ถึงจะบอกว่าอยากใช้ชีวิตใหม่แต่มันก็ยากสำหรับเยว่ซินที่แสนร้ายกาจคนนี้เหลือเกิน หญิงสาวนั่งคอตก มือเรียวประสานกันไว้แล้วนับ1-10ในใจซ้ำไปซ้ำมา
ก็ดูสายตาเหล่านั้นที่กำลังมองมาสิ! มันมีแต่ความเกลียดชังจริงๆ
"นะ...น้ำส้มค่ะคุณหนูเยว่" พนักงานตัวบางเอ่ยพูดแล้ววางแก้วน้ำทรงสูงด้วยมือไม้ที่สั่นๆ เยว่ซินมองเธอแล้วอยากจะกล่าวว่าอย่าเรียกเธอคุณหนูเลย
หากแต่ทันทีที่เธอจะเอ่ยพูด พนักงานคนนั้นก็เร่งเท้าเดินออกไปเสียแล้ว
ให้ตายเถอะ!ไม่คิดจะฟังกันบ้างหรืออย่างไร
เยว่ซินตัดสินใจคร้านจะเรียกมาซักไซ้ ลงมือทานอาหารตรงหน้าด้วยความหิว ก็เธอนอนร้องไห้มาตั้งหลายชั่วโมงหากจะหิวมากมายขนาดนี้ย่อมไม่แปลก
"คุณหนูเยว่ต้องการรับอะไรอีกสามารถบอกผมได้เลยครับ" คราวนี้เป็นชายหนุ่มในชุดพนักงานเดินมาหาและพูดด้วยท่าทีสุภาพ จะว่าไปการที่อีกฝ่ายเป็นนางร้ายเช่นนี้จึงได้รับการดูแลที่ดี(เพราะกลัวโดนทำร้าย) มันคล้ายกับเยว่ซินในโลกชีวิตจริงอยู่เหมือนกัน แต่ในโลกชีวิตจริงนั้น เธอได้รับเพราะมีแต่คนเอ็นดู
"ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันอิ่มแล้ว" เสียงหวานเอ่ยตอบแต่กลับทำให้พนักงานชะงักค้างไป เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไหนข่าวลือที่ว่าเยว่ซินผู้นี้พูดจาหยาบคายไม่ให้เกียรติใคร แถมยังชอบเอาแต่ใจเล่า?
"บิลครับคุณหนูเยว่" พนักงานหายไปชั่วครู่พร้อมกลับมาด้วยบิลค่าอาหาร เยว่ซินพยักหน้า วางเงินบนถาดรองแล้วเอ่ยด้วยเสียงหวานๆ
"ที่เหลือเป็นทิปที่ช่วยบริการนะคะ ขอบคุณค่ะ" พนักงานคนนั้นยืนนิ่งตาค้างไปเสียแล้ว มองตามหลังคุณหนูเยว่ที่เพิ่งยิ้มให้ตน ภายในใจเต้นถี่รัวตามด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้น
น่ารัก! คุณหนูเยว่ตัวจริงน่ารักมากๆ!
ส่วนคนที่เพิ่งเดินออกจากร้านหาได้รู้ไม่ว่าเพิ่งไปทำให้ใครใจสั่นมา เยว่ซินกวาดสายตาซ้าย ขวา ไม่รู้ว่าตนควรจะไปไหนต่อไหม หรือควรจะกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องดี?
ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ อยู่ๆกลับมีใครบางคนวิ่งกระหืดกระหอบมาหาตน ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับเร่งรีบสุดๆ
"เยว่!...เยว่ซิน" คนผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วง จนหญิงสาวต้องช่วยรีบประคองเพราะกลัวจะเป็นลมไปเสียก่อน
เยว่ซินพิจารณาใบหน้านั้น ในนิยายมีคนผู้นี้อยู่ด้วยหรือ?
