ความเงียบที่ตามมาหลังจากการบันทึกวิดีโอจบลงนั้น มันไม่ใช่แค่ความเงียบ แต่เป็นสุญญากาศที่ดูดกลืนทุกสรรพสิ่งเข้าไป ทั้งเสียงอากาศที่หมุนเวียนจากเครื่องปรับอากาศ ทั้งเสียงนาฬิกาที่เดินติ๊กต็อกอยู่บนผนัง ทั้งเสียงหัวใจของคนสองคนที่เต้นรัวอยู่ในอก ทั้งพลอยและฝนต่างถูกแช่แข็งอยู่ในห้วงเวลาแห่งความกระอักกระอ่วนนั้น ไม่มีใครกล้าขยับ ไม่มีใครกล้าสบตา และไม่มีใครกล้าเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา
เสียงครางแผ่วเบาของพลอยยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของคนทั้งสอง มันเป็นหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ มันได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งของคำว่า "การแสดง" ไปแล้ว มันคือปฏิกิริยาตอบสนองที่แท้จริงจากร่างกาย คือความรู้สึกที่ซื่อตรงซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฝนเป็นฝ่ายแรกที่ขยับตัวได้ เธอก้มหน้าก้มตาเก็บอุปกรณ์กล้องของเธอด้วยท่าทีที่รีบร้อนผิดปกติ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอดูแข็งทื่อและไม่เป็นธรรมชาติ เธอดึงสายไฟออกอย่างแรง ถอดเลนส์ออกจากตัวกล้อง และเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าอย่างลวกๆ ราวกับว่าอุปกรณ์เหล่านั้นคือวัตถุอันตรายที่ต้องรีบกำจัดให้พ้นสายตา การกระทำเหล่านั้นเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพลอย
ทางด้านพลอย เมื่อเห็นฝนขยับ เธอก็รีบลุกขึ้นจากเตียงทันที "ฉัน... ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" เธอพูดเสียงเบาหวิวแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องไปทันที ประตูห้องน้ำที่ปิดลงดัง "ปัง" เป็นเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกถึงความต้องการที่จะหลีกหนีจากสถานการณ์ตรงหน้า
ทันทีที่อยู่คนเดียวในห้องน้ำ พลอยก็รีบเปิดก๊อกน้ำแล้ววักน้ำเย็นๆ ขึ้นมาสาดใส่หน้าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอจ้องมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ริมฝีปากยังคงสั่นระริก "บ้าที่สุด! บ้าที่สุดเลยพลอย!" เธอตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ "แกทำบ้าอะไรลงไป ทำไมต้องส่งเสียงแบบนั้นออกไปด้วย!"
ในหัวของเธอเต็มไปด้วยคำถามและความสับสนวุ่นวาย เธอรู้สึกอับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เสียงเมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่ มันคือเสียงแห่งความพึงพอใจจริงๆ หรือ หรือมันเป็นแค่ปฏิกิริยาของร่างกายที่ถูกกระตุ้นจากสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ แล้วฝนล่ะ... ฝนจะคิดกับเธอยังไงตอนนี้ เพื่อนรักของเธอจะมองว่าเธอน่ารังเกียจไหม หรือจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายที่แค่ลูบขาตัวเองก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาได้
แต่แล้ว... ในอีกมุมหนึ่งของความคิดที่สับสนนั้น ก็มีประกายความรู้สึกบางอย่างที่น่ากลัวกว่าแทรกซึมเข้ามา มันคือความตื่นเต้น... เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสียงกระซิบของฝนที่คอยกำกับเธออยู่ข้างๆ นั้น มันได้ปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ลึกที่สุดในใจของเธอให้ตื่นขึ้นมาจริงๆ
ขณะเดียวกัน ฝนที่อยู่ในห้องนอนก็ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นข้างๆ กระเป๋ากล้อง เธอยกมือขึ้นมากุมขมับ พยายามจะขับไล่ภาพและเสียงที่ยังคงติดอยู่ในหัวออกไป แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ภาพของเรียวขาที่มันวาวภายใต้แสงไฟสลัว ภาพของปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า และที่สำคัญที่สุด... เสียงครางในลำคอของพลอย
เสียงนั้นมันได้สั่นสะเทือนบางอย่างในตัวตนของฝนอย่างรุนแรง มันไม่ใช่แค่เสียงที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของนางแบบ แต่มันเป็นเสียงที่เปิดเผยความเปราะบางและความรู้สึกที่แท้จริงของเพื่อนที่เธอรักที่สุดออกมา และปฏิกิริยาแรกของเธอที่มีต่อเสียงนั้นไม่ใช่ความตกใจหรือความรังเกียจ... แต่เป็นความปรารถนา... ความปรารถนาที่รุนแรงจนน่ากลัวที่จะได้เห็น ได้ยิน และได้สัมผัสมากกว่านี้
