรู้จักเขาดีพอ“ผมถามจริงๆ เถอะคุณยังรักคุณภูริทัตอยู่รึป่าว”“คุณถามทำไม”“ผมแค่อยากรู้” บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลกลัวว่าเมียจะยังรักแฟนเก่าอยู่สายตาที่ต้องการคำตอบมองเธอไม่กระพริบสายตา“ฉันไม่รู้แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรแล้ว ไม่แน่ใจว่าไม่รักแล้วรึเปล่า” เธอยังคงสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอาจจะไม่รักแล้วแต่แค่ยังเสียดายเวลาที่ผ่านมาเพราะคบกันมาตั้งหลายปีจะให้ลืมสนิทมันคงเป็นไปได้ยากอาจจะแค่นึกถึงแค่นั้น“คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่รักเขาแล้ว ผมยังเห็นรูปเขาอยู่เต็มโทรศัพท์ของคุณอยู่เลย" เขาแสดงอาการของคนที่ขี้น้อยใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดข้าวฟ่างเธอไม่คิิดว่าผู้ช
“สวัสดีน้ำหวาน” เธอทักทายกลับโดยไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่เธอเหล่ตาไปมองที่ข้างๆ ที่ข้าวฟ่างนั่งเห็นวุฒิชัยก็สะดุดตาในความหล่อเหลาของเขา“ภูไปไหนแล้วละทำไมได้มากับผู้ชายอื่น”“เลิกกันแล้ว”“อุ้ย!ทำไมได้เลิกเหรอเห็นรักกันดีอยู่นะรักกันมาตั้งหลายปีเธอปล่อยภูหลุดมือไปได้ยังไงกันอุส่าแย่งไปจากฉัน”“พูดให้มันดีๆ นะฉันไม่เคยแย่งภูมาจากเธอแต่ภูไม่เคยเป็นของเธอเลยต่างหาก” เธอเงยหน้าขึ้นขิงใส่น้ำหวานอย่างเบื่อหน่ายเพราะน้ำหวานตามราวีเธอไม่เลิกจนไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีนึกว่าเธอจะเลิกแล้วแต่ก็ยังเหมือนเดิม“อย่าทำมาพูดหน่อยเลย ตอนนี้เป็นไงได้ข่าวว่าภูเขามีลูกมีเมียใหม่แล้วหนิ” เธอพูดเยาะเย้ยใส่ทำให้ข้าวฟ่างโกรธเพราะเหมือนมากรีดแผลใจเธอแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บมากเหมือนเมื่อก่อนอาจเป็นเพราะเธอได้อยู่ใช้ชีวิตกับวุฒิชัยผู้ชายไม่เอาไหนที่เจ้าชู้ไปวันๆ แต่วันนี้เหมือนราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน“มีใหม่แล้วยังไง ฉันก็มีใหม่แล้วเหมือนกันทั้งหล่อรวยเธอละมีปัญญาหาได้สักคนรึยังมาเที่ยวยุ่งเรื่องคนอื่นนี่ ออกไปจากโต๊ะนี่ได้แล้วไปเกะกะลูกตา” เธอเอนหัวไปที่ไหล่ของวุฒิชัยและกอดแขนเขาเพื่อทำใส่น้ำหวานเธอโกรธและ
