หลี่ เยว่ซินได้คุยกับหยวน อี้แล้ว อีกฝ่ายก็ดูกลัดกลุ้มอยู่ไม่น้อยแต่เพียงแค่ไม่แสดงออกมาให้เธอได้เห็นมากนัก หญิงสาวรู้ดีว่าหากให้เทียบกันแล้วตระกูลหยวนนั้นเป็นรองให้กับฟาหยางอยู่มากโข
"ถ้าคุณหนูเยว่รับงานทั้งหมดที่ติดต่อมาตอนนี้ คิวยาวไปถึงปีหน้าแน่ๆค่ะ" เสียงของซูเม่ยที่เอ่ยอย่างร้อนรนเป็นผลให้เยว่ซินหันไปมอง ทันทีที่ตระกูลหยางประกาศการเปิดตัวจิวเวลรี่นั้นก็นับเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก
"พี่ซูเม่ยช่วยคัดให้หน่อยนะคะ" ซูเม่ยพยักหน้ารับ เธอค่อนข้างตกใจอยู่พอสมควรกับผลตอบรับและเพื่อไม่ให้คุณหนูเยว่ทำงานหนักจนเกินไปเธอจึงต้องอ่านรายละเอียดต่างๆให้รอบคอบ
ความจริงหยวน อี้ก็อยากมาพบเธอเหมือนที่ฟาหยางขอคิวไว้เช่นเดียวกัน หากแต่เขานั้นต้องไปให้สัมภาษณ์แก่สื่อด้วยตัวเองต่างจากฟาหยางที่มีฝ่ายประสานงานและเลขาหลิงเป็นคนจัดการให้ในเรื่องนี้
'คุณหนูเยว่อย่าได้กังวลไปเลยครับ เพราะคุณหนูผลตอบรับของผมเลยดีเช่นนี้' คำพูดของหยวน อี้ในตอนที่ได้คุยกันทำให้เยว่ซินพอเบาใจลงแม้ว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายพูดไปอย่างนั้น
'ถ้าคุณอี้มีอะไรให้ฉันช่วยก็ติดต่อมาได้ตลอดเลยนะคะ' เยว่ซินตอบ ส่วนอีกฝ่ายก็หัวเราะเบาๆแล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
'งั้นเรียกผมว่าอาอี้ตอนนี้ได้ไหมครับ'
'...' เยว่ซินค่อนข้างสงสัยว่าเวลานั้นมันควรจะโฟกัสเรื่องนี้จริงๆหรือ?
'ฮ่าๆๆ คุณหนูเยว่อย่าได้กังวล ผมก็แค่อยากได้ยินอะไรดีๆเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองเท่านั้น แต่มันคงผิดเวลาไปเสียหน่อย' เยว่ซินถอนหายใจ แม้จะรู้สึกพิลึกอยู่แต่เสียงหวานก็ยอมพูดสิ่งที่อีกคนขอ อย่างน้อยๆมันก็ไม่ใช่คำขอที่เหนือบ่ากว่าแรงอะไร
'อาอี้ติดต่อหาฉันได้ตลอดเวลานะคะ อืม...จะว่ายังไงดี โฆษณาของอาอี้มันดีมากจริงๆค่ะ ฉันไม่รู้สึกเสียใจที่รับงานนี้เลย' อีกฝ่ายเงียบ ไม่ได้ตอบกลับอะไรในทันทีจนเยว่ซินขมวดคิ้วมุ่น
'คุณอี้คะ?'
'ให้ตายเถอะครับ...ผมอยากจะรีบไปหาคุณหนูเยว่เสียตอนนี้' ฝ่ายคนงามได้แต่งุนงงไม่เข้าใจว่าเหตุใดลูกชายตระกูลหยวนถึงพูดเช่นนี้
'อืม...งั้นไว้ทุกอย่างลงตัวแล้วคงไม่สายที่จะไปนั่งทานน้ำชาด้วยกันนะคะ'
'ผมถือว่าคุณหนูเยว่เอ่ยปากแล้ว อย่าลืมลงคิวให้หยวน อี้คนนี้นะครับ' หลังจากนั้นก็พูดคุยกันต่อเล็กน้อย เยว่ซินหลุดจากความคิดยามที่เสียงของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
ฟาหยางเลิกงานและกำลังมาหาเธอแล้ว...
"พี่ซูเม่ยคะ...งั้นฉันฝากที่เหลือด้วยนะคะ" เยว่ซินเอ่ยสั่งส่วนซูเม่ยนั้นทำเพียงพยักหน้าแล้วก้มลงไปตอบข้อความต่อ
ใครบอกว่าเป็นนางร้ายแล้วจะไม่วุ่นวาย นี่มันวุ่นวายสุดๆไปเลยต่างหาก!
เหตุการณ์ก่อนหน้าที่ฟาหยางจะเลิกงาน
หลังจากที่ฟาหยางคุยโทรศัพท์กับเยว่ซินเสร็จแล้วนั้น อาจูก็เดินวาดรอยยิ้มสดใสมาหาเขา
"พี่ซินมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ อาจูเห็นว่าวันนี้โฆษณาของพี่หยวนและพี่เยว่ซินเปิดตัวครั้งแรก...อืม อาจูยังอยากได้น้ำหอมกลิ่นนั้นเลยค่ะ" คนตัวเล็กพูดทั้งยังหัวเราะไปด้วยผิดกับฟาหยางที่กำลังมองอยู่นิ่งๆ
อาจูชะงัก เธอลืมไปเสียเลยว่าฟาหยางนั้นไม่ค่อยชื่นชอบหยวน อี้เสียเท่าไหร่...
"คือว่าอาจูขอโทษค่ะ ปากมันไวไปเสียหน่อย" หญิงสาวหน้าหงอยลง มือเรียวประสานกันแล้วถูกันไปมาราวกับคนประหม่า
"ไม่ใช่ปัญหา ยังไงซะคุณหนูเยว่ก็เป็นพรีเซนเตอร์อยู่ ถ้าเธออยากจะใช้ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่" พอได้ฟังเช่นนั้นอาจูเลยมีสีหน้าที่ดีขึ้น เธอกำลังจะเอ่ยขอบคุณแต่ก็ต้องชะงักเมื่อฟาหยางพูดต่อ
"ค่ำนี้ฉันมีนัดต่อกับคุณหนูเยว่ เดี๋ยวจะให้อาโปไปส่งเธอก่อนแล้วกัน" นัดกับคุณหนูเยว่งั้นหรือ?
อาจูนิ่งไปชั่วครู่ หัวสมองประมวลถึงคำพูดนั้น เธอรู้สึกใจสั่นน้อยๆ หากปล่อยไปครั้งนี้อาจูกลัวว่าข่าวลือทั้งหมดที่เธอได้ยินมาเกี่ยวกับฟาหยางและเยว่ซินนั้นจะไม่เป็นข่าวลืออีกต่อไปเสียนี่...
"อาจูขอไปด้วยได้ไหมคะ" เธอยิ้มกว้าง พยายามทำตัวร่าเริงเช่นเดิม
"อาจูอยากไปเจอพี่ซินเหมือนกันน่ะค่ะ ช่วงนี้ไม่ได้เจอกันเลย" ฟาหยางเลิกคิ้ว เขารู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่เล็กน้อย
"ขอโทษทีแต่ฉันจองคิวคุณหนูเยว่ไว้แล้ว อีกอย่างถ้าพาคนอื่นไปด้วยโดยไม่บอกล่วงหน้าก็คงเสียมารยาทไปเสียหน่อย"
"แต่อาจูไม่ใช่คนอื่นนี่นา...ยังไงพี่ซินก็คงไม่โกรธหากพี่ฟาจะพาคู่หมั้นไปด้วย จริงไหมคะ?" พอเอ่ยจบทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ อาจูรู้สึกตัวอีกทีก็เผลอพูดคำที่ไม่สมควรไปเสียแล้ว
เธอมองฟาหยางที่สีหน้าเรียบนิ่งเดาอารมณ์ไม่ออก ทิ้งเวลาไปชั่วครู่ฟาหยางจึงถอนหายใจออกมา
"ฉันบอกว่าจะหมั้นงั้นหรือ" เพียงคำถามไม่กี่คำทำเอาคนฟังหุบยิ้ม อาจูสับสนจนหน้าเริ่มเสีย
"พี่ฟาล้อเล่นหรือเปล่าคะ...ก็ตอนคุณพ่อพูดเรื่องนี้พี่ฟาไม่ได้ปฏิเสธ"
"ไม่ได้ปฏิเสธแล้วแปลว่าฉันยอมหมั้นงั้นหรือ" ฟาหยางเอ่ยถามนิ่งๆ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำถามนั้นแม้แต่น้อยผิดกับอาจูที่บัดนี้ยืนนิ่งไปเสียแล้ว
