เยว่ซินและซูเม่ยตอนนี้นั้นเรียกได้ว่าคิวแน่น ทำงานกันไม่ได้พัก ทันทีที่จิวเวลรี่ตระกูลหยางเปิดตัวหลี่ เยว่ซินเป็นแบรนด์แอมฯนั้นคนก็สนใจจับจองสินค้าล่วงหน้ากันมาถล่มทลาย
และจริงอยู่ที่ถึงแม้สร้อยคอกุหลาบลูโลนั้นจะมีเพียงเส้นเดียวที่คุณหนูหลี่ เยว่ซินได้ใส่หากแต่คอลเลคชั่นอื่นๆที่เลขาหลิงให้เธอได้สวมและนำภาพขึ้นปกของคอลเลคชั่นนั้นๆก็เรียกว่าได้ผลตอบรับดีเกินคาด
บัดนี้เยว่ซินเริ่มจะมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้นแล้ว...
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทั้งซูเม่ยและจางลี่นั้นช่วยกันถ่ายคล้ายๆเป็นคลิปส่วนตัวระหว่างวันที่เยว่ซินทำกิจกรรมต่างๆเพื่อให้คนได้เข้าถึงเธอมากขึ้น
'อันไหนแมวอันไหนอาเยว่คะ แยกไม่ออกเลย'
'กรี๊ด วันนี้เยว่ซินไปหาเพื่อนแมวเหรอคะ'
'อาเยว่ดูรักแมวจังเลย ที่บ้านเลี้ยงแมวไหมคะ'
'เยว่ซิน~พี่สาวตามซื้อน้ำหอมของคุณหยวน อี้ได้แล้วแต่สร้อยคอรอพี่สาวเก็บเงินก่อนแล้วจะซื้อตามนะคะ!'
นี่คือตัวอย่างความคิดเห็นในคลิปหนึ่งที่จางลี่พาเยว่ซินไปเที่ยวเล่นในคาเฟ่แมว แฟนคลับนั้นดูจะเรียกกันอย่างสนิทสนมมากขึ้นซึ่งเยว่ซินรู้สึกดีกว่ามากๆที่จะเรียกด้วยคำสุภาพ
"คุณหนูเยว่วันนี้ก็ทำงานหนักอีกแล้วนะ" เสียงของจางลี่ที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เยว่ซินสะดุ้ง
"อืม...มันติดพันนิดหน่อยน่ะ" เธอส่งยิ้มแหยๆไปให้เพื่อนตนเอง จางลี่นั่งลงตรงข้ามกันแล้วส่งสายตาดุๆมาให้
"ทำงานหนักมาตั้งหลายอาทิตย์แล้ว วันนี้พี่ซูเม่ยอุตส่าห์ลงคิววันหยุดให้ทำไมไม่พักเสียหน่อย?" ใช่...หลังจากที่เรื่องวุ่นวายของหยวน อี้และฟาหยางจบไปเยว่ซินก็ทำงานหนักติดต่อกันหลายสัปดาห์แล้ว นอกจากสตูดิโอกับบ้านเยว่ซินก็แทบไม่ได้ไปไหนอื่นและไม่ได้เจอใครเลย
"เสร็จตรงนี้แล้วฉันจะวางแล้ว โอเคไหม?" จางลี่ถอนหายใจให้กับความดื้อของอีกคน เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีเยว่ซินคนนี้ยังพูดยากพูดเย็นเช่นเดิม
"ไหนๆวันนี้ก็พักแล้ว เราไปเดินห้างกันหน่อยดีไหม" เยว่ซินหยุดคิด ตั้งแต่หลุดเข้ามาในโลกนี้เธอก็ได้ไปห้างไม่กี่ครั้งเอง
"ไปผ่อนคลายกันสักหน่อย เข้าร้านสปาเป็นไง?" เยว่ซินยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้าให้กับอีกคน
"อืม เป็นความคิดที่ดีเลยค่ะคุณจางลี่"
เลขาหลิงทำงานให้กับฟาหยางมาเกือบจะห้าปี กว่าเธอจะสามารถได้รับความไว้วางใจจากเขาให้มาอยู่เป็นคนใกล้ชิดเช่นนี้นั้นเลขาหลิงเกือบจะขอลาออกอยู่หลายครา
แน่นอนว่าการทำงานกับฟาหยางนั้นจะต้องละเอียดรอบคอบ มีความเก่งกาจและความอดทนมากกว่าคนอื่นๆหลายเท่าตัว เหตุเพราะฟาหยางทั้งดุและเคร่งขรึม เขาจะไม่ยอมให้งานห่วยๆผ่านตาไปได้ไม่ว่าจะผิดพลาดเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
และหลายปีที่ผ่านมานั้นเลขาหลิงผ่านทุกอารมณ์จากเจ้านายจอมเนี้ยบคนนี้ เธอได้เห็นหลายมุมมากมายจากฟาหยางยกเว้นอารมณ์ที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้...
