ข่าวเช้าวันต่อมาทำเอาเยว่ซินปวดหัวไม่น้อย เมื่อทุกสื่อข่าวดันเอารูปภาพของเธอไปเล่นข่าวกันทุกสำนัก!
เป็นเพราะจางลี่ที่อนุญาตนั่นแหละ!
เยว่ซินกลับจากคฤหาสน์หยางแล้ว ตอนนี้เธอกำลังติดต่อจางลี่ให้มาพบกันที่ร้านกาแฟแต่ไม่มีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะรับสายเลย
จะขี้เมาไปถึงไหนนะ...
เยว่ซินโดนวิพากษ์วิจารณ์หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านดีและไม่ดี บ้างก็ชมว่าสวยสง่าบ้าง หรือแอ๊บเวลาอยู่หน้าสื่อ...
หญิงสาวตัดสินใจคร้านจะใส่ใจ ตอนนี้เธอต้องรีบวางแผนชีวิตตัวเองแบบจริงจังเสียที
แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรมากนัก จู่ๆโทรศัพท์ก็แผดเสียงร้องเป็นเบอร์ที่ไม่โชว์ชื่อผู้โทรขึ้นมา
"สวัสดีค่ะ เยว่ซินค่ะ" หญิงสาวรับสาย คิ้วเรียวผูกเป็นปมเมื่อได้ยินเสียงกุกกักจากอีกฝ่าย
"คุณหนูเยว่" เสียงแบบนี้มัน...
"คุณหยวน อี้?"
"ครับ...กว่าผมจะหาทางติดต่อคุณหนูได้" ได้ยินเช่นนั้น เยว่ซินก็ยิ่งสงสัยขึ้นอีก
"มีอะไรกับฉันหรือคะ" หรือว่าเธอจะเผลอไปทำอะไรที่ไม่ดีในงานเมื่อคืนเข้า!?
"ผมเป็นห่วงเรื่องข่าวคุณหนูตอนนี้น่ะครับ เลยอยากโทรมาถามเพื่อความสบายใจ" พอได้ยินเช่นนั้นร่างบางเผลอถอนหายใจออกมา
อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี
"คุณหยวนอาจจะลืมไปว่าฉันเคยโดนมาหนักกว่านี้นะคะ" อ้างอิงจากในนิยายและความทรงจำที่เธอพอมีนั้น เยว่ซินคนเก่าไม่เคยเป็นที่รักของใครทั้งสิ้น มีข่าวเสียหายไม่เว้นแต่ละวัน นั่นนับเป็นเรื่องที่ดีเพราะเยว่ซินตอนนี้ดันได้รับภูมิคุ้มกันจากเยว่ซินคนเก่าอยู่เหมือนกัน
"ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นแบบที่คุณหนูว่า ผมคงลืมไปจริงๆ" อีกฝั่งตอบกลับ บทสนทนาระหว่างกันดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
"แต่ก็ขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะคะคุณหยวน อี้"
"ถ้าคุณรู้สึกเช่นนั้นจริงๆผมขอสิ่งตอบแทนสักเรื่องได้ไหมครับ" เยว่ซินร้องหืมในลำคอ นี่พระรองกำลังจะขอสิ่งตอบแทนจากการที่เธอรู้สึกขอบคุณเนี่ยนะ?
"คุณหนูอย่าได้กังวล สิ่งที่ผมขอนั้นเล็กน้อยมากครับ" เมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนั้นเยว่ซินเลยขอให้ลองพูดมา
"ให้ฉันเรียกคุณหยวนว่าอาอี้หรือคะ?" เยว่ซินทวนคำตาโต
"ฮ่าๆๆใช่ครับ...ผมไม่อยากให้เราห่างเหินกันเกินไป" หญิงสาวเม้มปาก ความจริงเธอไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับตัวละครหลักของเรื่องเลยด้วยซ้ำ
"ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกกันอย่างเป็นกันเองได้ ฉันจะเรียกแบบนั้นแล้วกันนะคะ" เยว่ซินยื่นข้อเสนอ นั่นทำให้อีกฝ่ายรู้สึกยินดีมาก
คุยกันต่อได้ไม่นานหยวน อี้ ก็ต้องขอตัวไปประชุมต่อ พอดีกับที่จางลี่โทรฯกลับมาหาพอดี
"จางลี่!" ทันทีที่รับสาย เยว่ซินเอ่ยเรียกอีกคนเสียงดุทันที
"อาเยว่...จางลี่ขอโทษ~" และเหมือนว่าอีกฝั่งจะรู้อยู่แล้ว นั่นเลยทำให้พูดเสียงออดอ้อนมาเช่นกัน
และเหมือนว่าเรื่องนี้เยว่ซินต้องเคลียร์กับเพื่อนตัวดียาวเลยทีเดียว...