"ที่ฉันไม่ได้ตอบอะไรเพราะฉันไม่ได้สนใจต่างหาก ถ้ามันได้ผลประโยชน์ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ"
"งั้นเพื่อผลประโยชน์แล้วพี่ฟาจะยอมหมั้นกับอาจูไหมคะ" ใบหน้าหวานหมองลง อาจูตั้งใจฟังคำตอบของอีกคนที่ทำเพียงยกยิ้ม
ฟาหยางหมุนปากกาในมือ ดวงตาสีรัตติกาลนั้นนิ่งสงบดูน่าเกรงขามทำเอาคนมองนึกหวั่น
"แล้วเธอคิดว่าตระกูลหยางขาดผลประโยชน์อะไรมากขนาดนั้นเลยหรือ ถึงจำเป็นต้องดองกับตระกูลอื่นเพื่อมันขนาดนั้น" อาจูนิ่งค้าง คำตอบของฟาหยางนั้นก็สมกับที่เป็นเขานัก คำพูดเชือดนิ่มหากแต่คนฟังใจหล่นไปอยู่ที่พื้น
"เอาเป็นว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ชัดเจนเองแล้วกัน แต่ที่ฉันไม่ตอบโต้อะไรเพราะเห็นว่าพ่อฉันดูจะเอ็นดูเธออยู่มาก" เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลายในขณะที่พูดไปด้วย
อาจูกัดริมฝีปาก ทั้งๆ ที่เธอมั่นใจแท้ๆ ว่าฟาหยางนั้นคือคู่หมั้นของเธอแต่ทำไมมันกลับกลายเป็นเช่นนี้
เยว่ซินหรือ...
ร่างบางชะงักยามที่คิดมาถึงตรงนี้ หรือที่ฟาหยางกลับมาตอบโต้กับเรื่องนี้เป็นเพราะ หลี่ เยว่ซิน?
งั้นเธอพอจะมีหวังเปลี่ยนใจเขาได้อยู่ไหม?
ถ้าแค่ทำให้ฟาหยางมองเยว่ซินเหมือนเมื่อก่อน เขาจะหันกลับมาสนใจอาจูเหมือนเดิมไหม?
"อาจูว่าเรื่องนี้ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกันอีกทีดีไหมคะ" ร่างบางยังพยายามไม่ทำตัวให้แปลกไปจากเดิม เธอยังคงส่งยิ้มให้กับฟาหยางด้วยใบหน้าน่ารัก
"ไม่ว่าจะคุยกี่ครั้งฉันก็จะตอบแบบเดิม" ราวกับอาจูไม่ได้ฟังคำตอบนั้น พอพูดจบเธอก็ขอตัวฟาหยางกลับทันที
"งั้นไว้อาจูจะมาหาใหม่นะคะวันนี้พี่ฟาคงปวดหัวแย่แล้ว"
"อืม...ฉันจะให้อาโปไปส่งแล้วกัน"
"ขอบคุณค่ะพี่ฟา"
กลับมาที่ปัจจุบัน
หลี่ เยว่ซินยังคงนั่งนิ่งไม่เอ่ยพูดอะไร ในห้องอาหารแบบส่วนตัวของร้านชื่อดังย่านเมืองหลวงนั้น อาโปปล่อยให้เจ้านายของตนใช้เวลาส่วนตัวโดยเขารออยู่ด้านนอกเพื่อระวังเหล่านักข่าวที่ตอนนี้ต่างจับจ้องจะทำข่าวของฟาหยางเสียให้ได้
"คุณหนูเยว่" ฟาหยางเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน เขารินชาให้อีกฝ่ายซึ่งเยว่ซินก็ค้อมศีรษะให้เล็กน้อย
"ยังขุ่นเคืองฉันอยู่หรือไม่" เสียงทุ้มเอ่ยถาม เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจที่ฟาหยางเริ่มต้นด้วยการถามความรู้สึกของเธอก่อนที่จะคุยเรื่องอื่น
"ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้วค่ะ" เยว่ซินยอมอ่อน ลง ยังไงเสียฟาหยางก็รีบมาหาเธอหลังเลิกงานทันที นั่นก็เพราะเขายังมีความสำนึกผิดไม่ใช่หรือ?
"ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณหนูเยว่เลิกทำหน้าแบบนี้ไม่ได้หรือ"
"แบบไหนคะ?" เยว่ซินเลิกคิ้ว เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำหน้าแบบใดอยู่
"นิ่งเช่นนี้"
"..."
"ฉันไม่รู้ว่าอาเยว่รู้สึกอย่างไร" เยว่ซินนิ่งเงียบ ไม่ได้เอ่ยตอบรับกับคำพูดพวกนั้นและเธอก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟาหยางถึงพูดแบบนี้ออกมา
คำพูดชวนให้เข้าใจผิดเช่นนี้น่ะ...
"คุณหยางคิดมากไปแล้วค่ะ ฉันไม่ได้ผิดไปจากเดิม" ฟาหยางไม่ได้ตอบ ดวงตาสีรัตติกาลนั้นจดจ้องกันอย่างไม่ปิดบัง เขาในตอนนี้ทำให้เยว่ซินนึกย้อนไปถึงเนื้อหาที่ได้อ่านจากนิยาย ฟาหยางไม่เคยปฏิบัติตัวแบบนี้กับใครยกเว้นอาจูที่เป็นภรรยาในนิยายเท่านั้น...
"จริงอยู่ที่ฉันหงุดหงิดไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองหรอกค่ะ"
"..."
"คุณหยางสบายใจเถอะนะคะ ทั้งคุณและคุณอี้ก็ล้วนเป็นเจ้าของแบรนด์ที่อุตส่าห์ให้โอกาสฉันได้ร่วมทำงานกันทั้งนั้น อย่างนี้แล้วฉันจะยังทำตัวเอาแต่ใจได้หรือคะ?" ฟาหยางมองอีกคนอย่างลุ่มหลง ไม่ว่าเยว่ซินจะเอ่ยพูดหรือทำอะไรนั้นช่างน่าฟังน่ามองไปเสียหมด
ติดอยู่แค่อย่างเดียวเท่านั้น...
"คุณอี้?" คนตัวสูงกว่าทวนคำ เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยว่ซินถึงได้เรียกอีกคนด้วยความสนิทสนมแบบนั้นผิดกับเขาที่ดูสุภาพไปเสียทุกคำ
"คะ?"
"ไม่เห็นรู้ว่าคุณหนูเยว่จะสนิทกับลูกชายตระกูลหยวนเช่นนั้น"
"อืม...ก็คุณอี้เขาขอร้องมาน่ะค่ะ จริงๆฉันก็ไม่อยากที่จะทำตัวเกินเลยเท่าไหร่" ฟาหยางไม่ได้เอ่ยตอบ เขาเพียงยกชาขึ้นจิบเงียบๆหากแต่ดูสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
ทั้งคู่ทานอาหารกันต่อ ฟาหยางช่วยคีบอาหารให้เธอบ้างสลับกับรินชา เยว่ซินไม่แน่ใจนักว่าเขาทำแบบนี้ให้กับทุกคนหรือเปล่า เพียงแต่โดนมาเฟียแผ่นดินจีนดูแลดีเช่นนี้จึงรู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน
"พรุ่งนี้ผู้กำกับฝูนัดไปถ่ายงานต่อใช่หรือไม่" ฟาหยางถามขึ้นอีกครั้งในตอนที่ทานเสร็จแล้ว เยว่ซินวางทิชชูที่ซับปากลงแล้วพยักหน้าให้
"ค่ะ พรุ่งนี้อาจูก็จะไปด้วยเช่นกัน"
"ฉันถามถึงคุณหนูจูหรือ" เยว่ซินชะงัก
"ถ้าเธอเชื่อเรื่องที่ฉันกับคุณหนูจูจะหมั้นกันในอนาคตนั้นก็ทำความเข้าใจใหม่เสีย" ฟาหยางเอ่ยนิ่งๆ เขาเท้าแขนลงกับโต๊ะแล้วยกยิ้ม
อ้างอิงจากนิยายที่เยว่ซินได้อ่านนั้น จริงอยู่ที่ตอนแรกทางบ้านทั้งสองเพียงทาบทามให้ทั้งคู่หมั้นหมายกัน ฝั่งอาจูนั้นยินดีหากแต่ฟาหยางตอนต้นเรื่องนั้นไม่ได้สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย เขาปล่อยให้คุณพ่ออนุญาตอาจูให้เข้าไปนั่งเล่นที่บริษัทและมีชวนไปทานข้าวที่บ้านบ้างเป็นครั้งคราว
หลังจากนั้นที่ฟาหยางรู้สึกเฉยๆก็เริ่มเปลี่ยนไป ด้วยนิสัยน่ารักของอาจูทำให้เขาตกหลุมรักในที่สุด
เยว่ซินกลับมาคิดปัจจุบัน งั้นตอนนี้ที่เธอหลุดเข้ามาเป็นช่วงแรกๆที่ฟาหยางยังไม่รู้สึกอะไรใช่หรือไม่? งั้นในอนาคตก็ใช่ว่าจะไม่ได้เป็นคู่กันนี่?
"ฉันไม่ได้เชื่อข่าวลือไหนๆหรอกค่ะ แต่ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณหยางกับอาจู ฉันคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ฉันควรแสดงความเห็น?" แม้รู้เต็มอกว่าในนิยายนั้นเป็นอย่างไรแต่เยว่ซินก็ต้องระมัดระวังคำพูดไว้
"ถ้าคุณหนูเยว่พูดเช่นนั้นฉันก็ไม่ว่า เพียงแต่แค่อยากบอกไว้"
"..."
"ฉันคงไม่หมั้นและแต่งงานกับคุณหนูจู" เยว่ซินเม้มริมฝีปาก เธอรู้ดีว่าตั้งแต่ตนเองหลุดเข้ามาในนิยายนั้นเนื้อหาต่างๆก็พลิกเรื่องไปมากโข
แต่ถึงขึ้นพลิกตัวพระเอกกับนางเอกมันจะไม่มากไปหรือ?
หลังจากนั้นเยว่ซินก็ไม่ได้ตอบอะไรอีก ฟาหยางกลับมาส่งเธอที่บ้านซึ่งซูเม่ยนั้นก็ยังคงจัดตารางงานอยู่
"สวัสดีค่ะคุณฟาหยาง" ซูเม่ยโค้งให้เล็กน้อย เธอมองเจ้านายตนเองยามที่ยืนอยู่ข้างฟาหยางนั้นตัวช่างเล็กน้อยเสียจริง
"พี่ซูเม่ยทำงานหนักเกินไปแล้ว" เยว่ซินเอ่ยดุ เธอไม่คิดว่าซูเม่ยจะอยู่ดึกเช่นนี้
"ใกล้เสร็จแล้วค่ะ"
"ถ้ายังโหมงานแบบนี้อีกคราวหลังฉันไม่ให้พี่ทำแล้วนะคะ"
"ได้ยังไงกันคะคุณหนูเยว่ ฉันเป็นผู้จัดการนี่" ฟาหยางหัวเราะเบาๆ มองสองคนที่กำลังเถียงกันอยู่ซึ่งเมื่อเยว่ซินเถียงต่อไม่ได้นั้น ริมฝีปากสวยเบะลงเล็กน้อย
"อืม...อย่าขัดใจคุณหนูเยว่บ่อยนัก" ฟาหยางพูดกับซูเม่ยด้วยเสียงนิ่งเรียบ มือหนาประดับรอยสักยกขึ้นและแตะไปที่แก้มนวลแผ่วเบา
"ฉันคงต้องกลับไปเคลียร์งานต่อ" เขาพูดกับคุณหนูตระกูลหลี่
"ยังมีงานอีกหรือคะ?" เยว่ซินตาโต ฟาหยางจะทำงานหนักเกินไปแล้ว!
"อืม...แต่คงทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"
"ฉันไม่เชื่อคุณหยางหรอกค่ะ แบบคุณหยางหากไม่ดุก็คงทำทั้งคืนแน่ๆ" ฟาหยางหัวเราะ
"งั้นคุณหนูเยว่อยากไปคุมฉันที่บ้านหรือ?" ซูเม่ยตกใจ เธอรีบก้มหน้าลงไม่อยากให้ทั้งสองรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว แต่ก็แปลกใจนักที่เหมือนฟาหยางคนนั้นกำลังหยอกเย้าเจ้านายตนเองอยู่!
"ใช่ที่ไหนกันคะ งั้นคุณหยางก็รีบกลับเถอะค่ะ"
"อืม" ฟาหยางผละตัวออก เขาเข้าไปในรถซึ่งมีอาโปเป็นคนขับให้อย่างเช่นทุกที
"ไว้เจอกันนะคุณหนูเยว่"
"ค่ะ...ไว้เจอกันนะคะคุณหยาง"
ผิงผิงมองเจ้านายตนเองที่บัดนี้กำลังเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือถือซึ่งในนั้นมีข่าวเกี่ยวกับคุณหนูหลี่ เยว่ซินซึ่งเป็นแบรนด์แอมฯให้กับจิวเวลรี่ตระกูลหยาง!
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ อาผิง...นี่ข่าวจริงหรือ" เสียงหวานถามอย่างไม่มั่นใจ
"ค่ะคุณหนูจู ในเพจแบรนด์ของตระกูลหยางที่เลขาหลิงเป็นคนดูแลก็ประกาศออกมาเองเลยค่ะ" อาจูไม่แน่ใจนักว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้ฟาหยางปฏิเสธการหมั้นกับเธอ หรือฟาหยางแค่ไม่อยากให้กระแสของสินค้าตัวเองโดนข่าวส่วนตัวกลบกัน?
"อืม...พี่ฟาอาจจะแค่อยากให้แบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นไปได้อย่างคงที่ก่อนเลยไม่ตอบรับงานหมั้นของพวกเรา อาผิงเห็นด้วยไหม?" ผิงผิงนั้นไม่ออกความคิดเห็น เธอค่อนข้างไม่เชื่อเท่าไหร่เพราะคนแบบคุณฟาหยางน่ะหรือจะมีรายได้ตกเพียงเพราะมีคู่หมั้น?
"ช่างเถอะ...อาจูจะขอให้คุณพ่อลองพูดอีกทีดูแล้วกัน" อาจูสรุป เธอไม่อยากจะคิดอะไรมากในตอนนี้ และหญิงสาวมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วเธอคงจะได้หมั้นกับฟาหยางเป็นแน่
ยังไงแล้วฟาหยางก็คงไม่เปลี่ยนใจไปหาหลี่ เยว่ซินคนที่เขาเกลียดได้หรอก...
ในกองถ่ายแก้ลิปสติกของผู้กำกับฝูวันนี้นั้นเป็นไปได้ด้วยดี เยว่ซินเห็นว่าอาจูดูพัฒนาขึ้นกว่าเก่าและเหมือนอีกฝ่ายจะประหม่าน้อยลงจากคราวที่แล้ว
"งดงามมากครับ ช่วยค้างไว้ท่านี้สักครู่ทั้งสองคนนะครับ" เสียงของช่างกล้องยังคงเอ่ยสั่งเป็นระยะ เยว่ซินกับลิปสติกสีแดงช่างดูน่าลุ่มหลง ส่วนอาจูกับลิปสติกสีชมพูนั้นก็ดูหวานน่ารัก ยามที่ทั้งคู่ยืนข้างกันช่างเป็นภาพที่เหล่าทีมงานละลายตาออกไปไหนไม่ได้เลย
"โอเค! พักกันได้" เสียงของผู้กำกับฝูดังขึ้นซึ่งทั้งช่างแต่งหน้าและซูเม่ยกับผิงผิงนั้นก็รีบเดินไปหานางแบบทั้งสองคนทันที
"คุณหนูเยว่จะพักไปทานข้าวก่อนไหมคะ" ซูเม่ยเอ่ยถาม ตอนนี้มันก็ใกล้จะเวลาเที่ยงเต็มที
"อืม...นั่นสิคะ วันนี้ผู้กำกับฝูเลี้ยงอะไรกันนะ" เยว่ซินถามพร้อมกับหัวเราะไปด้วย
"แผลพี่เยว่ซินหายดีหรือยังคะ" ทั้งคู่หยุดบทสนทนาเมื่ออาจูและผิงผิงนั้นเดินเข้ามาหา เยว่ซินหันไปมองซึ่งเห็นว่าผิงผิงนั้นก็ยังดูรู้สึกผิดอยู่เนืองๆ
"ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ แผลก็หายดีแล้ว" อาจูวาดรอยยิ้มสวย เธอตั้งใจจะชวนอีกคนไปทานข้าวด้วยกันหากแต่เสียงของผู้กำกับฝูที่ดังแทรกขึ้นมาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดบทสนทนาอีกครั้ง
"คุณฟาหยางมาทำอะไรที่นี่ครับ" ทั้งกองดูลุกลี้ลุกลนขึ้นราวกับโดนเจ้านายมาตรวจงาน เยว่ซินมองไปทางนั้นก็พบกับฟาหยางและอาโปที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับผู้กำกับฝู
"พี่ฟา" เสียงสดใสของอาจูดังขึ้นก่อนที่เธอจะรีบเดินไปหาฟาหยาง
"อ้อ...มาหาคุณหนูจูหรือนี่" เสียงของใครสักคนในกองพูดขึ้น อาจูยิ้มกว้างหากแต่เสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ต้องหน้าเสียลง
"ข้าวเที่ยงครับคุณหนูเยว่" อาโปเดินผ่านเธอและผิงผิงเพื่อยื่นของให้คุณหนูเยว่ ส่วนฟาหยางนั้นแค่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่เงียบๆ
"คะ?"
"พอดีฉันผ่านมาแถวนี้เลยซื้อมาให้ อ้อ..มีของคนอื่นด้วยเช่นกัน เชิญผู้กำกับฝู" ฟาหยางพูดแล้วชี้ไปยังของที่ว่าซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะ
"ขอบคุณคุณฟาหยางมากครับ" เหล่าทีมงานโค้งให้กันยกใหญ่ ก็คราวนี้บุญหล่นทับได้ทานของดีๆเสียนี่!
ซูเม่ยเป็นคนรับถุงนั้นจากอาโป อาโปก้มศีรษะให้เล็กน้อยแล้วถอยออกไปเพื่อให้เจ้านายเดินมาแทน
"ฉันเห็นคุณหนูเยว่ชอบทานอาหารจีนร้านนั้นเลยซื้อมาฝาก"
"เอ่อ...รบกวนคุณหยางแล้ว" หญิงสาวค่อนข้างกระอั่กกระอ่วน แต่ยังโชคดีที่อาจูนั้นเป็นคนมองโลกในแง่ดีนัก เธอรีบเข้ามาเพื่อร่วมบทสนทนาด้วย
"พี่ฟาใจดีจังเลยค่ะ เลี้ยงคนทั้งกองเลย"
"อืม...เธอก็ไปกินซะสิ"
"พี่ฟาทานด้วยกันไหมคะ?" ฟาหยางส่ายหัว
"ฉันแวะมาแค่แป๊บเดียวเท่านั้น มีงานต้องทำต่อ"
"เสียดายแย่เลยค่ะ อาจูอยากให้พี่ฟาได้เห็นเวลาอาจูถ่ายงานจังเลย" คนสดใสยังคงพูดอย่างร่าเริง ส่วนเยว่ซินนั้นเพียงแค่ยืนมองนิ่งๆ
"คุณหนูเยว่ก็รีบไปทานซะเถอะ หากอยากได้อะไรก็ติดต่อมาได้ตลอด"
"ขอบคุณค่ะคุณหยาง" เธอโค้งให้ ตั้งใจจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ฟาหยางได้พูดคุยกับอาจูต่อ หากแต่กลับต้องสะดุ้งเมื่อฟาหยางคว้าข้อมือเธอไว้แล้วเอ่ยพูดบางอย่างข้างหู และเมื่อพูดเสร็จเขาก็ยกยิ้มก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้คนที่เห็นเหตุการณ์มองกันอย่างสงสัยเสียให้ได้ โดยเฉพาะอาจูที่เผลอขมวดคิ้ว
"ที่จริงแล้วฉันมาเพราะคุณหนูเยว่ ไม่ใช่เพราะใครอื่นเลย"
และทิ้งคำพูดแบบนั้นไว้ให้เยว่ซินสับสนอีกแล้วนี่!