หลี่ เยว่ซินรู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่ในห้องเสียแล้ว เธอนั้นค่อยๆจะเริ่มชินกับเตียงในห้องของคฤหาสน์ตระกูลหยางขึ้นทุกวัน ร่างบางลุกขึ้นก่อนจะชูแขนไปมาเพื่อไล่ความง่วง เธอจำได้ว่าดูหนังอยู่กับฟาหยางไม่ใช่หรือ? อีกอย่างคนที่ผล็อยหลับไปก่อนหน้าเธอมันก็คือเจ้าของบ้านแต่หากทำไมเธอถึงกลายเป็นคนที่มานอนหลับอยู่บนเตียงได้เสียนี่
"พรุ่งนี้ฉันจะเข้าบริษัท ฝากเลขาหลิงจัดการส่วนนี้ไว้ด้วย" เยว่ซินที่เดินมาชั้นล่างในห้องนั่งเล่นจำต้องชะงักยามที่ได้ยินเสียงของฟาหยางกำลังคุยโทรศัพท์และเหมือนเขาจะรู้ว่ามีคนกำลังเข้ามา ฟาหยางถึงได้หันกลับมามอง
"ตื่นแล้วหรือคุณหนูเยว่" เขาวางสายแล้วหันกลับมาถาม ฟาหยางบัดนี้อยู่ในเสื้อยืดและกางเกงวอร์มขายาวสีดำดูแปลกตา ไหนจะผมที่ไม่ได้เซ็ททำให้เยว่ซินเผลอมองค้าง
"หืม?" รู้ตัวอีกทีฟาหยางนั้นขยับเข้ามาใกล้ มือหนายกขึ้นทาบบนหน้าผากของคนตัวเล็กกว่าจนเยว่ซินได้กลิ่นหอมของอีกคน
"ไม่สบายหรือคุณหนูเยว่ ทำไมหน้าแดง"
"ปะ...เปล่าค่ะ" เยว่ซินถอยตัวออกแล้วยิ้มแหยๆให้
"ขอบคุณสำหรับที่นอนนะคะ ฉันรบกวนอยู่เรื่อยเลย" ฟาหยางเอนไปด้านหลังเล็กน้อย เขาวางมือลงบนโต๊ะแล้วทอดสายตามองเยว่ซิน
"แล้ว...อาโปล่ะคะ?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันยามที่ได้ยินคำถามถึงลูกน้องของตน
"คงอยู่ด้านนอก คุณหนูเยว่มีอะไรหรือเปล่า"
"อืม...ฉันอยากขอบคุณที่เขาเป็นคนพาฉันไปนอนด้านบนน่ะค่ะ" คนตัวสูงหลุดหัวเราะ
"คิดว่าเป็นอาโปงั้นหรือ"
"คะ?" เยว่ซินตาโตมองฟาหยางด้วยความแปลกใจ
"หรือว่าคุณหยาง..."
"ใช่...ฉันเป็นคนอุ้มคุณหนูเยว่ขึ้นไปนอนเอง" เยว่ซินเม้มริมฝีปากส่วนฟาหยางนั้นทำเพียงแค่มองคนตัวเล็กกว่าด้วยสายตาขบขันเท่านั้น
"ขอบคุณนะคะคุณหยาง"
"อืม...วันนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณหนูเยว่นอนที่นี่เถอะ" เยว่ซินลังเล ถึงจะเคยพักที่นี่มาหลายครั้งแต่มันก็เป็นเหตุสุดวิสัยทั้งสิ้น หากครั้งนี้จะพักโดยที่ไม่ได้มีเหตุสมควรก็ดูท่าจะไม่ดีเท่าไหร่
"ฉันไม่อยากรบกวนคุณหยาง" เสียงหวายเอ่ยตอบแต่มีหรือที่ฟาหยางจะสนใจ
"พักที่นี่...ไม่เช่นนั้นฉันคงจะหงุดหงิดเรื่องแผลที่คุณหนูเยว่ไม่ไปโรงพยาบาล" เยว่ซินยู่ปาก เธอไม่เห็นจะเข้าใจว่ามันเกี่ยวกันตรงไหน
แบบนี้ฟาหยางแกล้งกันชัดๆเลย!