"คุณฟาหยางครับ...คุณหนูจูมาขอพบ" ฟาหยางปรายตาขึ้นจากเอกสาร พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงอนุญาตก่อนที่อาโปจะเดินไปแจ้งแก่คนด้านนอก
ไม่นานนักเสียงรองเท้าก็เดินเข้ามาพร้อมกับเสียงสดใสที่เอ่ยเรียกตน
"พี่ฟาคะ" ฟาหยางขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นส่งสายตาดุๆให้
"อาจูขอโทษค่ะ ไม่เห็นว่าพี่อ่านงานอยู่" คร้านจะใส่ใจเด็กตรงหน้า ฟาหยางก้มลงอ่านเอกสารต่อ เมื่อเห็นว่าข้อมูลครบถ้วนถึงได้จรดปากกาเซ็นอนุมัติลงไป
"มีอะไรถึงมาหาถึงนี่" คราวนี้เขาเงยหน้าถาม อาจูดูหน้าซึมๆลงเล็กน้อยที่โดนเขาตวัดตาดุใส่
"คุณพ่อให้อาจูมาชวนพี่ไปทานข้าวด้วยกันที่บ้านค่ะ" ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ประมวลความคิดชั่วครู่
"วันนี้คงไม่ได้ ฝากบอกคุณลุงว่าถ้าฉันว่างเมื่อไหร่แล้วจะบอกล่วงหน้า" เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวมีท่าทีหงอยลงกว่าเก่า
"ตอนงานเลี้ยงตระกูลหยวนพี่ก็ไม่ได้มารับอาจูตามที่ตกลง แถมยังไปทานข้าวด้วยไม่ได้อีก"
"แล้วยังไง" เสียงเข้มถามนิ่งๆแต่คนโดนถามกลับสะดุ้งเมื่อเธอเผลอตัวเง้างอนใส่ฟาหยางเสียอย่างนั้น
"ปะ...เปล่าค่ะ...งั้นอาจูจะบอกคุณพ่อตามที่พี่พูดนะคะ"
"อืม" ฟาหยางกลับไปสนใจเอกสารต่อ ทิ้งให้แขกที่เพิ่งมายืนเคว้งไม่รู้จะชวนคุยอย่างไรต่อดี
"พี่ฟาคะ"
"พูดมาสิ" อาจูเม้มริมฝีปาก มือทั้งสองถูกันไปมาอย่างประหม่า
"อาจูเห็นข่าวเมื่อเช้า...ที่พี่กับพี่เยว่ซิน..." คราวนี้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากกระตุกยิ้มเล็กน้อยยามได้ยินชื่อของอีกคน
ออกข่าวแล้วงั้นหรือ...ตอนนี้ทั้งเจ้าตัวและหยวน อี้จะเห็นหรือยังนะ?
"พี่เยว่ซินกลับกับพี่อย่างนั้นเหรอคะ..." ท้ายคำถามอาจูพูดเสียงเบา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มาเฟียแผ่นดินใหญ่ไม่ได้ยิน
"ใช่...ฉันอาสาเอง" พอได้ยินคำตอบเช่นนั้น อาจูเลือกที่จะเงียบ ความจริงเธอก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีหรอก เพียงแต่สงสัยว่าทั้งสองคนเกลียดกันมากไม่ใช่หรือ?