"ฉันโทรหาก็ไม่รับสาย ไปหาที่ห้องก็ไม่อยู่ นี่แกคิดจะประชดที่บ้านจริงๆดิ?" คนโดนยิงคำถามใส่ได้แต่ยืนงง จับประเด็นทุกอย่างมารวมกันแล้วลองนึกถึงบทนิยายที่ได้อ่าน หรือคนนี้จะคือ 'จางลี่' เพื่อนสาวคนสนิทสมัยเด็กของเยว่ซินในนิยาย
"ลี่?" เยว่ซินลองตัดสินใจเรียก นั่นทำให้อีกฝ่ายยกมือขึ้นตีหน้าผากเธอเบาๆ
"เป็นอะไรของแกห๊ะคุณหนูเยว่...ร้อนจนเพ้อหรือไงถึงเรียกฉันแล้วทำหน้างงๆแบบนั้น" พอถูกต่อว่า เยว่ซินจึงยิ้มแห้งๆให้ งั้นคนนี้ก็คือจางลี่จากตระกูลจางจริงๆ เป็นเพื่อนและมิตรเพียงคนเดียวของเยว่ซินนางร้ายในนิยายนั่นเอง
"แล้ว...แกตามหาฉันทำไม" หญิงสาวเอ่ยถาม ดูเหมือนว่าเพื่อนของตนจะเริ่มหายใจคล่องขึ้นหลังจากที่ได้ยืนพัก
"ที่แกให้ฉันไปสืบเรื่องคุณฟาหยางของแกน่ะ...คืนนี้เขามีไปงานเลี้ยงของตระกูลหยวนจริงๆ" เยว่ซินลองนึก ในนิยายอาจจะไม่ได้บรรยายว่านางร้ายทำอะไร หรือติดตามชีวิตโดยละเอียดขนาดนั้น แต่ถ้าพูดถึงงานเลี้ยงตระกูลหยวน เยว่ซินก็พอจะนึกขึ้นได้
อ้างอิงจากนิยาย งานเลี้ยงตระกูลหยวนนั้นถูกจัดขึ้นโดยประมุขซึ่งตระกูลหยวนมีคอนแทคที่กว้างขวางในวงการธุรกิจ มีแขกเหรื่อจากหลายตระกูลเข้าร่วมโดยได้รับคำเชิญทั้งสิ้น แม้กระทั่งตระกูลหลี่เองก็ตาม...
หากแต่คนที่โดนเชิญเป็นคุณพ่อของเธอ หลี่ เยว่ซินในนิยายไม่พอใจอย่างมากที่เธอไม่ได้รับเชิญ จึงคิดแผนการ ฉกชิงเอาการ์ดเชิญของคุณพ่อตัวเองแล้วเป็นคนไปร่วมงานเสียเอง
แน่นอนว่าชื่อเสีย(ง)ร้ายๆของเธอนั้น เป็นที่รู้กันดีในวงกว้าง หลี่ เยว่ซินไม่ได้รับการต้อนรับจากแขกคนอื่นๆในงาน แต่ลูกชายคนโตของตระกูลหยวนกลับยินดีและเป็นคนเข้ามาพูดคุยกับเธอ นั่นทำให้คนในงานต้องซุบซิบกันว่าเยว่ซินต้องทำอะไรบางอย่างกับลูกชายตระกูลหยวนเป็นแน่
กลับมาที่ปัจจุบัน เยว่ซินมองเพื่อนตนเองแล้วยิ้มแหยๆให้ ไม่ว่าในนิยายเรื่องจะดำเนินยังไง แต่เธอนี่แหละจะเป็นคนเปลี่ยนแปลงมัน!
