จางซิ่วอิงกลับมาพร้อมกับเครื่องประดับผมถุงใหญ่ และถุงเสื้อโค้ดกันหนาวอีกหนึ่งถุงใหญ่ ร่างเล็กหอบเอาถุงสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาในร้านอย่างทุลักทุเลจนเยว่ผิงอันอดสงสารไม่ได้จึงให้ลูกจ้างในร้านไปช่วยถือ
“เสื้อโค้ดบุนวมเหรอ?”เถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์เอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ การจะขายชุดกันหนาวในตอนนี้นับว่าสาวน้อยตรงหน้านั้นมองการณ์ไกลไว้มากทีเดียว ทั้งที่ยังเด็กแต่การเลือกของมาทำการค้าของเธอนั้นเรียกได้ว่าฉลาดเลือกไม่เบา
“ถุงนี้ฉันอยากจะฝากพี่ขายที่ร้านได้ไหมคะ? พอดีฉันไม่ค่อยมีเวลาปล่อยของเลย” หญิงสาวรุ่นน้องพูดจบก็แสดงสีหน้ายุ่งยากออกมาในทันที
ต้องยอมรับว่าเสื้อกันหนาวพวกนี้เป็นที่ต้องการของลูกค้ามาก แต่การขายออกไปแต่ละตัวต้องใช้เวลา เพราะลูกค้าต้องลองสวมและราคาก็นับว่าสูง อีกอย่างเธอจะต้องรีบขายให้เสร็จเพื่อกลับไปให้ทันขึ้นเกวียนก่อนเที่ยงเพราะมีสามีรออยู่ที่บ้าน ฉะนั้นพี่สาวเยว่ที่ขายเสื้อผ้าอยู่แล้ว หากจะขอฝากขายสักหน่อยก็นับเป็นตัวเลือกที่ดีพอสมควร
“เธอจะให้พี่ขายเท่าไหร่ล่ะ?”เยว่ผิงอันถามกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“เสื้อโค้ดพวกนี้รูปแบบทันสมัยมาก กันลม กันน้ำ และที่สำคัญใส่ลุยหิมะได้สบาย แถมยังอุ่นมากเลยล่ะค่ะ เสื้อตัวสั้นฉันขายที่ 300 หยวนค่ะ ส่วนตัวยาวฉันขาย 500 หยวน ถ้าฉันให้ส่วนแบ่งพี่ตัวละ 50 หยวนพี่พอไหวหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มีปัญหา พี่ขายให้เฉย ๆ ก็ยังได้เลย”เจ้าของร้านสาวตอบรับคู่ค้าด้วยท่าทีสบาย ๆ เพราะเธอคิดอย่างที่พูดจริง ๆ เพราะเพียงแค่กิ๊บติดผมที่ทำสัญญากันไปครั้งก่อนก็ทำเงินให้ร้านมากมายแล้วภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน
“ฉันไม่กล้าใช้พี่ขายเฉย ๆ หรอกค่ะ ขอบคุณนะคะพี่สาวคนสวย”เสียงใสตอบกลับไปอย่างเกรงใจ โดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย ในขณะที่มือก็รื้อค้นของในถุงใบใหญ่ออกมานับด้วย
ครั้งนี้เธอเอาของออกมาจำนวนมากในเวลารวดเร็วจึงไม่มีเวลาได้นับ ของทุกชิ้นจึงถูกหญิงสาวสองคนนับสินค้าราวเกือบสิบนาทีจึงแล้วเสร็จ ด้วยจำนวนเครื่องประดับที่มากกว่ารอบที่แล้วเป็นสองเท่า ทำให้เถ้าแก่เนี๊ยสาวพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หลังจากนับของรอบใหม่เรียบร้อยแล้ว เยว่ผิงอันจึงเดินไปยังโต๊ะทำงาน ก่อนจะเปิดลิ้นชักนำซองเงินของสินค้ารอบก่อนออกมาให้คู่ค้าคนสำคัญ แต่สิ่งที่ทำให้เยว่ผิงอันรู้สึกดีกับเด็กสาวรุ่นน้องมากขึ้นคือ จางซิ่วอิงรับซองเงินไปและเก็บเข้ากระเป๋าทันทีโดยไม่ตรวจนับ เมื่อเอ่ยท้วงเด็กคนนี้ก็ทำแค่เพียงยิ้มกว้างเท่านั้น
เมื่อเก็บเงินและร่ำลาเถ้าแก่เนี๊ยของร้านพร้อมกับนัดส่งสินค้าวันต่อไปเรียบร้อย พลันเท้าเล็กที่เตรียมจะก้าวออกจากร้านก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน “อ่า! เกือบลืม ฉันจะมาซื้อเสื้อผ้านี่นา แหะ ๆ”
