เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง ฟาหยางหัวเราะในลำคอ ยอมปล่อยมือออกก่อนจะเปลี่ยนเป็นยืนกอดอกเพื่อดูสีหน้าอีกคนให้เต็มตา
เยว่ซินกัดริมฝีปากอย่างลืมตัว หัวสมองประมวลผลอย่างหนักว่าเธอควรทำอย่างไรดี
หรือจะขอร้องให้ หยวน อี้ ไปส่งเธอ?
เช่นนั้นไม่ได้ หลายคนในนี้คงจะเอาไปนินทากันปากต่อปาก พาลให้คุณอี้ได้รับผลกระทบเสียเปล่าๆ แล้วถ้าเป็นกับฟาหยางล่ะ?
เธอแน่ใจดีว่าไม่มีใครกล้าเอาเรื่องนี้ไปนินทาหากคนที่เธอจะขอกลับด้วยเป็นฟาหยาง แต่นั่นก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก เพราะเธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนที่จะทำให้เธอกลายเป็นคนเสียสติในอนาคตนี่นา!
หลังจากยืนคิดได้ชั่วครู่ เยว่ซินถึงรู้ว่าตนไม่มีทางออก ที่นี่คือคฤหาสน์ตระกูลหยวนซึ่งห่างไกลจากในเมืองที่มีรถสาธารณะมากนัก
"ต้องรบกวนคุณหยางแล้ว" หญิงสาวตอบพลางก้มหน้า จนปัญญาแล้วจริงๆ จางลี่ไม่น่ามาทิ้งกันเลย!
"หึ" ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของฟาหยางแล้ว เยว่ซินถึงกลับต้องเบือนหน้าหนี
สัญญาเลยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะยุ่งเกี่ยวกับเขา!
"อาโป...พาแขกของฉันไปที่รถที" ได้ยินคำสั่งเช่นนั้น ลูกน้องคนสนิทข้างกายโค้งให้นายตนเอง ก่อนจะเดินมาผายมือแก่คุณหนูตระกูลหลี่คนงาม
"เชิญครับคุณเยว่" เยว่ซินพยักหน้า เดินตามคนที่มีนามว่าอาโปไปยังที่รถ ส่วนฟาหยางก็เดินไปอีกฝั่ง คาดว่าคงจะไปบอกลาผู้นำหยวน
เยว่ซินเดินฝ่าฝูงชนออกมา แน่นอนว่ามีหลายสายตาจับจ้องเธอไม่ขาดช่วง ถึงแม้คนเหล่านั้นอยากจะพูดอะไรก็พูดไม่ได้เพราะได้ฟังกิตติศัพท์ของเยว่ซินมามากจึงคร้านจะหาเหาใส่หัว ไหนจะมีบอดี้การ์ดของคุณฟาหยางประกบข้างอยู่ยิ่งไม่ควรเอ่ยปากอะไรทั้งนั้น
เมื่อขึ้นรถเยว่ซินถึงได้หายใจโล่ง ฝั่งลูกน้องนามว่าอาโปเปิดเครื่องยนต์และแอร์ไว้แล้วยืนรอเจ้านายตัวเองอยู่นอกรถ ไม่กี่นาทีต่อมาฟาหยางก็เดินออกมาพร้อมกับสูทตัวนอกที่โดนถอดออกและพาดแขนเอาไว้
เยว่ซินสะดุ้งโหยงยามที่ฟาหยางเปิดประตูและเข้ามานั่งอยู่ข้างกันในเบาะหลัง เธอนึกว่าเขาจะนั่งข้างหน้าเสียอีก
อาโปไม่ได้เข้ามาในทันที ในรถตอนนี้จึงมีเพียงแค่ฟาหยางและเยว่ซินสองต่อสองเท่านั้น
"เป็นอะไรไปล่ะ...ปกติต้องปากจ้อพูดไม่หยุดไม่ใช่หรือ" เสียงทุ้มเอ่ยถามทำให้เยว่ซินต้องหันหน้าไปมอง และนั่นก็ทำให้เธอได้เห็นฟาหยางในระยะใกล้ ชายหนุ่มพิงแขนข้างซ้ายไปกับประตูรถ ดวงตาคมจดจ้องมายังเธอแบบไม่ปิดบัง
"ฉัน...ฉันก็แค่เหนื่อยน่ะค่ะ" ตอบแบบอ้อมแอ้มก่อนจะดึงสายตากลับ เยว่ซินตอนนี้ขยับตัวได้ยากเย็นนัก
"เพิ่งรู้ว่าคนแบบคุณหนูเยว่เหนื่อยเป็นด้วย ฉันเห็นว่าตอนกลั่นแกล้งคนอื่นไม่เห็นเป็นเช่นนี้" เยว่ซินเม้มปาก มันใช่เรื่องที่ควรจะมาพูดตอนนี้ไหมคะพ่อพระเอก!
"แหะๆ" เหมือนหญิงสาวเกร็งจนไม่เป็นตัวเอง เยว่ซินหัวเราะแห้งๆแต่กลับทำให้ฟาหยางหลุดหัวเราะออกมา
"ให้ตายเถอะเยว่ซิน...เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่" คำถามมาพร้อมกับมือหนาที่ช้อนเอาผมของเยว่ซินไว้ ฟาหยางพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าแล้วตาเป็นประกายวับ เพิ่งเคยเห็นเยว่ซินผู้นั้นนิ่งเรียบร้อยแบบนี้ชักน่าสนใจขึ้นแล้วสิ
"คะ..คุณฟาหยาง" เยว่ซินพยายามจะดึงผมตัวเองกลับแต่ไม่เป็นผล เพราะฟาหยางกอบกุมเอาไว้แล้วม้วนเล่นเพลินๆ
"ออกรถ อาโป" เสียงเข้มเอ่ยสั่งเมื่อลูกน้องคนสนิทเข้ามานั่งประจำที่ แต่ถึงแบบนั้นฟาหยางก็ยังคงม้วนผมอีกฝ่ายเล่นเหมือนเดิมจนเยว่ซินยอมแพ้นั่งนิ่งๆ
"ผมต้องส่งคุณหนูเยว่ที่ไหนครับ" อาโปหันมาถามหลังจากขับออกจากคฤหาสน์หยวนมาได้สักพัก ส่วนเยว่ซินที่บัดนี้สติกระจัดกระจายจำต้องเค้นความทรงจำตัวเองให้ได้มากที่สุด
เธอดันจำทางไม่ได้ซะด้วยสิ!
"ไปที่คฤหาสน์ฉัน" แต่เมื่อเยว่ซินกำลังจะตอบพิกัดจำต้องชะงักเมื่อคนข้างกายดันเอ่ยพูดขึ้นเสียก่อน หญิงสาวหันกลับมาหาฟาหยางแล้วรีบปฏิเสธทันควัน
"คุณหยางคะ...คือว่าฉันไม่ได้มีธุระอะไรที่ตระกูลหยาง" ชายหนุ่มช้อนตามองแล้วกระตุกยิ้ม
"ไหนก่อนหน้านี้อยากเข้าให้ได้นักหนาไม่ใช่หรือ...คราวนี้ก็ได้ไปแล้วนี่" เยว่ซินคิดคำในหัวเป็นพันๆคำเพื่อจะโต้แย้งแต่พูดไม่ออก ได้แต่อ้าปากพะงาบๆจนฟาหยางหัวเราะอีกครั้ง
ด้านอาโปที่เห็นเจ้านายหัวเราะได้แต่ฉงนอยู่ในใจ...ปกตินายท่านของตนเองไม่เคยมีรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะเลยยามที่ได้อยู่กับเยว่ซินผู้นี้
"ฉันว่าแบบนี้ไม่ดีมั้งคะ" หญิงสาวพูดเสียงกระท่อนกระแท่น ทำไมยิ่งเธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขา เขาถึงยิ่งได้หาเรื่องให้เธอด้วยเนี่ย!
"ห่างเหินจังเลยนะคุณหนูเยว่..หรือตอนนี้หันไปสนใจคนอื่นเสียแล้ว?" ครั้นได้ยินคำถามทั้งคนโดนถามและอาโปถึงกับขมวดคิ้วน้อยๆ
รูปแบบคำถามช่างดูเหมือนคนน้อยใจ...แต่เชื่อเถอะว่าฟาหยางคนนี้น่ะก็แค่อยากจะถามแหย่เธอเล่น
เยว่ซินคนนี้เอาหัวเป็นประกัน!
"ไม่ดีเหรอคะ...ปกติคุณก็รำคาญฉันอยู่แล้ว" พอได้ยินคำตอบ ฟาหยางยกยิ้ม แววตาฉายแววสนุกขึ้นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบเช่นเดิม
"ก็ถูกของคุณหนูเยว่"
"..."
