"คิดอะไรอยู่"
"คะ?" ลัลนาหันมองคนข้างๆ ที่บังคับพวงมาลัยอยู่ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาถาม
"คุณน่ะ อยู่ๆ ก็เงียบไป" ใช่ว่าเขาจะไม่ได้สังเกตว่าที่ภรรยา ที่อยู่ๆ ก็ดูซึมๆ ไปทั้งๆ ที่ทีแรกก็ดูหัวเราะร่าเริงอยู่แท้ๆ
"อ้อ..ไม่มีอะไรค่ะ" เมื่อเห็นเธอตอบแบบนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบ บางคนก็ย่อมมีพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครเข้าไป "แล้วนี่เราจะไปไหนคะ"
ลัลนากวาดสายตามองเส้นทางที่ไม่คุ้น ไม่เหมือนทางกลับคอนโดตัวเอง หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จทุกคนต่างแยกย้าย เธอนึกว่าเขาจะพากลับบ้านเลย แต่ดูจากเส้นทางแล้วไม่ใช่
"เพนท์เฮ้าส์" เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าตึกสูงใจกลางเมือง ลัลนาแหงนหน้ามองตึกสูงชื่อดังที่คุ้นตา เธอรู้จักคอนโดนี้ดี เป็นคอนโดที่ติดหนึ่งในสามของประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย ความลัคชูรี่ และที่สำคัญคือความแพง!
"เดี๋ยวฉันกลับรถไฟฟ้าได้ค่ะ" เธอชี้ไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ไม่ใกล้คอนโด คิดว่าเขาคงมีธุระด่วน
"ไปด้วยกัน" เขาตอบกลับเสียงนิ่ง เปิดประตูลงจากรถ เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงเดินลงตามเขาไป
"นั่งสองป้ายก็ถึงแล้วค่ะ" ถึงเธอจะเป็นดาราแต่ด้วยสถานการณ์การจราจรของกรุงเทพฯ บ่อยครั้งที่เธอต้องพึ่งขนส่งสาธารณะ เพราะฉะนั้นเธอจึงรู้เส้นทางการเดินรถเป็นอย่างดี
"ขึ้นไปดูด้วยกันมันเป็น...เรือนหอ" เมื่อเขาพูดแบบนั้นเธอจึงได้แต่นิ่งอึ้งไป ไม่รู้ควรจะถามหรือตอบอะไร จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่นำกุญแจมายื่นให้เขาจึงทำลายความเงียบด้วยการเรียกเธอให้เดินตามไป
ลัลนาแอบลอบสำรวจบรรยากาศโดยรอบ ทั้งฟิตเนสส่วนกลาง ลิฟต์โดยสาร และส่วนกลางภายในคอนโด เรียกได้ว่าครบครัน เรียบหรูสมราคาเกือบเก้าหลัก มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อห้องที่นี่ไม่ได้ ต้องมีทั้งอำนาจและนามสกุลด้วย ลัลนาลอบกลืนน้ำลายกับความอลังการของห้องเมื่อเขาเปิดประตูเดินนำเข้าไป เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมส่วนกลางที่เธอเดินผ่านแทบไม่มีใครใช้บริการ เพราะทุกอย่างที่ข้างล่างมีรวมอยู่ในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้หมดแล้ว
เธอเหมือนอยู่คนละโลกกับเขาเลย
คิดว่าอาชีพดาราทำให้ตัวเองสุขสบายไม่ลำบากกว่าสมัยก่อนแล้ว แต่ไม่คิดว่าจริงๆ แล้วยังมีอีกโลกที่เธอไม่เคยสัมผัส ก็คงจะเป็นโลกของครอบครัวเขานี่แหละ
"อยู่ได้ไหม" ร่างสูงหันมาถามเธอเสียงเรียบ
อยู่ไม่ได้ก็บ้าแล้ว!