"มีเรื่องอะไรดีๆหรือคะคุณฟาหยาง" เธอค่อนข้างไม่ชินเลยทีเดียวที่ฟาหยางดูผ่อนคลายอย่างอารมณ์ดีเช่นนี้ เขาแกว่งปากกาในมือไปมาก่อนจะเอ่ยตอบ
"ก็ไม่มีอะไรนี่" เลขาหลิงรู้ดีว่าอีกคนไม่อยากพูดออกมา จริงๆเธอก็พอจะรู้จากอาโปมาเล็กน้อยว่าวันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนของคุณหนูหลี่ เยว่ซินหลังจากที่อีกฝ่ายทำงานหนักติดต่อกันหลายอาทิตย์
และเพราะอย่างนั้นไม่ว่ากี่ครั้งที่ฟาหยางเจ้านายของเธอขอคิวไปนั้นอีกฝ่ายก็จะปฏิเสธเสมอ
งั้นที่เจ้านายเธออารมณ์ดีเช่นนี้ก็เพราะขอคิวคุณหนูเยว่ไปได้แค่นั้นหรือ?
เอาเถอะ เธอจะยอมเชื่อแล้วกันที่เขาบอกว่าไม่มีอะไรน่ะนะ...
เยว่ซินกับจางลี่ไปถึงห้างแล้วก็หาอะไรทานก่อนที่จะเข้าร้านสปา ผ่านไปหลายชั่วโมงสำหรับการทำสปาผิว เยว่ซินรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากจากเก่า แก้มนวลซับสีแดงระเรื่อทั้งผิวที่ขาวดั่งเกล็ดหิมะนั้นก็ดูนวลเนียนน่าสัมผัสขึ้นกว่าเก่า จางลี่พิจารณาเพื่อนตนเองแล้วยกยิ้ม หลี่ เยว่ซินนั้นเหมาะสมกับออร่าดารายิ่งนัก
"อืม...รู้สึกดีจังเลย" คนสวยพูดแล้วยิ้มกว้าง ค่าคอร์สสำหรับวันนี้นั้นแพงหูฉี่หากเป็นเยว่ซินตอนเพิ่งหลุดเข้ามาใหม่ๆคงไม่มีปัญญาจ่ายแน่ แต่หากตอนนี้ทั้งตารางงานและฟาหยางที่สนับสนุนเป็นค่าจองตัวเวลาเจอกันบ้างหรือค่าสปอนเซอร์ที่อีกฝ่ายแอบยกมาอ้างเพื่อจะให้ค่าขนมเยว่ซินบ้างก็ทำให้ในธนาคารของเธอมีเงินอยู่หลายหลักทีเดียว
พอคิดมาถึงตรงนี้เยว่ซินก็เพิ่งจะนึกออกว่าวันนี้เธอมีนัดกับฟาหยางเสียนี่
ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเธอลืมจะขุ่นเคืองแค่ไหนกันนะ...
"คุณหนูเยว่อยากไปที่ไหนอีกบ้างจ๊ะ" จางลี่เอ่ยถามหลังออกจากร้าน เยว่ซินคิดชั่วครู่แล้วตอบเสียงหวาน
"จางลี่ช่วยฉันเลือกชุดหน่อยได้ไหม...อืม เอาเป็นร้านนั้นเป็นไง?"
"ซื้อชุดหรือ? จะไปไหน" จางลี่ขมวดคิ้ว ถึงขั้นซื้อเสื้อผ้าใหม่นั้นคุณหนูเยว่มีงานสำคัญหรือ?