"ฮะๆ ฉันคงจะไม่ไปแล้วน่ะ"
"หาาาา แกว่าไงนะ" เยว่ซินรีบตะครุบปากเพื่อนตนเองเมื่อรู้ว่าจางลี่เสียงดังเกินไป
"ก็ไม่ไปแล้วไง"
"แต่นั่นคุณฟาหยางที่แกอยากได้นักได้หนานะ! แกจะทิ้งโอกาสนี้เพื่อให้อาจูแย่งเขาไปหรือไง" เยว่ซินกลอกตา ถึงไม่แย่งยังไงเขาสองคนก็ต้องคู่กันอยู่แล้วนะจางลี่...
"ช่างเถอะ...ฉันไม่ได้สนใจเขาแล้ว" จางลี่อ้าปากค้าง เธอตกใจจนแทบจะช็อคตรงนี้อยู่แล้ว!
ผีอะไรสิงหลี่ เยว่ซินเพื่อนของเธอกันนะ บอกมาเลย!
"เราไปคุยกันที่ห้องฉันดีไหม" เยว่ซินเสนอ ซึ่งจางลี่พยักหน้ารัวๆ
"ไป!...ฉันจะไปเอาผีออกจากตัวแก น่ากลัวชะมัด" เยว่ซินเพียงแค่หัวเราะแห้งๆไปให้
ที่จางลี่พูดมาก็ถูก เธอก็เหมือนผีที่มาเข้าร่างคนอื่นจริงๆนั่นแหละ
ให้ตายเถอะ!
จางลี่มองอีกคนด้วยความสงสัย หลี่ เยว่ซินเพื่อนของเธอนั้นเป็นคนแต่งหน้าน้อยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เท่าที่จำได้ หลี่ เยว่ซินเป็นคนแต่งหน้าจัดตลอดนี่นา
เมื่อถึงห้องพัก จางลี่ลองแกล้งถามคำถามหลากหลายคำถามแก่อีกฝ่าย แต่เยว่ซินก็ยังคงตอบได้ทุกเรื่องจนเธอเบาใจ อย่างน้อยเพื่อนเธอก็ไม่ได้ความจำเสื่อม!
ทางด้านเยว่ซินที่เห็นว่าจางลี่ยิงคำถามส่วนตัวมาหลายเรื่องจึงรู้ได้ว่ากำลังโดนทดสอบ แต่ก็เป็นโชคดีที่อยู่ๆพอได้รับคำถาม ภายในสมองของเธอก็ย้อนเรื่องราวต่างๆออกมาได้เป็นฉากๆ ราวกับมีความทรงจำอยู่
"ที่แกบอกว่าจะไม่สนใจคุณฟาหยางแล้ว เป็นเรื่องจริง?" จางลี่เอ่ยถาม ในมือแกะเปลือกส้มก่อนจะโยนเข้าปาก
"อ่าฮะ...จริงสิจางลี่...ฉันว่าจะหางานทำน่ะ" แทบสำลัก จางลี่รีบคว้าเอาน้ำขึ้นดื่มทันทีที่ได้ยินเพื่อนตนพูดเช่นนั้น
นี่มันวันเวรอะไรกันฟะ!?
"ฮะๆ แกต้องล้อเล่นแน่"
"ถ่ายแบบเป็นไง" ในชีวิตจริง เยว่ซินเคยทำงานด้านวงการบันเทิงอยู่ ก่อนจะออกมารับช่วงต่อบริษัทพ่อตนเอง
"อาเยว่!?"
"อะไรเล่า..ก็ฉันกลัวเงินหมดนี่" จางลี่ส่ายหน้ารัว วันนี้เพื่อนของตนแปลกประหลาดจนจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว
คนแบบหลี่ เยว่ซิน คิดจะทำงานงั้นหรือ ช่างกลัวฟ้าถล่มจริงๆ!