"จริงสิพี่ฟาคะ...เหมือนอาจูจะได้ยินมาว่าเพื่อนสนิทของพี่เยว่ซิน...เอ...ชื่อจางลี่หรือเปล่านะ กำลังทาบทามให้พี่เยว่ซินเข้าทำงานด้านการบันเทิงอยู่น่ะค่ะ" ฟาหยางวางเอกสารลง ในตาที่ดุดันฉายแววสงสัย เยว่ซินคนนั้นจะเข้าทำงานเป็นดาราหรือ?
"น่าสนุกจังเลยนะคะ อาจูก็อยากทำบ้าง" ฟาหยางหัวเราะ คนแบบเยว่ซินจะทำได้จริงๆหรือ
"พี่ฟาหัวเราะอาจูเหรอคะ...อาจูก็แค่อยากลองทำดู" เหมือนเด็กสาวจะเข้าใจผิดว่าฟาหยางหัวเราะเอ็นดูตน แต่จริงๆแล้วเขาแทบจะไม่ได้ฟังที่เธอพูดเลยสักนิด
แหงล่ะ...ตอนนี้เขาอยากไปถามเยว่ซินด้วยปากตนเองจริงๆว่าเรื่องนี้เป็นข่าวจริงหรือไม่
อาจูอยู่คุยต่อเพียงครู่เดียวก็ขอตัวกลับ เมื่อในห้องไม่มีแขก อาโปถึงได้เข้ามารอรับฟังคำสั่งเจ้านายตนเอง
"นัดคุณหนูเยว่ให้ฉัน...บอกเธอว่าฉันมีเรื่องอยากจะสอบถาม"
"ครับคุณหยาง"
"เอาเป็นนัดทานข้าวเย็นนี้แล้วกัน" อาโปโค้งให้นายตนเองก่อนจะออกไปจัดการให้
ทิ้งให้มาเฟียแผ่นดินใหญ่นั่งเคาะนิ้วตัวเองไปกับโต๊ะด้วยสายตาวาววับ
เยว่ซินปฏิเสธ...
ใช่ เรื่องอะไรเธอจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกตัวเอกอีกล่ะ! แน่นอนว่าเมื่อวานจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะขอเจอเขา
"นี่ผีเข้าหรือผีออกกับฮะคุณหนูเยว่ แกปฏิเสธคุณฟาหยางเนี่ยนะ!" เสียงแสบแก้วหูของจางลี่ทำเอาเยว่ซินต้องยกมือขึ้นปิดหู
"ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะไม่สนใจเขาแล้วน่ะ" จางลี่แทบจะเป็นลม
ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ร้านกาแฟซึ่งไม่ห่างจากที่พักเยว่ซินมากนัก
"แล้วทางบริษัทแกว่ายังไงบ้าง ให้ฉันไปสัมภาษณ์ได้เมื่อไหร่"
"แหม...เดี๋ยวนี้กระตือรือร้นแค่เรื่องงานจริงๆนะอาเยว่ กลัวฉันไม่เชื่อหรือไงว่าแกร้อนเงินน่ะ" เยว่ซินหัวเราะ ก็เธอกลัวเงินหมดจริงๆนี่นา
"กาแฟได้แล้วค่ะ" ทั้งคู่หยุดบทสนทนาเมื่อพนักงานเดินเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ เยว่ซินโค้งให้เล็กน้อยและเอ่ยขอบคุณตามความเคยชินในโลกปัจจุบัน
ทางด้านพนักงานที่รู้แล้วว่าแขกvipสองท่านนี้เป็นใครถึงกับชะงัก เพราะข่าวลือที่เธอได้ยินมาเกี่ยวกับคุณหนูหลี่ เยว่ซินนั้นมีแต่ด้านลบๆทั้งสิ้น
แล้วไหงตัวจริงถึงได้สุภาพเช่นนี้เล่า!
