'เเพรวพราว' ดาราสาวดาวรุ่งพุ่งเเรง ดันตกลงมาขิตกลางอากาศในขณะที่โหนสลิงออกลายละครนาคีพิโรธ ดันมาเกิดใหม่เป็น 'เเม่เเพรว' หญิงงามเมืองเเห่งกรุงศรีอโยธยา ที่ตกเป็นเมียหมอผีชั่วช้าโดยเต็มใจ
view moreแพรวพราว ดาราสาวดาวร้ายดวงดังแห่งเมืองไทย ยืนชื่นชมความงามของตึกหรูใจกลางเมืองติดแม่น้ำเจ้าพระยา ในขณะที่พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวงกว้าง ด้านหลังเป็นชายหนุ่มที่นอนเปลือยหลังกล้ามเป็นมัดๆ ที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ภายในห้องสูทโรงแรม
หญิงสาวผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลัง รับกับเอวคอดได้รูปสวยกับหน้าอกหน้าใจใหญ่โตเกินหน้าเกินตาใครเหยียดยิ้มมุมปาก ในทีวีกำลังฉายภาพของหล่อนที่กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อเจ้าดังด้วยชุดราตรีในนิทรรศการ Pride of All Genders งาน LGBTQ+ ที่หล่อนเปิดตัวว่าให้ความสนับสนุนทุกเพศอย่างเท่าเทียมและไม่ติดใจถ้าคนรักและแฟนคลับจะเป็นเพศไหน พร้อมจะโอบกอดทุกคนจนได้รับเสียงชื่นชมมากมาย
สมกับเป็นดาราสาวหน้าเฉี่ยว ดาวดวงใหม่แห่งวงการละครโทรทัศน์ในประเทศไทย ทั้งสวย รวย เก่ง และมีความคิดสมัยใหม่เลือกก้าวออกมาจากกรอบที่โด่งดังเป็นพลุแตกยิ่งกว่านางเอกแถวหน้าหลายต่อหลายคนเสียอีก
ชีวิตของแพรวพราวกำลังขาขึ้นแบบสุดๆ เธอยิ้มหวานทอดมองภาพแม่น้ำสายใหญ่เบื้องล่าง ที่ไหลเป็นอิสระดั่งเช่นตัวเธอเอง คอยเป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการคมนาคมไม่ต่างกับตัวท็อปสตาร์อย่างเธอ ในขณะที่ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัว
ผู้ชายคนนี้ที่หล่อนควงอยู่อย่างลับๆ คือ ‘นับสิบ’ หนึ่งในพระเอกแถวหน้าของเมืองไทย ที่ต่อหน้าสื่อเป็นคู่จิ้นกับดารานางเอกสาวหน้าตาหวานหยดย้อยคนหนึ่ง เปิดตัวว่าคุยๆ กันแถมยังมีสเปคชอบผู้หญิงเรียบร้อย แต่หลังสื่อกลับคั่วสวาทกับหล่อนที่สวยเปรี้ยวแบบถึงพริกถึงขิง แพรวพราวหิ้วเขาขึ้นห้องทุกอาทิตย์
นี่สินะวงการมายา
หมับ
“แพรวตื่นตอนไหนครับ ผมไม่เห็นรู้เลย”
น้ำเสียงงัวเงียของนับสิบดังขึ้นที่ริมกกหูของหญิงสาว เขาสวมกอดหล่อน รั้งเอวคอดกิ่วที่เขาชอบลูบไล้เวลามันเปลือยเปล่าจากทางด้านหลังอย่างแนบแน่น หน้าตาชวนฝันนั้นซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นอย่างกระหาย
แพรวพราวเด็ด ทั้งสวยทั้งเด็ด เขาหลงใหลเธอมานาน และอยากจับเธอให้อยู่หมัด
“ตื่นนานแล้วค่ะ น้องสิบพักไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่มีงานละครต่อช่วงบ่ายโมง” หล่อนเหลียวไปหอมแก้มชายหนุ่มหน้าหล่อดังฟอดใหญ่ ที่ทำหน้างอนที่ช่วงนี้หล่อนงานรัดตัวจนไม่มีเวลาให้เขา แพรวพราวคงสถานะ ‘พาร์ทเนอร์บนเตียง’ ไว้กับนับสิบ คั่วกันอยู่สองปีจนเขาชอบเธอมากขนาดนี้ หล่อนยังไม่เคยให้ความชัดเจนกับเขาสักที
“แพรวถ่ายงานทุกวันเลย”
“น้องสิบเองก็มีไปถ่ายแบบต่อไม่ใช่หรือไง จะมาน้อยอกน้อยใจก็ไม่ได้ไหมเอ่ย”
“ก็ผมคิดถึงแพรวตลอดเวลานี่นา”
“หนุ่มน้อย เดี๋ยวคืนนี้พี่ก็กลับมาแล้ว นัดเจอที่คาเฟ่ร้านเดิมนะ อย่าให้ใครจับได้ล่ะ” นิ้วมือนุ่มจรดกลีบปากหยักที่ทำท่าจะโน้มมาพรมจูบแก้มขาว หล่อนผละออก ก่อนที่จะปลดชุดคลุมอาบน้ำเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมพร้อมถ่ายละครเรื่องใหม่
นับสิบทอดมองแผ่นหลังงดงามที่ผลุบหายไปในห้องน้ำสุดหรู เขาพ่นถอนหายใจอย่างนึกคลั่งไคล้ และเริ่มหยิบเสื้อมาแต่งตัวเพื่อกลับห้องส่วนตัวของตนเอง
“แล้วเจอกันคืนนี้นะครับ แพรว”
ทันทีที่แพรวพราวปรากฏตัวขึ้นที่สถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง ‘นาคีพิโรธ’ กล้องทุกสื่อพร้อมเลื่อนมาจับที่ดวงหน้าคมเฉี่ยวนั่นทันที
“คุณแพรวพราวมาแล้ว!” เกิดเสียงฮือฮาอื้ออึงขึ้นในสถานที่ถ่ายทำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้นเหตุของคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้เป็นของใคร ผู้กำกับละครและใครหลายต่อหลายคนที่อยู่เบื้องหลังวงการนั้นต่างต้อนรับเธออย่างดีเยี่ยม บ่งบอกถึงความเป็นตัวท็อปแห่งวงการละคร
ทั้งๆ ที่เป็นนางร้ายแท้ๆ ใครหลายคนต่างคิดในใจ
แต่แพรวพราวหาได้แคร์ไม่ เพราะหล่อนนั้นมีดีเกินกว่าที่จะลดตัวลงไปฟังเพียงลมปากของใคร
คนแบบเธอ ถ้าไม่แน่จริง ไม่ปังจริง คงไม่ยืนอยู่ตรงนี้มาได้ยาวนานถึงสามปี
ฉากแรกที่ถ่ายทำลัดก่อนฉากอื่นๆ เป็นฉากสำคัญที่เธอต้องโหนสลิงร่อนลงมาจากความสูงระยะตึกสี่ชั้น เนื่องจากเป็นฉากปรากฎตัวสุดอลังการของนางร้ายอมนุษย์ที่มีชื่อว่า ‘มณีแสง’ ในเรื่องมณีแสงคือพญานาคีที่หลงรักกษัตริย์องค์หนึ่งที่กลับชาติมาเกิดใหม่เป็นพระเอกของเรื่องนี้ แต่สุดท้ายเขากลับหลอกให้นางรักและจองจำนางเพื่อไปอภิเษกกับผู้หญิงคนอื่น นั่นก็คือนางเอกในชาติใหม่นั่นเอง ซึ่งเธอดันไปปลดพันธนาการจองจำมณีแสงโดยไม่ได้ตั้งใจ นางจึงออกมาแผลงฤทธิ์เตรียมเล่นงานคู่พระนางอย่างแสบสัน
จริงๆ จะใช้สตั๊นท์หญิงก็ได้ ทางกองละครเตรียมพร้อมไว้แล้วเนื่องจากไม่อยากให้ดาราสาวคนสำคัญแห่งวงการได้รับบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น หากแต่แพรวพราวยืนยันที่จะแสดงฉากสำคัญนี้ด้วยตัวเอง แม้เธอจะเป็นซุปเปอร์สตาร์แต่ก็ให้ความสำคัญและทุ่มเทกับผลงานการแสดงมากกว่าใคร
เมื่อเริ่มการถ่ายทำ อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม ร่างกายที่ถูกแต่งเติมครบองค์ทรงเครื่องทำให้รู้สึกทรงตัวลำบากและหนักศีรษะจากเครื่องทองแต่งเติมบนหัวให้สมกับละครย้อนยุคเหนือธรรมชาติ แต่แพรวพราวก็กัดฟันทน ร่างของหล่อนถูกปล่อยลงกลางอากาศท่ามกลางอุปกรณ์เซฟตี้ กล้องจับไปที่ร่างบางที่กำลังแสดงท่วงท่าร่อนลงกลางอากาศอย่างงดงามและเคียดแค้นตามบทที่ได้รับมา
แต่ทว่า
สายสลิงนั้นถูกเสียดสีเพราะความเก่า ทำให้รับน้ำหนักสิ่งที่ประโคมบนตัวของหล่อนไม่ไหว มันฉีกขาดผึงกลางเวหา พร้อมกับร่างบางที่ร่วงลงสู่พื้นท่ามกลางเสียงกรีดร้องของทุกคนในฉาก
ตุ้บ เพละ!!
เลือดสาดกระจายทั่วบริเวณ หากแต่ดาราสาวกลับเสียชีวิตฉับพลันด้วยอาการช็อกจนหัวใจวายกลางอากาศก่อนที่ร่างจะหล่นตุ้บลงมาหักงอผิดรูปกลางกองอย่างน่าเวทนา
จบชีวิตอันรุ่งโรจน์ของแพรวพราวไว้เพียงเท่านี้ มันช่างรวดเร็วเสียจนหล่อนไม่ทันตั้งตัว เป็นการตายที่สภาพอนาถา แขนขาหักงอ เลือดกระอักออกปากออกจมูก สภาพศพของเธอมันเฮงซวยสิ้นดี
วิญญาณดาราสาวหลุดออกจากร่าง ดวงวิญญาณถูกฉุดรั้งด้วยใครคนหนึ่งในอดีตที่กำลังประกอบพิธีกรรม ดวงวิญญาณไร้ที่สิงสู่จึงข้ามผ่านกระแสกาลเวลาและภพชาติ เข้าจุติลงในร่างกายของหญิงสาวนางหนึ่ง ที่กำลังประนมมือไหว้พุ่มเพื่อรับมนตร์คาถาจากพ่อครูคันศรตามที่ตั้งใจเอาไว้
นังนั่นมันต้องมิตายดี ต้องมิได้สมบัติใดใดจากพระยาสิงห์ กูจักสาปแช่งให้มันตายตกไปพร้อมลูกชาติเปรตทั้งหมดแลกอบโกยสมบัตินั้นให้ลูกในครรภ์กู!
เสียงสาปแช่งดังผรุสวาทขึ้นในจิตใจอันโสมมหยาบช้าของสตรีผู้นั้น ผิวขาวราวหยวกกล้วย ผมสีดำขลับยาวตรงถูกเกล้ามวย ทัดด้วยดอกไม้สวยงาม การแต่งกายนั้นนุ่งน้อยห่มน้อยบ่งบอกที่มาที่ไปที่จากมา แต่ตอนนี้กำพืดนั่นจะถูกมลายด้วยชายแก่คราวพ่อ
หล่อนคือ อีแพรว หญิงงามเมืองจอมริษยาแห่งโรงนครโสเภณีของนายโรงใหญ่ประจำพระนคร
ดวงหน้าสวยคมผสมแขกหน่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าด้วยสายตายั่วยวนขณะที่ท่านกำลังทำพิธีลงของให้เธอ
พ่อครูคันศร ที่เล่าลือกันว่ามิสนหญิงใดแถมยังครองพรหมจรรย์และรักษาศีลอย่างเคร่งครัด จักเป็นดั่งว่าจริงหรือ
พ่อครูผู้รูปงามเช่นนี้ อีแพรวจักปล่อยไปก็เสียของแย่
“การทำเสน่ห์ยาแฝดนั้นต้องระแวดระวังมิให้ผู้ใดอื่นเห็นของ”
“...”