"นะอาลี่...ฉันรู้ว่าแกช่วยฉันได้" เยว่ซินทำหน้าอ้อน ก็แน่ล่ะ...ตระกูลจางทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านงานบันเทิงนี่นา
"ก็ได้ๆ เห็นว่าเป็นอาเยว่หรอกนะ"
"เย่"
"แต่มีข้อแลกเปลี่ยน" เยว่ซินชะงัก มองจางลี่ที่อยู่ๆก็นั่งกอดอกยิ้มร้าย
"ฮะๆอย่าขออะไรแปลกๆนะ"
"ไม่แปลกหรอกหน่า...ฉันก็แค่หาเพื่อนไปงานเลี้ยงตระกูลหยวนวันนี้ด้วยกัน" เยว่ซินเบิกตา ไปงานเลี้ยงตระกูลหยวนที่ต้องถูกตระกูลต่างๆ ซุบซิบนินทาน่ะหรือ!
"ว่ายังไง...ถ้าไม่ไปฉันก็ไม่ช่วย" เยว่ซินคอตก ลองไถแก้มออดอ้อนเพื่อนของตนเผื่อจะใจอ่อน
"ขออย่างอื่นไม่ได้หรือจางลี่" จางลี่ส่ายหน้า ยืนยันคำเดิมจนคนสวยต้องถอนหายใจยาว
"ก็ได้...สัญญาแล้วนะว่าจะช่วย"
"แน่นอน!...แบบนี้สิค่อยสมเป็นอาเยว่หน่อย" จางลี่หัวเราะร้ายก่อนที่จะโทรหาสไตล์ลิสท์เพื่อให้มาช่วยแต่งตัวเพื่อนสาวของตน
หลี่ เยว่ซินมองตนเองในกระจก เธอรู้ดีว่าร่างกายนี้สมบูรณ์เพอร์เฟคขนาดไหน เพียงแต่พอโดนแต่งตัวเต็มยศเช่นนี้ ยิ่งน่าอิจฉาขึ้นมากจนเธออยากร้องกรี๊ด!
หลี่ เยว่ซินอยู่ในเดรสยาวสีดำ ช่วงอกของเสื้อประดับด้วยเลื่อมสีทอง ดูสง่า ฝั่งด้านขวาตั้งแต่ช่วงเข่าลงไปแหวกออกเผยให้เห็นเรียวขาสวย ทั้งคอระหงส์ รวมถึงข้อมืองามล้วนใส่เครื่องประดับสลับสีดำทอง จนราวกับเป็นราชนิกุล
สไตล์สิสท์ที่เห็นเช่นนั้นถึงกับยกมือขึ้นป้องปาก เอ่ยชมจนเยว่ซินหน้าแดงด้วยความเขิน
"สวย!...คุณหนูเยว่ซินงดงามจริงๆ" เยว่ซินโค้งให้ ยังโชคดีที่คนพวกนี้เป็นคนของจางลี่ พวกเธอเลยไม่ได้เกรงกลัวเยว่ซิน ออกจะเป็นมิตรเสียด้วยซ้ำ
ได้เวลาที่จะต้องไปงานเลี้ยง ภายในรถของตระกูลจาง เยว่ซินโดนเพื่อนตนเองชมไม่ขาดปาก ทำเอาคนโดนชมเริ่มจะชินชาเสียแล้ว
ใช้เวลาไม่นานนักก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหยวน ภายในอกของเยว่ซินเต้นรัว ที่นี่เธอจะโดนหลายสายตาและหลายปากซุบซิบนินทาด้วยความเกลียดชัง
ขาเรียวก้าวลงจากรถ ทันทีที่หลี่ เยว่ซินปรากฏตัว เหล่าช่างภาพถึงกับอุทานเสียงดัง หากแต่มือไม้กลับแข็งไม่กล้ายกขึ้นมาถ่ายภาพ
ก็พวกเขากลัวหลี่ เยว่ซินจะฟ้องร้องนี่!
หากแต่ไม่เป็นเช่นนั้น ทางคนสวยยิ้มให้ช่างกล้องอย่างไมตรีดี จนทำให้คนได้เห็นตะลึงกันไปตามๆกัน เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเยว่?