'เราต้องทำยังไงดี' ฝนถามตัวเองในใจ 'เราควรจะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเราควรจะพูดเรื่องนี้กับพลอยตรงๆ' แต่ไม่ว่าทางเลือกไหนก็ดูเหมือนจะนำไปสู่หายนะได้ทั้งนั้น ถ้าเธอทำเป็นเมินเฉย มันก็จะกลายเป็นหนามที่คอยทิ่มแทงความสัมพันธ์ของพวกเธอไปตลอด แต่ถ้าเธอพูดออกไป... มันก็อาจจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเธอเคยมีร่วมกันมาก็ได้
เมื่อพลอยเดินออกมาจากห้องน้ำ ทั้งสองคนก็ต่างหลบสายตากันและกัน บรรยากาศในห้องนอนที่เคยอบอุ่นและเป็นส่วนตัว บัดนี้กลับกลายเป็นเหมือนสนามรบที่เต็มไปด้วยกับระเบิดที่มองไม่เห็น
"เอ่อ... งั้น... คืนนี้ก็นอนหลับฝันดีนะ" พลอยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน เธอไม่รอให้ฝนตอบ แต่รีบแทรกตัวขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงทันที
"อืม... ฝันดีเช่นกัน" ฝนตอบเสียงเบา ก่อนจะรีบหอบอุปกรณ์ของตัวเองกลับไปยังห้องนอนของเธอ ปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและระยะห่างที่มองไม่เห็นซึ่งได้ก่อตัวขึ้นมาขวางกั้นระหว่างพวกเธอทั้งสองคน
วันรุ่งขึ้น กลายเป็นวันที่เงียบเหงาและอึดอัดที่สุดเท่าที่พวกเธอเคยอาศัยอยู่ด้วยกันมา กำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อคืนนี้ได้ขยายตัวใหญ่ขึ้นจนครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของคอนโด พวกเธอต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองอยู่ในมุมของตัวเองราวกับเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก
กิจวัตรประจำวันที่เคยทำร่วมกันอย่างการดื่มกาแฟตอนเช้าได้หายไป พลอยตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้ากินคนเดียวเงียบๆ แล้วรีบเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานกราฟิกของเธอทันที ส่วนฝนก็หมกตัวอยู่กับกองหนังสือถ่ายภาพ สวมหูฟังเพื่อตัดขาดตัวเองออกจากโลกภายนอก แม้มื้อกลางวัน พวกเธอก็ยังแยกกันกิน ต่างคนต่างสั่งอาหารเดลิเวอรี่ที่ตัวเองอยากกินมานั่งกินคนละมุมห้อง
ช่วงบ่ายวันนั้น พลอยทนความอึดอัดไม่ไหว เธอคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เธอต้องการพื้นที่ ต้องการอากาศหายใจ และต้องการหนีจากสายตาของฝนที่แม้จะไม่ได้มองมาที่เธอตรงๆ แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันนั้นอยู่ตลอดเวลา
การหายไปของพลอยทำให้ฝนรู้สึกใจหายวาบ เธอถอดหูฟังออก ความเงียบในห้องตอนนี้มันช่างเวิ้งว้างและน่ากลัวเหลือเกิน เธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปได้ เธอต้องทำอะไรสักอย่าง และสิ่งแรกที่เธอต้องทำก็คือ... จัดการกับไฟล์วิดีโอเจ้าปัญหานั้น
ฝนเปิดแล็ปท็อปขึ้นมา เสียบการ์ดหน่วยความจำ แล้วคัดลอกไฟล์วิดีโอนั้นลงมาในเครื่อง เธอสวมหูฟังอีกครั้งเพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป แล้วกดเล่นไฟล์นั้น
ภาพบนหน้าจอทำให้หัวใจของเธอกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง เธอได้เห็นเหตุการณ์เมื่อคืนนี้อีกครั้งในมุมมองของกล้อง มันดูดิบ จริง และทรงพลังอย่างน่าประหลาด เธอเลื่อนไทม์ไลน์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงท้ายของคลิป... ช่วงเวลาก่อนที่จะมีเสียงนั้นดังขึ้น
เธอเปิดฟังเสียงนั้นซ้ำไปซ้ำมา... 'อืมม...'... มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก มันไม่ใช่เสียงที่น่าเกลียดเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน มันกลับทำให้วิดีโอนี้ดูมีชีวิตและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถส่งวิดีโอฉบับนี้ไปให้ลูกค้าได้ มันเป็นการเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของพลอยมากเกินไป มันเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจที่เพื่อนรักมีให้เธอ
การตัดสินใจว่าจะตัดเสียงนั้นออกหรือไม่ กลายเป็นเหมือนการตัดสินใจเชิงสัญลักษณ์ว่าเธอจะจัดการกับความสัมพันธ์ของพวกเธออย่างไร เธอจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น หรือจะแกล้งทำเป็นว่ามันไม่เคยมีตัวตนอยู่...