"ไม่ได้ให้ตัวเองหรอก ฉันอยากดูชุดคลุมไหมพรมให้กับเลขาหลิงสักตัวน่ะ แล้วก็โค้ทตัวยาวให้คุณฟาหยาง" จางลี่ยิ่งงุนงงหนักขึ้นกว่าเดิม ทำไมเยว่ซินถึงต้องซื้อเสื้อผ้าให้สองคนนั้นด้วย?
"ก็แค่อยากขอบคุณคุณหยางเรื่องงานน่ะแล้วก็คุณเลขาหลิงที่ช่วยดูแลฉันด้วย จริงๆก็อยากจะเลี้ยงน้ำชาเหมือนคุณหยวน อี้อยู่หรอกแต่ฉันว่าอย่างคุณหยางคงไม่รับแน่ๆ" เยว่ซินพูดยาว หลังจากช่วงที่วุ่นวายนั้นเธอมีโอกาสได้เลี้ยงน้ำชาหยวน อี้แล้วแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ตอนนั้นได้มีโอกาสเจอกับเลขาของเขาด้วยซึ่งทั้งสองคนนั้นกว่าจะยอมให้เยว่ซินเป็นเจ้ามือก็เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน
หลี่ เยว่ซินเข้าใจดีว่าให้คนที่มีศักดิ์เป็นคนที่ถูกจ้างงานมาทั้งยังมีอายุน้อยกว่าเลี้ยงน้ำชาคงดูไม่ดีนัก แต่ไหนๆเยว่ซินก็เริ่มสนิทสนมกับเขาแล้วจึงเอ่ยขอร้องให้ช่วยมองข้ามการเสียมารยาทในข้อนี้ไป
แต่กับฟาหยางคงไม่ดีนัก อีกฝ่ายเป็นถึงมาเฟียปกครองแผ่นดินจีนมีอิทธิพลมากมาย เยว่ซินจึงคิดว่าหากซื้อเป็นของไปให้จะเป็นการดีกว่า ส่วนเลขาหลิงนั้นจะขอให้ช่วยรับไว้ในฐานะน้องสาวที่อยากซื้ออะไรให้พี่สาวก็คงไม่น่าเกลียดอะไร
ทั้งเยว่ซินและจางลี่ใช้เวลาช่วยกันเลือกอยู่อีกเกือบชั่วโมง เยว่ซินนั้นละเอียดรอบคอบคิดไปต่างๆนานาว่าสีควรเป็นสีสุภาพและคิดไปถึงความอุ่นของเสื้อในอุณหภูมิที่จะสามารถใส่ได้ในหน้าหนาว
"ถ้าคุณฟาหยางรู้ว่าแกพิถีพิถันเช่นนี้คงดีใจ"
"ก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือที่เราจะซื้ออะไรแล้วนึกถึงคนได้รับน่ะ" จางลี่พยักพเยิด หลังๆเธอเริ่มจะชินที่เยว่ซินทำตัวเช่นนี้แล้ว ก็เพื่อนของเธอนั้นนอกจากจะเก่งขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น การวางตัวต่างๆก็ดูสมกับเป็นคุณหนูขึ้นทุกวัน
ทั้งคู่ออกจากห้างก็เวลาเย็นย่ำแล้ว จางลี่แวะมาส่งเยว่ซินที่บ้านก่อนที่เธอจะกลับไปทำธุระต่อกับครอบครัว คล้อยหลังก็ยังอวยพรให้วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี
"หวังว่าคุณหยางจะชอบของที่แกตั้งใจเลือก"
"อืม เดินทางปลอดภัยนะจางลี่"
"ไว้เจอกันจ้าคุณหนูเยว่"
อาโปค่อนข้างเป็นกังวลเล็กน้อยที่โดนเจ้านายสั่งห้ามไม่ให้เป็นคนขับรถให้ ฟาหยางถอดสูทตัวนอกออกส่งให้เขาเหลือเพียงเชิ้ตด้านในก่อนจะเอ่ยกำชับเสียงเรียบว่าเขาจะเป็นคนขับรถไปหาคุณหนูเยว่เองให้อาโปพักผ่อนอยู่ที่คฤหาสน์ซะ
"จะพาคุณหนูเยว่มาค้างหรือไม่คะคุณฟาหยาง ฉันจะได้จัดห้องไว้ให้ค่ะ" เสียงของสาวใช้ดึงความสนใจของทั้งสองให้หันไปมอง ฟาหยางยกมือขึ้นพับแขนเสื้อพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย
"ไม่ได้จะไปรับมาพักที่นี่ แค่ไปทานข้าวไม่นาน" เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอจึงค้อมตัวให้เจ้านายตนเอง อาโปค่อนข้างแปลกใจที่สาวใช้ถามเช่นนั้น หรือพวกเธอเข้าใจผิดเสียแล้วว่าคุณหนูเยว่เป็นคนดูใจของฟาหยาง?