"มีงานโฆษณาเครื่องดื่มที่ผู้กำกับต้องการดาราหน้าใหม่อยู่พอดีน่ะ...ฉันเลยเสนอชื่อแกไป ตอนนี้ก็คงต้องรอการติดต่อกลับ" พนักงานเดินออกไปแล้ว บทสนทนาจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง แม้จางลี่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับสายบันเทิงและสามารถฝากฝังให้เพื่อนตนเองเข้าทำงานได้เลยแต่เยว่ซินก็ไม่ยินดี
เธอแค่ต้องการให้จางลี่ช่วยแนะนำเธอกับผู้กำกับดูเพื่อเป็นใบเบิกทางเท่านั้น ยังไงก็จะให้อีกฝั่งพิจารณาเธอจากความสามารถจริงๆ
ทั้งคู่นั่งดื่มกาแฟและคุยเล่นกันต่ออีกราวๆชั่วโมงจึงแยกย้ายกันกลับเพราะจางลี่มีธุระกับที่บ้านต่อ ก็คงมีแค่เยว่ซินที่ตอนนี้นอกจากปรับตัวให้ได้กับที่ใหม่ๆแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำเลย
หลี่ เยว่ซินที่ไม่รู้จะไปไหนต่อ จึงหยุดเดินเล่นที่สวนสาธารณะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ระหว่างนี้ก็คิดถึงเนื้อหาในนิยายไปพลางๆ
อ้างอิงจากนิยาย เหมือนชีวิตเยว่ซินที่เป็นนางร้ายนั้น จะมีฉากวนลูปออกมาแค่ตอนกลั่นแกล้งนางเอกและก่อกวนพระเอกเท่านั้น ทางนักเขียนแทบไม่ได้อธิบายถึงเรื่องส่วนตัวของเธอเลยสักนิด
เยว่ซินถอนหายใจ หยุดยืนที่ริมน้ำของสวนสาธารณะ ปล่อยใจให้วางนิ่งเพราะหลังจากนี้ชีวิตเธออาจจะวุ่นวายก็ได้ แถมการที่เธอปฏิเสธฟาหยางไปนั้นก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะขุ่นเคืองใจแล้วสั่งให้คนมาสั่งสอนเธอหรือไม่
อากาศเริ่มหนาวแล้วเยว่ซินกำลังจะหันกลับจำต้องชะงักเมื่ออยู่ๆก็ได้กลิ่นหอมที่รู้สึกคุ้นจมูกอย่างไรไม่รู้
ดวงตาโตกวาดหาต้นตอของกลิ่นนั้น เยว่ซินเผลอถอยหลังด้วยความตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นฟาหยางกำลังยืนพิงที่ต้นไม้ด้วยท่าทีสบาย ที่ริมฝีปากคาบซิการ์กลิ่นเดียวกับที่คฤหาสน์เมื่อคืนนี้
"คุณหยาง"
"รบกวนเวลาผ่อนคลายคุณหนูเยว่เข้าเสียแล้ว" แม้พูดราวรู้สึกผิดแต่ริมฝีปากเหยียดยิ้มราวกับกำลังสนุกอยู่ เยว่ซินเผลอขนลุกวาบ
"ไม่หรอกค่ะ...ฉันกำลังจะกลับแล้ว" รีบชิ่งก่อนดีกว่า ยังไงวันนี้เธอก็เพิ่งปฏิเสธนัดเขาไปนี่!
ฟาหยางสำรวจอีกคนที่อยู่ในชุดเดรสตัวบาง เวลานี้น้ำค้างทำให้หนาวอยู่เหมือนกัน
ชายหนุ่มถือวิสาสะเดินเข้าไปใกล้ ถอดเสื้อโค้ทของตนเองแล้วสวมชั้นนอกให้กับเยว่ซินที่ตอนนี้ยืนนิ่งค้างไปแล้ว
"อากาศแบบนี้เดี๋ยวจะป่วยเอา"
"ขอบคุณค่ะ" เยว่ซินตอบกระท่อนกระแท่น อยู่ๆฟาหยางมาทำดีด้วยแบบนี้มันไม่ชินเอาเสียเลย
"ฉันได้ข่าวมาว่าคุณหนูเยว่กำลังจะเริ่มงานที่บริษัทจาง" เยว่ซินเลิกคิ้ว จางลี่เพิ่งจะติดต่อให้เธอเมื่อเช้านี้เอง ทำไมฟาหยางถึงได้รู้เรื่องเร็วนัก?