“ซ่อนให้มิด ปิดให้ดี แลพระยาสิงห์จักรักหลงมึงจนโงหัวมิขึ้น” น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์พร้อมกับดวงตาคมเฉี่ยวที่ตวัดมามองหล่อน เขาดูเย็นชากับหล่อนเหลือเกิน หากแต่ก็ยอมลงของทำเสน่ห์ให้ตามที่ร้องขอ น่าจะสนอกสนใจหล่อนอยู่บ้างกระมัง
น่าจับกินเหลือเกิน
“พ่อครูบอกก่อนที่จักทำว่าจริงๆ แล้วข้ามิต้องทำเสน่ห์ก็มีชายมาหลงรักออกมากปานนั้น”
“...”
“เหตุใดพ่อครูไม่หลงเสน่ห์ข้าบ้างเล่าเจ้าคะ?”
เมื่อสุดท้ายเขาต้องจากกับเธอ ทั้งความตายที่เคยเป็นคำสาปแช่งที่มาจากอคติ ทั้งความรู้สึกชิงชังในวันนั้น ที่ในวันนี้มันกลายเป็นเพียงคำหลอกลวง เพราะเขานั้นหลงรักอีแพรวตั้งแต่แรกเจอแรกเริ่มอาจจะเป็นเพราะดวงหน้าที่คล้ายคลึงกับดอกรัก จนรู้สึกไปเองว่านั่นอาจเป็นความชิงชังที่ดูคล้ายกับยาพิษอันหอมหวาน ความรู้สึกในตอนที่ร่วมรักกับเธอ นั่นราวกับการมอบพรหมจรรย์ให้กับโอกาสสุดท้ายที่ก้าวเข้ามา ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใครแปลงกายมากันแน่ทุกวันเขาบอกตนเองว่า ดอกรักไม่มีจริง คนที่คล้ายคลึงกับดอกรักเองก็ไม่มีจริงเช่นเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่ดอกรัก เธอเป็นเพียงสัตว์ประหลาด ที่หน้าตาคล้ายกับคนอัครที่เขาเคยรักเท่านั้นการปฏิบัติตัวที่ผ่านมากับแพรวพราวนั้น ราวกับเป็นการชดเชยในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำกับดอกรักมาโดยตลอด ที่เธอเคยปฏิเสธเขา ที่เธอทำท่ารังเกียจรังงอนเขา ที่เธอไม่แม้แต่จะมอบดวงใจให้เป็นของเขา เขาใช้ความรู้สึกน่ารังเกียจด้านมืดเหล่านี้ ส่งต่อให้กับแพรวพราวซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไร ในเรื่องราว ระหว่างเขา และอดีตคนที่เขาแอบรักมาโดยตลอดเลยสักนิดแต่เมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ใช่มนุษย์ อคตินั้นยิ่งบ
“แพรว ข้า...” ฝ่ามือหยาบหนานั้นกำหมัดแน่นจนสั่นเทิ้ม เขาแค้นใจและนึกอาฆาตเธอมาตลอดทั้งเรื่องราว แต่ทันทีที่เธอยอมรับความคิดนั้นของเขาและยอมที่จะตายโดยไม่มีข้อแม้ เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ “ข้า... ไม่กล้าพอที่จักฆ่าเจ้า ข้าจึงใช้สังวรีราพณ์เป็นข้ออ้างเท่านั้น”“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”“วันนี้ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือสิ่งสำคัญ ข้าไม่ได้อยากขอโอกาสจากเจ้า ข้ารู้ว่ากำลังถูกหลอกใช้ แต่ข้า... กลับใช้สิ่งนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงเพื่อที่จะกำจัดเจ้า เจ้าจักไปจากข้าก็ได้ แต่ขออย่างเดียวให้ข้าได้แก้ไขในสิ่งที่ข้าเคยทำผิดพลาดไปด้วยเถิด” พ่อหมอไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของตนเองอย่างถ่องแท้หรอก เขาก็แค่กลัวว่าจะเสียเธอไปทั้งอย่างนี้เท่านั้น เพราะความรู้สึกในตอนที่เห็นว่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้น และห้องอันว่างเปล่านั่นทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตอนที่ดอกรักตายจากไปในอ้อมแขนของเขาเสียอีกอาจจะเพราะหล่อนหน้าตาคล้ายกับเมียที่ตายจากไปแล้วก็ได้ ผู้หญิงที่เขาจะไม่มีวันได้ครอบครอง ผู้หญิงที่ทั้งหัวใจมีเพียงแค่พรานสมิงเท่านั้น ผู้หญิงที่แม้แต่ลูกที่เขาเฝ้าดูแล ยังไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากเลือดเนื้อของเขาด้วยซ้ำเขาทำลา
คำพูดของพรานสมิงทำให้แพรวพราวได้ฉุกคิด ที่ผ่านมาเธออาจไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าที่เธอรักนับสิบ และคิดว่าเขาคือคนที่อยู่เคียงข้างเธอ แสนดีกับเธอมาโดยตลอด อาจจะเป็นความรู้สึกถึงชัยชนะที่เธอมีต่อฟ้าลดา ผู้หญิงที่เป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอ เมื่อเธอตั้งท้องและคันศรไม่ต้องการกัน ทำให้แพรวพราวรู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธอีกครั้ง เธอเสียใจ และเมื่อเขาพาวาดรักเข้ามา เธอจึงรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำตัวตนของตนเองจนลบเลือนหายไปที่บอกว่าการไม่มีแม่ก็ไม่เห็นเป็นไรที่จริงแล้วเธออาจจะโกหกตัวเอง การที่เธอบอกว่าเธอรักนับสิบอาจจะเพราะว่ามันคือชัยชนะที่โหยหามาโดยตลอด กับผู้ชายที่ฟ้าลดาหลงรัก แพรวพราวไม่มีวันลืมวันที่เธอก้าวเข้าหาเขา เพราะว่าข่าวลือที่ฟ้าลดาคนนั้นชอบพอกับคนในวงการเดียวกันที่เล่นละครด้วยกันเป็นคู่พระนางตลอดมาเหมือนที่ฟ้าลดาเป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่รู้เรื่องราวการมีอยู่ระหว่าง DNA ของแม่กับแพรวพราวด้วยซ้ำ นับสิบเองก็ไม่ได้ผิดที่หลงรักเธอ มันก็แค่ความเห็นแก่ตัว และต้องการเรียกร้องความรักจากแม่ของเธอเท่านั้นมันก็แค่ความอิจฉาที่น่ารังเกียจของเธอเอง... ค
“นึกสงสัยขึ้นมาได้แล้วหรือแม่หญิงของข้า?”แต่ทว่าในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ท่ามกลางร่างใหญ่มหึมาของกานพลูนั้นปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งโผล่ตัวขึ้นมาเหนือกายยักษ์ของช้างเชือกนั้น“... พรานสมิง” แพรวพราวยอมรับตามตรงว่าตกใจ ก็ไหนว่าเขาหนีหายออกไปแล้วยังไงล่ะ เพราะว่ารับไม่ได้ที่เธอตั้งท้องกับคันศร หรือว่าผัวเธอโป้ปดกันอีกแล้ว?“คิดถึงข้าหรือไม่” เขาไถ่ถาม โดยไม่ดูสถานการณ์ว่าหล่อนกำลังเข้าตาจนอยู่เลยสักนิด“นะ... ไหนพี่ศรบอกว่านายหนีไปแล้ว?”“ข้าแค่แวะไปหาลูกเท่านั้นแล” ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงยักไหล่ปัดป้องและบอกความเป็นจริง “โดนทิ้งมาอีกแล้วสินะ”หากแต่ประโยคต่อมากลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่หัวใจดวงน้อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง หรือจะยอมรับว่ามันไม่ใช่ก็ได้ เพราะเธอเป็นคนตัดสินใจหนีออกมาด้วยตัวเองต่างหาก… แต่นั่นก็เพราะว่าคนๆ นั้นแสดงออกว่าไม่ต้องการกันแล้วไม่ใช่หรือยังไง ก็เลยเจ็บใจเหมือนโดนแทงใจดำกันอย่างช่วยไม่ได้“พูดบ้าๆ ฉันต่างหากที่อุ้มท้องหนีออกมาเพราะเขาพาคุณวาดรักกลับมาที่เรือนนั่น” หญิงสาวคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องโกหกผู้ชายตรงหน้าหรอก เขาเห็นสภาพน่าสมเพชน
อยู่ดีๆ เมื่อรู้ว่าหล่อนได้หนีหายออกไปหลังจากที่เขาได้พาวาดรักกลับมาและปลดแอกทุกอย่าง คันศรที่เคยมั่นอกมั่นใจว่าเขาเกลียดชังหล่อนเหลือเกิน และต้องการจะฆ่าหล่อนมากที่สุด กลับรู้สึกเจ็บปวดกับการที่ไม่มีเธออยู่ในห้อง และได้รับรู้ว่าเธอหนีออกไปแล้วเพราะทนอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป การตามหาเธออาจจะยากเย็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ แถมยังเป็นอสุรกายในตำนานอีกต่างหาก ยิ่งอีกฝ่ายต้องการจะหนีหน้าเขาด้วยแล้ว คงสามารถลบกลิ่นอายของเดรัจฉานได้จนไม่เหลือร่องรอยเป็นแน่ทำไมเขาถึงได้เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้?ทำไมถึงเพิ่งมารู้สึกได้ว่าเธอและลูกสำคัญกับเขาเพียงไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกในท้องนั้นอาจจะไม่ใช่เด็กคนหนึ่ง แต่จะเป็นยาพิษเสียด้วยซ้ำ“ภูติผีทุกตนที่กูมีอยู่ในขณะนี้ จงออกไปตามหานางแลพานางกลับมาหากูให้ได้ ไม่ว่าจะเจอนางในสภาพไหน ก็จงบอกนางว่ากู...” ท้ายประโยคเขากลืนน้ำลายเพียงอึกเดียวด้วยความยากเย็นที่จะกล้าก้าวผ่านทิฐิที่สูงเสียดฟ้า เผลอลืมตัวไปว่าเคยพูดว่าเกลียดเธอขนาดไหน ก่อนที่จะกลั้นใจโพล่งขึ้นประกาศิตออกมา “ต้องการนาง”เงามืดจำนวนมากหลุดพ้นออกไปจากเขตอาคมของเขา และออกตามหาหญิงสาวที่เ
“อย่างไรลูกก็รู้สึกไม่ดีเจ้าค่ะ ที่ราวกับว่าจะเข้ามาคั่นกลางระหว่างพ่อกับเมียของท่านเช่นนี้”วาดรักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่คันศรเข้ามาดูแลเธอด้วยการนวดปลายนิ้วเท้าที่ชาวางลงกับขันรองน้ำอุ่น คอยนวดส่วนไม่งามและอาจผิดครูให้ลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำแน่นอนว่าเขาเองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ถึงเข้ามาทำเช่นนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังเห็นว่าลูกสาวที่พากลับมาที่บ้านกำลังพยายามนวดปลายนิ้วเท้าของตนเอง อาการชาน่าจะมาจากท้องที่ใหญ่โตเกินร่างกายไปกระมังแม้นิสัยจะไม่ใช่คนที่มีความละเอียดอ่อนอะไรนัก แต่เขาเองก็พอเคยดูแลเมียท้องแก่ที่ไม่ได้รักเขาเลยอยู่บ้าง จะให้มาดูแลลูกเลี้ยงที่ไม่มีแม้แต่เลือดเนื้อของตนเองเลยอีกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ก็แค่... อาจเพราะว่าดวงของเขาดึงดูดมาแต่คนที่ไม่ได้เป็นของตัวเองมาทั้งชีวิตก็ได้ล่ะมั้งหากแต่สิ่งเดียวที่ชัดเจนในวันนี้... คือหลังจากที่วาดรักได้กลับมาที่นี่ ความรู้สึกสงบในจิตใจจึงได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง อาจเพราะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นชีวิตที่ผ่านมาจึงปั่นป่วนรวนเร ทั้งความรู้สึกแย่ๆ จิตใจอันคิดลบและความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับอดีตที่เลวร
Mga Comments