จางซิ่วอิงยิ้มเจื่อน เธอลืมไปเสียสนิทเลยว่าตั้งใจมาซื้อชุดใหม่ให้ตัวเองและสามี คิดได้ดังนั้นจึงเดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง
“เธอนี่นะพอคุยเรื่องการค้าก็ลืมทุกสิ่งจริง ๆ เลือกเลยเดี๋ยวพี่ลดให้พิเศษ”หญิงสาวกล่าวขึ้นอย่างใจกว้าง ยอมรับว่ารอยยิ้มเจื่อนบนใบหน้าของหญิงรุ่นน้องนั้นเรียกสายตาเอ็นดูจากเยว่ผิงอันได้ไม่ยาก
“จะดีเหรอคะ?”เธอค่อนข้างเกรงใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าขายไม่ค่อยดีหรอกเหรอ เธอเห็นพี่สาวเยว่พึ่งจะขายดีได้แค่วันสองวันก็ไม่อยากเอาเปรียบ อีกอย่างตอนนี้เธอมีเงินในกระเป๋ามากพอที่จะใช้อย่างไม่ขัดสน จึงไม่ได้หวังสิทธิพิเศษใด ๆ สักนิด
“ถือเป็นคำขอบคุณ สินค้าและวิธีการของเธอช่วยร้านพี่ได้มากจริง ๆ”ยิ่งเด็กสาวตรงหน้าเกรงใจเยว่ผิงอันก็รู้สึกยิ่งอยากจะให้เพื่อตอบแทนในสิ่งที่ผ่านมา เพราะหากไม่ได้การช่วยเหลือจากจางซิ่วอิงคนนี้ เธอก็ยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่อย่างไร
“อย่างนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะคะ ขอบคุณค่ะพี่สาวคนสวย”ใบหน้าเล็กผุดรอยยิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนจะโค้งตัวขอบคุณแล้วเดินไปเลือกชุดที่ต้องการ
ครั้งนี้เธอเลือกดูผ้าฝ้ายอย่างดีที่เนื้อค่อนข้างนุ่มละเอียด โดยชุดผู้หญิงสีอ่อนสามชุด และสีเข้มสำหรับสามีอีกสามชุด ซึ่งพี่สาวเยว่ลดให้เธอพิเศษจริง ๆ จนเธอเองนึกเกรงใจอีกฝ่าย ก่อนออกจากร้านจึงกล่าวขอบคุณพี่สาวคนนี้อยู่หลายครั้งกว่าจะเดินออกมาได้
“สามีขา ภรรยากลับมาแล้วววว”เสียงใสตะโกนออกมาตั้งแต่ยังไม่เปิดรั้วบ้านด้วยซ้ำ เมื่อนึกถึงใบหน้าสามีที่หล่อเหลาระดับพระเอกแนวหน้าในยุคที่เธอจากมาก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมา
หญิงสาวเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนที่มีสามีกำลังนั่งรอเธออยู่ที่เดิม ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างเขาและวางกระเป๋าผ้าลงบนเตียง
“ภรรยา! คุณไม่เขินบ้างเหรอครับ?”ในที่สุดสิ่งที่เขาคิดมาตลอดก็ถูกถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ในขณะที่คนฟังอย่างเขานั้นเขินอายจนทำตัวไม่ถูก แต่คนพูดกลับยิ้มกริ่มราวกับพอใจที่เห็นเขาขัดเขินทุกครั้งไป
“ไม่ค่ะ! คุณเขินเหรอคะ?”ไม่พูดเปล่าหญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างยื่นหน้าเข้าไปใกล้สามีจนเหลือระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
“อะแฮ่มมม!!”หยางซีห่าวแสร้งกระแอมออกมาเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนอาการผิดปกติของตนเอง ใบหน้าหล่อเหลาเบือนหนีไปอีกทาง โดยไม่รู้เลยว่าใบหูที่ขึ้นสีแดงก่ำกำลังสร้างความพึงพอใจให้ภรรยาขี้แกล้ง
คนเป็นภรรยาได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางขัดเขินของชายหนุ่มในยุคนี้ เธอไม่คิดว่าสิ่งที่เธอถามจะทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้ “สามีของฉันน่ารักจัง จุ๊บบบ!”