"อยากถ่ายก็รีบถ่ายเถอะค่ะ...ถ้าเพื่อนเยว่ของฉันเข้างาน ถ่ายไม่ทันจะมาขอถ่ายทีหลังไม่ได้นะ" เมื่อจางลี่พูดเช่นนั้นมีหรือช่างภาพจะอยู่เฉย ต่างสาดแฟลชเข้าหาคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนางร้ายรัวๆ จนเยว่ซินต้องหยีตา
จางลี่ปล่อยให้ช่างภาพถ่ายเธอและเยว่ซินเพียงครู่เดียวก็พาเพื่อนเข้างาน ภายในคฤหาสน์ตระกูลหยวนนั้นกว้างขวาง แขกเหรื่อมากมายสมกับเป็นตระกูลท็อปๆของจีน
การปรากฏตัวของเยว่ซินนั้นไม่ต่างจากที่เธอคิดเท่าไหร่ มีหลายสายตาจับจ้องมาแบบไม่ค่อยดีนัก แม้กระทั่งกลุ่มใหญ่ตรงนั้น...
เวลาหยุดอยู่ชั่วขณะที่เยว่ซินได้สบตากับใครคนหนึ่ง ดวงตาสีรัตติกาลจดจ้องหญิงสาวอย่างไม่ปิดบัง เขาคนนั้นคือฟาหยาง ชายหนุ่มอยู่ในชุดสีดำแดง ข้างกายเต็มไปด้วยผู้คนหลายตระกูลที่เข้าไปทักทาย
แม้เห็นได้ในระยะไกลๆ เยว่ซินยังรับรู้ได้ถึงความน่าเกรงขามของคนผู้นั้น ฟาหยางมองเธอนิ่ง แต่ในแววตาไม่ได้ฉายออกมาว่ารู้สึกเช่นไร
"อยากจะเข้าไปหาล่ะสิ...อย่าโผงผางมากแล้วกัน ที่นี่มีคนอยู่เยอะ...แต่ว่านะ ฉันพูดไปแกก็ไม่ฟังอยู่ดี" จางลี่ที่กระซิบอยู่ข้างๆนั้นทำเอาเยว่ซินยิ้มตาปิด
"ใครว่าฉันจะไป" ร่างบางสะบัดหน้าหนี หันมาสนใจบรรยากาศงานตรงหน้าราวกับจะบอกว่าฟาหยางนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเธอแล้ว
"หาาาา นี่แกเอาจริงดิ" ฝั่งจางลี่ยังเหมือนจะเชื่อไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆเมื่อเพื่อนสนิทตนเองเดินไปหยิบอาหารทานหน้าตาเฉย ทั้งๆที่ปกติยามเห็นฟาหยางเป็นต้องกระโจนใส่ทุกที
เยว่ซินเอาจริงหรือนี่ ที่จะไม่สนใจมาเฟียคนนั้นแล้ว!
ฝั่งฟาหยางที่รับรู้ถึงความผิดปกติ ขมวดคิ้วเล็กๆ เมื่อกี้เหมือนเขาจะเห็นแววตาเฉยชาของเยว่ซินใช่หรือไม่?
หญิงสาวคนนั้นไม่ได้เข้ามาหาเขาเช่นทุกที แถมยังเดินหนีและไม่สนใจกันอีก?
จริงอยู่ที่เขาไม่ได้รู้สึกยินดีในตัวผู้หญิงคนนั้นสักนิด แต่พฤติกรรมผิดแปลกก็ทำให้ฟาหยางขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย
ดวงตาคมยังคงจดจ้องไปยังร่างบางที่ยืนจิบไวน์อยู่กับผู้หญิงตระกูลจาง การแต่งหน้าแต่งกายดูแปลกตาไปทั้งยังน่ามองขึ้นมาก
เดี๋ยว...เขาคิดว่าน่ามองงั้นหรือ?
