Share

เป็นเมียหมอผี บทที่ ๒ (๓)

last update Last Updated: 2025-06-02 00:03:11

“ใช่แล้วไอ้แก้ว อีปิ่น หญิงผู้นี้หลงอยู่กลางป่ากล้วย มาขอที่พักที่หมู่บ้านข้าในหนึ่งคืน”

“ในที่สุดหมู่บ้านของเราก็มีแขกมาเยี่ยมเยือนเสียที!” เด็กหัวจุกเปลือยกายแสดงสีหน้าดีใจออกมาพลางกระโดดโหยงๆ สีหน้าของแพรวพราวที่มองเหล่าเด็กน้อยนั้นยิ่งยากจะอธิบาย ยิ่งเมื่อชายที่ซ้อนคชสารด้านหลังเน้นย้ำว่าที่นี่คือศรีอโยธยา แม้เป็นแค่รูปประโยคสั้นๆ แต่ชวนให้หล่อนตื่นตัวสิ้นดี

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่!

แพรวพราวฉลาดพอที่จะเก็บความตกใจระคนสับสนเอาไว้จนกระทั่งชายตรงหน้ากดส้นเท้ากระแทกกลางลำตัวช้างเป็นสัญญาณให้เจ้ากานพลูหมอบลงพร้อมกับลงจากหลังช้างโดยไม่ลืมที่จะรอรับหล่อนลงมาด้วย

คำถามแรกที่ก่อขึ้นภายในใจก็คือ เธอสามารถไว้ใจผู้ชายตรงหน้าได้มากแค่ไหน?

เขาเป็นคนแปลกหน้า และเป็นคนที่เคยรู้จักกับพ่อครูคันศรที่เรียกได้ว่าพยายามรังแกหล่อนทุกวิถีทางแถมยังหลอกให้ฝ่าดงกล้วยจนฟ้ามืด สุดท้ายจะไม่หลงเป็นพวกเดียวกันหรือไง

แต่คิดว่าหล่อนมีทางเลือกมากแค่ไหนกัน?

กระท่อมหลังเล็กนั้นเต็มไปด้วยเทียนไขที่ถูกจุดให้สว่างในยามค่ำคืน ตะวันตกดินแล้วฟ้าก็มืดครึ้ม หมู่บ้านที่ตั้งอยู่กลางป่านั้นเต็มไปด้วยเสียงร้องของจิ้งหรีดระคนสุนัขป่าที่หวีดร้องโหยหวน หรือที่เรียกกันในภาษาชาวบ้านว่าหมามันกำลังหอนนั่นล่ะ แพรวพราวรู้สึกหวาดกลัวมาก ทั้งๆ ที่นั่งกินข้าวเหนียวกับเนื้อสัตว์อยู่กลางแสงเทียนที่ส่องสว่างท่ามกลางความสนใจของเด็กหัวจุกชายหญิงทั้งสอง ก็มีสายตาของผู้ชายที่ช่วยเธอออกมาจากป่ากล้วยนั้นจ้องมองมาด้วย

“แม่หญิงจักบอกว่าตนมิใช่คนในยุคนี้งั้นรึ?” นั่นคือคำถามแรกหลังจากที่หล่อนตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดระหว่างที่กำลังนั่งกินข้าวกับเขา มันไม่ได้เกิดจากความเชื่อใจแต่เพราะสถานการณ์บีบบังคับ ซึ่งกว่าหญิงที่อยู่บนกระท่อมจะปรุงอาหารเสร็จ ฟ้าก็มืดครึ้มเสียแล้ว พรานสมิงเลยจุดเทียนปักรอบๆ เนื่องจากที่นี่กันดารจนไม่มีไฟฟ้าหรือแม้แต่แสงตะเกียง กลางหมู่บ้านมีประชุมกองเพลิงอยู่ น่าแปลกที่คนในหมู่บ้านนี้รวมตัวกันแอบมองหล่อนจากกองไฟ แต่ไม่ได้เข้ามารบกวนอะไร