ด้วยความเอ็นดูสามีหุ่นล่ำใบหน้าเล็กจึงยื่นเข้าไปใกล้กว่าเดิม ก่อนจะลวนลามสามีด้วยการประทับจูบลงบนแก้มสาก ทว่าหยางซีห่าวไม่ปล่อยให้โอกาสเอาคืนภรรยาหลุดลอยไป เขาหันหน้ามาพอดีจึงทำให้ริมฝีปากหยักสัมผัสกับกลีบปากบางอย่างพอดิบพอดี
มือใหญ่จับประคองที่ศีรษะทุยของภรรยา ก่อนจะบดเบียดริมฝีปากแนบชิด ลิ้นร้อนค่อย ๆ ละเลียดลิ้มชิมรสกลีบปากล่างนิ่มหยุ่นอย่างเชื่องช้า จนในที่สุดภรรยาก็เปิดช่องโหว่ให้เขาสอดแทรกลิ้นร้อนลวกเข้าไปตักตวงความหอมหวาน
“อื้อออ!!”คนขี้แกล้งเมื่อถูกลุกล้ำเข้ามาในโพรงปากถึงกับนิ่งงัน ริมฝีปากอ้าเผยอปล่อยให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาสำรวจกวาดต้อนลิ้นเล็กได้อย่างง่ายดาย มือเรียวเล็กที่วางอยู่บนอกแกร่งเผลอกำเสื้อของเขาจนเนื้อผ้ายับย่น
“อืมมม ถ้าผมหายดี รับรองว่าผมจะไม่หยุดแค่นี้แน่นอน จุ๊บบ!”หยางซีห่าวพูดเสียงพร่า ก่อนจะจูบหนัก ๆ ย้ำลงบนกลีบปากอิ่มน้ำอยู่หลายครั้งจึงปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ
ดวงตาคู่เรียวเผลอมองริมฝีปากของสามีอย่างเหม่อลอย กว่าจะได้สติก็เป็นตอนที่เขาเชยคางเธอขึ้นให้สบกับดวงตาคู่คมของเขา
พลันใบหน้าเล็กซบลงบนอกกว้างของสามีแล้วถูไถไปมาอย่างขัดเขิน
“คุณ! งื้ออออ! ฉันเขินจะตายอยู่แล้ว”หัวใจเธอเต้นรัวจนแทบเด้งออกมานอกอก เขากำลังจะทำให้เธอหัวใจวายตาย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! คุณพูดตรงเกินไปนะภรรยา”เสียงทุ้มหัวเราะขึ้นอย่างอารมณ์ดี พลางลูบผมนิ่มของภรรยาที่เอาแต่ถูไถไปมาบนอกของเขาเนิ่นนานไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง
ผ่านไปนานนับสิบนาทีกว่าจางซิ่วอิงจะกล้าเงยหน้าขึ้นมา หลังจากนั้นจึงพาสามีไปเข้าห้องน้ำในมิติก่อนจะกลับออกมาทำอาหารมื้อเที่ยง
จางซิ่วอิงจัดเรียงอาหารมื้อเที่ยงที่เต็มไปด้วยจานเนื้อขึ้นโต๊ะอย่างใส่ใจ โดยไม่ลืมคีบเนื้อชิ้นแรกวางให้สามีแล้วลงมือทานส่วนของตนเองไป ระหว่างทานมีเสียงพูดคุยระหว่างทั้งคู่อยู่บ้าง แต่คนที่ติดใจรสมือของภรรยานั้นกลับเอาแต่โกยอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็ว
หลังจากมื้อเที่ยงจบลง หยางซีห่าวกินยาหลังอาหารอย่างเช่นทุกวัน โดยถ้วยชามบนโต๊ะถูกภรรยาเก็บกวาด ชายหนุ่มมองคนเป็นภรรยาที่ทำทุกอย่างให้เขาอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ปริปากบ่นหรือตำหนิที่เขาเป็นแบบนี้สักคำ
“คุณเหนื่อยไหมครับ?”เสียงทุ้มถามภรรยาด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วง ตัวก็เล็กแค่นี้แต่เธอกลับทำทุกอย่างตั้งแต่เช้าตรู่ จนอาทิตย์ตกดินจึงได้พัก เห็นอย่างนั้นเขายิ่งรู้สึกปวดใจ
“ก็เหนื่อยนะคะ แต่พอเห็นเงินฉันก็หายเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ อ้อ! จริงสิ ฉันลืมนับเงินไปเลย”หญิงสาวตอบคำถามสามีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเงินตั้งแต่เมื่อวานรวมถึงวันนี้เธอยังไม่ได้นับมันเลย คิดได้ดังนั้นจึงแบมือในอากาศแล้วเรียกเงินทั้งหมดในมิติออกมานับ
หยางซีห่าวมองเงินบนโต๊ะอย่างตื่นตะลึง เขาไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้มาก่อน ธนบัตรปึกหนาวางเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบเช่นนี้เขารู้สึกราวกับกำลังฝันอยู่ “ทั้งหมดนี่ได้มาจากการทำการค้าเหรอครับ?”
“ก็ไม่ทั้งหมดหรอกค่ะ อย่างในกล่องนี่ก็เป็นเงินที่คุณส่งมาทุกเดือน ฉันเก็บรวม ๆ กันหลายเดือนก็ได้ 450 หยวนพอดี ส่วนซองนี้คือเงินชดเชยที่คุณให้ฉันมา และที่เหลือตรงนี้คือเงินที่ฉันออกไปขายของทุกวัน”จางซิ่วอิงเริ่มแจกแจงเงินเก็บแต่ละส่วนให้สามีเข้าใจ จากนั้นจึงเริ่มนับเงินที่ได้มาเมื่อวานและวันนี้ ก่อนจะเรียกเอาสมุดบัญชีขึ้นมาจดรายรับรายจ่าย
หลังจากบวกลบรายรับรายจ่ายเรียบร้อยแล้ว ยอดเงินคงเหลือรวมแล้วราว ๆ สองหมื่นกว่าหยวน ทำเอาหญิงสาวดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ
“เรามีเงินพอซื้อบ้านได้แล้วนะคะ เดี๋ยวเราไปดูบ้านกัน”เสียงใสพูดกับสามีด้วยความตื่นเต้น จริง ๆ เธอสามารถซื้อบ้านได้ตั้งนานแล้ว แต่ด้วยจำนวนเงินเท่านี้นอกจากจะซื้อบ้านได้แล้ว มันยังเป็นทุนสำรองให้เธอซื้อตึกดี ๆ สักคูหาเพื่อทำการค้าอย่างถูกต้องได้อีกด้วย
“ขอบคุณนะครับ ที่ทำเพื่อครอบครัวของเราขนาดนี้”คนเป็นสามีมองร่างบางตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง พลันกอบกุมมือเรียวเอาไว้แน่น ส่งผ่านความอบอุ่นให้ภรรยา
“ฉันเต็มใจค่ะ”จางซิ่วอิงยิ้มรับคำขอบคุณจากสามี ก่อนจะวางมืออีกข้างลงบนหลังมือของเขาอีกทีหนึ่ง
ชาติก่อนมีแต่คุณที่ทำทุกอย่างเพื่อฉันมาตลอด ชาตินี้ฉันจะทำเพื่อคุณเอง และฉันจะไม่หนีคุณไปไหนอีกแล้วค่ะ…พี่ซีห่าว
ภายในบ้านหลังสีขาวขนาดกลางในย่านการค้าสำคัญ เสียงหัวเราะพูดคุยของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ช่วยทำให้บรรยาของบ้านหลังนี้ดูอบอุ่นไม่น้อยในช่วงเช้าอากาศสดใสจางซิ่วยืนมองหน้าท้องที่เริ่มนูนเล็กน้อยของตนเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ใบหน้าเอิบอิ่มของคุณแม่ยังสาวนับวันยิ่งสวยขึ้นจนผิดหูผิดตาตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่เจ้าสองแสบเข้าโรงเรียนได้ไม่นาน สามีอย่างหยางซีห่าวที่ขยันบอกรักภรรยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ขยันมากขึ้นอีกหลายเท่า จนผ่านไปสองเดือนเจ้าหัวผักกาดหัวที่สามก็ถือกำเนิดขึ้นมาในท้องของเธอในที่สุด“ผมต้องไปแล้วครับ คุณก็อย่าหักโหมนะครับ ผมเป็นห่วง”ชายหนุ่มเอ่ยเตือนภรรยาประโยคเดิมเช่นทุกวัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูอบอุ่น ทั้งแววตาที่มองภรรยานั้นอ่อนโยนกว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไหน ๆเพราะภรรยาของเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องความขยันขันแข็ง ในแต่ละวันเธอทั้งทำงานนอกบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงลูก
จางซิ่วอิงยังต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็ทำให้ลูกน้อยทั้งสองต้องอยู่กับเธอด้วย หยางซีห่าวก็เช่นกัน เขาทำเรื่องลางานถึงหนึ่งเดือนเพื่อมาดูแลภรรยาและลูกน้อยทั้งสองด้วยตนเอง“เด็ก ๆ ป้ามาแล้ววววว!!”เยว่ผิงอันส่งเสียงเรียกหลานทั้งสองก่อนที่ตัวเองจะเข้ามาในห้องเสียอีก เธอเข้ามาเยี่ยมหลาน ๆ พร้อมกับสามีที่ถือของพะรุงพะรังตามหลังมาจางซิ่วอิงยิ้มให้กับคนเห่อหลานทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะให้สามีรับข้าวของเหล่านั้นและนำไปเก็บไว้ก่อน“ผมฝากดูแลเธอและเด็ก ๆ ด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา”หยางซีห่าวพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล วันนี้เขากับพี่ภรรยามีธุระที่ต้องไปสะสางจึงต้องฝากเธอกับลูกไว้กับพี่สะไภ้เสียก่อนจางซิ่วอิงยังไม่หายดีนัก ส่วนลูกทั้งสองแม้จะเป็นเด็กเลี้ยงง่ายแต่การมีคนคอยช่วยเหลือย่อมดีกว่า เขาไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยจนเกินไป“ไปจัดการ
สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านร่างโปร่งแสงไปอย่างแรงจนผมยาวพลิ้วไสวไปตามแรงลม จางซิ่วอิงเผยรอยยิ้มยินดีออกมาในทันที เธอเข้าใจว่าคุณยายรับรู้ความปรารถนาของเธอแล้วจึงเอ่ยพรข้อที่สามออกไป“พรข้อสุดท้ายฉันขอให้ฉันและลูก ๆ ปลอดภัยค่ะ ขอโอกาสให้ฉันได้คลอดพวกเขา ให้พวกเขาได้ออกมาใช้ชีวิตบนโลกอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ”คำอ้อนวอนปนเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวลอยหายไปตามสายลม ก่อนจะได้รับรู้ได้ถึงลมอีกระลอกหนึ่งพัดผ่านร่างของเธอไปอย่างรวดเร็ว สายลมแรงนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บ แต่ทว่ากลับทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรอบตัวเธอเอาไว้ต่างหาก“พรของหล่อนถูกใช้หมดแล้วนะ ต่อจากนี้ยายขอให้หล่อนมีชีวิตที่ดี”เสียงของหญิงชราดังแว่วอยู่ไกล ๆ จางซิ่วอิงพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบ ทว่าเมื่อมองไปยังหน้าห้องคลอดที่มีร่างของเธอนอนนิ่งอยู่ กลับเห็นเด็กชายหญิงหน้าตาน่ารักยืนยิ้มแฉ่งให้เธออยู่
ซ่งเฟยหลงประกาศกร้าวพร้อมยกปืนขึ้นเล็งไปยังผู้ก่อเหตุทั้งหมด อันธพาลสี่คนที่ถูกจ้างมาให้คอยช่วยเหลือหวงไฉ่หง เมื่อเห็นชายในชุดเครื่องแบบทหารพร้อมปืนก็หวาดกลัวจนต้องยกมือขึ้นเหนือหัว ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นตามคำสั่ง แม้แต่หวงไฉ่หงเองที่เป็นเพียงชาวบ้านชนบทมีหรือจะกล้าขัดขืนพันโทซ่งเฟยหลงย้ายมาประจำการที่นี่ในวันนี้ซึ่งเขาไปรายงานตัววันแรก พอเรียบร้อยแล้วก็เจอเข้ากับลูกน้องเก่าอย่างหยางซีห่าวกำลังออกจากค่ายพอดี เขาจึงขอติดรถออกมาด้วยเพื่อหาบ้านพักชั่วคราว ระหว่างรอทำเรื่องขอบ้านพักสวัสดิการ ซึ่งหยางซีห่าวก็รับปากว่าจะพาไปดูบ้านพัก แต่ขอไปรับภรรยาที่กำลังท้องแก่เสียก่อน แต่เมื่อรถเข้ามาจอดภาพเหตุการณ์อุกฉกรรจ์นี้ก็ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าวิ่งมาจากรถที่จอดอยู่อีกด้านทว่าจากที่ซ่งเฟยหลงคิดว่าเป็นเหตุการณ์ของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปคงไม่ใช่แล้ว เพราะลูกน้องอย่างหยางซีห่าวรีบวิ่งไปประคองหญิงท้องแก่ พร้อมตะโกนเรียกชื่อภรรยาดังลั่น“ซิ่วอิง ภรรยา!”
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรจางซิ่วอิงก็อุ้มท้องเจ้าหัวผักกาดมาได้จนถึงแปดเดือนแล้ว เพราะขนาดท้องที่ใหญ่กว่าปกติของคุณแม่ลูกแฝดทำให้การเดินเหินค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบากโดยปกติแล้วการมาทำงานของจางซิ่วอิงจะต้องมีพี่ชายหรือสามีอยู่ด้วยเพื่อคอยระมัดระวังหากเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ทว่าเมื่อวานโรงงานผลไม้กระป๋องของเธอที่อยู่ต่างเมืองมีปัญหาพี่ชายอย่างจ้าวคุนจึงรับอาสาไปดูแทนส่วนสามีนั้นติดภารกิจตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอันที่จริงเขาทำภารกิจนี้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่ต้องอยู่ต่ออีกนิดเพื่อทำเรื่องลาหยุดงานมาดูแลเธอจนกระทั่งคลอด ซึ่งคนเป็นภรรยาเองก็เข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไรจากคนเป็นสามี เพราะอย่างไรวันนี้เธอก็ตั้งใจจะมาทำงานวันสุดท้ายอยู่แล้ว ท้องเธอโตมากและใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว การเดินทางไปทำงานคงไม่สะดวกนัก หลังจากนี้จึงตั้งใจว่าจะให้พี่สะไภ้เอางานส่วนของเธอมาให้ที่บ้านแทนจางซิ่วอิงเดินไปยังลานจอดรถโดยมีพี่สะไภ้คอยประคองอย
“ฉุนเหรอคะ?” คำพูดของเจ้านายสาวทำเอาแม่บ้านซุนคิดหนัก หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม พยายามนึกถึงอาหารแต่ล่ะจานว่าเธอทำผิดพลาดที่ตรงไหนกัน มีส่วนผสมอะไรที่ผิดแปลกหรือพิศดารจึงได้ทำให้เจ้านายอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงเช่นนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ว่าอาหารของป้าซุนไม่ดี แต่ว่าฉันได้กลิ่นแล้วรู้สึกเวียนหัวมากจริง ๆ”หญิงสาวกล่าวขอโทษแม่บ้านทั้งน้ำตาคลอหน่วย เธอเห็นแก่ความทุ่มเทของป้าซุนที่พยายามรังสรรอาหารหลากหลายอย่างเพื่อเอาใจเธอ แต่กลิ่นแบบนั้นเธอไม่สามารถทนได้จริง ๆแม่บ้านวัยกลางคนได้รับคำยืนยันเช่นนั้นก็คิดหนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เห็นทีฝีมือการทำอาหารของเธอคงตกเสียแล้ว พลันวิ่งเข้าไปเตรียมยาดมและยาหอมมาให้กับเจ้านายเพื่อบรรเทาอาการเยว่ผิงอันที่ยืนอยู่ข้างกันกับคู่หมั้นหนุ่มพอฟังอยู่ไม่ไกลนั้นรู้สึกแปลกใจกับน้องสาวขึ้นมาในทันที อาหารบนโต๊ะนั้นแน่นอนว่าล้วนเป็นอาหารอย่างดี ถูกรังสรรขึ้นมาจนหน