สุดท้าย... ฝนก็ตัดสินใจเลือกทางที่ปลอดภัยที่สุด เธอตัดคลิปวิดีโอให้จบลงก่อนที่เสียงนั้นจะดังขึ้นเพียงเสี้ยววินาที มันจบลงด้วยภาพของปลายนิ้วของพลอยที่หยุดชะงักอยู่บนเรียวขาของตัวเอง ทิ้งไว้เพียงความตึงเครียดที่ค้างคาและชวนให้จินตนาการต่อไป เธอแนบไฟล์นั้นไปกับอีเมลที่พิมพ์ข้อความไว้อย่างเป็นทางการที่สุด แล้วกดส่งออกไป การกระทำนั้นให้ความรู้สึกที่ว่างเปล่าและเย็นชาอย่างประหลาด มันช่างแตกต่างจากความร้อนแรงของเหตุการณ์ในตอนที่มันถูกสร้างขึ้นมาโดยสิ้นเชิง
สองวันต่อมา พลอยกลับมาทำตัวเป็นปกติมากขึ้น แม้จะยังคงมีระยะห่างอยู่บ้าง แต่กำแพงความเงียบก็ได้เริ่มทลายลงแล้ว พวกเธอกลับมาพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระได้เหมือนเดิม แต่ก็ยังคงหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องแอคเคาท์ลับของพวกเธอ
จนกระทั่งเย็นวันนั้น ขณะที่พลอยกำลังเช็คข้อความในแอคเคาท์ "Secret Petals" เธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
"ฝน... ฝน! มาดูนี่เร็ว!"
ฝนรีบวิ่งเข้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ของพลอย มันเป็นข้อความตอบกลับจากลูกค้าคนเดิมที่สั่งทำวิดีโอคลิป
'ยอดเยี่ยมมาก! ผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายได้เลย มันสุดยอดจริงๆ! ความตึงเครียดในตอนท้ายคลิปที่คุณตัดจบแบบนั้นมันทรงพลังมาก มันกระตุ้นจินตนาการได้อย่างเหลือเชื่อ ผมได้โอนเงินโบนัสพิเศษไปให้พวกคุณแล้วเพื่อเป็นการขอบคุณ และแน่นอน... ผมมีคำขอใหม่มาเสนอ'
พลอยเลื่อนหน้าจอลงมาเพื่ออ่านคำขอต่อไป หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้น
'สำหรับคลิปต่อไป ผมอยากจะเห็นอะไรที่มันเชื่อมโยงกันมากขึ้น ผมอยากจะเห็น "มือสองคู่" บางที... อาจจะเป็นมือของคนหนึ่งที่กำลังช่วยอีกคนหนึ่งทาโลชั่นหรือออยล์ก็ได้ ผมคิดว่าภาพของการสัมผัสที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคนนั้นมันเป็นศิลปะที่งดงามและน่าค้นหามาก'
ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเธออีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ใช่ความเงียบที่เกิดจากความอึดอัด แต่เป็นความเงียบที่เกิดจากความตื่นตระหนก คำขอนี้มันได้พังทลายกำแพงที่พวกเธอเพิ่งจะสร้างขึ้นมาจนหมดสิ้น มันไม่ได้ขอให้พลอยแสดงคนเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่มันกำลังขอให้พวกเธอทั้งสองคน... สัมผัสกัน... ต่อหน้ากล้อง
"เรา... เราทำแบบนั้นไม่ได้ใช่ไหม" พลอยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน น้ำเสียงของเธอสั่นเครือและเปราะบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฝนไม่ได้ตอบในทันที เธอจ้องมองข้อความนั้นนิ่ง ในใจของเธอกำลังต่อสู้กันอย่างหนัก ส่วนหนึ่งกรีดร้องว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันอันตรายเกินไป มันคือการก้าวข้ามเส้นที่ไม่มีวันหวนกลับคืนได้ แต่อีกส่วนหนึ่ง... ส่วนที่มืดมนและซื่อตรงต่อความปรารถนาของตัวเอง... กลับกำลังกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น
"พลอย..." ในที่สุดฝนก็พูดขึ้นมา เธอหันหน้าไปหาเพื่อนรักแล้วตัดสินใจว่าเธอไม่สามารถหนีความจริงได้อีกต่อไป "เราต้องคุยกัน"
เธอดึงพลอยให้ไปนั่งลงบนโซฟา บรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
"แกโอเคไหม... เรื่องคืนนั้น" ฝนเริ่มต้นด้วยคำถามที่ตรงไปตรงมาที่สุด