"แต่รู้อะไรไหม...ฉันน่ะไม่ชอบให้ใครเมินกันง่ายๆหรอกนะ" ดวงตาสีรัตติกาลเข้มขึ้นทำเอาคนมองหายใจติดขัดชั่วครู่
"โดยเฉพาะคุณหนูหลี่ เยว่ซิน อยู่ๆมาทำเช่นนี้ไม่หักหน้ากันเกินไปหรือ?" เยว่ซินอยากจะทึ้งหัวตัวเอง ดูเหมือนเส้นทางการรอดชีวิตของเธอนั้นช่างยากเย็นยิ่งนัก
"คุณฟาหยางคิดมากไปแล้ว" เยว่ซินพูดยิ้มๆ แม้ในใจจะร้องไห้อยู่ก็ตามที
"งั้นการไปพักที่คฤหาสน์ตระกูลหยางในฐานะแขกก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม" เมื่อโดนยิงคำถามมาเช่นนั้น เยว่ซินจึงไม่มีทางเลือกยอมพนักหน้าในที่สุด
"เป็นเกียรติที่ได้เป็นแขกค่ะ" เธอรู้ดีว่าไม่ควรขัดใจมาเฟียตระกูลใหญ่คนนี้เด็ดขาด ยังไงซะ พักที่คฤหาสน์นั่นสักคืนก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง...
คฤหาสน์ตระกูลหยางกว้างใหญ่ตามที่คิด แค่บริเวณทางเข้าก็กินพื้นที่หลายร้อยไร่ ทำเอาเยว่ซินเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น ในชีวิตจริงของเธอได้อยู่บ้านหลังใหญ่ก็จริง หากแต่นี่มันก็ใหญ่กว่าบ้านของเธอหลายสิบเท่า
ภายในตกแต่งด้วยทองคำเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะกำแพงหรือประตูก็จะประดับด้วยทองคำทั้งสิ้น
ช่างเป็นคนที่น่าอิจฉาอะไรเช่นนี้
เยว่ซินสำรวจด้วยสายตามูลค่าคฤหาสน์หลังนี้คงหลายหมื่นล้านหยวนเป็นแน่
"จัดห้องให้คุณหนูเยว่ด้วย" สุรเสียงเอ่ยสั่งสาวใช้ที่เดินมารอรับคำสั่ง เธอโค้งให้ก่อนจะขอตัวออกไปแม้ในใจจะนึกสงสัยนัก เธอจำได้ว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาขอเข้าพบคุณฟาหยางที่คฤหาสน์หลายหน แต่ก็โดนปฏิเสธทุกรอบเช่นเดียวกัน
แล้วทำไมจู่ๆวันนี้ถึงได้มาพักที่นี่กันนะ?
และถึงแม้ว่าใคร่รู้ขนาดไหน สาวใช้อย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์ล่วงรู้เรื่องของเจ้านายอยู่ดี
"ต้องลำบากคุณซะแล้ว" เยว่ซินพูดเมื่อทั่วบริเวณมีแค่เธอและฟาหยางเท่านั้น
"คิดจะเรียกคุณไปตลอดจริงๆหรือ" ฟาหยางยิ้มร้าย...ขนาดเขาเองตอนนี้ก็ยังสงสัย ว่าทำไมถึงได้จุ้นจ้านกับผู้หญิงคนนี้นัก ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกชอบสักนิด ติดที่รำคาญเสียด้วยซ้ำ
"ถ้าคุณ...เอ่อ...หมายถึงให้ฉันเรียกอย่างสนิทสนมเช่นนั้นคงไม่ดีนัก" เยว่ซินตอบอย่างเกร็งๆ ได้โปรดอย่าคิดจะตีสนิทกันไปมากกว่านี้เลย เธอปวดหัวจะแย่
"แปลกดี...ตอนที่ฉันไม่อนุญาตกลับดื้อดึง...ครั้นตอนที่ต้องการให้เรียกกลับปฏิเสธ" จะว่าไปมันก็ดูน่าพิลึกอย่างที่เขาว่าจริงๆ
"ให้ถือซะว่าฉันเป็นเยว่ซินคนใหม่แล้วกันค่ะ"
"เยว่ซินคนใหม่งั้นหรือ" ชายหนุ่มทวนคำ จ้องมองใบหน้าหวานอย่างสนใจ
ได้โปรด อย่ามองเธอเช่นนั้นเลย เยว่ซินภาวนาในใจ
"ห้องพักคุณหนูเยว่เรียบร้อยแล้วค่ะ" ราวกับฟ้ามาโปรด สาวใช้เดินมาแจ้งด้วยท่าทีสุภาพ
"ฉันขอตัวนะคะ อยากอาบน้ำจะแย่" พอพูดถึงอาบน้ำเธอถึงนึกขึ้นได้
"ไม่ทราบว่าเสื้อผ้า..."
