คนที่พรานสมิงใฝ่หานักหนา จนกระทั่งหล่อนจากไปด้วยอายุขัย
แต่อีแพรวมิเหมือนนาง อีแพรวเป็นหญิงชั่วสารเลว นางคิดคดทรยศทุกคนที่หยิบยื่นโอกาส คิดชั่วทำชั่ว หวังมาดร้ายฆ่าคนพรากลูกพรากแม่มิรู้กี่รายต่อกี่ราย แถมยังเล่นของทำเสน่ห์มนตร์ดำด้วยวิธีสกปรกโสมม ด้วยคาดหวังว่าหญิงที่เป็นเมียเอกของชายที่มาหลงใหลล้วนต่างต้องตายโหงทั้งสิ้น
จักให้เขาปล่อยนางกาลีนี่ไปได้ลงคออย่างงั้นหรือ
เนื้อร้ายจำเป็นต้องกำจัดทิ้งเท่านั้น
มิว่าจักชาตินี้หรือชาติไหน
“เฮือก!”
แพรวพราวลืมตาตื่นขึ้นในความมืดสนิทของป่า มองไปรอบๆ มีแต่ลำธารและดงกล้วยรกครึ้ม เสียงครางครืนของบางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดใหญ่มหึมาดังอยู่ข้างกาย แต่เมื่อหันกลับไปก็พบกับพรานสมิงที่วักน้ำล้างตัวอยู่ไม่ไกลนัก พร้อมกับถูลำตัวใหญ่โตเปียกปอนของเจ้ากานพลูจนฝ่ายช้างป่าครางฮืมในลำคอเป็นเหตุให้ได้ยินสุ้มเสียงครางจนตื่น เขาเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่กลางลำธาร แสงจันทร์สีนวลสาดส่องจนเห็นบาดแผลสีชาดรอบตัว มันส่องสว่างเมื่อเขาเหลียวมามองราวกับรู้สึกตัวว่าหล่อนตื่นแล้ว
“ฟื้นแล้วหรือ” เสียงทุ้มพร่าดังอยู่กลางลำธารที่แผ่นน้ำเรียบนิ่งไม่เชี่ยวกรากจนน่าหวาดหวั่นทั้งที่ตรงหน้านั้นเป็นหุบเหว แพรวพราวยังคงสั่นกลัวจากเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หาย เมื่อเขาเรียกชื่อหล่อน เธอก็เผลอสะดุ้งเฮือกแล้วหยัดตัวกระถดถอยหนีทันที “กลัวข้าหรือ?”
“มะ... ไม่” ถึงจะอธิบายออกมาตรงๆ ไม่ได้ว่ากลัวเพราะเขาอาจไม่ใช่คน แต่อีกฝ่ายก็ช่วยชีวิตเธอไว้ไม่ใช่เหรอ? เมื่อคิดได้แบบนั้นแพรวพราวจึงเปล่งเสียงออกมาเพียงสั้นๆ “คุณเป็นใครกันแน่คะ?”
ชายตรงหน้านิ่งไป ก่อนที่จะฉีกยิ้มท่ามกลางรัตติกาล
“ข้าเป็นพราน”
“...”
“เป็นพรานป่าที่บังเอิญเลี้ยงเสือสมิงไว้หลายตัวน่ะ”
“... เสือสมิง!?”