ฟาหยางส่ายหัวเบาๆ ลากสายตากลับมาที่คู่สนทนาอีกครั้งและไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นอีก
ช่างหัวยัยผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นไปแล้วกัน...
เยว่ซินแทบจะไม่ได้พูดคุยกับใคร อาจเป็นเพราะโดนพ่อผลักไสออกจากตระกูลจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ต่อให้มาเสวนาด้วยก็ไม่มีผลอะไรกับธุรกิจอยู่ดี จึงไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้นัก
ผิดกับจางลี่ที่โดนหลายตระกูลเข้ามาทักทายจนเธอไม่ว่างหันมาหาเยว่ซินเลย แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพียงยืนจิบไวน์เงียบๆคนเดียว
"คุณหนูเยว่" ผ่านไปสักพัก เยว่ซินหันตามเสียงเรียกพบว่าเป็นลูกชายคนโตตระกูลหยวน เขาเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มทักทาย
"งดงามนัก" อีกฝ่ายเอ่ยชมจนเยว่ซินต้องโค้งให้เล็กน้อย
"ขอบคุณ หยวน อี้" หยวนอี้ยิ้มตอบ ใบหน้าหล่อแบบตามฉบับจีนทำให้เยว่ซินเผลอมองค้าง อีกฝ่ายอยู่ในชุดสีขาวทั้งเสื้อและกางเกง ดูเป็นผู้ชายสะอาดสะอ้านน่ามอง
"เห็นคุณหนูเยว่มองแบบนี้แล้วชักเขิน" เยว่ซินสะดุ้ง รีบขอโทษก่อนจะสำรวมสายตา
"ผมเห็นคุณหนูยืนเหงา เลยเข้ามาทักทาย"
"..."
"คงไม่รังเกียจใช่ไหมครับ" หลี่ เยว่ซินรีบส่ายหน้า พูดปฏิเสธเสียงหวาน
"ไม่เลยค่ะ...ฉันไม่มีเพื่อนคุยพอดี" แม้ว่าจะรู้สึกดีที่มีคนเข้ามาคุยด้วย แต่เยว่ซินก็หวั่นใจว่าจะกลายเป็นเหมือนในนิยายหรือไม่
"ได้ยินแบบนี้ก็เบาใจ" หยวน อี้ หัวเราะ ยกแก้วไวน์ขึ้นสูงเป็นสัญลักษณ์ให้ดื่มพร้อมกัน
"ได้ยินมาว่าคุณหนูเยว่เกิดเรื่องลำบากกับครอบครัว ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยได้ผมยินดีช่วยนะครับ" เยว่ซินรู้สึกซึ้งใจ แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับพวกตัวเอก
แหงล่ะ...ก็หยวน อี้ เป็นถึงพระรองเลยนะ!
"ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันไม่รบกวน" ใบหน้าหวานยังคงประดับรอยยิ้มจนหยวน อี้ เผลอหายใจสะดุด แน่นอนว่าเขาเคยคุยกับคุณหนูเยว่หลายครั้ง หากแต่ก็ได้รับแค่สายตาเย็นชาจากหญิงสาวเท่านั้น
เขารู้ดีว่าเยว่ซินนั้นหมายปองใคร...
หลังจากที่พูดคุยกันไปได้สักพัก หยวน อี้โดนคุณพ่อตามตัวจนเขาต้องเอ่ยลาหญิงสาวอย่างเสียดาย
"ผมต้องไปรับแขกของคุณพ่อก่อน"
"เช่นนั้นถูกแล้ว...ไว้คุยกันใหม่นะคะ"
"เป็นเกียรติของผมมากครับคุณหนูเยว่" หยวน อี้ เดินออกไปแล้ว เยว่ซินถึงได้หายใจโล่งขึ้น หันไปทางจางลี่ก็พบว่าไม่รู้ตระกูลไหนลากตัวไปเสียแล้ว
เยว่ซินส่ายหน้า ก่อนจะเดินไปหาที่วางแก้วไวน์เมื่อพบว่าไวน์หมดแล้ว
"อ๊ะ" ร่างบางสะดุ้ง ยามที่หันกลับมาแล้วชนเข้ากับแผงอกใครบางคนเข้า ใบหน้างามเชิดมอง ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ
"ฟาหยาง..." ริมฝีปากสวยเอ่ยพูดเสียงเบา คนตัวสูงยังคงยืนนิ่งและมองเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ
"ขอโทษค่ะ...ฉันไม่ระวังเอง" ฟาหยางขมวดคิ้ว หากเป็นปกติ หญิงสาวคนนี้จะขอโทษงั้นหรือ?