"อ่า...ก็พอมีความสามารถอยู่นิดหน่อยน่ะค่ะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าทางนู้นจะตอบกลับว่าอย่างไร" ฟาหยางจ้องอีกคนนิ่ง เวลานี้ผิวที่ขาวราวหิมะของเยว่ซินเริ่มเจือสีแดงเล็กน้อยเพราะไอเย็น
"อาโป" ชายหนุ่มหันไปเรียกลูกน้องที่ยืนไม่ไกลแล้วเอ่ยสั่งอะไรบางอย่างก่อนจะกลับมาคุยกับเยว่ซินอีกครั้ง
"ผิวแดงหมดแล้ว" เยว่ซินสะดุ้งยามที่มืออุ่นๆของฟาหยางทาบลงบนแก้มของตนเอง
"ฉันจะขับรถคุณหนูเยว่ไปส่งให้เอง" เขาเสนอตัวแต่ร่างบางกลับตาโตรีบโบกมือปฏิเสธ
"ไม่รบกวนคุณหยางค่ะ..เดี๋ยวฉัน..." คำพูดกลืนหายเมื่อฟาหยางใช้มือข้างนั้นแตะริมฝีปากสวย
เยว่ซินยืนนิ่ง สุดท้ายก็ต้องยอมให้อีกฝ่ายเอากุญแจรถตนเองไปแล้วเธอต้องย้ายมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้คุณฟาหยางแทน...
เช้าวันต่อมาเยว่ซินตื่นขึ้นพร้อมได้รับอีเมลจากผู้กำกับให้เธอไปทดลองถ่ายโฆษณา ชุดชีฟองสีขาวและกางเกงขายาวสีเดียวกันถูกหยิบมาใส่ เยว่ซินต้องยอมรับจริงๆว่ารูปร่างของเธอคนนี้น่าอิจฉาไปทุกสัดส่วน ทั้งส่วนเว้าส่วนโค้งขนาดเธอที่เป็นผู้หญิงยังรู้สึกอิจฉา ไหนจะผิวที่ขาวราวกับหิมะนี่อีก
การเดินทางไปถึงสตูดิโอใช้เวลาไม่นาน เยว่ซินสูดลมหายใจ พยายามตั้งสติให้ไม่แตกตื่นมากนัก และทันทีที่เธอปรากฎตัวในสตูดิโอก็ได้รับสายตาไม่เป็นมิตรมากมายจนหญิงสาวท้อใจนัก
การที่ต้องหลุดเข้ามาเป็นนางร้ายนี่มันน่าลำบากใจจริงๆ!
"ยินดีที่ได้พบนะครับคุณหนูเยว่" ผู้กำกับฝูเข้ามาทักทายเธอก่อนจะแนะนำตัวทีมงานคร่าวๆ
ผู้กำกับฝูกล่าวว่าเขาจะให้เธอเป็นพรีเซนเตอร์น้ำดื่มยี่ห้อนี้เลยโดยไม่ให้ทดลองทำก่อน นั่นทำให้เยว่ซินแปลกใจนัก
"ได้ยินชื่อคุณหนูเยว่จากคุณฟาหยางผมก็คงไม่มีอะไรจะคิดโต้แย้ง" เยว่ซินขมวดคิ้ว ฟาหยางมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เล่า?
"ทำไมชื่อของฉันถึงมาจากคุณฟาหยางล่ะคะ" เมื่อเธอถามจบ ผู้กำกับฝูถึงกับหลุดหัวเราะ
"ก็สปอนเซอร์รายใหญ่ของเราก็คือคุณฟาหยางนั่นไง" เยว่ซินเบิกตา ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน!?
"อยู่ๆเมื่อวานก็มีนายทุนปริศนามาขอเป็นสปอนเซอร์น่ะ...ทำไปทำมาถึงได้รู้ว่าเป็นคุณฟาหยาง" เยว่ซินแทบอยากจะกรี๊ด ทำไมเธอถึงต้องได้ยุ่งเกี่ยวกับเขาทุกเรื่องด้วยล่ะเนี่ย!