"คุณหยางจะขับคันไหนดีครับ"
"Bugattiแล้วกัน" บูกัตติสีเงินถูกยกขึ้นมาในการตัดสินใจ รถสปอร์ต2 ที่นั่ง สมรรถนะสูงที่ถูกซื้อมาในราคาสูงลิ่วตอนฟาหยางไปดูงานที่ต่างประเทศ เขาถูกชักชวนเข้าร่วมในงานประมูลของมาเฟียพันธมิตรฝั่งทางนั้น ทีแรกจะไปเข้าร่วมเฉยๆไม่คิดว่าสุดท้ายจะกลายเป็นว่ามีอะไรกลับติดไม้ติดมือมาแม้ว่าจะโดนค่าภาษีอีกหลายเท่าตัว
อาโปส่งเจ้านายตัวเองด้านหน้า เขาค้อมศีรษะลงก่อนที่ประตูจะปิดแล้วเสียงเครื่องกระหึ่มเฉพาะตัวของบูกัตติคันงามจะเคลื่อนออกไป
ใช้เวลาไม่นานมากในการจราจรช่วงกลางคืน ฟาหยางวางมือไปกับพวงมาลัยรถ ดวงตาคมทอดมองไปยังอีกฝั่งซึ่งเห็นใครบางคนกำลังเร่งเท้าเดินมาหา
เขาลงจากรถ สบตาเข้ากับหลี่ เยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาว ผมยาวโดนเกล้าขึ้นโชว์ลำคอระหงส์ ริมฝีปากยกยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวสวมสร้อยกุหลาบลูโลของตระกูลหยางที่เขาตั้งใจให้กับมือ
"คุณหยางมานานหรือยังคะ" เยว่ซินรู้สึกผิด ความจริงเธออยากมายืนรออีกฝ่ายด้วยซ้ำแต่กะเวลาพลาดไปเล็กน้อย
"ฉันก็เพิ่งมาถึง ไม่ได้รออะไรเลย" ได้ยินเช่นนั้นเยว่ซินเลยเบาใจ เธอเอียงศีรษะมองคนตัวสูงกว่า แม้ฟาหยางยามเพิ่งเสร็จจากงานนั้นยังคงน่ามอง
ฟาหยางเปิดประตูรถให้อีกคนได้เข้าไปด้านใน เยว่ซินค้อมลงขอบคุณอย่างสุภาพ รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆที่ได้นั่งรถของฟาหยางที่เขาจะเป็นคนขับให้
"ช่วงนี้ฉันเห็นว่าคิวของคุณหนูเยว่แน่นมาก ไม่ว่าจะติดต่อไปที่ผู้จัดการกี่ครั้งก็ไม่มีช่วงเวลาได้แทรกเข้าไปเลย" ฟาหยางเริ่มบทสนทนายามที่เขาเข้ามาเช่นกัน บูกัตติเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้งด้วยความเร็วปานกลาง
"อืม...ต้องขอโทษคุณหยางด้วยนะคะ แต่ช่วงนี้ฉันยุ่งมากจริงๆ"
"เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ฉันเห็นอาเยว่มีแฟนคลับมากขึ้นก็นับว่าเป็นเรื่องดีนี่?" เยว่ซินยิ้มกว้าง เธอยกถุงที่สลักชื่อแบรนด์เสื้อผ้าข้างกายขึ้นให้ฟาหยางดูเล็กน้อย
"วันนี้ฉันเลยซื้อของมาให้คุณหยางน่ะค่ะ จริงๆราคามันอาจจะไม่ได้แพงมาก เสื้อด้านในฉันก็เลือกตามความชอบตัวเอง ไม่รู้จะถูกใจคุณหยางหรือไม่ หากไม่รบกวนเกินไปจะขอให้คุณหยางช่วยรับไว้เป็นน้ำใจแล้วกันนะคะ" เยว่ซินพูดแบบประหม่า ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจกับตัวเองมาแล้วแต่ยามอยู่ต่อหน้าฟาหยางก็พูดได้ยากเย็นเสียจริง
ไม่รู้ของนั้นจะด้อยค่ามากแค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าฟาหยางที่มีทรัพย์สินขนาดนั้น...