"ถึงจะทำหน้าแบบนั้นก็คงรู้ใช่ไหมว่าฉันไม่อนุญาตให้กลับอยู่ดี"
"คุณหยางเอาแต่ใจนะคะ" คำพูดนั้นอู้อี้ในลำคอแต่ฟาหยางก็ยังคงได้ยิน
"ถ้าหากคุณหนูเยว่ไม่ใช่คนที่อยู่ในสายตาฉันก็คงไม่สนใจ"
"..." เยว่ซินเบือนหน้าหนี เธอควรจะรู้สึกอย่างไรกับประโยคเมื่อครู่นี้ดีกัน!
"พรุ่งนี้มีงานหรือไม่"
"พี่ซูเม่ยยกเลิกไปหมดแล้วค่ะ"
"ดีแล้ว" ฟาหยางตอบแค่นั้นแล้วผละตัวออก สุดท้าย หลี่ เยว่ซินก็ไม่มีทางเลือก วันนี้เธอคงจะต้องค้างที่นี่จริงๆ
"งั้นฉันยืมครัวหน่อยได้มั้ยคะ?" ฟาหยางหันกลับมา เขายกยิ้มก่อนจะเอ่ยอนุญาต
"แน่นอน...ฉันอยากทานฝีมือคุณหนูเยว่อยู่พอดี"
ข้าวต้มหมูถูกยกขึ้นมาเป็นอาหารรอบดึกในคืนนี้ ในขณะที่เยว่ซินจับนู่นปรุงนี่ก็มีฟาหยางยืนดูอยู่ไม่ไกล เขาเอ่ยถามบ้างเป็นระยะแต่ก็ไม่ได้สร้างความรำคาญอะไร และใช้เวลาเพียงไม่นานเยว่ซินก็ทำเสร็จ
"คุณหนูเยว่ทำอาหารเก่งจริงๆ" คำชมนั้นเป็นผลให้คนทำวาดรอยยิ้มสวย
"อาโปไปพักหรือยังคะ" เยว่ซินวางช้อนแล้วเอ่ยถามแต่กลับทำให้คนเป็นผู้นำตระกูลหยางขมวดคิ้วมุ่น
"คุณหนูเยว่ถามถึงลูกน้องฉันบ่อยจริง" เยว่ซินหัวเราะก่อนจะแย้ง
"ก็แค่อยากจะชวนมาทานด้วยกันน่ะค่ะ" คราวนี้ฟาหยางมีสีหน้านิ่งเรียบลงกว่าเก่าเขาวางช้อนลงแล้วเท้าแขนไปกับโต๊ะ ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองคนตรงกันข้ามอย่างไม่ค่อยพอใจในคำพูดเมื่อครู่เท่าไหร่นัก
"แต่นี่คุณหนูเยว่ทำให้ฉันไม่ใช่หรือ" ใครบอกกัน...เธอก็แค่หิวเพราะเพิ่งตื่นนอนไหนจะต้องมายืมครัวเจ้าของบ้านแต่ไม่ให้เจ้าของบ้านทานมันก็กระไรอยู่
แม้จะอยากตอบแบบนั้นแต่เยว่ซินก็ต้องกลืนคำพูดไว้ ช่วงนี้รู้สึกเหมือนว่าจะถูกฟาหยางขุ่นเคืองอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นไม่ควรจะราดน้ำมันในกองไฟเพิ่มอีก
"ค่ะ...ของคุณฟาหยาง" หลี่ เยว่ซินเอียงคอเล็กน้อยแล้วยิ้มให้ซึ่งดูเหมือนอีกคนก็ยอมที่จะลดความขุ่นเคืองลงแล้วทานข้าวต่อ
เอาใจยากเสียจริงเลยนี่...