"ด้านบนมีทุกอย่างพร้อมให้เธอแล้ว...ตามสบายนะคุณหนูเยว่" แม้จะสงสัยว่าทำไมในห้องพักของแขกถึงต้องมีเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่ด้วย แต่เยว่ซินก็ไม่ได้เอ่ยถาม เพียงแค่โค้งให้เจ้าของบ้านแล้วเดินตามสาวใช้ไปเงียบๆเท่านั้น
ทันทีที่เยว่ซินเดินไปจนลับสายตา แววตาฟาหยางกลับมานิ่งสงบเช่นเคย มือหนาประดับรอยสักยกซิการ์ขึ้นสูบเงียบๆ ประมุขตระกูลหยางปล่อยให้เรื่องราวในหัวดำเนินไปก่อนที่อาโปจะเดินเข้ามาแล้วโค้งให้กับตน
"หยวน อี้สอบถามกับลูกน้องจริงๆครับว่าคุณหนูเยว่กลับกับใคร" มุมปากกระตุกยิ้มทำเอาลูกน้องเสียวสันหลังวาบ เวลานี้ฟาหยางดูร้ายกาจเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
"ดูแลเยว่ซินให้ดี...ฉันไม่ยอมให้ความสนใจของเธอไปตกที่หยวน อี้เด็ดขาด"
"..."
"ในเมื่อกล้าเข้ามาในชีวิตฉันแล้ว อย่าคิดว่าจะได้ออกไปง่ายๆเลย คุณหนูเยว่"
เยว่ซินรู้สึกสบายตัวขึ้นมากยามที่ได้ถอดชุดหนักๆและแช่น้ำผ่อนคลาย ภายในห้องทั้งกว้างและหรูหรากว่าห้องที่เธอพักมากนัก เฟอร์นิเจอร์ยังคงคอนเซ็ปท์จนเยว่ซินนึกในใจว่าฟาหยางไม่กลัวแขกขโมยไปขายหรือ?
ครานี้เธอหยุดนั่งลงบนโซฟาภายในห้อง ลองนึกย้อนถึงเนื้อเรื่องในนิยายมันมีฉากนี้ด้วยหรือ?
ใช่...เหมือนมันจะเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ที่ได้คุยกับฟาหยาง เพราะในนิยายคนที่เป็นฝ่ายเข้าไปหาเป็นเยว่ซินเอง แล้วไหนจะโดนชายหนุ่มทำให้เสียหน้ากลางงานอีก
แต่นี่มันกลับตาลปัตร...ฟาหยางเป็นคนเข้ามาหาก่อนแถมยังชวนเธอให้เป็นแขกมาพักที่นี่เสียอีก
ช่างเป็นเรื่องบ้าบอเสียจริง...
เยว่ซินหยุดความคิด ตัดสินใจออกมาเปิดประตูดูว่าด้านนอกมีใครอยู่หรือไม่ ตอนนี้เธอหิวมากจริงๆ เพราะในงานได้กินแค่เล็กน้อยเอง
เหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ เยว่ซินเดินลงไปยังห้องครัว ที่เธอรู้ได้เพราะในนิยายนั้นมีหลายฉากนักที่เกิดขึ้นที่คฤหาสน์ฟาหยาง มือเรียวเปิดหาของกินง่ายๆในตู้เย็น ฟาหยางคงไม่ใจร้ายใช่ไหม ถ้าเธอจะขอขโมยเสียหน่อย
แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงัก เมื่อกลิ่นหอมๆของอะไรบางอย่างลอยมาจากทางด้านหลังของเธอ
เยว่ซินหันกลับไปมองแล้วก็ต้องตกใจเพราะฟาหยางกำลังยืนพิงกำแพงสูบซิการ์มองเธออยู่ ชายหนุ่มยังคงอยู่ในชุดที่ใส่ไปงานเมื่อครู่ หากแต่เสื้อเชิ้ตนั้นแขนเสื้อถูกถกขึ้นถึงข้อศอก กระดุมเสื้อโดนปลดลงสองสามเม็ดเผยให้เห็นแผงอกแข็งแกร่งที่เยว่ซินเผลอกลืนน้ำลาย
"คุณฟาหยาง" ชายหนุ่มยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทางราวกับกระต่ายน้อยโดนจับได้ว่าขโมยแครอท
"อือ"
"ยังไม่ขึ้นไปพักผ่อนอีกหรือคะ" เยว่ซินถามแบบใจดีสู้เสือ