ชายหนุ่มเดาะลิ้น หากไม่ติดว่าอยู่บนถนนเขาคงใช้มือข้างนี้ประคองคางเรียวนั้นแล้วเชิดขึ้นให้สบตากัน สบตากับเขาเพื่อให้ได้เห็นว่าดวงตาสีรัตติกาลตอนนี้นั้นพึงพอใจแค่ไหน
จากเดิมก็ถูกใจมากอยู่แล้วแต่ตอนนี้กลับถูกใจมากขึ้นกว่าเดิมอีก...
ฝั่งเยว่ซินที่เห็นอีกคนไม่ตอบเลยหน้าเจื่อนลงกว่าเก่า เธอเม้มริมฝีปากและกำลังประมวลผลว่าควรทำอย่างไรให้ควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ได้ มันก็ไม่แปลกหากฟาหยางจะคิดหนักที่จะต้องรับของราคาถูกๆจากคนที่มีศักดิ์ต่ำกว่า
หากแต่ไม่ใช่แบบนั้น เยว่ซินที่กำลังตบตีกับตัวเองอยู่ในหัวจำต้องชะงักเมื่อฟาหยางจอดรถตรงจุดพักครู่หนึ่ง เขาหันมาหาพร้อมกับยื่นมือมารับของไปทั้งๆที่เยว่ซินยังคงนั่งงุนงง
"แล้วถ้าฉันบอกว่าอยากรับไว้เพราะชอบ ไม่ได้อยากรับไว้เพราะแค่ตอบรับน้ำใจล่ะ" เยว่ซินนิ่ง ไม่ได้ตอบกลับอะไรในทันที
"แค่นี้ฉันก็ถูกใจคุณหนูเยว่มากอยู่แล้ว หากทำตัวเช่นนี้กับฉันบ่อยๆแล้วฉันอยากเก็บอาเยว่ไว้ข้างตัวแต่เพียงผู้เดียว มันจะไม่ลำบากเอาหรือ?"
หลังจากเมื่อคืนที่ทานข้าวกันเสร็จฟาหยางก็มาส่งเธอที่บ้าน เยว่ซินค่อนข้างทำตัวไม่ถูกนักเมื่อโดนคำพูดของอีกฝ่ายโจมตีแบบนั้น วันนี้เธอจึงมาทำงานด้วยอาการเบลอๆเล็กน้อย
"คุณหนูเยว่เป็นอะไรหรือเปล่า ดูไม่มีสมาธินะคะ?" ซูเม่ยถามด้วยความเป็นห่วงส่วนเยว่ซินนั้นรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
ให้ตายเถอะ...เธอลืมไปว่าถึงแม้ฟาหยางจะนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่อีกฝ่ายก็เป็นถึงพระเอก
ดังนั้นคำพูดเช่นนั้นมันก็ไม่แปลกที่จะทำให้เยว่ซินสับสนแบบนี้
"จะว่าไปหลังจากพรุ่งนี้เรามีคิวบินไปฮ่องกงกันด้วยนะคะ ฉันจะเตรียมชุดโค้ทไว้ให้ถ้าคุณหนูเยว่อยากได้อะไรเพิ่มในระหว่างนี้ก็ค่อยๆคิดแล้วบอกฉันนะคะ" เยว่ซินวาดรอยยิ้มสวย เธอเอ่ยขอบคุณซูเม่ยก่อนจะก้มลงอ่านสคริปต์ต่อ
ฮ่องกงงั้นหรือ...จริงด้วยสิ เยว่ซินจะต้องไปถ่ายงานร่วมกับนายแบบคนใหม่ที่ตอนนี้กระแสมาแรงพอๆกันเลยนี่
"พี่ซูเม่ยคะ นายแบบที่จะถ่ายงานร่วมกับฉันนั้นชื่อ...เอ่อ...ต้า?" เยว่ซินพูดติดขัด ชื่อของเขาคนนั้นติดอยู่ที่ริมฝีปาก
ซูเม่ยเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยตอบ "หวง ต้าเฟิง"
"ต้าเฟิงที่แปลว่าลมแรงน่ะค่ะ"