ใช้เวลาไม่นานในการทานเสร็จ หลังจากที่เยว่ซินทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวจะขึ้นห้องไปพักผ่อนแต่ฟาหยางกลับรั้งไว้เสียก่อน
"คุณหนูเยว่เพิ่งตื่นนอนมาคงยังไม่ง่วง อยู่นั่งเล่นข้างล่างก่อนก็ได้นะ" เยว่ซินคิดเล็กคิดน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ ความจริงเธอก็ยังไม่ง่วงจริงๆนั่นแหละนะ
"เห็นคุณหยางหายไปเลยหนึ่งอาทิตย์ งานเยอะหรือคะ?" หญิงสาวเป็นคนเอ่ยถามก่อน ตอนนี้ฟาหยางกำลังนั่งดูเอกสารไปพลางๆขณะที่อาโปเดินเข้ามาเสิร์ฟน้ำชาให้
"น้ำชาครับคุณหนูเยว่"
"ขอบคุณค่ะ" เวลานี้สาวใช้กลับไปพักผ่อนกันหมดแล้วแต่ทำไมอาโปถึงยังทำงานอยู่
"อาโปทำงานดึกจังเลยนะคะ" คุณหนูหลี่เอ่ยอย่างฉงน ส่วนอาโปนั้นแค่ยกยิ้มให้เล็กน้อย
"คุณหยางทำดึกกว่านี้อีกครับ...ผมก็แค่ช่วยเล็กๆน้อยๆ" เขาค้อมตัวให้เจ้านายตนเองแล้วขอตัวออกไป ส่วนฟาหยางนั้นก็ยกชาขึ้นดื่มเงียบๆ
"คุณหยางทำงานดึกทุกวันเลยหรือคะ?"
"อืม...มันก็ปกติที่ฉันทำมานั่นแหละ ไม่ได้แปลกใหม่อะไร"
"แล้วไหนคุณหยางบอกฉันเมื่อตอนเย็นว่าวันนี้จะพักงานล่ะคะ ไปพักผ่อนสักหน่อยดีไหม" คิ้วเรียวสวยขมวดเข้ามากันน้อยๆ เยว่ซินชักเป็นกังวลที่เห็นฟาหยางทำงานหนักเกินไป
"คุณหนูเยว่เป็นห่วงหรือ"
"ก็ใช่สิคะ...คะ?...ก็ เอ่อ..." ปากมันดันไปเร็วกว่าสมอง รู้ตัวอีกทีก็เผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าไปเสียแล้ว
เยว่ซินเลิ่กลั่กพยายามแก้ตัวหากแต่ฟาหยางกลับหัวเราะแล้วทอดมองกันอย่างสนใจ
"งั้นต่ออีกครู่เดียวแล้วฉันจะไปพักดีไหม?"
"อืม...งั้นฉันจะอยู่เป็นเพื่อนจนถึงตอนนั้นนะคะ" เยว่ซินนั่งดื่มชาในขณะที่รออีกคนเงียบๆ ฟาหยางเวลาทำงานนั้นดูเคร่งขรึมและสุขุม เขานั่งไขว่ห้างเช็คตารางหุ้นแล้วเซ็นเอกสารอีกเล็กน้อย
"ยังเจ็บแผลอยู่ไหม" เยว่ซินส่ายหน้า ตอนนี้นอกจากรอยแดงเพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแล้ว
"ไม่เป็นไรแล้วค่ะ อีกไม่นานก็คงหายดี"
"ถ้าหากบาดเจ็บอีกก็ให้รีบโทรฯหาฉัน หรือไม่ก็ติดต่อไปที่อาโปหรือเลขาหลิง" เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจที่ฟาหยางดูจะกระตือรือร้นเสียเหลือเกิน
"ขอบคุณคุณหยาง แต่ถ้าคุณกำลังยุ่ง..."
