LOGINทว่าความตั้งใจจะลงโทษเมียของคนเอาแต่ใจกลับเป็นหมัน เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วไม่พบคนที่เขาคาดโทษไว้ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ พอเขาโทรหาเธอ คนต้องโทษทัณฑ์โดยไม่รู้ตัวก็ไม่รับสาย สุดท้ายธิติก็ต้องขับรถเข้าไร่อีกครั้ง เพื่อไปถามคนที่ไปส่งเมียเขาว่า มันพาเธอไปส่งไว้ที่ไหนกันแน่
“บ้านคุณปราบครับ”
คำตอบจากปากนายเปี๊ยกทำให้ธิติโมโหหนักกว่าเดิม เธอกลับบ้านโดยไม่บอกเขา เขาซึ่งเป็นสามี และสั่งเธอไว้แล้วว่าให้รอที่โรงอาหาร แบบนี้มันท้าทายกันมากเกินไปแล้ว สงสัยที่ผ่านมา เขาคงใจดีกับเธอมากเกินไป เมียของแถมที่ได้มาพร้อมกับการซื้อที่ดินสี่สิบไร่ ถึงไม่เห็นหัวและไม่ยำเกรง
“ลุงทองบอกว่าคุณพ่อกินข้าวน้อยลง”
“ไปเชื่ออะไรที่ไอ้ทองมันบอก พ่อก็กินข้าวได้ปกตินั่นแหละ” ปราบบอกลูกสาว ทว่าปรายตาดุมองคนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นหนุ่ม
ลุงทองถอนหายใจ คร้านจะเถียงผู้เป็นนาย ไม่อยากยืนฟังคนแก่แก้ตัว เขาจึงเดินเลี่ยงหลบไปทางอื่น ปล่อยให้สองพ่อลูกคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้าน
“ลุงทองงอนคุณพ่อแล้วนะคะ”
“จะมางอนพ่อเรื่องอะไรกัน พ่อต่างหากที่ต้องงอนมัน แก่จนหัวหงอกเต็มกบาลแล้ว ยังทำตัวขี้ฟ้องเหมือนเด็กอนุบาล”
มะปรางส่ายหน้ายิ้ม ๆ หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้บิดาที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน แล้วกอดท่านเต็มอ้อมแขน แนบแก้มกับอกอบอุ่น
“ปรางอยากกลับมาอยู่ดูแลคุณพ่อจังเลยค่ะ”
ปราบหัวเราะในลำคอ เขาลูบหัวลูบหลังลูกสาวคนเดียวด้วยความเอ็นดูและรักสุดหัวใจ
“แต่งงานแล้วก็ต้องอยู่กับสามี อีกหน่อยปรางก็จะมีลูก ขี้คร้านจะยุ่งจนไม่มีเวลานึกถึงพ่อ”
“ไม่มีทางค่ะ” มะปรางรีบบอกเสียงหนักแน่น เธอไม่มีทางมีลูกกับคนเอาแต่ใจแบบนั้นหรอก แต่พอบิดาชะงักมือที่ลูบหัวอยู่ มะปรางก็รีบเงยหน้าบอกท่านว่า “เอ่อ...ปรางหมายถึง ไม่มีทางที่ปรางจะไม่นึกถึงคุณพ่อหรอกค่ะ”
ปราบพยักหน้าน้อย ๆ เขาถอนหายใจบางเบา ดวงตาอ่อนล้ามองเหม่อไปยังวิวนอกประตูบานใหญ่ที่เปิดกว้างอยู่ข้างห้อง
“อืม...ตั้งสองปีแล้วนะ เมื่อไรปรางจะมีหลานให้พ่อชื่นใจสักทีล่ะลูก”
“เอ่อ...คุณติเขายุ่งค่ะ” มะปรางหลุบตามองพื้นในตอนที่ตอบบิดา เธอได้ยินเสียงท่านถอนหายใจอีกครั้ง มืออบอุ่นที่ดูแลเธอมาแต่เด็กดันบ่าเธอออกเล็กน้อย