พลอยก้มหน้ามองมือตัวเอง "ฉัน... ฉันอายมากฝน ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น... เสียงนั่นมัน... มันหลุดออกไปเอง"
"ไม่ต้องอายหรอกพลอย" ฝนพูดเสียงนุ่มนวล "มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย สถานการณ์แบบนั้นมัน... เข้มข้นมาก มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะ... มีปฏิกิริยาตอบสนอง" เธอพยายามเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวังที่สุด "ฉันไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรืออะไรเลยนะ... ในทางกลับกัน... เสียงของแกมันทำให้วิดีโอนั่นดูจริงมาก และมันก็... ทรงพลังมาก"
การยอมรับอย่างตรงไปตรงมาของฝนทำให้พลอยเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความประหลาดใจ นี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เธอคาดคิดไว้เลย
"แล้ว... แล้วแกคิดยังไงกับคำขอใหม่นี้" พลอยถามกลับ
ฝนถอนหายใจยาว "ฉันคิดว่า... มันอาจจะเกินขอบเขตของเราไปหน่อย" เธอหยุดไปชั่วครู่ "แต่ฉันก็คิดว่า... เราไม่ควรจะปล่อยให้ความเงียบมาทำลายเราแบบนี้อีกแล้วพลอย สองวันที่ผ่านมามันทรมานมากนะ"
น้ำตาเริ่มคลอหน่วยในดวงตาของพลอย "ฉันก็เหมือนกัน... ฉันเกลียดที่มันเป็นแบบนั้น"
"งั้นเรามาตั้งกฎกันใหม่ดีไหม" ฝนเสนอ "กฎที่สำคัญที่สุด... สำคัญกว่าเงินหรือแอคเคาท์บ้าๆ นี่"
"กฎอะไร"
ฝนเอื้อมมือไปกุมมือของพลอยไว้แน่น "กฎที่ว่า... 'ห้ามมีความลับระหว่างเรา' ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจ อึดอัด หรือสับสน เราต้องพูดกันทันที ห้ามเก็บไว้คนเดียวเด็ดขาด เพราะมิตรภาพของเรามันสำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง... ได้ไหม"
พลอยพยักหน้ารับช้าๆ น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักออกมา เธอโผเข้ากอดฝนไว้แน่น "ได้สิ... ฉันสัญญา"
พวกเธอสองคนกอดกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน การกอดกันครั้งนี้มันแตกต่างออกไป มันไม่ใช่แค่การปลอบใจเพื่อน แต่มันคือการทำพันธสัญญา คือการยืนยันว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเธอจะยังคงมีกันและกันเสมอ
หลังจากที่คลายออกจากอ้อมกอดแล้ว พวกเธอก็ตัดสินใจร่วมกันว่าจะยังไม่รับคำขอใหม่นั้น แต่ก็จะไม่ปฏิเสธไปในทันที พวกเธอจะปล่อยให้มันค้างคาอยู่อย่างนั้นก่อน เพื่อให้เวลาตัวเองได้ทบทวนความรู้สึกจริงๆ
คืนนั้น พวกเธอกลับมาดูหนังด้วยกันบนโซฟาเหมือนเคย บรรยากาศที่เคยอึดอัดได้หายไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยความเข้าใจและความรู้สึกที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่แล้ว... ในขณะที่กำลังดูหนังเพลินๆ อยู่นั้น เท้าของพลอยที่เหยียดอยู่ใต้ผ้าห่มก็เผลอไปสัมผัสโดนขาของฝนเข้าโดยบังเอิญ...
วินาทีนั้นเอง... ทั้งสองคนก็สะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกันแล้วรีบชักเท้ากลับโดยอัตโนมัติ
มันเป็นเพียงปฏิกิริยาสะท้อนกลับที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที แต่สำหรับพวกเธอทั้งสองคนแล้ว... มันคือเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่า... แม้กำแพงแห่งความเงียบจะถูกทลายลงไปแล้ว... แต่สัมผัสที่เคยบริสุทธิ์ใจระหว่างพวกเธอ... มันได้เปลี่ยนไปแล้ว... และจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกตลอดกาล