น้ำผึ้ง Talk
หลังจากวันนั้นไอ้เด็กบ้ามันก็มักจะมาหาฉันตลอดทุกครั้งหลังที่เลิกงานกลับมา ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าเขาทำงานอะไร แต่ก็คิดว่าคงจะทำงานบริษัททั่วๆ ไปเพราะการแต่งกายมันบ่งบอกแบบนั้น
แต่ก็อย่าหวังไปว่าฉันจะเปิดใจให้ง่ายๆ ไอ้หน้าหล่อๆ แต่งตัวดูดีทำงานบริษัทนี่แหละที่ทำให้ฉันเข็ดขยาดจนฉันไม่อยากจะมีใคร
กริ๊ง~
"พี่น้ำผึ้งครับ"
ฉันรีบเดินออกไปที่หน้ารั้ว เพราะไม่อย่างนั้นไอ้เด็กบ้าที่ชื่อออสตินนี่มีหวังได้กดกริ่งบ้านของฉันจนพังแน่ๆ
"จะมีบ้านสักวันไหมที่นายจะไม่มาที่นี่"
"ผมซื้อกับข้าวมาให้ครับพี่กินอะไรหรือยัง"
"ยังหรอกเข้ามาก่อนสิ"
ถามว่าทำไมฉันถึงยอมให้ผู้ชายเข้ามาในบ้านได้ง่ายๆ แบบนี้ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้ไว้ใจอะไรหรอก แต่เท่าที่ดูคร่าวๆ เด็กนี่ก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลยดูเงียบๆ หงิมๆ มากกว่า แต่ไอ้เรื่องตามตื๊อนี่สิหนักข้อเลย
"ไปซื้อมาจากไหนเนี่ย"
"ซื้อมาจากร้านอาหารครับ"
"คราวหน้าไม่ต้องซื้อมานะ"
"ทำไมล่ะครับ ไม่ถูกปากหรอ?"
"เปล่า แต่ฉันไม่ค่อยชอบกินอะไรแพงๆ หรอก อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่พวกเลือกกินขนาดนั้น"
"เดี๋ยวผมจัดใส่จานให้นะครับ"
"อืม..."
หมอนี่ก็มากินมาฝากท้องอยู่นี่แหละ ส่วนมากจะซื้ออาหารมาจากข้างนอกแล้วมากินกับฉันที่นี่ พอมืดก็กลับไป วนเวียนอยู่แบบนี้จนฉันชินไปแล้วล่ะ
มีหมอนี่เข้ามาก็ดูไม่เหงาเหมือนกันนะ แต่พอนึกถึงเรื่องคืนนั้นที่มีอะไรกันฉันนี่แทบอยากจะเอาหน้ามุดดิน
"พี่อยู่บ้านคนเดียวแบบนี้ไม่กลัวหรอครับ?"
"ถามทุกวัน ฉันก็บอกทุกวันจะถามทำไมนักหนา"
"ผมย้ายมาอยู่กับพี่ได้ไหม"
พรวด!
"แค่ก แค่ก แค่ก"
"ผะ ผมขอโทษครับ เขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า"
"ตกลงนายไม่มีบ้านอยู่หรือเป็นอะไรของนายกันแน่เนี่ย จู่ๆ จะมาขออยู่บ้านคนอื่นเขา"
"ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ได้อยู่กับพี่มันไม่เหงาดีครับ เดี๋ยวค่าใช้จ่ายผมจะออกให้เองทั้งหมดเลย ถ้าพี่อยากได้อะไรผมก็จะซื้อให้ ขอแค่..."
"เดี๋ยวๆ บอกไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเห็นแก่เงินขนาดนั้นนะ อย่าคิดที่จะเอาเงินหรือเอาเรื่องที่จะซื้อของให้มาพูดกับฉัน"
"เปล่าครับ แต่พี่เคยบอกผมนี่ว่าโน๊ตบุ๊คใกล้จะพังแล้ว ของหลายๆ อย่างในบ้านก็เก่าโทรมจนต้องเปลี่ยนแล้วนะ"
"เฮ้อ...ช่างมันเถอะน่า มันเคยอยู่ยังไงก็ปล่อยให้มันอยู่อย่างนั้นแหละจะไปยุ่งกับมันทำไม"
ให้ตายสิเด็กนี่คิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย ของในบ้านของฉันมันเก่าก็จริงเพราะมันเก่าตามกาลเวลา มันก็หลายสิบปีมาแล้วนะ แต่บ้านฉันก็ไม่เคยปล่อยให้มันโทรมหรือรกจนอยู่ไม่ได้ เห็นแบบนี้ฉันก็เก่งงานบ้านงานเรือนอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ
ส่วนเรื่องโน๊ตบุ๊คที่ใกล้จะพังมันก็จริงๆ แหละ เพราะมันก็นานแล้วด้วยแต่ที่ยังใช้อยู่เพราะขี้เกียจซื้อใหม่ รอให้มันไปเฝ้าดาวอังคารแล้วจริงๆ ค่อยเปลี่ยน ตอนนี้มันยังใช้การได้อยู่ถึงจะเก่าไปหน่อยก็เหอะ
"พี่ครับ"
"หืม..."
"ที่ทำงานอะไร"
"ก็พวกงานทั่วๆ ไปแหละ ขายของตามอินเตอร์เน็ตบ้าง ทำอะไรจิปาถะไปบ้าง ฉันขี้เกียจทำงานตามบริษัทตามโรงงานมันน่าเบื่อ"
"อ๋อ...แล้วพี่ชอบผมไหม"
"ไม่อะ" ฉันตอบหน้าตาเฉย เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่เอง จะให้ฉันรู้สึกยังไงได้ยังไง ฉันไม่ใช่พวกที่จะชอบใครง่ายๆ แค่คนนั้นเข้ามาทำดีด้วยหรอก
ฉันเข็ดกับเรื่องในอดีตมามากแล้วล่ะ
"ถ้าผมจะชวนพี่ไปที่บ้าน พี่จะไปด้วยไหม"
"นายจะบ้าหรอ ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรกับนายเลยนะ นี่ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลยนะเรื่องที่นายดันไปบอกกับแม่ของนายว่าฉันเป็นแฟนน่ะ"
"ผมขอโทษครับที่พูดออกไปแบบนั้น แต่ที่ต้องพูดก็เพราะไม่อยากให้แม่จับคู่ให้อีก ผมขอโทษพี่จริงๆ นะครับ"
"ว่าแต่นายอายุเท่าไหร่เนี่ย?"
"ยี่สิบห้าครับ"
"โห..."
เด็กจริงๆ ด้วยแฮะ เอาจริงๆ ฉันไม่ค่อยชอบเด็กสักเท่าไหร่หรอกนะ เพราะในความคิดของฉันเด็กมักจะมีความคิดเด็กๆ แต่มันก็ไม่ใช่กับทุกคนหรอก ฉันก็แค่คิดในแง่มุมของฉันก็เท่านั้น
.........
"พรุ่งนี้ไม่ต้องแวะมานะ" ฉันพูดขณะที่กำลังเดินออกไปส่ง
"ทำไมล่ะครับพี่ไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า?"
"เปล่า ฉันก็แค่จะออกไปเที่ยว"
"เที่ยวที่ไหนหรอครับ?"
"ฉันจะไปไหนยังไงต้องรายงานนายทุกอย่างเลยหรือไงเนี่ย"
"ไม่หรอกครับผมแค่อยากรู้ว่าพี่จะไปที่ไหน"
"ทำไม? ถ้าฉันบอกไปแล้วนายจะตามไปหรือไง"
"ก็ถ้าพี่อนุญาตผมก็จะไปครับ"
"ไอ้บ้า แล้วไปแบบนั้นไม่คิดจะทำงานทำการหรือไง"
"ผมลาได้ครับ"
"จิ๊! ทำอย่างกับเป็นลูกเจ้าของบริษัทอย่างนั้นแหละ นี่ถ้านายลางานมาแล้วไปเที่ยวกับฉันแล้วโดนเจ้านายด่าฉันโดนพ่วงไปด้วยจะทำยังไง?"
"ไม่มีใครกล้ามาว่าพี่หรอกครับ"
"....."
"ตกลงพี่จะไปที่ไหนหรอครับ?"
"....."
"พี่น้ำผึ้ง..."
"มันไม่ใช่เรื่องของนายนะ ฉันเคยอยู่คนเดียวไปไหนมาไหนคนเดียว การที่ฉันให้สิทธิ์นายมาอยู่ที่บ้านของฉันได้แบบนี้ มันไม่ได้แปลว่าฉันจะให้สิทธิ์นายก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันนะ"
"ขอโทษครับ"
"เออๆ ช่างมันเถอะ ฉันจะไปภูเก็ตจบนะ"
"ครับ"
ให้ตายสิพอได้เห็นสีหน้าเศร้าๆ ที่หมอนั่นแสดงออกมาฉันนี่ทำตัวไม่ถูกเลย สุดท้ายก็ต้องยอมบอกไปจนได้ ทำไมฉันต้องมาหวั่นไหวกับสายตาเศร้าละห้อยเพียงแค่โดนฉันดุแค่นี้ด้วยนะ
"ผมไปก่อนนะครับพี่"
"ขับรถดีๆ ล่ะ ว่าแต่เอารถจอดไว้ที่หน้าปากซอยเหมือนเดิมหรอ?"
"ครับ"
"คราวหน้าถ้าจะมาก็เอารถมาจอดที่หน้าบ้านก็ได้ เดินกลับไปมืดๆ แบบนี้มันอันตราย"
"ครับพี่ ถ้าถึงห้องแล้วผมขอโทรหาพี่นะ"
"อืม..."
บ้านของฉันมันเป็นซอยเล็กๆ ซึ่งแน่นอนว่ารถจะจอดริมทางไม่ได้เพราะรถที่สวนไปสวนมาจะไม่สามารถผ่านได้ หมอนี่ก็เลยต้องใช้วิธีการจอดรถไว้ที่หน้าปากซอยซึ่งอยู่ไม่ไกลแล้วเดินมาแทน
ฉันยืนมองแผ่นหลังกว้างของเด็กนั่นเดินหายลับไปในความมืด เขาตัวใหญ่และสูงราวๆ 190 เลยได้มั้ง เทียบกับฉันที่สูงแค่ 165 เวลาคุยกันเหมือนแหงนคุยกับเสาไฟฟ้า
ฉันชอบนะ เพราะบุคลิกของหมอนี่คือสเปคของฉันเลย และที่ได้แถมมาด้วยคือเป็นลูกครึ่ง จะผิดไปอยู่อย่างเดียวก็คืออายุที่เด็กกว่านั่นแหละ แต่ก็นะถ้ามันจะได้จริงๆ เรื่องอายุฉันก็ไม่ติด
สามปีต่อมาในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาฉันกับออสตินคอยช่วยกันเลี้ยงดูลูกเป็นอย่างดี มันก็มีบ้างที่คนเราจะต้องเหนื่อย และมันก็มีบ้างที่เราจะมีปากเสียงกันแต่สุดท้ายแล้วเราก็เลือกที่จะปรับความเข้าใจกันเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะอยู่ด้วยกันแล้วจะมีความคิดเห็นบางอย่างไม่ตรงกันและมีปากเสียงกันบ้าง แต่พอเราลองถอยกันคนละก้าวและพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมามันก็ทำให้เราสองคนเข้าใจกันปรับความเข้าใจกันมันเลยไม่มีการทะเลาะกันใหญ่โต ตอนนี้ฉันกำลังท้องลูกคนที่สองได้ห้าเดือนแล้วเป็นผู้หญิง ตอนแรกออสตินก็ไม่กล้าที่จะให้ฉันท้องอีกเพราะกลัวว่าฉันจะต้องเจ็บ รายนั้นกลัวฉันเจ็บมากๆ ถึงขั้นมีความคิดที่จะไปทำหมันตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีลูกอีกฉันจะได้ไม่ต้องเจ็บอีกทั้งที่ตัวเองคิดเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะมีลูกอีกหลายๆ คนลูกจะได้ไม่เหงา สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องปลอบใจและอธิบายให้เขาเข้าใจจนเขาล้มเลิกความคิดที่จะไปทำหมัน และตอนนี้ออสก้ากำลังเข้าเรียนในชั้นเตรียมอนุบาล ออสตินจะขับรถไปส่งทุกๆวันพอเลิกงานก็จะแวะรับลูกชายกลับมาด้วยเพราะงั้นฉันเลยไม่ได้ต้องวุ่นวายตรงนี้ ตอนเช้าตื่นมาออสตินก็จะเป็นคนจัดแจงอาบน้ำแต่งตัว
เวลาต่อมา ตอนนี้ฉันคลอดลูกแล้วและก็กลับมาอยูที่บ้านแล้วด้วย ลูกตัวใหญ่แต่ก็คลอดออกมาเองได้เพราะร่างกายของฉันแข็งแรงพอที่จะคลอดเองได้ ก่อนหน้านั้นออสตินเป็นกังวลอยู่ไม่น้อยเลย เพราะก่อนจะคลอดฉันมีอาการปวดที่เรียกว่าปวดสุดๆ ปวดจนหน้าซีดไปหมด ปวดจนตัวบิดงอ มันเหมือนร่างกายมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่เขาว่ากันว่าการคลอดลูกของผู้หญิงมันเจ็บปวดที่สุดแล้วเพิ่งจะเข้าใจก็วันนี้นี่แหละ “เฮ้อ…”“เจ็บแผลหรือเปล่าครับพี่”“ไม่หรอก ไม่เจ็บแล้ว” ฉันตอบ พอคลอดเสร็จแล้วพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลสองวันก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะ เพราะร่างกายมันฟื้นตัวได้เร็วกกว่า ลูกของฉันเองก็แข็งแรงสมบูรณ์ดีเลยกลับบ้านได้พร้อมกับฉันเลย ตอนนี้ก็ได้แม่บ้านกับออสตินคอยดูแลอยู่ฉันเลยได้มีเวลาพักฟื้นตัวเอง เขาไม่ยอมให้ฉันได้หยิบจับอะไรเลยนอกจากนอนดูพวกเขาช่วยกันเลี้ยงลูกนิ่งๆ “คุณหนูน้อยเลี้ยงง่ายจังเลยค่ะ ไม่ร้องงอแงเลย” “ดีแล้วค่ะที่เลี้ยงง่าย ถ้าแกเลี้ยงยากทุกคนคงต้องเหนื่อยเพิ่มกันแน่ๆ เลยค่ะ” “พี่ครับ..ผมพาขึ้นไปพักไหมครับ”“ไม่เป็นอะไรหรอก ให้ฉันได้นั่งรับลมอยู่ข้างล่างนี่แหละ ตอนเย็นๆ ว่าจะไปเดินเล่นสักหน่อย เหมือนจ
ออสติน Talk "จะเข้ามากอดอะไรขนาดนั้น""....." พอพี่น้ำผึ้งพูดผมก็รีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ตอนนี้ผมกำลังเอาหูแนบฟังลูกที่กำลังดิ้นอยู่ในท้อง ถึงแม้ตอนที่ผมเข้ามาสัมผัสแกจะไม่ดิ้นเลยก็เถอะ แต่ผมก็จะรออยู่แบบนี้จนกว่าจะได้เห็นว่าลูกดิ้นเป็นแบบไหน พี่น้ำผึ้งบอกเสมอว่าลูกชอบดิ้นตอนกลางคืนจนทำให้พี่แกนอนไม่ค่อยหลับบวกกับท้องที่ใหญ่ขึ้นด้วย ผมมักจะรอดูว่าลูกจะดิ้นตอนไหนแต่ทุกครั้งก็ต้องเผลอหลับไปเพราะเหนื่อยจากการทำงานมาแล้ว "พี่หนักท้องไหม?""ก็มีบ้าง ท้องฉันมันโตขึ้นตั้งเยอะ จะบอกไม่หนักเลยก็แปลกสิ" "อืม..." ท้องใหญ่ๆ ของพี่น้ำผึ้งเริ่มมีรอยแตกลาย คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนท้องบางคนที่พอหน้าท้องขยายแล้วก็จะมีรอยแตกแบบนี้ ผมไม่ได้มองว่ามันน่าเกลียดเลย กลับกันผมรู้สึกสงสารพี่น้ำผึ้งด้วยซ้ำที่ต้องยอมเสียสละร่างกายยอมตัวแตกลายเพื่ออุ้มท้อง ที่เขาว่ากันว่าผู้หญิงมักจะเสียเปรียบผู้ชายมันคงจะจริงสินะเพราะผู้ชายไม่สามารถท้องได้ ไม่สามารถเป็นประจำเดือนได้ "ทำไมนายชอบจูบท้องฉันนักล่ะ""จูบเพราะแสดงความรักกับลูกแล้วก็จูบเพราะผมอยากจูบ" ".....""พี่ครับ...ถ้าคลอดลูกคนนี้แล้ว พี่ไม่อยากม
ออสติน Talk "จะเข้ามากอดอะไรขนาดนั้น""....." พอพี่น้ำผึ้งพูดผมก็รีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ตอนนี้ผมกำลังเอาหูแนบฟังลูกที่กำลังดิ้นอยู่ในท้อง ถึงแม้ตอนที่ผมเข้ามาสัมผัสแกจะไม่ดิ้นเลยก็เถอะ แต่ผมก็จะรออยู่แบบนี้จนกว่าจะได้เห็นว่าลูกดิ้นเป็นแบบไหน พี่น้ำผึ้งบอกเสมอว่าลูกชอบดิ้นตอนกลางคืนจนทำให้พี่แกนอนไม่ค่อยหลับบวกกับท้องที่ใหญ่ขึ้นด้วย ผมมักจะรอดูว่าลูกจะดิ้นตอนไหนแต่ทุกครั้งก็ต้องเผลอหลับไปเพราะเหนื่อยจากการทำงานมาแล้ว "พี่หนักท้องไหม?""ก็มีบ้าง ท้องฉันมันโตขึ้นตั้งเยอะ จะบอกไม่หนักเลยก็แปลกสิ" "อืม..." ท้องใหญ่ๆ ของพี่น้ำผึ้งเริ่มมีรอยแตกลาย คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนท้องบางคนที่พอหน้าท้องขยายแล้วก็จะมีรอยแตกแบบนี้ ผมไม่ได้มองว่ามันน่าเกลียดเลย กลับกันผมรู้สึกสงสารพี่น้ำผึ้งด้วยซ้ำที่ต้องยอมเสียสละร่างกายยอมตัวแตกลายเพื่ออุ้มท้อง ที่เขาว่ากันว่าผู้หญิงมักจะเสียเปรียบผู้ชายมันคงจะจริงสินะเพราะผู้ชายไม่สามารถท้องได้ ไม่สามารถเป็นประจำเดือนได้ "ทำไมนายชอบจูบท้องฉันนักล่ะ""จูบเพราะแสดงความรักกับลูกแล้วก็จูบเพราะผมอยากจูบ" ".....""พี่ครับ...ถ้าคลอดลูกคนนี้แล้ว พี่ไม่อยากม
เวลาต่อมา ออสตินคอยดูแลฉันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะลุกจะเดินหรือจะทำอะไรเขาจะเป็นคนจัดการให้ทุกครั้ง ออสตินดูแลฉันอยู่เป็นอาทิตย์หลังจากนั้นเขาก็กลับไปทำงานต่อเพราะเขามั่นใจแล้วว่าอาการแพ้ท้องของฉันมันไม่ได้หนักหนาอะไรและที่บ้านก็ยังมีแม่บ้านคอยอยู่เป็นเพื่อนฉันด้วย แต่ออสตินก็ยังจะกลับบ้านเร็วกว่าปกติ บางครั้งก็จะกลับมาในช่วงเที่ยงๆ ไม่ได้กลับไปทำงานต่อ ออสตินทั้งทำงานไปด้วยดูแลฉันไปด้วย จนบางครั้งฉันก็แอบห่วงสุขภาพของเขาเหมือนกัน อาการแพ้ท้องของฉันมันไม่ได้หนักหนาอะไร ฉันไม่ได้อาเจียนจนกินอะไรไม่ได้ จะมีก็แค่รู้สึกเวียนหัวบ้างเป็นบางครั้ง ออสตินสั่งห้ามฉันทำงานทุกอย่างไม่ว่าจะงานเล็กงานน้อย และเขาก็สั่งกำชับกับแม่บ้านเอาไว้อย่างดีเลยด้วย ฉันแอบไม่ได้หรอกเพราะเรื่องนี้แม่บ้านก็เห็นด้วยกับออสตินไม่มีใครเห็นด้วยกับฉันเลย "ผมกลับมาแล้วครับ" "วันนี้กลับเร็วอีกแล้วนะ" "ก็กลับมาดูแลพี่ไงครับ" "นายเองก็พักบ้างสิดูแลแต่ฉัน แต่ตัวนายไม่ได้พักเลยแบบนี้ฉันก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะ" "พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดเลยครับ ภรรยาของผมกำลังท้องลูกของผมอยู่สามีอย่างผมก็ต้องดูแลภรรยาอย่างเต็มที่สิครับ""แต่นายก็
ออสติน Talk ตอนเย็นหลังเลิกงาน ผมขับรถกลับมาที่บ้านตามปกติเหมือนอย่างเคย บางวันผมก็ขับรถเอง วันไหนเหนื่อยขี้เกียจขับรถก็จะมีคนขับรถค่อยขับรถไปส่งที่บริษัท แต่วันนี้ผมขับรถกลับมาเอง "พี่ค้าบ..." พอกลับมาถึงสิ่งที่ผมทำอย่างแรกเลยคือการได้อ้อนพี่น้ำผึ้ง ผมชอบเข้าไปกอดเธอหอมแก้มเธอ การได้ทำแบบนี้มันทำให้ผมหายเหนื่อยจากที่ทำงานมาเป็นปลิดทิ้งเลย "วันนี้เหนื่อยไหม""เหนื่อยครับ แต่พอเห็นหน้าพี่แล้วก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยครับ""อ้อนเก่งนักนะนายเนี่ย" "ผมขอชาร์จแบตหน่อย" "หิวหรือยัง กินข้าวก่อนแล้วค่อยขึ้นไปอาบน้ำก็ได้จะได้พักทีเดียวเลย""ครับ" ทุกๆ อย่างมันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย ผมกลับมาจากที่ทำงานกินข้าวพร้อมกับพี่น้ำผึ้งแล้วก็ขึ้นไปนอนด้วยกัน เราสองคนไม่ได้เที่ยวที่ไหน กลับกันเราใช้ชีวิตดั่งเช่นสามีภรรยาทั่วไปมากกว่า พี่น้ำผึ้งเธอจะคอยทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน ทำอาหารไว้รอผมในทุกๆ วัน มันอาจจะไม่ได้พิเศษอะไรในสายตาของคนอื่นแต่ในสายตาของผมการได้เห็นหน้าพี่น้ำผึ้งในทุกๆ วันได้พูดคุยกับเธอได้บอกรักเธอมันเป็นวันที่แสนพิเศษสำหรับผมมากที่สุดเลย เพราะงั้นผมถึงได้คิดว่าทุกๆ วันที่ผมตื่นมาแล้ว