ข้าวฟ่างยังคงยืนนิ่งกับคำถามของวุฒิชัยอยู่“ขึ้นรถเถอะ”“ตอบผมมาก่อนสิ” สายตาแห่งความคาดหวังมองไปที่หน้าของเธออย่างจริงจังแต่เธอกลับหลบสายตาเขา“ขึ้นรถไปก่อนแล้วฉันจะตอบ” พูดจบขาทั้งสองข้างของเธอก็ก้าวขึ้นรถและยังคงนั่งนิ่งเงียบคิดเรื่องที่เขาถามเธอความสับสนมากมายอยู่ในใจของเธอ“ว่าไงครับ” เขายังคงต้องการคำตอบจากเธออยู่จี้ถามให้เธอตอบ“ฉันไม่รู้เหมือนกัน คุณมันเจ้าชู้ฉันไม่รู้จะเอาคุณอยู่รึเปล่าฉันไม่กล้าเปิดใจเพราะกลัวจะเป็นแบบภูอีก” เธอพูดพร้อมก้มหน้าลง“แต่ผมไม่ใช่เขา ถึงเวลาที่ผมหยุดผมก็หยุดได้ที่ผมทำตัวเจ้าชู้เพราะผมยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่ตอนนี้ผมอยากใช้ชีวิตครอบครัวที่มีความสุขกับคุณ” เขาพูดด้วยหน้าตาที่จริงจัง“ฉันยังไม่กล้าเปิดใจกับคุณหรอกพูดจริงๆ นะฉันเข็ดกับความรักจริงๆ” สองสายตาของเธอมองไปที่เขาด้วยความรู้สึกที่ดีแต่เธอกลัวจริงๆ เพราะเขาเจ้าชู้จริงๆ ในขณะที่เธอท้องไปหาเขายังนัวเนียกับผู้หญิงอื่นไปทั่วเลย“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ไอ้หมอนั้น!” เขาพูดเสียงดังด้วยความเคืองที่เธอเอาแต่นึกถึงภูริทัต“ก็คุณเจ้าชู้ไง ผู้หญิงมาหาคุณไม่ซ้ำหน้าจะให้ฉันเชื่อใจคุณได้ยังไง” เธอพูดออกไปแบบนั้
05 : 20 น.เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าร่างกายเธอเหมือนมีอะไรมากอดอยู่เมื่อก้มลงมามองดูก็เห็นเป็นแขนของวุฒิชัยที่กำลังกอดเธออยู่เธอรีบลุงขึ้นและแขนของเขากับกอดเธอลงไปนอนอีก“นี่คุณมานอนกอดฉันได้ยังไงกันใครอนุญาตให้กอดไม่ทราบ” เธอหันหน้าไปถามเขาด้วยเสียงดุใส่“ไม่มีอะ ผมอยากกอดก็กอดเลยคุณมีปัญหาเหรอนี่เมียผม” เขาพูดหน้าตาเฉยใส่เธอ“แค่เมียในนามเท่านั้นแหละ ฉันเป็นแค่แม่ของลูกคุณเท่านั้น”“ไม่อ่ะ คุณเป็นเมียผมคืนนั้นยังร่วมรักกันอยู่เลย” สิ้นสุดเสียงนั้นก็มีฝามือเล็กๆ ตีลงที่หน้าอกของเขาโอ้ยยยย!! เสียงที่ทำเขาสะดุ้งอาจไม่เจ็บสักเท่าไหร่แต่ก็แสบไม่น้อย“นี่คุณอย่ามาพูดทะลึงนะ คุณมันชอบฉวยโอกาส” เธอโกรธที่เขาพูดเรื่องนี่หรือเขินก็ไม่แน่ใจ“ใจร้ายจังแค่พูดความจริงก็รับไม่ได้” เขากอดเธอให้แน่นกว่าเดิม ยิ่งเธอทำเหมือนหวงตัวแบบนี้ยิ่งชอบเขาไม่ชอบผู้หญิงง่ายๆ แต่เขาก็เอาเหมือนเดิมแต่กับข้าวฟ่างเขารู้สึกว่ามันน่าค้นหาดีเล่นตัวแบบนี้“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” เธอพูดเสียงแข็งให้เขาเลิกกอดเธอ“ไม่นะ ขอนอนกอดก่อน”เปี๊ยะ!! เสียงตีไปที่หน้าอกเขาอีกรอบ ทำให้เขาคายกอดออกอย่างรวดเร็ว“เอะอะก็ตีเป็นลูกเลี้ยงเ