"ฉันจะเป็นคนบอกคุณหนูเยว่เอง อีกอย่างช่วงนี้ฉันคงพักการเดินทางไปสักระยะ" นั่นหมายความว่าฟาหยางจะอยู่จีนแล้วสินะหลังจากที่เทียวไปเทียวมาอยู่หลายครั้ง
"หากเบื่อๆก็ไปที่บริษัทฉันได้"
"อืม...ฉันคงไม่รบกวนถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ" เยว่ซินตอบแล้วหัวเราะเบาๆ
"ถ้าเป็นคุณหนูเยว่ก็ไม่เป็นไร"
"..." คนฟังนิ่งเงียบ รู้สึกถึงความผิดปกติจึงแสร้งเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ
"เรื่องแบรนด์แอมฯจิวเวลรี่คุณหยางจะประกาศเมื่อไหร่หรือคะ" ยามที่เยว่ซินเปลี่ยนเรื่องกะทันหันหากแต่ฟาหยางก็ไม่ได้ตำหนิอะไร เขาตอบด้วยท่าทีสบายๆ
"กำหนดการฉันจะบอกให้คุณหนูเยว่ทราบอีกไม่นาน เพียงแค่ตอนนี้อาจต้องรอไปก่อน" แม้จะสงสัยมากๆแต่หลี่ เยว่ซินก็ทำอะไรไม่ได้ เพียงแค่พยักหน้าตอบรับแล้วยกน้ำชาขึ้นดื่มเป็นครั้งสุดท้าย
"ฉันคงพอแค่นี้แล้วแต่คงต้องไปสั่งงานอาโปอีกเล็กน้อย คุณหนูเยว่ขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ" ฟาหยางลุกขึ้นแล้วกวักมือเรียกอาโปที่ยืนรออยู่ด้านนอกให้เข้ามาหา
"ค่ะ...งั้นก็ฝันดีนะคะคุณฟาหยาง" ร่างสูงยกยิ้มทอดมองคนตัวขาวที่กำลังโค้งตัวให้กันอยู่
"เช่นกัน...ฝันดีอาเยว่"
"..."
หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันโฆษณาน้ำหอมของหยวน อี้ที่เยว่ซินเป็นพรีเซนเตอร์ก็ประกาศทางเพจบริษัทอย่างเป็นทางการ ทันทีที่โฆษณาฉบับสมบูรณ์ออกมานั้นทำเอากระแสในอินเตอร์เน็ตวุ่นวายกันยกใหญ่
'บอกฉันทีว่านี่คือคุณหนูเยว่ซินตัวจริง'
'นางร้ายเยว่ซินคนนั้นงดงามถึงเพียงนี้เลยหรือ ดูสายตานั่นสิ'
'เธอเข้ากับน้ำหอมกลิ่นนี้ของคุณหยวน อี้จริงๆ'
'เยว่ซินกับกุหลาบแดงเข้ากันสุดๆ'
'ทางหน้าร้านบอกว่าน้ำหอมกลิ่นนี้หมดแล้วค่ะ ใครพอจะซื้อตุนไว้บ้างไหมคะจะขอซื้อต่อในราคาที่สูงกว่าก็ยอม(╥_╥)'
เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจเพราะไม่คิดว่ากระแสตอบรับจะเป็นเช่นนี้ แม้จะมีคนชอบและตื่นเต้นมากแต่ก็ใช่ว่าคนไม่ชอบจะไม่มี เพียงแค่ซูเม่ยและจางลี่นั้นไม่อนุญาตให้เธอดู
จะห่วงกันเกินไปหน่อยแล้ว เธอไม่ใช่คนอ่อนไหวง่ายขนาดนั้นเสียหน่อย!
"ขออภัยด้วยค่ะ ตอนนี้ช่วงคิวของคุณหนูเยว่แน่นมากในสามเดือนนี้" เยว่ซินมองซูเม่ยที่กำลังรับสายโทรศัพท์กันมือพัน อาจเพราะอิทธิพลของตระกูลหยวนนั้นก็เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างทำให้ยิ่งมีกระแสที่แรงขึ้น
เยว่ซินได้รับโทรศัพท์จากหยวน อี้เมื่อเช้านี้ก่อนที่โฆษณาจะออก เขาโทรมาบอกให้เธอเตรียมตัวไว้แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันมากถึงขนาดนี้
พลังของโซเชียลนี่มันรุนแรงเสียจริง!