“เขาดูแลปรางดีไหม เขาทำให้ปรางลำบากใจหรือเปล่า” แม้อยากให้ที่ดินที่ขายให้ลูกเขยไปแล้วตกเป็นของหลานที่เกิดจากลูกสาว แต่หากความต้องการของเขาจะทำให้มะปรางไม่มีความสุข ปราบก็ยินดีที่จะรับลูกกลับคืนสู่อ้อมอก เขายังเหลือที่ดินอีกห้าไร่ มีบ้านปูนหลังเล็กชั้นเดียวยกพื้นสูงปลูกอยู่บนที่ดินผืนนี้ ไม้ผลและสวนผักที่เขาปลูกก็พอได้ขาย พอมีรายได้ให้ครองชีพอยู่ได้ไม่ลำบาก แม้ลูกน้องที่เคยพำนักประจำที่ไร่จะแยกย้ายกันไปทำงานที่อื่นแล้ว แต่ก็ยังพอมีชาวบ้านแถวนี้ที่มารับจ้างทำงานหนักในสวนเป็นครั้งคราว ที่เหลือก็มีเขา ลุงทอง ป้าจิน...เมียของลุงทอง และสร้อย...หญิงม่ายผัวทิ้งวัยยี่สิบหกปีซึ่งเป็นลูกสาวของลุงทองและป้าจินช่วยกันดูแล
“ไม่มีอะไรลำบากใจเลยค่ะ คุณติดูแลปรางดีมาก ครอบครัวของคุณติก็ใจดีกับปรางกันทุกคนเลย”
“ดีแล้วล่ะ พ่อจะได้สบายใจ หวังว่าพ่อจะได้เห็นหน้าหลานก่อนตายนะ” ปราบพูดพลางวางมือบนศีรษะลูกสาวแล้วโคลงเบา ๆ
“ไม่เอา ไม่พูดว่าตายนะคะ คุณพ่อต้องอยู่กับปรางไปอีกนาน ๆ เลย” มะปรางจับมือบิดาออกจากหัว เธอกุมมือท่านไว้ในสองมือ
“เด็กดื้อ...นี่มาคนเดียวแบบนี้ ได้บอกคุณติเขาหรือเปล่า” พอเห็นสีหน้าเป็นกังวลของลูกสาว ปราบจึงเลี่ยงไปสอบถามเรื่องอื่นแทน
“เอ่อ...คุณติยุ่งอยู่ในไร่ค่ะ ปรางเลยไม่ได้บอก”
“โทรบอกเขาหน่อย เขาเป็นสามี จะไปไหนมาไหนก็ควรบอกกล่าวเขาก่อน ชีวิตคู่จะอยู่กันได้ตลอดรอดฝั่งต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจกันนะลูก”
“ปรางไม่ใช่เด็กสักหน่อย จะไปไหนมาไหนไม่เห็นต้องบอกเขาก็ได้”
“ปราง...” เสียงเข้มติดดุของบิดาทำให้มะปรางล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง พอเธอเปิดจอหน้าจอโทรศัพท์ดูก็พบว่า คนที่บิดาให้เธอโทรหาโทรมาหลายสายแล้ว เพราะเธอปิดเสียงเรียกเข้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วลืมเปิดเมื่อเช้านี้ เลยไม่ได้รับสาย แบบนี้เขาคงโกรธเธออีกแน่ ๆ
“งั้นปรางขอไปโทรบอกคุณติก่อนนะคะ”
ปราบพยักหน้าให้ลูกสาว พอมะปรางเดินออกไปทางระเบียงของห้องนั่งเล่น เขาก็ถอนหายใจ เอนศีรษะพิงกับพนักโซฟา วันนี้เป็นวันที่รู้สึกเหนื่อย และหายใจลำบากกว่าทุกวัน แต่เขาพยายามฝืนทำตัวปกติ เพราะไม่อยากให้ลูกสาวเป็นห่วง
พี่ ๆ ต่างพากันยืนรายล้อมเตียงทารกด้วยความตื่นเต้น น้องน้อยของพวกเขาถูกห่อตัวไว้ด้วยผ้าสีชมพูราวดักแด้น้อย“น้องปรายแก้มแดง” เจ้าปราณว่าพลางใช้นิ้วชี้เขี่ยแก้มน้องน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่“จมูกน้องปรายนุ้มนุ่ม” เจ้าโปรดแตะจมูกน้องเบา ๆ ราวกับกลัวว่าน้องจะเจ็บ“น้องปรายตัวเล็กนิดเดียว” เจ้าปราชญ์แตะหน้าผากน้องเบา ๆ อย่างทะนุถนอม“อย่ากวนน้อง ให้น้องนอนเยอะ ๆ น้องจะได้แข็งแรง โตเร็ว ๆ พวกเราเป็นพี่ชายต้องคอยดูแล ปกป้องน้อง อย่าให้ใครมารังแกน้องเด็ดขาด” ปริญบอกน้อง ๆ ทั้งสามด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน เจ้าสามคนหันมามองหน้าพี่คนโตแล้วพยักหน้ารับอย่างจริงจังมะปรางนั่งอิงแอบอกสามีอยู่บนเตียง เธอมองลูก ๆ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข เป็นวันที่เธออ่อนล้าแต่หัวใจอิ่มเอมเต็มตื้นคุณย่าทวดเดือนเต็ม คุณปู่ติณและคุณย่าธัญญามองดูหลาน ๆ อย่างมีความสุข เจ้าพวกตัวน้อยทั้งห้าคนคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของไร่เดือนเต็ม ตั้งแต่มีพวกเขา ไร่เดือนเต็มก็ไม่เคยเหงาอีกเลย มีแต่ความปั่นป่วนที่เจือด้วยรอยยิ้มและความสุขเสียงร้องเล็ก ๆ ของน้องปรายทำให้พี่ ๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ปริญตั้งสติได้ก็หันไปบอกคุณพ่อเสียงตกใจ“คุ
“ลูกหลับหมดแล้วเหรอคะ” มะปรางถามสามีเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน สามีของเธอเพิ่งกลับมาจากเล่านิทานให้ลูก ๆ ฟังในห้องนอนของพวกเขา“หลับหมดแล้ว ทำไมปรางยังไม่นอน” ธิติเดินไปนั่งลงริมเตียง เขาแตะหน้าท้องนูนของคนที่นอนตะแคงอยู่“อึดอัดเหรอครับ หายใจสะดวกไหม” คนห่วงเมียถามพลางช่วยจัดหมอนที่เธอหนุนใต้ท้องไว้ให้เข้าที่“เหนื่อยค่ะ” มะปรางบอกแล้วสูดลมหายใจลึก“เดี๋ยวก็คลอดแล้ว หลังคลอดพี่จะไม่ให้ปรางทำอะไรเลย พี่จะเลี้ยงน้องปรายเอง จะทำให้ทุกอย่าง ปรางจะได้ไม่เหนื่อย”มะปรางยิ้มให้คนที่อาสาจะดูแลลูก หญิงสาวยกมือขึ้นแตะแก้มเขา “สามีของปรางน่ารักที่สุด”ธิติยิ้มอบอุ่น เขาก้มลงหอมแก้มนวลอย่างแสนรัก“นอนได้แล้วครับ พี่ขอเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวจะมานอนกอดนะ”“ค่ะ”เมื่อภรรยาหลับตาลง ธิติจูบเปลือกตาสองข้างของเธอเบา ๆ ก่อนจะลุกไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำธิติใช้เวลาในห้องน้ำไม่นาน ครู่หนึ่งเขาก็เปิดประตูออกมา คิ้วเข้มขมวดมุ่นทันที เมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งหลับตาไปก่อนเขาจะเข้าห้องน้ำลุกขึ้นนั่ง“ปรางลุกขึ้นมาทำไมครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ธิติรีบเดินเข้าไปหาเธอด้วยความเป็นห่วงมะปรางมองหน้าสามีแล้วยิ้
พอคุณพ่อออกปากอนุญาต เด็กน้อยทั้งสี่ก็ร้องดีใจ และโผเข้ากอดคุณพ่อพร้อมกันทันที เจ้าปราณปีนขึ้นไปนั่งตักคุณพ่อแล้วกอดคอไว้แน่น เจ้าหนูหอมแก้มซ้ายขวาคุณพ่อฟอดใหญ่ไปหลายครั้งมะปรางลืมตาขึ้นมองคุณพ่อตัวโตที่ถูกลูก ๆ รุมกอดรุมหอมอยู่บนโซฟา หญิงสาวยิ้มอ่อนโยน แล้วค่อยขยับตัวลุกขึ้นนั่ง“ปราง” ธิติเห็นเมียตื่นก็รีบอุ้มลูกลงจากตัก แล้วเข้าไปนั่งลงข้างเมีย“ตื่นเร็วจัง นอนต่ออีกนิดไหมครับ” ธิติว่าพลางช่วยประคองเธอลุกขึ้นนั่ง“พอแล้วค่ะ อยากไปดูลูกเล่นว่าวมากกว่า” มะปรางว่ายิ้ม ๆ เธอมองสามีด้วยสายตาล้อเลียนธิติยิ้มแห้งให้ภรรยา แบบนี้เธอก็คงได้ยินที่เขาคุยกับลูกหมดแล้วล่ะสิ“คนหื่น” มะปรางขยับปากว่าให้ได้ยินกันเพียงสองคน“คุณแม่ตื่นแล้ว คุณแม่ไปดูพวกเราเล่นว่าวที่หน้าบ้านนะครับ” ปราชญ์นั่งลงข้างมารดา เขาเอนศีรษะซบต้นแขนผู้เป็นแม่ แล้วยื่นมือไปลูบท้องแม่เบา ๆ “พาน้องปรายไปดูพวกเราเล่นว่าวด้วย”มะปรางยิ้มหวานให้ลูกชายคนรอง เธอลูบศีรษะลูก ๆ เบา ๆ “จ้ะ”เจ้าเด็กอีกสามคน พอได้ยินว่าคุณแม่จะไปดูพวกเขาเล่นว่าวก็พากันกระโดดโลดเต้นดีใจกันใหญ่“น้องปรายคอยดูนะ ว่าวของพี่จะต้องขึ้นสูงที่สุด” ปริญมานั่งคุ
มะปรางยอมให้สามีอุ้มเข้าห้องไปวางลงบนเตียง ยอมให้เขาเริ่มบทรักครั้งที่สองในค่ำคืนนี้ด้วยความเต็มใจ เธอให้ความร่วมมือกับเขาเต็มที่ ทว่าสุดท้ายแล้วมะปรางก็ได้เรียนรู้ว่า ไม่มีสัจจะในหมู่คนหื่น ครั้งเดียวไม่เคยมีอยู่จริงสำหรับสามีของเธอ เขามันคนหื่นที่เอาแต่ใจที่สุดตอนพิเศษคุณพ่อลูกดก “ชู่ว์ ! เงียบ ๆ ครับ คุณแม่หลับอยู่” ธิติยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปาก เพื่อเตือนลูกชายวัยไล่เลี่ยกันทั้งสี่คนที่วิ่งกรูเข้ามาในห้องนั่งเล่นยามบ่าย เพราะตอนนี้คุณแม่ของเด็ก ๆ กำลังนอนกลางวันอยู่บนที่โซฟาเบด ช่วงนี้เธออ่อนเพลียง่ายและนอนกลางวันทุกวัน เพราะในท้องของเธอมีลูกสาวของเขาอยู่ ท้องใหญ่ที่นูนเด่นออกมาบอกให้รู้ว่า อีกไม่กี่วันน้องสาวคนเล็กของพี่ ๆ ก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว “ปราชญ์ โปรด ปราณ อย่าเสียงดัง มานั่งตรงนี้” ปริญ...พี่ชายคนโตวัย แปดขวบบอกน้องด้วยสีหน้าขึงขังจริงจัง เขานั่งลงบนโซฟา แล้วตบที่นั่งข้างตัวสองข้าง เพื่อบอกให้น้องมานั่งด้วย ปราชญ์...น้องชายคนรองวัยหกขวบเดินย่องอย่างระมัดระวังไปนั่งข้างพี่ชาย โปรด...น้องชายคนที่สามวัยห้าขวบเดินตามด้วยท่