"กำลังตบตาใครอยู่ล่ะ" เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างใบหู ทำเอาเยว่ซินสะดุ้งก่อนจะรีบถอยหนี หากแต่ด้านหลังกลับเป็นโต๊ะอาหาร
"คุณหยาง...ได้โปรดขยับออกไปหน่อยค่ะ" ฟาหยางกระตุกยิ้ม ยิ่งหญิงสาวพูดเช่นนั้นมีหรือที่เขาจะขยับออก
"เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเยว่กันเล่า...โดนพ่อไล่ออกจากตระกูลจนถึงขั้นเปลี่ยนเป็นเด็กดีเลยหรือไง?" เยว่ซินเลิกคิ้ว มองอีกคนด้วยสายตาโกรธเคือง
"นี่สิคุณหนูหลี่ เยว่ซินตัวจริง" ในประโยคแฝงไปด้วยความขบขัน
"ถ้าคุณจะพูดแค่นี้ก็ออกไปเถอะค่ะ...ฉันจะไปหาเพื่อน"
"ผู้หญิงตระกูลจางน่ะหรือ...ได้ข่าวว่าคออ่อนเมาหลับกลับไปเสียแล้ว" เยว่ซินเบิกตากว้าง นี่จางลี่ทิ้งเธองั้นหรือ!
"ทำไมล่ะ...ไม่ใช่แผนของเธอที่จะมาออดอ้อนฉันทีหลังหรือไง" เยว่ซินมองค้อน ให้ตายเถอะ!นายพระเอกคนนี้มันน่ารำคาญจริงๆ
"ถ้าฉันอ้อนแล้วคุณจะไปส่งฉันที่บ้านรึไงคะ" หญิงสาวทนไม่ไหว ในที่สุดก็เอ่ยพูดประชด
"ถ้าเธอต้องการ" แต่ก็ต้องแปลกใจ เพราะฟาหยางคนนั้นกลับไม่ปฏิเสธสักนิด
เกิดอะไรขึ้นกับเขากันเล่า?
"ไม่รบกวนค่ะ" เยว่ซินทำท่าจะเบี่ยงตัวหนี แต่ข้อมือกลับโดนชายหนุ่มดึงไว้
"วันนี้เธอทำฉันแปลกใจนะคุณหนูเยว่"
"..?"
"ไม่รู้ว่าเธอมีแผนการอะไรในใจแต่ก็ยอมรับว่ามันได้ผล" เยว่ซินเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจที่ชายหนุ่มพูดสักนิด
"ทั้งเรื่องที่ปฏิเสธฉันหัวชนฝาทั้งๆที่ไม่เคยทำ"
"..."
"หรือเรื่องที่เรียกฉันว่าคุณหยาง" เยว่ซินมองนิ่ง สมองกำลังประมวลผลว่าในนิยายเธอเรียกฟาหยางว่าเช่นไร
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อใบหน้าหล่อโน้มลงมาใกล้ แล้วกระซิบให้ได้ยินกันสองคน
"ปกติชอบเรียกอาฟาไม่ใช่หรือ"
จบสิ้นแล้วเยว่ซิน อุตส่าห์จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตัวเอกแล้วแท้ๆ!
To be continued...