"คุณหนูเยว่! เห็นนี่หรือยัง!" เยว่ซินสะดุ้งยามที่จางลี่วิ่งเข้ามาหา อีกฝ่ายเดินมาเท้าเปล่าโดยไม่ได้ใส่สลิปเปอร์เสียด้วยซ้ำราวกับรีบร้อนเต็มทน
"จางลี่อย่าเดินเท้าเปล่าในบ้านสิ"
"อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้น เอาเรื่องนี้ก่อน" ยามที่โดนดุเยว่ซินถึงได้ยู่ปาก ยอมลากสายตาดูไปที่หน้าจอแม็คบุ๊คราคาแพงของเพื่อนตนเอง
"เดี๋ยวสิ..." เยว่ซินหน้าเหวอมองข่าวใหม่ที่เพิ่งจะประกาศเมื่อครู่ด้วยความสับสน
ทำไมฟาหยางถึงได้มาประกาศว่าเธอเป็นแบรนด์แอมฯของจิวเวลรี่ตระกูลหยางตอนนี้เล่า!
"นี่มันบ้าอะไรนี่จางลี่"
"ฉันสิต้องเป็นคนถาม แกไปทำงานให้คุณฟาหยางตั้งแต่เมื่อไหร่" เยว่ซินกุมขมับ ถอนหายใจราวกับคนปลงตก
"ฉันอยากโทรหาคุณหยาง"
"เล่ามาก่อนเลย!" จางลี่คะยั้นคะยอ หากแต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่ควรมาทำเช่นนั้นเท่าไหร่
"อืม...เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แต่ฉันอยากจะเคลียร์กับฟาหยางเสียก่อน" เยว่ซินค่อนข้างจะหงุดหงิดมากจริงๆกับการกระทำของฟาหยางที่รวดเร็วเช่นนี้
"ก็พอจะเข้าใจ...คุณฟาหยางเขาดูไม่ค่อยชอบคุณหยวน อี้เสียเท่าไหร่" จางลี่วิเคราะห์
"แต่มันก็ไม่ควรมาตัดหน้ากันเช่นนี้ ฟาหยางทำเกินไปแล้ว" มีอย่างที่ไหนมาเปิดตัวโฆษณาและแบรนด์แอมฯในวันเดียวกันแบบนี้
เยว่ซินรู้ได้ทันทีว่าฟาหยางนั้นต้องการที่จะตัดหน้าหยวน อี้อย่างแน่นอน
ฟาหยางชักไม่น่ารักเสียแล้ว!
"ใจเย็นๆเสียก่อนคุณหนูเยว่ ยังไงทางนู้นก็คือคุณฟาหยาง" จางลี่เอ่ยปรามแต่มีหรือเยว่ซินจะฟัง
เธอไม่ชอบที่ฟาหยางทำเช่นนี้ และจะหงุดหงิดมากถ้าเขากำลังสนุกกับสิ่งที่ทำ!
รอไม่นานปลายสายก็รับ หากแต่คนที่พูดนั้นกลับไม่ใช่ฟาหยาง
'สวัสดีค่ะพี่เยว่ซิน พี่ฟากำลังคุยธุระอยู่น่ะค่ะมีอะไรหรือเปล่า' เสียงสดใสจากปลายทางทำให้เยว่ซินต้องระงับความหงุดหงิดของตัวเองเอาไว้
"อาจูหรือ...พอดีฉันมีธุระเร่งด่วนกับคุณฟาหยางน่ะ ช่วยถามเขาหน่อยได้ไหมว่าจะสะดวกคุยเมื่อไหร่" อีกฝ่ายตอบรับคำแล้วหายไปสักพักพร้อมกับผู้มาใหม่แทน
'อาจูถือวิสาสะรับโทรศัพท์ฉันน่ะ คุณหนูเยว่คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม' ครั้นได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้นเยว่ซินจึงถอนหายใจ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแถมยังเอ่ยถามเรื่องอื่นได้หน้าตาเฉย
"ทำไมคุณหยางถึงมาประกาศวันนี้คะ" ฟาหยางไม่ได้ตอบกลับในทันที เหมือนเขาจะรับรู้ถึงน้ำเสียงที่หงุดหงิดนั้นจึงเงียบไป
'คุณหนูเยว่หงุดหงิดหรือ' ฝ่ายนั้นถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงแต่ก็ไม่ได้ทำให้เยว่ซินรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
"หรือที่คุณหยางอยากให้ฉันเป็นแบรนด์แอมฯก็เพื่อหักหน้าคุณหยวน อี้เท่านั้นคะ?" เสียงหวานยังคงเอ่ยถามอย่างนิ่งเรียบ เธอก็สงสัยมาสักพักแล้วว่าทำไมถึงได้เลือกเยว่ซินนางร้ายคนนี้ให้สวมกุหลาบลูโลหลายพันล้านเส้นนั้นกัน หรือที่ฟาหยางทำทั้งหมดก็แค่เพื่อจะใช้โอกาสนี้ปั่นหัวหยวน อี้กัน?