ความรู้สึกแรกคือมันแปลกพิกล และไม่น่าไว้ใจ แต่เธอไม่มีทางเลือกจริงๆ

“ฉันไม่รู้นะคะว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ความทรงจำสุดท้ายคือฉันตกลงมากลางอากาศ แล้วก็สติก็หลุดลอย มารู้สึกตัวอีกทีที่นี่ก็ไม่ใช่โลกที่ฉันเคยอยู่อีก”

เกิดความเงียบชั่วอึดใจ ชายผู้นั้นโพล่งออกมาหนึ่งคำ

“คงกลัวมากเลยสิหนา”

เมื่อได้ยินประโยคนั้นสาวเจ้าที่กำลังจกข้าวเหนียวกับเนื้อหมูป่าทำทีเป็นแข็งแรงดีก็น้ำตาร่วงเผาะ พูดตามตรงหล่อนเป็นผู้หญิงที่ตรงไปตรงมา มั่นใจในตัวเอง แต่เมื่อยามสับสนก็มีมุมที่อ่อนแอเหมือนกัน

“ฮึก สรุปก็คือฉันตายไปแล้วใช่ไหม นี่มันไม่ใช่ตัวฉันใช่ไหม” ว่าพลางก้มลงมองร่างกายของตัวเอง นิ้วมือ และทุกสิ่งทุกอย่างยังไงก็ไม่ใช่แพรวพราวคนเดิมอยู่ดี ยากที่จะเชื่อว่าแพรวพราวนั้นรอดชีวิตในโลกที่เธอรุ่งโรจน์

“จักว่างั้นก็ย่อมได้ กายหยาบของแม่หญิงในโลกนั้นสิ้นไปแล้ว ตอนนี้พระพุทธองค์ให้ชีวิตใหม่แก่แม่ เพื่อให้แม่หญิงมาชดใช้กรรมในชาตินี้ อย่างไรก็อดทนไว้จนกว่ากรรมที่สร้างไว้จักถูกชดใช้จนเสร็จสิ้นเถิด” อีกฝ่ายว่าด้วยท่าทางนิ่งสงบกว่าปรกติ ทั้งที่ก่อนจะมาถึงหมู่บ้านก็ดูสดใสดีอยู่แท้ๆ

แพรวพราวหยุดสะอื้นไห้ ความสงสัยในตัวเขายังก่อตัวขึ้นอยู่เรื่อยๆ

“... แล้วทำไมนายถึงรู้ได้ล่ะว่าฉันเป็นใครมาจากไหน?” เพราะเกิดความรู้สึกแปลกใจจึงโพล่งขึ้นมาพร้อมด้วยน้ำตาที่อาบนองดวงหน้างาม พรานสมิงที่จ้องมองหล่อนอยู่ท่ามกลางแสงเทียนจึงกระตุกยิ้มออกมา

“เพราะชายผู้นั้นต้องการให้แม่มาชดใช้กรรมยังไงล่ะ”

สิ้นประโยคนั้น ทั้งกองไฟกลุ่มใหญ่ด้านนอก และแสงเทียนกลับถูกอะไรบางอย่างเป่าให้ดับสนิททั้งหมู่บ้าน เกิดเสียงชุลมุนวุ่นวายขึ้นรอบๆ ของเหล่าชาวบ้านที่กำลังถูกอะไรบางอย่างมุ่งเข้ากัดกินฉีกเนื้อเถือหนัง พอๆ กับเสียงกรีดร้องของแพรวพราวที่หวีดขึ้นทันทีที่ทุกอย่างเข้าสู่ความมืดสนิท ก่อนที่ต่อมาจะถูกชายตัวใหญ่กว่าเอามือปิดปากเอาไว้จนเธอไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้นอกจากเสียงครางอื้ออึงในลำคอ

“เงียบเสีย... แพรวพราว”

“...!!!”