แต่ถึงแบบนั้นเธอก็พูดอะไรมากไม่ได้ ผู้กำกับฝูบอกว่าวันนี้จะคุยกันเรื่องคอนเซ็ปท์งานก่อนแล้วจะนัดวันถ่ายอีกที
การคุยงานผ่านไปด้วยดี เหล่าทีมงานที่ตั้งแง่กับเยว่ซินมีความแปลกใจเล็กน้อยที่หญิงสาวไม่เป็นดั่งที่พวกเธอคิด จากที่เคยได้ยินมา เยว่ซินเป็นคุณหนูร้ายกาจเอาแต่ใจ หากแต่วันนี้ดูเหมือนข่าวลือก็เป็นแค่ข่าวลือจริงๆ เพราะเยว่ซินนั้นทั้งสง่าและวางตัวดี
"ยินดีที่ร่วมงานนะคะผู้กำกับฝู" หญิงสาวแย้มรอยยิ้มทำเอาคนที่เห็นตาพร่า ออร่าเช่นนี้ดันขึ้นเป็นนางเอกได้สบายเลยเชียว!
หลังจากที่บอกลาทุกคนเสร็จ เยว่ซินจึงเดินออกมาด้านหน้าเพื่อรอรถสาธารณะ เนื่องจากการมาสตูดิโอที่ไม่ชินเส้นทาง วันนี้เธอเลยไม่ได้เอารถส่วนตัวมา
"ฟาหยาง..." เสียงหวานเอ่ยเบาหวิว เมื่อด้านหน้าพบเป็นฟาหยางที่กำลังยืนพิงประตูรถมองมายังเธอ ชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีดำที่ดูเหมือนว่าไปทำงานมา
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกส่งมาให้ เยว่ซินมองซ้ายขวาว่าตรงนี้มีใครอยู่หรือไม่ หรือฟาหยางมาพบใครในกองที่ไม่ใช่เธอ?
"คุณหนูเยว่" แต่ความคิดก็ต้องพังลง เพราะชายหนุ่มเดินเข้ามาหา เขาใช้สายตาสำรวจหญิงสาวชั่วครู่แล้วเอ่ยขึ้น
"วันนี้ก็แต่งตัวแปลกตาอีกแล้ว"
"ดูไม่ดีเหรอคะ" ความปากไวทำให้เยว่ซินถามออกไป
"งดงาม" แต่คำตอบที่กลับมามันทำเอาเธอนิ่งค้างไปเลย
"อ้าว...คุณฟาหยาง" ผู้กำกับฝูที่เดินตามหลังมาเอ่ยทักสปอนเซอร์รายใหญ่ของตนเอง เขาโค้งให้ชายหนุ่มด้วยความนอบน้อมทั้งๆที่เขาอายุมากกว่า
"ไม่ต้องพิธีการหรอก"
"คุณฟาหยางมาดูการทำงานของทีมผมหรือครับ" ผู้กำกับฝูถามอย่างกระตือรือร้น
"ไม่ใช่อย่างนั้น ผมรู้ว่าทีมงานคุณเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว" ผู้กำกับฝูยิ้มรับ
"งั้น...?"
"ผมมาหาคุณหนูเยว่"
"คะ?" ฝั่งคนที่โดนเอ่ยชื่อได้แต่ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงงๆ ฟาหยางมาเพื่อพบเธองั้นหรือ?
"ถ้าผู้กำกับฝูติดปัญหาที่ตรงไหนก็ติดต่ออาโปลูกน้องผมได้เลยนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินก็ตาม ผมยินดีสนับสนุนให้" ผู้กำกับฝูโค้งจนตัวแทบชิดพื้น นานๆทีจะมีสปอนเซอร์ที่ใจป๋าขนาดนี้ อีกอย่างคนผู้นี้ยังเป็นถึงฟาหยางคนนั้นอีก!
"เป็นโชคดีของกองผมจริงๆ" ฟาหยางยกยิ้ม ก็เป็นโชคดีตามที่เขาพูดนั่นแหละ เพราะกองนี้มันมีหลี่ เยว่ซินอยู่ยังไงเล่า...