“ปรางต้องทำยังไง คุณติถึงจะยอมเข้าไปนอนในห้องคะ” สุดท้ายเธอก็ต้องง้อเขา ไม่น่าลงโทษเขาด้วยวิธีแบบนี้เลย แบบนี้เขาต้องได้ใจแน่ ๆ เพราะเขารู้ว่า ถึงยังไงเธอก็ต้องมาง้อเพราะเป็นห่วงเขา “ปรางติดค้างหอมแก้มพี่อีกหนึ่งข้าง” คนอยากหันมากอดเมียแทบตายแต่ก็ยังวางฟอร์มบอก “คุณติหันมาสิคะ ปรางจะหอม” ที่จริงก็อยากเล่นตัวให้นานกว่านี้ แต่กลัวเมียจะเปลี่ยนใจไม่ยอมหอมแก้ม คนตัวใหญ่ขี้ใจน้อยจึงพลิกตัวหันไปหาเธอ “หอมแก้มแล้วต้องแถมจูบด้วย” “แต่ปรางติดหอมแก้มอย่างเดียวนะคะ” “ก็ปรางหอมช้า เลยเวลามาตั้งนานแล้ว มันก็ต้องมีดอกเบี้ยกันบ้าง” มะปรางถอนหายใจบางเบา หญิงสาวยอมทำตามที่เขาบอก เธอหอมแก้มเขาหนึ่งฟอด แล้วแถมด้วยจูบหวาน ๆ ตามใจเขา แต่พอเธอจะถอนจูบ คนที่งอนเธอเมื่อครู่ก็เล่นแง่กับเธอ เขากดท้ายทอยเธอไว้ และจูบอย่างเอาแต่ใจ ทั้งยังแตะต้องสัมผัส ลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวเนียนนุ่ม ปลุกเร้าเธออย่างคนมีแผน “คุณติ...อย่า” มะปรางห้ามเสียงสั่นพร่า เพราะสามีชักจะเตลิดไปกันใหญ่ เขาล้วงมือลงผ่านชายกระโปรงชุดนอน แล้วสอดมือผ่านขอบกางเกงชั้นในเ
“ก่อนจะเหมาทำไมไม่เช็กตังค์ในกระเป๋าก่อนคะ” “ปรางไม่รักพี่” มะปรางถอนหายใจแรง หญิงสาวเปิดกระเป๋าเงินในมือ แล้วหยิบเงินส่งให้คนขายส้ม ก่อนหันมามองค้อนคนที่ยิ้มหน้าบานเพราะเมียตามใจ คนชนะหันไปยิ้มเยาะให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างสะใจ“ส้มหมดแล้ว ไปซื้อร้านอื่นเถอะ” “ขอโทษด้วยนะคะพี่เอื้อ พอดีคุณติเขาอยากซื้อส้มไปแจกคนงานในไร่ค่ะ” “ไม่เป็นไรครับน้องปราง พี่ไปซื้อร้านอื่นก็ได้ครับ พี่ขอตัวก่อนนะครับ” “ค่ะ” แม้จะรู้สึกผิดกับโอบเอื้อ แต่เธอก็เลือกจะตามใจคนเอาแต่ใจ เพราะขืนขัดใจ คนที่งอนเธออยู่แล้วก็จะงอนหนักไปกันใหญ่ “ขอตัวก่อนนะครับคุณติ” “อือ” ธิติพยักหน้า ในใจไล่ส่งอยากให้มันไปเร็ว ๆ พอโอบเอื้อขับรถออกไปแล้ว เขาก็หันมายิ้มให้เมีย “พี่รักปรางที่สุด” “คนนิสัยไม่ดี” มะปรางว่าแล้วหิ้วถุงส้มที่เธอเลือกเดินกลับไปที่รถ ธิติรีบเดินตาม และแย่งเอาถุงส้มมาถือ พอเดินไปถึงรถ เขาก็เปิดประตูรถให้เมีย “คุณติรู้ตัวไหมคะว่า เมื่อกี้คุณติทำตัวได้น่าตีที่สุดเลย” “ก็ช่าง พ