“สิ่งนั้นมันกำลังมา”

นั่นเป็นเสียงกระซิบทุ้มพร่าของพรานสมิงที่เรียกชื่อเล่นในโลกนั้นที่เธอจากมา ก่อนที่นอกกระท่อมจะได้ยินเสียงคำรามของอะไรบางอย่างที่น่าขนลุก ร่างเน่าเฟะน่าสะอิดสะเอียนและลำตัวขนาดใหญ่ช้ำเลือดช้ำหนอง ดำเป็นตอตะโกมิต่างจากศพที่ถูกไฟเผากำลังก้าวช้าๆ ด้วยดวงหน้าสยดสยอง เรียวปากกว้างแสยะยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวฟันแหลมคม น้ำลายแฉะเยิ้มรินรดพื้นดินพอๆ กับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง

เพราะตกอยู่ในความมืด พร้อมกับความเงียบสงัด ร่างเน่าเฟะนั้นค่อยๆ ก้าวผ่านไปจากกระท่อมหลังนั้นพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพที่โชยมาตามลม

“ฮึก...!” ต่อให้เป็นนางร้ายอันดับท็อปผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่ว่ากี่ฝน แต่พอมาเจอผีตัวเป็นๆ แบบนี้ก็แทบลืมหายใจเหมือนกัน หล่อนรู้สึกช็อกจนเหมือนจะขาดอากาศหายใจคาอ้อมแขนของพรานสมิงในวินาทีนั้น

“มันคือผีกะที่ไอ้คันศรเรียกมาฆ่าแม่ทิ้งในป่าอย่างไรล่ะ” เสียงทุ้มกระซิบอีกครั้งเมื่อพ้นจากสายตาอาฆาตของร่างเน่าเฟะ เขาพึมพำคาถาบางอย่างแต่แพรวพราวได้ยินไม่ถนัดนักเนื่องด้วยอาการช็อกทำให้หน้ามืดหูดับไปหมด ก่อนที่ร่างของเด็กหัวจุกทั้งสองที่อยู่ด้วยกันจะเปล่งแสงหม่นในความมืด เด็กสองคนนั้นก้มลงกราบแนบเท้าของพรานสมิงที่อยู่ข้างกายหล่อน

“ตามบัญชาจ้ะพ่อ”

ร่างเล็กจ้อยนั้นสำแดงอิทธิฤทธิ์แปลงตนเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่โตที่มีดวงตาสีชาด ขู่กรรโชกใส่ร่างสะอิดสะเอียนที่อยู่นอกกระท่อม พร้อมกับพุ่งทะลุกระท่อมที่แพรวพราวกับชายแปลกหน้านามว่าพรานสมิงพำนักอยู่ไปต่อหน้าต่อตา เสียงกัดกินเข้าห้ำหั่นกับตัวตนน่าสยดสยองที่ชื่อว่าผีกะดังขึ้นนอกกระท่อมจนเกิดความชุลมุน

หมับ!

“กรี๊ด”

ร่างของแพรวพราวถูกพรานสมิงช้อนขึ้นอุ้มพร้อมกับพุ่งออกประตู ชายกำยำพึมพำคาถาอีกครั้ง ในขณะที่หล่อนจะเห็นว่าพวกชาวบ้านในหมู่บ้านต่างเปลี่ยนกายเป็นเสือโคร่งแล้วเข้าไปรุมทึ้งขย้ำผีกะตนนั้นอย่างโหดเหี้ยม เหล่าเสือรุมกินซากศพเน่าเหม็นจนเกิดเสียงคำรามโหยหวนสุดท้ายอย่างน่าเวทนา น้ำเลือดน้ำหนองกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณพร้อมๆ กับตับไตไส้พุงของร่างนั้นที่มีหนอนแมลงขึ้นจนน่าขนลุกขนพอง เสือโคร่งทุกตัวฉีกเนื้อยื้อแย่งกันไปมา จนร่างเน่านั้นสลายกลายเป็นฝุ่นผง

“จงไปสู่สุขคติในสัมปรายภพเสีย ผีกะเอ๋ย”

สิ้นประโยคนั้น ร่างเสือโคร่งทุกตัวต่างมลายหายไป พร้อมๆ กับแพรวพราวที่ช็อกจนสติสตังดับวูบลงในทันที

เพล้ง!

เสียงหม้อดินลงยันต์สีชาดแตกเป็นสองส่วน ดวงตาคมกริบเบิกโพลงขึ้นมากลางตำหนักทรง เขาพ่นลมหายใจหนักหน่วง เนื่องด้วยไอ้พรานนั่นมันเข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องราวของเขาอีกครา

ไอ้พรานสมิงนั่น

“เหลือเพลาอีกไม่มาก พระยาสิงห์จักมาไถ่ตัวอีแพรวในวันพรุ่ง หากกูมิกำจัดบ่วงนี้ให้สิ้นไป... ชะตากรรมของวาดรักจักมิปลอดภัย” เขาพึมพำกับตนเองด้วยความเคร่งเครียด เพราะวาดรักนั้นเป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพ่อครูคันศร ในวันที่เขาไม่เหลือใคร หล่อนคือคนเดียวที่ทำให้เขายังอยู่ตรงนี้ วาดรักมอบชีวิตใหม่ให้แก่เขา จนเขาหลวมตัวรักหล่อนอย่างหมดดวงใจ

“พี่จักปกป้องเจ้าจนสุดความสามารถ”

ถ้าความรักคือการเสียสละ เขานี่แหละคือผู้ที่เสียสละให้วาดรักได้ทุกอย่าง ทุกอย่างแม้นกระทั่งยอมให้หล่อนกลายเป็นเมียของคนที่เขาเคารพนับถือที่สุด แม้จักรู้ว่าสักวันท่านผู้นั้นจักทำหล่อนน้ำตาตกในก็ตาม

ปล่อยอีแพรวให้มีชีวิตต่อไปก็ไร้ประโยชน์ บาปกรรมที่นางนั่นสร้างไว้มันหนักหนาเกินกว่าที่จักไถ่บาปได้แล้ว

ผีกะตายโหงโดนกำจัดทิ้งจากฝูงพรายสมิงที่รุมทึ้งซากศพอย่างป่าเถื่อน ส่วนอีแพรวนั้นรอดชีวิตแลกำลังอยู่ในอุ้งมือของพรานสมิง เพื่อนเก่าแก่ของเขา ที่แตกหักกันเพราะเรื่องของผู้หญิงมาก่อน

วาดรักคือ ‘ลูกสาว’ ของผู้หญิงคนนั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๓)

    แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรงหมับ!ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน“ปล่อยกู!”“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แล

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๒)

    การห้ามมีเซ็กซ์ นั้นยากเย็นกว่าการห้ามรักเสียอีกสัมผัสของพ่อหมอคนนั้นที่หล่อนหลงครวญหาจนนึกว่าเป็นนับสิบนั้นหลอกหลอนวนเวียนในหัวไม่หยุดหลังจากถึงเวลาเข้านอน ฝนยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักนิด ความเหน็บหนาวที่ลอดเข้ามาแม้ว่าบานหน้าต่างจะถูกปิดสนิท ไหนจะเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะๆ ทำให้แพรวพราวที่นอนหนาวอยู่บนฟูกนอนใหญ่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกสงัดเมื่อหันไปข้างๆ ก็พบกับร่างกายกำยำใหญ่โตที่นอนร่วมข้างกายหล่อน พรานสมิงปิดเปลือกตา ไม่มีทีท่าจะตื่นนอน เหมือนว่ากำลังหลับสนิทอยู่นะแต่เมื่อนึกถึงแต่ฉากร่วมเพศตลอดค่อนคืนจนถึงขนาดอาจเอาไปเก็บในนิมิตได้ มันทำให้เธอนอนไม่หลับและรู้สึกเสียววูบวาบยุบยิบในท้องน้อย จวบไปจนถึงเส้นทางสวาทที่ไม่ควรเปิดเผยให้คนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยพ่อครูคันศรชี้ชัดว่าเกลียดน้ำหน้าเธอขนาดนั้น ถ้าให้บากหน้าไปบอกว่า ‘อยากทำ’ คงไม่น่าไหว แต่ถ้าเป็นคนข้างๆ แล้วละก็...แต่!“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย”หล่อนตั้งกฎบ้าๆ นี่ออกไปแล้วน่ะสิ!จะมากลืนน้ำลายตัวเองคงจะไม่ได้ แม้ว่าในชาติก่อนที่เป็นดาราสาวเธอก็มีวันไนท์สแตนด์

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๑)

    “ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไปนั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมังโลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักพูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วยโฮ่ง!แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทั

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๓ (๓) จบตอน

    แพรวพราวชะงักไป หล่อนจ้องเขาตาเขม็ง“ไหนว่าไม่ต้องการข้อแลกเปลี่ยนไงคะ” ก็เมื่อครู่เขายังยอมเซ็นสัญญาปากเปล่าเป็นเด็กในสังกัดเธอโดยไม่รับข้อแม้อะไรอยู่เลย“นี่หาใช่ข้อแลกเปลี่ยนไม่ แม่รับมือไอ้คันศรมิได้ดอก ข้าเองก็มิมีหมู่บ้านให้อยู่อาศัยอีกต่อไป หมู่บ้านนั้นนอกจากเสือก็มีเพียงข้าคนเดียวที่เป็นคน”“...”“การไปร่วมชายคากับแม่เป็นทางเลือกที่ข้าเต็มใจจักเลือก... ข้าอยากอยู่กับแม่”ต๊าย มีผู้ชายตื้ออยากอยู่ด้วยแล้ว“ก็ได้ ถ้าอยากมาก็มา ยังไงนั่นก็ไม่ใช่บ้านฉันอยู่แล้ว” แต่การถูกตามตื้อไม่ใช่ปัญหาของคนที่เคยพราวเสน่ห์อย่างเธอหรอก ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้เลวร้าย อีกอย่างเธอจะอวดดีกลับไปโต้อารมณ์กับพ่อครูคันศรเพียงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แพรวพราวยังไร้กำลังนัก และหล่อนรู้ดีว่าโลกใบนี้ชายหญิงไม่เท่าเทียมกัน“งั้นข้าจักพาแม่ไปส่งประเดี๋ยวนี้เลย” ร่างกำยำค่อยๆ หยัดเดินขึ้นมาที่ริมเนินตลิ่ง เจ้ากานพลูชูงวงอย่างเริงร่าจากที่แอบฟังชายหญิงสองคนพูดคุยกันอยู่นานสองนาน มันเดินตามอีกฝ่ายขึ้นมาด้วย พรานสมิงเปิดเปลือยอวดความบาดตาบาดใจให้หญิงสาวได้เห็น แต่เมื่อเขาจะแต่งกายก็ถูกเจ้ากานพลูเอางวงมาปิดช่วงล่างเอา

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๓ (๒)

    “ถ้าฉันไปอยู่กับพระยาสิงห์ ก็ต้องอยู่ในฐานะเมียน้อยล่ะสิ” เรื่องแบบนี้ยิ่งรับไม่ได้เข้าไปใหญ่“ใช่”“ไม่มีทางหรอกค่ะ”“แม่มิมีทางเลือกดอก” แต่ความคาดหวังและการตัดสินใจที่เสรีถูกปัดตกไปตั้งแต่ที่เกิดเป็นโสเภณีในยุคโบราณแบบนี้แล้ว ยุคสมัยนี้ผู้หญิงไม่ได้มีปากมีเสียง มีความคิดที่อิสระเหมือนบ้านเราในปัจจุบัน สิ่งที่แพรวพราวเลือกได้คือต้องอยู่กับพระยาสิงห์ในฐานะอนุภรรยา หรือถ้ากล้ำกลืนความเป็นเมียน้อยคนแก่พุงพลุ้ยไม่ได้ ก็ต้องตายเท่านั้นเองแต่อยู่ดีๆ สาวเจ้าก็บังเกิดความคิดสุดบรรเจิดและค่อนข้างที่จะสุดโต่งขึ้นมาในหัวแล้วถ้าหล่อนยอมเป็นเมียของคนที่คิดจะฆ่าหล่อนมาตั้งแต่แรก และพยายามทำให้เขาตกหลุมรักให้ได้ล่ะ?ถ้าเธอยอมปรนนิบัติรับใช้พ่อครูคันศร เขาจะเปลี่ยนใจมาช่วยเหลือเธอหรือเปล่า?แน่นอนว่าพรานสมิงเองก็น่าสนใจ แต่ทำไมเธอถึงไม่เลือกเขาน่ะเหรอ?ก็เพราะว่าไม่ตรงสเปคยังไงล่ะอีกอย่าง... ก็เพราะติดใจในหน้าตาที่ละหม้ายคล้ายคลึงกับนับสิบราวกับคนเดียวกันอย่างน่าประหลาดของเขา ถ้าเกิดว่าหมอผีคนนั้นเป็นนับสิบในชาติที่แล้วจริงๆ เธอจะได้เจอกับนับสิบในภพปัจจุบันอีกไหม?ไม่รู้ว่าเพราะอะไร... พอคิดว่าจ

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๓ (๑)

    “ลงมาชำระกายกับข้าไหม... แพรวพราว”เป็นคำชวนแรกจากผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงครึ่งวัน หญิงสาวชะงักไป หล่อนไม่ได้เกิดความรู้สึกอยากลงไปในลำธารนิ่งสงบนั่นเสียเท่าไหร่ ทำแค่เพียงสลับกลับมานั่งพับเพียบอย่างเรียบร้อย พร้อมกับสบตาอีกฝ่ายอยู่ที่เนินตลิ่งอย่างใช้ความคิด“ไม่ดีกว่าค่ะ” สุดท้ายจึงเลือกที่จะปฏิเสธออกไป“มิไว้ใจข้าหรือ” ดวงหน้าคมคายนั้นฉีกยิ้มพรายทรงเสน่ห์ เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีแถมเรือนกายกำยำล่ำสัน ที่ถ้าเป็นผู้หญิงใจง่ายทั่วไปคงแทบวิ่งเข้าใส่ หากแต่หญิงสาวยังตกอยู่ในความตะลึงพรึงเพริดจากเหตุการณ์ก่อนหน้าจนยากจะอธิบาย ถ้าพูดให้ถูกคือชายตรงหน้าเป็นใครก็ไม่รู้ เธอไม่เคยรู้จักเขา แถมเขาไม่ใช่คนในยุคสมัยที่เธอจากมา ถึงจะช่วยเหลือกันไว้แต่หญิงสาวก็ยังไม่ไว้เนื้อเชื่อใจนัก ก็เขาเลี้ยงสมิงไว้ทั้งฝูงนี่ เผลอๆ อาจจะหาทางทำมิดีมิร้ายเธอก็ได้ต้องคิดลบไว้ก่อนเพราะตอนนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันชวนสับสนมึนงงไปหมด“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่เราเพิ่งจะรู้จักกัน จะให้ฉันถอดเสื้อถอดผ้าลงไปอาบน้ำกับผู้ชายคงไม่ดีเท่าไหร่” อีกอย่างการที่จะได้ ‘กิน’ ผู้ชายสักคนเนี่ย แพรวพราวต้องแน่ใจเสียก่อนว่ารู้ตัวตนและโปรไ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status