'อาเยว่เข้าใจฉันผิดแล้ว' ฟาหยางดูท่าร้อนรนกว่าเก่าแต่ยังคงเอ่ยตอบอย่างช้าๆ
'จริงอยู่ที่ฉันตั้งใจประกาศวันเดียวกับหยวน อี้แต่ก็แค่เพราะฉันอยากให้เขารู้ว่าอาเยว่เป็นของตระกูลหยาง'
"ฉันไม่ใช่ของของตระกูลไหนนะคะ"
'...' ฟาหยางนิ่งเงียบรอให้อีกคนพูดต่อ
"ที่คุณหยางเลือกฉันเพราะเป็นหลี่ เยว่ซินหรือเพราะเป็นคนช่วยหักหน้าคู่แข่งคุณหยางหรือคะ" จางลี่และซูเม่ยนั้นนั่งมองเยว่ซินอยู่ห่างๆ ยามที่เยว่ซินหน้านิ่งและเอ่ยถามเสียงเย็นเช่นนี้นั้นน่ากลัวกว่าแต่ก่อนหลายเท่าจางลี่รู้ดี
'เพราะคืออาเยว่'
"..."
'ฉันเลือกเพราะหลี่ เยว่ซิน' หญิงสาวถอนหายใจ เธอไม่ชอบเวลาที่ต้องอยู่ตามเกมของใคร และเธอจะไม่มีวันเป็นหมากให้ฟาหยางหรือหยวน อี้ได้จับจูงง่ายๆเด็ดขาด!
'ฉันขอโทษที่ทำตามใจจนคุณหนูเยว่หงุดหงิด'
"..." เยว่ซินยอมผ่อนอารมณ์ลงให้คงที่ ถึงรู้ว่าฟาหยางทำเกินไปแต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของสองคนนี้มากไปกว่านี้
'อาเยว่ซิน'
"อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ ขอโทษที่ฉันใส่อารมณ์ไปหน่อยค่ะ" ได้ยินฟาหยางพรูลมหายใจราวกับคนโล่งอก
'มันถูกแล้วที่คุณหนูเยว่จะคิดเช่นนั้น'
'ฉันเลิกงานเมื่อไหร่แล้วจะแวะไปหา บอกผู้จัดการให้เคลียร์คิวไว้ให้ฉันด้วย'
"..."
'เข้าใจใช่ไหมครับคุณหนูเยว่' อีกฝ่ายย้ำเมื่อเห็นว่าเยว่ซินไม่ตอบ
"ค่ะ ฉันจะบอกพี่ซูเม่ยให้" สายถูกวางไปพร้อมกับจางลี่และซูเม่ยที่รีบเดินเข้ามาหากัน
"สุดยอดจริงๆคุณหนูเยว่ ไม่โดนคุณฟาหยางดุด้วยแฮะ" จางลี่ค่อนข้างจะเชื่อข่าวลือของฟาหยางและเยว่ซินขึ้นเสียแล้ว
"ตอนนี้กระแสหนักขึ้นกว่าเก่าอีกค่ะ มีนักข่าวอยากสัมภาษณ์คุณหนูเยว่เยอะมากเลย" ต่อด้วยซูเม่ยที่รายงานความเคลื่อนไหวตอนนี้ ชื่อของหลี่ เยว่ซินถูกพูดถึงอย่างมากในโซเชียล
และเยว่ซินก็ได้รับรู้เต็มอกแล้ว ว่าการที่ก้าวเท้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับฟาหยางและหยวน อี้นั้นสร้างความวุ่นวายในชีวิตเพิ่มขึ้นอีกร้อยเปอร์เซ็นต์!