เคยได้ยินว่าเสือสมิงเป็นผีหรือปีศาจที่แปลงกายเป็นเสือโคร่ง เคยเป็นละครมาก่อนจากรุ่นพี่นักแสดงที่เคยโด่งดังในอดีตกาล แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาเจอกับตัวเองจริงๆ ถ้าอย่างนั้นชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเหล่านั้น ต่างก็เป็นเสือสมิงที่แปลงกายมาทั้งนั้นหรือ
งั้นก็หมายความว่าก่อนหน้านี้หล่อนก็อยู่ในดงเสือทั้งนั้นเลยสิ
แพรวพราวสับสน เธอแยกไม่ออกแล้วว่าอยู่ที่ไหนจะอันตรายกว่ากัน เพราะอีกฝ่ายก็เป็นหมอผีมีวิชาแล้วส่งผีมาตามล่าเธอ ส่วนฝ่ายที่ช่วยเธอเอาไว้ก็เลี้ยงเสือสมิงที่เป็นอสุรกายพื้นบ้านไทยเอาไว้เป็นฝูง
ไม่ว่าใครก็ตาม... ที่นี่ก็ไม่มีคนปกติทั้งนั้น
“พวกเขาชอบแม่นะ มิได้มองแม่เป็นศัตรูเช่นผีกะตนนั้น” แต่พรานสมิงก็พยายามฟอกขาวให้กับเหล่าเสือที่เขาเลี้ยงเอาไว้ ชายหนุ่มรู้ดีว่าสมิงเหล่านั้นคือเหล่าคนที่ถูกขับไล่จากหมู่บ้านใหญ่ บ้างก็ถูกตามล่าเพื่อฆ่าเป็นอวิชชา เขาซึ่งสงสารจึงเลี้ยงเอาไว้และสร้างหมู่บ้านให้อาศัยกลางป่า แต่ก็ใช้อาคมพรางตาเอาไว้ แต่หญิงผู้นั้นฝ่าอาคมมาได้ และหลุดเข้ามาในวังวนของหมู่บ้านแห่งนี้
หมู่บ้านเล็กๆ และลำธารที่พ่อครูคันศรว่านั้นไม่มีอยู่จริง มีเพียงป่ากล้วยรกชัฏสุดลูกหูลูกตา มันคงกะจะให้นางวกวนหลงทางในนี้จนอดตาย แลถูกพี่กะตายโหงไล่ล่าฆ่าทิ้งในป่ากล้วยอย่าน่าเวทนา
ยอมรับว่าหญิงคนนั้นชะตาต้องตายในวันข้างหน้า แต่ว่า... เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นเมื่อดวงจิตในอดีตกาลถูกแทนที่ด้วยดวงจิตในชาติภพใหม่ เนื่องจากชาติภพนั้นหล่อนตายก่อนอายุขัยที่แท้จริง จึงต้องวนเวียนมาชดใช้กรรมที่หนักหนาในอดีต
มันไม่ต่างกับโลกคู่ขนานนักหรอก ในขณะที่แพรวพราวหลงมาที่นี่ ยุคสมัยของเธอก็ยังดำเนินต่อไป เขาเห็นนิมิตนั้นแล้ว... เธอคือดาราสาวหน้าตาสะสวยในรูปที่ตั้งหน้าพิธีศพนั่นเอง แฟนคลับมากมายต่างหลั่งไหล่ไปเคารพศพ พร้อมกับร่วมพิธีอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ในชาติปัจจุบันหล่อนมีคนรักมากมายแตกต่างจากภพนี้
ภพที่มีแต่คนรังเกียจเดียดฉันท์จากการคิดชั่วจนกระทั่งตัวตาย
เขาไม่เหมือนพ่อครูคันศรที่มองแต่ปัจจุบันว่าหญิงผู้นี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงตนเองได้ อคตินั้นบังตาพอๆ กับความรัก หากแต่พรานสมิงผู้ผ่านชีวิตมานับร้อยหนาว เขามองไปถึงอนาคต และต้องการหยิบยื่น ‘โอกาส’ ให้ผู้หญิงคนนี้ชดใช้กรรมในภพนี้ต่อไป
การที่ดวงจิตในภพชาติปัจจุบันวนเวียนผันผ่านนั้น ไม่น่าใช่เรื่องอาเพศของกาลเวลา กาลเวลาไม่เล่นกับความเป็นความตาย
แลการที่หล่อนตามหาหมู่บ้านพรายสมิงจนเจอ... ก็เป็นเรื่องที่พิเศษมากสำหรับเขา
“ลงมาชำระกายกับข้าไหม... แพรวพราว”