"ถ้าขึ้นไปก็คงไม่เห็นว่ามีกระต่ายน้อยมาขโมยอาหารจริงไหม" กระต่ายน้อยอะไรกันเล่า! เยว่ซินกล่าวแย้งในใจ
"หิว?" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม
"อ่า...ค่ะ ขอยืมใช้ห้องครัวและของสดหน่อยนะคะ"
"คุณหนูเยว่ทำอะหารเป็นด้วยหรือ" ฟาหยางขยับเท้าเข้ามาใกล้ โชคดีที่มีเคาน์เตอร์ครัวขวางกั้นอยู่เยว่ซินจึงไม่ได้อึดอัดมากนัก
"ก็พอทำเป็นค่ะ" ตอบแบบอ้อมแอ้ม ในชีวิตจริงเยว่ซินเรียกได้ว่าทำอาหารคล่องเลยทีเดียว
"งั้นถ้าฉันจะขอฝากท้องสักมื้อก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม"
"ฝากท้องอะไรกันคะ วัตถุดิบก็ของคุณหยางทั้งนั้น" ฟาหยางที่ได้ยินคำตอบแล้วหัวเราะเบาๆ เยว่ซินตอนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ
"งั้น ฉันจะทำซุปใสแล้วกันนะคะ เวลานี้ควรกินอะไรที่ย่อยง่ายๆ" เห็นท่าทางราวกับแม่ครัวของเยว่ซินแล้วฟาหยางต้องทิ้งสายตาไว้ แม้กระทั่งหญิงสาวตอนอยู่ในชุดนอนก็น่ามองยิ่งนัก
ฟาหยางไม่ได้เข้าไปรบกวนคนตัวบางอีก เขาแค่ยืนมองเงียบๆคอยเก็บรายละเอียดต่างๆไว้ในหัว มองดูคุณหนูตระกูลหลี่หยิบนู่นจับนี่อย่างคล่องมือ
ใช้เวลาไม่นานซุปใสที่มีเนื้อสัตว์และเครื่องเทศกลิ่นหอมต่างๆก็เสร็จ เยว่ซินเม้มริมฝีปากตนเองยามที่เห็นว่าฟาหยางมองอาหารอย่างสนใจ
"เพิ่งรู้ว่าคุณหนูเยว่ทำอาหารเก่งขนาดนี้"
"อาจจะไม่ถูกปากเท่าแม่ครัวของตระกูลหยางนะคะ" ฟาหยางส่ายหน้า หัวเราะเบาๆ
ทั้งสองเริ่มรับประทานอาหารโดยไม่ได้พูดคุยกันอีก กิริยาท่าทางของฟาหยางนั้นสมกับเป็นผู้ดีปกครองแผ่นดินจีนและฮ่องกง
ใช้เวลาไม่นานในการทานอาหารเสร็จ เยว่ซินจัดการทำความสะอาดด้วยความเคยชิน แต่กลับสร้างความแปลกใจให้แก่ฟาหยางอย่างมาก
"ไม่กลัวสกปรกหรือคุณหนูเยว่"
"คะ?"เยว่ซินเอียงคอ ช้อนตามองคนตัวสูงกว่า
"ปกติคุณหนูเยว่ไม่ใช่คนแบบนี้นี่" หญิงสาวหัวเราะ มือเรียวคว้าผ้ามาเช็ดมือหลังจากทำความสะอาดเสร็จ
"ฉันบอกแล้วไงคะว่านี่คือเยว่ซินคนใหม่"เยว่ซินหันกลับมาหาฟาหยางเต็มตัว
"ก่อนหน้านี้ฉันคงทำคุณลำบากใจไว้มาก" ชายหนุ่มจดจ้องดวงตาคู่สวย ในนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง
"หลังจากนี้ฉันจะไม่ทำตัวให้คุณรำคาญอีก" เยว่ซินเอ่ยพูด เธอคิดว่าหลังจากนี้จะตัดขาดกับเหล่าตัวเอกได้และจุดจบชีวิตเธอจะไม่กลายเป็นเช่นในนิยายอีก!
"เยว่ซิน" ราวกับเผลอตัว ฟาหยางเอ่ยชื่ออีกคนเสียงเบา ส่วนเยว่ซินพอได้พูดสิ่งในใจออกไปจึงเตรียมตัวกลับขึ้นห้องเพื่อไปพักผ่อน
ลับหลังหญิงสาว สายตาดุดันกลับมาเข้มขึ้น สีหน้าของฟาหยางตอนนี้หากเหล่าลูกน้องมาเห็นเข้าคงจะเข่าอ่อนกันเป็นแน่
"ไม่มีทางหรอกอาเยว่...ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไป"