Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2025-07-27 00:02:33

ถึงจะบอกว่าอยากใช้ชีวิตใหม่แต่มันก็ยากสำหรับเยว่ซินที่แสนร้ายกาจคนนี้เหลือเกิน หญิงสาวนั่งคอตก มือเรียวประสานกันไว้แล้วนับ1-10ในใจซ้ำไปซ้ำมา

ก็ดูสายตาเหล่านั้นที่กำลังมองมาสิ! มันมีแต่ความเกลียดชังจริงๆ

"นะ...น้ำส้มค่ะคุณหนูเยว่" พนักงานตัวบางเอ่ยพูดแล้ววางแก้วน้ำทรงสูงด้วยมือไม้ที่สั่นๆ เยว่ซินมองเธอแล้วอยากจะกล่าวว่าอย่าเรียกเธอคุณหนูเลย

หากแต่ทันทีที่เธอจะเอ่ยพูด พนักงานคนนั้นก็เร่งเท้าเดินออกไปเสียแล้ว

ให้ตายเถอะ!ไม่คิดจะฟังกันบ้างหรืออย่างไร

เยว่ซินตัดสินใจคร้านจะเรียกมาซักไซ้ ลงมือทานอาหารตรงหน้าด้วยความหิว ก็เธอนอนร้องไห้มาตั้งหลายชั่วโมงหากจะหิวมากมายขนาดนี้ย่อมไม่แปลก

"คุณหนูเยว่ต้องการรับอะไรอีกสามารถบอกผมได้เลยครับ" คราวนี้เป็นชายหนุ่มในชุดพนักงานเดินมาหาและพูดด้วยท่าทีสุภาพ จะว่าไปการที่อีกฝ่ายเป็นนางร้ายเช่นนี้จึงได้รับการดูแลที่ดี(เพราะกลัวโดนทำร้าย) มันคล้ายกับเยว่ซินในโลกชีวิตจริงอยู่เหมือนกัน แต่ในโลกชีวิตจริงนั้น เธอได้รับเพราะมีแต่คนเอ็นดู

"ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันอิ่มแล้ว" เสียงหวานเอ่ยตอบแต่กลับทำให้พนักงานชะงักค้างไป เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ไหนข่าวลือที่ว่าเยว่ซินผู้นี้พูดจาหยาบคายไม่ให้เกียรติใคร แถมยังชอบเอาแต่ใจเล่า?

"บิลครับคุณหนูเยว่" พนักงานหายไปชั่วครู่พร้อมกลับมาด้วยบิลค่าอาหาร เยว่ซินพยักหน้า วางเงินบนถาดรองแล้วเอ่ยด้วยเสียงหวานๆ

"ที่เหลือเป็นทิปที่ช่วยบริการนะคะ ขอบคุณค่ะ" พนักงานคนนั้นยืนนิ่งตาค้างไปเสียแล้ว มองตามหลังคุณหนูเยว่ที่เพิ่งยิ้มให้ตน ภายในใจเต้นถี่รัวตามด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้น

น่ารัก! คุณหนูเยว่ตัวจริงน่ารักมากๆ!

ส่วนคนที่เพิ่งเดินออกจากร้านหาได้รู้ไม่ว่าเพิ่งไปทำให้ใครใจสั่นมา เยว่ซินกวาดสายตาซ้าย ขวา ไม่รู้ว่าตนควรจะไปไหนต่อไหม หรือควรจะกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องดี?

ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ อยู่ๆกลับมีใครบางคนวิ่งกระหืดกระหอบมาหาตน ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับเร่งรีบสุดๆ

"เยว่!...เยว่ซิน" คนผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วง จนหญิงสาวต้องช่วยรีบประคองเพราะกลัวจะเป็นลมไปเสียก่อน

เยว่ซินพิจารณาใบหน้านั้น ในนิยายมีคนผู้นี้อยู่ด้วยหรือ?

"ฉันโทรหาก็ไม่รับสาย ไปหาที่ห้องก็ไม่อยู่ นี่แกคิดจะประชดที่บ้านจริงๆดิ?" คนโดนยิงคำถามใส่ได้แต่ยืนงง จับประเด็นทุกอย่างมารวมกันแล้วลองนึกถึงบทนิยายที่ได้อ่าน หรือคนนี้จะคือ 'จางลี่' เพื่อนสาวคนสนิทสมัยเด็กของเยว่ซินในนิยาย

"ลี่?" เยว่ซินลองตัดสินใจเรียก นั่นทำให้อีกฝ่ายยกมือขึ้นตีหน้าผากเธอเบาๆ

"เป็นอะไรของแกห๊ะคุณหนูเยว่...ร้อนจนเพ้อหรือไงถึงเรียกฉันแล้วทำหน้างงๆแบบนั้น" พอถูกต่อว่า เยว่ซินจึงยิ้มแห้งๆให้ งั้นคนนี้ก็คือจางลี่จากตระกูลจางจริงๆ เป็นเพื่อนและมิตรเพียงคนเดียวของเยว่ซินนางร้ายในนิยายนั่นเอง

"แล้ว...แกตามหาฉันทำไม" หญิงสาวเอ่ยถาม ดูเหมือนว่าเพื่อนของตนจะเริ่มหายใจคล่องขึ้นหลังจากที่ได้ยืนพัก

"ที่แกให้ฉันไปสืบเรื่องคุณฟาหยางของแกน่ะ...คืนนี้เขามีไปงานเลี้ยงของตระกูลหยวนจริงๆ" เยว่ซินลองนึก ในนิยายอาจจะไม่ได้บรรยายว่านางร้ายทำอะไร หรือติดตามชีวิตโดยละเอียดขนาดนั้น แต่ถ้าพูดถึงงานเลี้ยงตระกูลหยวน เยว่ซินก็พอจะนึกขึ้นได้

อ้างอิงจากนิยาย งานเลี้ยงตระกูลหยวนนั้นถูกจัดขึ้นโดยประมุขซึ่งตระกูลหยวนมีคอนแทคที่กว้างขวางในวงการธุรกิจ มีแขกเหรื่อจากหลายตระกูลเข้าร่วมโดยได้รับคำเชิญทั้งสิ้น แม้กระทั่งตระกูลหลี่เองก็ตาม...

หากแต่คนที่โดนเชิญเป็นคุณพ่อของเธอ หลี่ เยว่ซินในนิยายไม่พอใจอย่างมากที่เธอไม่ได้รับเชิญ จึงคิดแผนการ ฉกชิงเอาการ์ดเชิญของคุณพ่อตัวเองแล้วเป็นคนไปร่วมงานเสียเอง

แน่นอนว่าชื่อเสีย(ง)ร้ายๆของเธอนั้น เป็นที่รู้กันดีในวงกว้าง หลี่ เยว่ซินไม่ได้รับการต้อนรับจากแขกคนอื่นๆในงาน แต่ลูกชายคนโตของตระกูลหยวนกลับยินดีและเป็นคนเข้ามาพูดคุยกับเธอ นั่นทำให้คนในงานต้องซุบซิบกันว่าเยว่ซินต้องทำอะไรบางอย่างกับลูกชายตระกูลหยวนเป็นแน่

กลับมาที่ปัจจุบัน เยว่ซินมองเพื่อนตนเองแล้วยิ้มแหยๆให้ ไม่ว่าในนิยายเรื่องจะดำเนินยังไง แต่เธอนี่แหละจะเป็นคนเปลี่ยนแปลงมัน!

"ฮะๆ ฉันคงจะไม่ไปแล้วน่ะ"

"หาาาา แกว่าไงนะ" เยว่ซินรีบตะครุบปากเพื่อนตนเองเมื่อรู้ว่าจางลี่เสียงดังเกินไป

"ก็ไม่ไปแล้วไง"

"แต่นั่นคุณฟาหยางที่แกอยากได้นักได้หนานะ! แกจะทิ้งโอกาสนี้เพื่อให้อาจูแย่งเขาไปหรือไง" เยว่ซินกลอกตา ถึงไม่แย่งยังไงเขาสองคนก็ต้องคู่กันอยู่แล้วนะจางลี่...

"ช่างเถอะ...ฉันไม่ได้สนใจเขาแล้ว" จางลี่อ้าปากค้าง เธอตกใจจนแทบจะช็อคตรงนี้อยู่แล้ว!

ผีอะไรสิงหลี่ เยว่ซินเพื่อนของเธอกันนะ บอกมาเลย!

"เราไปคุยกันที่ห้องฉันดีไหม" เยว่ซินเสนอ ซึ่งจางลี่พยักหน้ารัวๆ

"ไป!...ฉันจะไปเอาผีออกจากตัวแก น่ากลัวชะมัด" เยว่ซินเพียงแค่หัวเราะแห้งๆไปให้

ที่จางลี่พูดมาก็ถูก เธอก็เหมือนผีที่มาเข้าร่างคนอื่นจริงๆนั่นแหละ

ให้ตายเถอะ!

จางลี่มองอีกคนด้วยความสงสัย หลี่ เยว่ซินเพื่อนของเธอนั้นเป็นคนแต่งหน้าน้อยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เท่าที่จำได้ หลี่ เยว่ซินเป็นคนแต่งหน้าจัดตลอดนี่นา

เมื่อถึงห้องพัก จางลี่ลองแกล้งถามคำถามหลากหลายคำถามแก่อีกฝ่าย แต่เยว่ซินก็ยังคงตอบได้ทุกเรื่องจนเธอเบาใจ อย่างน้อยเพื่อนเธอก็ไม่ได้ความจำเสื่อม!

ทางด้านเยว่ซินที่เห็นว่าจางลี่ยิงคำถามส่วนตัวมาหลายเรื่องจึงรู้ได้ว่ากำลังโดนทดสอบ แต่ก็เป็นโชคดีที่อยู่ๆพอได้รับคำถาม ภายในสมองของเธอก็ย้อนเรื่องราวต่างๆออกมาได้เป็นฉากๆ ราวกับมีความทรงจำอยู่

"ที่แกบอกว่าจะไม่สนใจคุณฟาหยางแล้ว เป็นเรื่องจริง?" จางลี่เอ่ยถาม ในมือแกะเปลือกส้มก่อนจะโยนเข้าปาก

"อ่าฮะ...จริงสิจางลี่...ฉันว่าจะหางานทำน่ะ" แทบสำลัก จางลี่รีบคว้าเอาน้ำขึ้นดื่มทันทีที่ได้ยินเพื่อนตนพูดเช่นนั้น

นี่มันวันเวรอะไรกันฟะ!?

"ฮะๆ แกต้องล้อเล่นแน่"

"ถ่ายแบบเป็นไง" ในชีวิตจริง เยว่ซินเคยทำงานด้านวงการบันเทิงอยู่ ก่อนจะออกมารับช่วงต่อบริษัทพ่อตนเอง

"อาเยว่!?"

"อะไรเล่า..ก็ฉันกลัวเงินหมดนี่" จางลี่ส่ายหน้ารัว วันนี้เพื่อนของตนแปลกประหลาดจนจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว

คนแบบหลี่ เยว่ซิน คิดจะทำงานงั้นหรือ ช่างกลัวฟ้าถล่มจริงๆ!

"นะอาลี่...ฉันรู้ว่าแกช่วยฉันได้" เยว่ซินทำหน้าอ้อน ก็แน่ล่ะ...ตระกูลจางทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านงานบันเทิงนี่นา

"ก็ได้ๆ เห็นว่าเป็นอาเยว่หรอกนะ"

"เย่"

"แต่มีข้อแลกเปลี่ยน" เยว่ซินชะงัก มองจางลี่ที่อยู่ๆก็นั่งกอดอกยิ้มร้าย

"ฮะๆอย่าขออะไรแปลกๆนะ"

"ไม่แปลกหรอกหน่า...ฉันก็แค่หาเพื่อนไปงานเลี้ยงตระกูลหยวนวันนี้ด้วยกัน" เยว่ซินเบิกตา ไปงานเลี้ยงตระกูลหยวนที่ต้องถูกตระกูลต่างๆ ซุบซิบนินทาน่ะหรือ!

"ว่ายังไง...ถ้าไม่ไปฉันก็ไม่ช่วย" เยว่ซินคอตก ลองไถแก้มออดอ้อนเพื่อนของตนเผื่อจะใจอ่อน

"ขออย่างอื่นไม่ได้หรือจางลี่" จางลี่ส่ายหน้า ยืนยันคำเดิมจนคนสวยต้องถอนหายใจยาว

"ก็ได้...สัญญาแล้วนะว่าจะช่วย"

"แน่นอน!...แบบนี้สิค่อยสมเป็นอาเยว่หน่อย" จางลี่หัวเราะร้ายก่อนที่จะโทรหาสไตล์ลิสท์เพื่อให้มาช่วยแต่งตัวเพื่อนสาวของตน

หลี่ เยว่ซินมองตนเองในกระจก เธอรู้ดีว่าร่างกายนี้สมบูรณ์เพอร์เฟคขนาดไหน เพียงแต่พอโดนแต่งตัวเต็มยศเช่นนี้ ยิ่งน่าอิจฉาขึ้นมากจนเธออยากร้องกรี๊ด!

หลี่ เยว่ซินอยู่ในเดรสยาวสีดำ ช่วงอกของเสื้อประดับด้วยเลื่อมสีทอง ดูสง่า ฝั่งด้านขวาตั้งแต่ช่วงเข่าลงไปแหวกออกเผยให้เห็นเรียวขาสวย ทั้งคอระหงส์ รวมถึงข้อมืองามล้วนใส่เครื่องประดับสลับสีดำทอง จนราวกับเป็นราชนิกุล

สไตล์สิสท์ที่เห็นเช่นนั้นถึงกับยกมือขึ้นป้องปาก เอ่ยชมจนเยว่ซินหน้าแดงด้วยความเขิน

"สวย!...คุณหนูเยว่ซินงดงามจริงๆ" เยว่ซินโค้งให้ ยังโชคดีที่คนพวกนี้เป็นคนของจางลี่ พวกเธอเลยไม่ได้เกรงกลัวเยว่ซิน ออกจะเป็นมิตรเสียด้วยซ้ำ

ได้เวลาที่จะต้องไปงานเลี้ยง ภายในรถของตระกูลจาง เยว่ซินโดนเพื่อนตนเองชมไม่ขาดปาก ทำเอาคนโดนชมเริ่มจะชินชาเสียแล้ว

ใช้เวลาไม่นานนักก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหยวน ภายในอกของเยว่ซินเต้นรัว ที่นี่เธอจะโดนหลายสายตาและหลายปากซุบซิบนินทาด้วยความเกลียดชัง

ขาเรียวก้าวลงจากรถ ทันทีที่หลี่ เยว่ซินปรากฏตัว เหล่าช่างภาพถึงกับอุทานเสียงดัง หากแต่มือไม้กลับแข็งไม่กล้ายกขึ้นมาถ่ายภาพ

ก็พวกเขากลัวหลี่ เยว่ซินจะฟ้องร้องนี่!

หากแต่ไม่เป็นเช่นนั้น ทางคนสวยยิ้มให้ช่างกล้องอย่างไมตรีดี จนทำให้คนได้เห็นตะลึงกันไปตามๆกัน เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเยว่?

"อยากถ่ายก็รีบถ่ายเถอะค่ะ...ถ้าเพื่อนเยว่ของฉันเข้างาน ถ่ายไม่ทันจะมาขอถ่ายทีหลังไม่ได้นะ" เมื่อจางลี่พูดเช่นนั้นมีหรือช่างภาพจะอยู่เฉย ต่างสาดแฟลชเข้าหาคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนางร้ายรัวๆ จนเยว่ซินต้องหยีตา

จางลี่ปล่อยให้ช่างภาพถ่ายเธอและเยว่ซินเพียงครู่เดียวก็พาเพื่อนเข้างาน ภายในคฤหาสน์ตระกูลหยวนนั้นกว้างขวาง แขกเหรื่อมากมายสมกับเป็นตระกูลท็อปๆของจีน

การปรากฏตัวของเยว่ซินนั้นไม่ต่างจากที่เธอคิดเท่าไหร่ มีหลายสายตาจับจ้องมาแบบไม่ค่อยดีนัก แม้กระทั่งกลุ่มใหญ่ตรงนั้น...

เวลาหยุดอยู่ชั่วขณะที่เยว่ซินได้สบตากับใครคนหนึ่ง ดวงตาสีรัตติกาลจดจ้องหญิงสาวอย่างไม่ปิดบัง เขาคนนั้นคือฟาหยาง ชายหนุ่มอยู่ในชุดสีดำแดง ข้างกายเต็มไปด้วยผู้คนหลายตระกูลที่เข้าไปทักทาย

แม้เห็นได้ในระยะไกลๆ เยว่ซินยังรับรู้ได้ถึงความน่าเกรงขามของคนผู้นั้น ฟาหยางมองเธอนิ่ง แต่ในแววตาไม่ได้ฉายออกมาว่ารู้สึกเช่นไร

"อยากจะเข้าไปหาล่ะสิ...อย่าโผงผางมากแล้วกัน ที่นี่มีคนอยู่เยอะ...แต่ว่านะ ฉันพูดไปแกก็ไม่ฟังอยู่ดี" จางลี่ที่กระซิบอยู่ข้างๆนั้นทำเอาเยว่ซินยิ้มตาปิด

"ใครว่าฉันจะไป" ร่างบางสะบัดหน้าหนี หันมาสนใจบรรยากาศงานตรงหน้าราวกับจะบอกว่าฟาหยางนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเธอแล้ว

"หาาาา นี่แกเอาจริงดิ" ฝั่งจางลี่ยังเหมือนจะเชื่อไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆเมื่อเพื่อนสนิทตนเองเดินไปหยิบอาหารทานหน้าตาเฉย ทั้งๆที่ปกติยามเห็นฟาหยางเป็นต้องกระโจนใส่ทุกที

เยว่ซินเอาจริงหรือนี่ ที่จะไม่สนใจมาเฟียคนนั้นแล้ว!

ฝั่งฟาหยางที่รับรู้ถึงความผิดปกติ ขมวดคิ้วเล็กๆ เมื่อกี้เหมือนเขาจะเห็นแววตาเฉยชาของเยว่ซินใช่หรือไม่?

หญิงสาวคนนั้นไม่ได้เข้ามาหาเขาเช่นทุกที แถมยังเดินหนีและไม่สนใจกันอีก?

จริงอยู่ที่เขาไม่ได้รู้สึกยินดีในตัวผู้หญิงคนนั้นสักนิด แต่พฤติกรรมผิดแปลกก็ทำให้ฟาหยางขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย

ดวงตาคมยังคงจดจ้องไปยังร่างบางที่ยืนจิบไวน์อยู่กับผู้หญิงตระกูลจาง การแต่งหน้าแต่งกายดูแปลกตาไปทั้งยังน่ามองขึ้นมาก

เดี๋ยว...เขาคิดว่าน่ามองงั้นหรือ?

ฟาหยางส่ายหัวเบาๆ ลากสายตากลับมาที่คู่สนทนาอีกครั้งและไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นอีก

ช่างหัวยัยผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นไปแล้วกัน...

เยว่ซินแทบจะไม่ได้พูดคุยกับใคร อาจเป็นเพราะโดนพ่อผลักไสออกจากตระกูลจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ต่อให้มาเสวนาด้วยก็ไม่มีผลอะไรกับธุรกิจอยู่ดี จึงไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้นัก

ผิดกับจางลี่ที่โดนหลายตระกูลเข้ามาทักทายจนเธอไม่ว่างหันมาหาเยว่ซินเลย แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพียงยืนจิบไวน์เงียบๆคนเดียว

"คุณหนูเยว่" ผ่านไปสักพัก เยว่ซินหันตามเสียงเรียกพบว่าเป็นลูกชายคนโตตระกูลหยวน เขาเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มทักทาย

"งดงามนัก" อีกฝ่ายเอ่ยชมจนเยว่ซินต้องโค้งให้เล็กน้อย

"ขอบคุณ หยวน อี้" หยวนอี้ยิ้มตอบ ใบหน้าหล่อแบบตามฉบับจีนทำให้เยว่ซินเผลอมองค้าง อีกฝ่ายอยู่ในชุดสีขาวทั้งเสื้อและกางเกง ดูเป็นผู้ชายสะอาดสะอ้านน่ามอง

"เห็นคุณหนูเยว่มองแบบนี้แล้วชักเขิน" เยว่ซินสะดุ้ง รีบขอโทษก่อนจะสำรวมสายตา

"ผมเห็นคุณหนูยืนเหงา เลยเข้ามาทักทาย"

"..."

"คงไม่รังเกียจใช่ไหมครับ" หลี่ เยว่ซินรีบส่ายหน้า พูดปฏิเสธเสียงหวาน

"ไม่เลยค่ะ...ฉันไม่มีเพื่อนคุยพอดี" แม้ว่าจะรู้สึกดีที่มีคนเข้ามาคุยด้วย แต่เยว่ซินก็หวั่นใจว่าจะกลายเป็นเหมือนในนิยายหรือไม่

"ได้ยินแบบนี้ก็เบาใจ" หยวน อี้ หัวเราะ ยกแก้วไวน์ขึ้นสูงเป็นสัญลักษณ์ให้ดื่มพร้อมกัน

"ได้ยินมาว่าคุณหนูเยว่เกิดเรื่องลำบากกับครอบครัว ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยได้ผมยินดีช่วยนะครับ" เยว่ซินรู้สึกซึ้งใจ แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับพวกตัวเอก

แหงล่ะ...ก็หยวน อี้ เป็นถึงพระรองเลยนะ!

"ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันไม่รบกวน" ใบหน้าหวานยังคงประดับรอยยิ้มจนหยวน อี้ เผลอหายใจสะดุด แน่นอนว่าเขาเคยคุยกับคุณหนูเยว่หลายครั้ง หากแต่ก็ได้รับแค่สายตาเย็นชาจากหญิงสาวเท่านั้น

เขารู้ดีว่าเยว่ซินนั้นหมายปองใคร...

หลังจากที่พูดคุยกันไปได้สักพัก หยวน อี้โดนคุณพ่อตามตัวจนเขาต้องเอ่ยลาหญิงสาวอย่างเสียดาย

"ผมต้องไปรับแขกของคุณพ่อก่อน"

"เช่นนั้นถูกแล้ว...ไว้คุยกันใหม่นะคะ"

"เป็นเกียรติของผมมากครับคุณหนูเยว่" หยวน อี้ เดินออกไปแล้ว เยว่ซินถึงได้หายใจโล่งขึ้น หันไปทางจางลี่ก็พบว่าไม่รู้ตระกูลไหนลากตัวไปเสียแล้ว

เยว่ซินส่ายหน้า ก่อนจะเดินไปหาที่วางแก้วไวน์เมื่อพบว่าไวน์หมดแล้ว

"อ๊ะ" ร่างบางสะดุ้ง ยามที่หันกลับมาแล้วชนเข้ากับแผงอกใครบางคนเข้า ใบหน้างามเชิดมอง ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ

"ฟาหยาง..." ริมฝีปากสวยเอ่ยพูดเสียงเบา คนตัวสูงยังคงยืนนิ่งและมองเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ

"ขอโทษค่ะ...ฉันไม่ระวังเอง" ฟาหยางขมวดคิ้ว หากเป็นปกติ หญิงสาวคนนี้จะขอโทษงั้นหรือ?

"กำลังตบตาใครอยู่ล่ะ" เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างใบหู ทำเอาเยว่ซินสะดุ้งก่อนจะรีบถอยหนี หากแต่ด้านหลังกลับเป็นโต๊ะอาหาร

"คุณหยาง...ได้โปรดขยับออกไปหน่อยค่ะ" ฟาหยางกระตุกยิ้ม ยิ่งหญิงสาวพูดเช่นนั้นมีหรือที่เขาจะขยับออก

"เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเยว่กันเล่า...โดนพ่อไล่ออกจากตระกูลจนถึงขั้นเปลี่ยนเป็นเด็กดีเลยหรือไง?" เยว่ซินเลิกคิ้ว มองอีกคนด้วยสายตาโกรธเคือง

"นี่สิคุณหนูหลี่ เยว่ซินตัวจริง" ในประโยคแฝงไปด้วยความขบขัน

"ถ้าคุณจะพูดแค่นี้ก็ออกไปเถอะค่ะ...ฉันจะไปหาเพื่อน"

"ผู้หญิงตระกูลจางน่ะหรือ...ได้ข่าวว่าคออ่อนเมาหลับกลับไปเสียแล้ว" เยว่ซินเบิกตากว้าง นี่จางลี่ทิ้งเธองั้นหรือ!

"ทำไมล่ะ...ไม่ใช่แผนของเธอที่จะมาออดอ้อนฉันทีหลังหรือไง" เยว่ซินมองค้อน ให้ตายเถอะ!นายพระเอกคนนี้มันน่ารำคาญจริงๆ

"ถ้าฉันอ้อนแล้วคุณจะไปส่งฉันที่บ้านรึไงคะ" หญิงสาวทนไม่ไหว ในที่สุดก็เอ่ยพูดประชด

"ถ้าเธอต้องการ" แต่ก็ต้องแปลกใจ เพราะฟาหยางคนนั้นกลับไม่ปฏิเสธสักนิด

เกิดอะไรขึ้นกับเขากันเล่า?

"ไม่รบกวนค่ะ" เยว่ซินทำท่าจะเบี่ยงตัวหนี แต่ข้อมือกลับโดนชายหนุ่มดึงไว้

"วันนี้เธอทำฉันแปลกใจนะคุณหนูเยว่"

"..?"

"ไม่รู้ว่าเธอมีแผนการอะไรในใจแต่ก็ยอมรับว่ามันได้ผล" เยว่ซินเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจที่ชายหนุ่มพูดสักนิด

"ทั้งเรื่องที่ปฏิเสธฉันหัวชนฝาทั้งๆที่ไม่เคยทำ"

"..."

"หรือเรื่องที่เรียกฉันว่าคุณหยาง" เยว่ซินมองนิ่ง สมองกำลังประมวลผลว่าในนิยายเธอเรียกฟาหยางว่าเช่นไร

แต่ก็ต้องชะงักเมื่อใบหน้าหล่อโน้มลงมาใกล้ แล้วกระซิบให้ได้ยินกันสองคน

"ปกติชอบเรียกอาฟาไม่ใช่หรือ"

จบสิ้นแล้วเยว่ซิน อุตส่าห์จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตัวเอกแล้วแท้ๆ!

To be continued...
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 139

    "หอมด้วย" ยังชมอยู่ไม่ขาดปาก เยว่ซินพูดขอบคุณเสียงเบาก่อนจะกล่าวชมเขาไม่ต่างกัน ผลัดกันหอมผลัดกันจูบอยู่สักพักถึงได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากชั้นล่าง "เอาอีกแล้วเจ้าพวกลูกลิง" ฟาหยางผละตัวออกพลางเสยผมตัวเองลวก ๆ เยว่ซินที่ได้ยินเช่นนั้นหลุดหัวเราะก่อนจะเดินตามสามีตัวเองไปชั้นล่างเพื่อไปหาเจ้าลูกลิ

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 138

    "ได้ เหล่ากงรอเธอเป็นกวางเสียก่อน" "..." "ถึงตอนนั้นแล้วจะเอาให้ขู่ไม่ออกเลย" คนฟังได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ แค่คิดถึงชุดที่ทั้งฟาหยางและเจ้าแฝดเลือกกันให้เมื่อคืนนี้ก็รู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย "ส่วนของขวัญที่อาซินถาม..." หัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้ที่ข้ามไปถูกดึงกลับมาพูดอีกครั้ง คราวนี้ฟาหยางก็ถอดเสื้อ

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 137

    "ปะป๊าไม่กินผัก" "หม่าม๊าดุเลย" แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังตามหลัง เจ้าเด็กแสบทั้งสองดูจะชอบใจที่ได้แกล้งปะป๊าของตัวเอง ผ่านไปสักพักกว่ามื้อค่ำจะเสร็จสิ้น เยว่ซินพาอาเฟยหลงและอาเฟิ่งไปอาบน้ำส่วนฟาหยางก็เคลียร์เอกสารอีกเล็กน้อย กลับมาที่ห้องนอนก็เห็นว่าทั้งสามคนอยู่ในชุดนอนแบบเดียวกันเสียแล้

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 136

    ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายห

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 135

    เสื้อยืดกับฟาหยางคือสิ่งต้องห้ามกันจริง ๆ ! อยู่ทักทายและเล่นกับสองเฟยได้ครู่หนึ่งคุณหนูตระกูลจางก็ต้องขอตัวกลับ คราวนี้ก็ได้เวลาที่เยว่ซินต้องเข้าครัวทำอาหารและขนมสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ ผ้ากันเปื้อนสีชมพูถูกหยิบยกขึ้นมาสวมดูแล้วน่ารักจนคนมองอดใจไม่ไหวเอ่ยปากชมกันเสียทุกคน "คุณหนูเยว่สวมแล้วน่า

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   บทที่ 134

    "หม่าม๊า เฟิ่งหยิบลูกบอลไม่ถึงครับ" เป็นเฟยเฟิ่งที่กลับเข้ามาเพื่อจะหยิบของเล่นแต่เอื้อมไม่ถึง เหล่าลูกน้องตอนนี้ก็ไม่มีคนอยู่ถึงได้ตะโกนเรียกหม่าม๊าตัวเองเสียงดัง “คุณหยาง ปะ…ปล่อยซินก่อนค่ะ” ได้ยินเสียงฟาหยางจิ๊ปากแผ่วเบา เขายอมปล่อยเยว่ซินให้ปีนลงจากตักได้ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้องไปหาลูกชา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status