เมื่อสุดท้ายเขาต้องจากกับเธอ ทั้งความตายที่เคยเป็นคำสาปแช่งที่มาจากอคติ ทั้งความรู้สึกชิงชังในวันนั้น ที่ในวันนี้มันกลายเป็นเพียงคำหลอกลวง เพราะเขานั้นหลงรักอีแพรวตั้งแต่แรกเจอแรกเริ่มอาจจะเป็นเพราะดวงหน้าที่คล้ายคลึงกับดอกรัก จนรู้สึกไปเองว่านั่นอาจเป็นความชิงชังที่ดูคล้ายกับยาพิษอันหอมหวาน ความรู้สึกในตอนที่ร่วมรักกับเธอ นั่นราวกับการมอบพรหมจรรย์ให้กับโอกาสสุดท้ายที่ก้าวเข้ามา ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใครแปลงกายมากันแน่ทุกวันเขาบอกตนเองว่า ดอกรักไม่มีจริง คนที่คล้ายคลึงกับดอกรักเองก็ไม่มีจริงเช่นเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่ดอกรัก เธอเป็นเพียงสัตว์ประหลาด ที่หน้าตาคล้ายกับคนอัครที่เขาเคยรักเท่านั้นการปฏิบัติตัวที่ผ่านมากับแพรวพราวนั้น ราวกับเป็นการชดเชยในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำกับดอกรักมาโดยตลอด ที่เธอเคยปฏิเสธเขา ที่เธอทำท่ารังเกียจรังงอนเขา ที่เธอไม่แม้แต่จะมอบดวงใจให้เป็นของเขา เขาใช้ความรู้สึกน่ารังเกียจด้านมืดเหล่านี้ ส่งต่อให้กับแพรวพราวซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไร ในเรื่องราว ระหว่างเขา และอดีตคนที่เขาแอบรักมาโดยตลอดเลยสักนิดแต่เมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ใช่มนุษย์ อคตินั้นยิ่งบ
“แพรว ข้า...” ฝ่ามือหยาบหนานั้นกำหมัดแน่นจนสั่นเทิ้ม เขาแค้นใจและนึกอาฆาตเธอมาตลอดทั้งเรื่องราว แต่ทันทีที่เธอยอมรับความคิดนั้นของเขาและยอมที่จะตายโดยไม่มีข้อแม้ เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ “ข้า... ไม่กล้าพอที่จักฆ่าเจ้า ข้าจึงใช้สังวรีราพณ์เป็นข้ออ้างเท่านั้น”“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”“วันนี้ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือสิ่งสำคัญ ข้าไม่ได้อยากขอโอกาสจากเจ้า ข้ารู้ว่ากำลังถูกหลอกใช้ แต่ข้า... กลับใช้สิ่งนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงเพื่อที่จะกำจัดเจ้า เจ้าจักไปจากข้าก็ได้ แต่ขออย่างเดียวให้ข้าได้แก้ไขในสิ่งที่ข้าเคยทำผิดพลาดไปด้วยเถิด” พ่อหมอไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของตนเองอย่างถ่องแท้หรอก เขาก็แค่กลัวว่าจะเสียเธอไปทั้งอย่างนี้เท่านั้น เพราะความรู้สึกในตอนที่เห็นว่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้น และห้องอันว่างเปล่านั่นทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตอนที่ดอกรักตายจากไปในอ้อมแขนของเขาเสียอีกอาจจะเพราะหล่อนหน้าตาคล้ายกับเมียที่ตายจากไปแล้วก็ได้ ผู้หญิงที่เขาจะไม่มีวันได้ครอบครอง ผู้หญิงที่ทั้งหัวใจมีเพียงแค่พรานสมิงเท่านั้น ผู้หญิงที่แม้แต่ลูกที่เขาเฝ้าดูแล ยังไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากเลือดเนื้อของเขาด้วยซ้ำเขาทำลา
คำพูดของพรานสมิงทำให้แพรวพราวได้ฉุกคิด ที่ผ่านมาเธออาจไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าที่เธอรักนับสิบ และคิดว่าเขาคือคนที่อยู่เคียงข้างเธอ แสนดีกับเธอมาโดยตลอด อาจจะเป็นความรู้สึกถึงชัยชนะที่เธอมีต่อฟ้าลดา ผู้หญิงที่เป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอ เมื่อเธอตั้งท้องและคันศรไม่ต้องการกัน ทำให้แพรวพราวรู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธอีกครั้ง เธอเสียใจ และเมื่อเขาพาวาดรักเข้ามา เธอจึงรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำตัวตนของตนเองจนลบเลือนหายไปที่บอกว่าการไม่มีแม่ก็ไม่เห็นเป็นไรที่จริงแล้วเธออาจจะโกหกตัวเอง การที่เธอบอกว่าเธอรักนับสิบอาจจะเพราะว่ามันคือชัยชนะที่โหยหามาโดยตลอด กับผู้ชายที่ฟ้าลดาหลงรัก แพรวพราวไม่มีวันลืมวันที่เธอก้าวเข้าหาเขา เพราะว่าข่าวลือที่ฟ้าลดาคนนั้นชอบพอกับคนในวงการเดียวกันที่เล่นละครด้วยกันเป็นคู่พระนางตลอดมาเหมือนที่ฟ้าลดาเป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่รู้เรื่องราวการมีอยู่ระหว่าง DNA ของแม่กับแพรวพราวด้วยซ้ำ นับสิบเองก็ไม่ได้ผิดที่หลงรักเธอ มันก็แค่ความเห็นแก่ตัว และต้องการเรียกร้องความรักจากแม่ของเธอเท่านั้นมันก็แค่ความอิจฉาที่น่ารังเกียจของเธอเอง... ค
“นึกสงสัยขึ้นมาได้แล้วหรือแม่หญิงของข้า?”แต่ทว่าในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ท่ามกลางร่างใหญ่มหึมาของกานพลูนั้นปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งโผล่ตัวขึ้นมาเหนือกายยักษ์ของช้างเชือกนั้น“... พรานสมิง” แพรวพราวยอมรับตามตรงว่าตกใจ ก็ไหนว่าเขาหนีหายออกไปแล้วยังไงล่ะ เพราะว่ารับไม่ได้ที่เธอตั้งท้องกับคันศร หรือว่าผัวเธอโป้ปดกันอีกแล้ว?“คิดถึงข้าหรือไม่” เขาไถ่ถาม โดยไม่ดูสถานการณ์ว่าหล่อนกำลังเข้าตาจนอยู่เลยสักนิด“นะ... ไหนพี่ศรบอกว่านายหนีไปแล้ว?”“ข้าแค่แวะไปหาลูกเท่านั้นแล” ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงยักไหล่ปัดป้องและบอกความเป็นจริง “โดนทิ้งมาอีกแล้วสินะ”หากแต่ประโยคต่อมากลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่หัวใจดวงน้อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง หรือจะยอมรับว่ามันไม่ใช่ก็ได้ เพราะเธอเป็นคนตัดสินใจหนีออกมาด้วยตัวเองต่างหาก… แต่นั่นก็เพราะว่าคนๆ นั้นแสดงออกว่าไม่ต้องการกันแล้วไม่ใช่หรือยังไง ก็เลยเจ็บใจเหมือนโดนแทงใจดำกันอย่างช่วยไม่ได้“พูดบ้าๆ ฉันต่างหากที่อุ้มท้องหนีออกมาเพราะเขาพาคุณวาดรักกลับมาที่เรือนนั่น” หญิงสาวคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องโกหกผู้ชายตรงหน้าหรอก เขาเห็นสภาพน่าสมเพชน
อยู่ดีๆ เมื่อรู้ว่าหล่อนได้หนีหายออกไปหลังจากที่เขาได้พาวาดรักกลับมาและปลดแอกทุกอย่าง คันศรที่เคยมั่นอกมั่นใจว่าเขาเกลียดชังหล่อนเหลือเกิน และต้องการจะฆ่าหล่อนมากที่สุด กลับรู้สึกเจ็บปวดกับการที่ไม่มีเธออยู่ในห้อง และได้รับรู้ว่าเธอหนีออกไปแล้วเพราะทนอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป การตามหาเธออาจจะยากเย็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ แถมยังเป็นอสุรกายในตำนานอีกต่างหาก ยิ่งอีกฝ่ายต้องการจะหนีหน้าเขาด้วยแล้ว คงสามารถลบกลิ่นอายของเดรัจฉานได้จนไม่เหลือร่องรอยเป็นแน่ทำไมเขาถึงได้เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้?ทำไมถึงเพิ่งมารู้สึกได้ว่าเธอและลูกสำคัญกับเขาเพียงไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกในท้องนั้นอาจจะไม่ใช่เด็กคนหนึ่ง แต่จะเป็นยาพิษเสียด้วยซ้ำ“ภูติผีทุกตนที่กูมีอยู่ในขณะนี้ จงออกไปตามหานางแลพานางกลับมาหากูให้ได้ ไม่ว่าจะเจอนางในสภาพไหน ก็จงบอกนางว่ากู...” ท้ายประโยคเขากลืนน้ำลายเพียงอึกเดียวด้วยความยากเย็นที่จะกล้าก้าวผ่านทิฐิที่สูงเสียดฟ้า เผลอลืมตัวไปว่าเคยพูดว่าเกลียดเธอขนาดไหน ก่อนที่จะกลั้นใจโพล่งขึ้นประกาศิตออกมา “ต้องการนาง”เงามืดจำนวนมากหลุดพ้นออกไปจากเขตอาคมของเขา และออกตามหาหญิงสาวที่เ
“อย่างไรลูกก็รู้สึกไม่ดีเจ้าค่ะ ที่ราวกับว่าจะเข้ามาคั่นกลางระหว่างพ่อกับเมียของท่านเช่นนี้”วาดรักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่คันศรเข้ามาดูแลเธอด้วยการนวดปลายนิ้วเท้าที่ชาวางลงกับขันรองน้ำอุ่น คอยนวดส่วนไม่งามและอาจผิดครูให้ลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำแน่นอนว่าเขาเองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ถึงเข้ามาทำเช่นนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังเห็นว่าลูกสาวที่พากลับมาที่บ้านกำลังพยายามนวดปลายนิ้วเท้าของตนเอง อาการชาน่าจะมาจากท้องที่ใหญ่โตเกินร่างกายไปกระมังแม้นิสัยจะไม่ใช่คนที่มีความละเอียดอ่อนอะไรนัก แต่เขาเองก็พอเคยดูแลเมียท้องแก่ที่ไม่ได้รักเขาเลยอยู่บ้าง จะให้มาดูแลลูกเลี้ยงที่ไม่มีแม้แต่เลือดเนื้อของตนเองเลยอีกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ก็แค่... อาจเพราะว่าดวงของเขาดึงดูดมาแต่คนที่ไม่ได้เป็นของตัวเองมาทั้งชีวิตก็ได้ล่ะมั้งหากแต่สิ่งเดียวที่ชัดเจนในวันนี้... คือหลังจากที่วาดรักได้กลับมาที่นี่ ความรู้สึกสงบในจิตใจจึงได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง อาจเพราะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นชีวิตที่ผ่านมาจึงปั่นป่วนรวนเร ทั้งความรู้สึกแย่ๆ จิตใจอันคิดลบและความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับอดีตที่เลวร