"ได้ค่ะ" เธอตอบรับสั้นๆ ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาพูดได้ดีกว่านี้ เกินคำว่าอยู่ได้ไปเยอะเลย
"ด้านนอกผมตกแต่งไว้หมดแล้วเหลือห้องคุณ เลือกแบบได้เลย ผมจะให้อินทีเรียจัดการให้" เขาพูดน้ำเสียงสบายๆ พาเธอเดินขึ้นสู่ห้องด้านบน "ห้องนี้ของคุณ ส่วนห้องผมอยู่ทางนั้น แต่คุณไม่ต้องห่วง ส่วนใหญ่ผมจะอยู่คอนโดใกล้โรงพยาบาล อันนี้ก็...เผื่อแม่จะมาเยี่ยม ผมก็จะขอกลับมานอนนี่บ้าง" เขาอธิบายถึงแผนการภายในใจ
"คุณไม่ต้องขอหรอกค่ะ คุณเข้าออกได้ตามสบาย" เขาพูดเหมือนตัวเองไม่ใช่เจ้าของต้องมาขออาศัยนอน
"ต้องขอสิเพราะนี่ห้องคุณ"
"อะไรนะ!!"
บ้าไปแล้ว!
"นี่ห้องคุณ" เขาย้ำคำเดิมส่วนเธอตาโตกว่าเดิม
"จะบ้ารึไงจะเป็นห้องฉันได้ไง" รพีภัทรยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น ชอบใจหน้าเหวอๆ ของคนที่ปกติจะรักษาฟอร์มตลอดเวลาอยู่ข้างนอก
"ก็เป็นชื่อคุณไง เดี๋ยวจบงานแต่งคุณก็เซนต์รับได้เลย"
"เดี๋ยวๆ ฉันว่าเราต้องคุยกันหน่อย นี่มันเรื่องอะไรกัน" ลัลนาเดินไปนั่งบนโซฟาด้านล่าง ในขณะที่คนตัวสูงเดินลงบันไดมาตามที่ร่างเล็กเรียก
"ผมยกห้องนี้ให้คุณ ทำไมเข้าใจอะไรยาก"
"ฉันไม่ได้เข้าใจอะไรยาก แต่คุณต่างหากที่บ้า อยู่ๆ จะมายกห้องราคาเกือบร้อยล้านให้คนอื่นเนี่ยนะ!" รพีภัทรไม่ตอบอะไร ได้แต่คิดอยู่ในใจว่ารวมเฟอร์นิเจอร์และค่าตกแต่งก็ราคานั้นนั่นแหละ
"คุณไม่ใช่คนอื่นนี่" อย่างน้อยก็เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
"คุณก็รู้ว่าเราตกลงอะไรกัน" เธอยังเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
"นั่นมันก็ส่วนเรื่องข้อตกลง อันนี้ผมยกให้คุณไม่ว่าอนาคตเราจะอยู่ด้วยกัน หรือเลิกกันมันก็จะเป็นของคุณ"
"มีเหตุผลไหมคะ" เธอถามกลับน้ำเสียงจริงจัง
"เหตุผลคือคุณต้องแต่งงานกับผม อนาคตของคุณก็จะไม่เหมือนเดิม" เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่มันก็คือความยินยอมพร้อมใจของเราทั้งคู่
"พวกเราวินๆ ไงคะ ตามที่คุยกัน"
"ถึงอย่างนั้นคุณเป็นผู้หญิงก็ไม่เหมือนกัน"
"ไม่เกี่ยวค่ะ จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่ได้วัดกันที่แต่งงานหรือหย่า"
"ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่...ยังไงดีล่ะ" เขายกมือเกาแก้มอย่างอธิบายไม่ถูก "เอาเป็นว่าให้ผมได้รับผิดชอบชีวิตคุณในเรื่องพวกนี้เถอะ"
"เดี๋ยวๆ ไปกันใหญ่แล้วเพนท์เฮ้าส์เกี่ยวอะไรกับรับผิดชอบชีวิตคะ" ลัลนาถามกลับอย่างมึนงง
"ก็เรายังไม่ตกลงกันเรื่องเงินที่ผมจะโอนให้คุณทุกเดือนเลย"
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้