หลังจากทดลองเดินทางไปบริษัทที่จะต้องไปทำงานมาสองวันแล้ว รติรสก็ตัดสินใจได้ว่าการนั่งรถเมล์ไปทำงานจะประหยัดเวลาเดินทางมากกว่าเพราะถ้าหากต้องขึ้นรถไฟฟ้าจะต้องเสียเวลาเดินขึ้นไปสถานีรถไฟฟ้าและบริษัทที่ตนเองทำงานก็อยู่ห่างสถานีรถไฟฟ้าพอสมควร ซึ่งถ้าหากนั่งรถเมล์รถก็จะจอดบริเวณหน้าบริษัทเลย ถึงแม้ผู้โดยสารจากค่อนข้างเยอะไปหน่อย แต่เธอก็อยู่ต้นสายจึงไม่ต้องลำบากยืนโหนรถเมล์
วันนี้ที่บริษัทมีการเรียกพนักงานใหม่เข้าไปชี้แจงกฎระเบียบต่างๆ ในเวลา 10 นาฬิกา แต่รติรสเตรียมตัวออกจากหอพักของเพื่อนตั้งแต่เช้า
“ไปก่อนสองชั่วโมงเลยเหรอโรส เช้าไปหรือเปล่า”
“โรสไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรก นันท์ล่ะจะออกไปพร้อมกันเลยไหม” รติรสถามเจ้าของห้องที่กำลังแต่งหน้าอย่างใจเย็น
“ไม่ล่ะวันนี้รุ่นพี่ที่ทำงานเขาจะแวะมารับ”
“รุ่นพี่แน่เหรอนันท์หรือว่าแฟน”
“อย่าเพิ่งเรียกว่าแฟนเลยโรส แค่ลองคุยกันได้ไม่กี่วันเอง”
“เขาเป็นรุ่นพี่ที่บริษัทเหรอ”
“อือ เขาทำงานก่อนนันท์ประมาณสองปี แต่เพิ่งมีโอกาสได้รู้จักกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง บ้านเขาอยู่เลยจากหอเราไปนิดหน่อย เห็นว่าไปทางเดียวกันแล้วเขาก็เลยอาสาจะมารับนะ”
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะไม่ต้องนั่งเบียดกับคนอื่นบนรถเมล์ไปทำงาน”
“แล้วโรสคิดว่าตัวเองไหวไหมล่ะ ที่นี่กับที่ทำงานไกลกันมากเลยนะ ที่นันท์ถามไม่ใช่ว่าไม่อยากให้โรสมาพักอยู่ด้วยนะ แต่ถ้าต้องทำงานจริงๆ และนั่งรถเมล์ไปทำงานโรสก็ต้องตื่นเช้ามากๆ”
“เมื่อวานโรสไปดูหอพักแถวที่ทำงานมาแล้ว จะว่างก็เดือนหน้าแต่โรสยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะลองถามหลายๆ ที่ก่อน”
“ดูหลายที่ก็ดีเหมือนกันจะได้เอาที่ถูกใจ”
“วันนี้หลังจากฟังการชี้แจงกฎระเบียบแล้วก็ไม่ได้เริ่มทำงานทันที บางทีอาจจะลองชวนเพื่อนที่มาเริ่มงานด้วยกันหาหอพักใกล้ๆ แถวนั้นอีกสักหน่อย”
“ถ้าได้เรื่องยังไงบอกนันท์ด้วยนะ”
“อือ ถ้างั้นโรสไปทำงานก่อนนะ แล้วเย็นนี้จะกลับมากินข้าวกับโรสหรือเปล่า”
“ก็ต้องกลับมากินข้าวกับโรสสิทำไมถามแบบนั้น”
“โรสก็นึกว่านันท์จะไปกินข้าวกับรุ่นพี่”
“ไม่หรอกตอนเย็นนันท์นั่งรถเมล์กลับคนเดียวพี่เขาอยู่ทำโอทีต่อนะ”
“ถ้าวันไหนพี่เขาไม่ทำโอทีพามาแนะนำให้โรสรู้จักบ้างสิ”
“รอให้คบกันก่อนนะโรส”
“เหมือนนันท์ยังไม่ค่อยแน่ใจ”
“อือ เราเพิ่งรู้จักเอง ไม่รู้ว่าจะคุยกันได้นานหรือเปล่า”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”
“ก็พี่เขาเป็นถึงรองผู้จัดการฝ่าย ส่วนเราเป็นแค่พนักงานธรรมดาเอง”
“กลัวว่าจะมีปัญหาในที่ทำงานเหรอนันท์”
“ก็ประมาณนั้น คนตำแหน่งสูงกับคนตำแหน่งต่ำกว่าคบกันคนอื่นเขาก็จะมองว่าเราเข้าหาเขาเพราะอยากจะเลื่อนตำแหน่ง”
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ถ้าเราไม่ได้เป็นแบบนั้นอย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่นสิ”
“โรสพูดเหมือนพี่เขาเลยนะพี่เขาก็พูดแบบนี้เหมือนกัน แต่นันท์คงต้องดูให้ดี ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้หรอกเผื่อเขาอาจจะแอบมีแฟนไว้ที่อื่นเราไม่อยากไปเป็นมือที่สามของใคร เรามีโอกาสเลือกคนที่เหมาะสมกับเรา”
“ข้อนี้โรสเห็นด้วยเลยนะ เราเพิ่งอายุยี่สิบสองเอง ยังมีโอกาสเลือกผู้ชายอีกเยอะเอาไว้อายุสามสิบค่อยลดสเปกลงดีไหม”
“สามสิบเลยเหรอโรส”
“อือ โรสคิดว่าผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกมากกว่าแต่ก่อนเยอะถ้ามันไม่ใช่ก็ไม่ต้องทนให้เสียเวลา อยู่เป็นโสดไปแบบนี้แหละดีแล้ว”
“โรสพูดเหมือนไม่อยากมีแฟนเลยนะ”
“ไม่ใช่ไม่อยากมีแฟนหรอก แต่ตอนนี้ยังไม่อยากสนใจใครทั้งนั้นโรสอยากตามหาแม่ให้เจอก่อน”
“ดูเหมือนว่าโรสจะตั้งความหวังเรื่องแม่ไว้มากเลยใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ โรสอยากรู้ว่าทำไมแม่ถึงหายไป เกิดอะไรขึ้นกับแม่กันแน่ โรสขอไปก่อนนะเดี๋ยวรถเมล์คนจะแน่น” หญิงสาวรีบโบกมือให้เพื่อนจากนั้นก็ลงจากหอพักเอามายังหน้าปากซอยแล้วนั่งรถเมล์คันที่ผ่านหน้าบริษัทพอดีหญิงสาวใช้เวลานั่งรถนานเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงหน้าบริษัท
เมื่อมาถึงรติรสก็ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องประชุมของบริษัทตามที่ได้รับรายละเอียดจากอีเมลของฝ่ายบุคคลที่แจ้งให้พนักงานใหม่ไปรวมกันที่นั่น
รติรสนั่งลงข้างๆ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูอายุน่าจะใกล้เคียงกัน
“สวัสดีจ้ะเราชื่อโรสนะ เธอชื่ออะไร”
“เราชื่อส้มจ้ะ” ส้มหรือกัญญารัตน์ตอบพร้อมกับยิ้มเป็นมิตร
“ส้มมาสมัครงานแผนกอะไร”
“ส้มมาเป็นฝ่ายบุคคลน่ะ แล้วโรสล่ะ”
“โรสมาสมัครตำแหน่งแม่บ้าน”
“ตำแหน่งแม่บ้านทำไมแต่งตัวดีจังล่ะ” กัญญารัตน์มองรติรสที่สวมเสื้อเชิ้ตพอดีตัวกับกระโปรงทรงเอและรองเท้าคัทชูดูเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่จะมาทำงานตำแหน่งแม่บ้านเลยแม่แต่น้อย
“ก็วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศโรสก็ต้องแต่งตัวให้ดูดีหน่อย”
“ขอโทษนะโรสจบอะไรมาถึงมาเป็นแม่บ้าน ส้มดูแล้วน่าจะเรียนมาสูงอยู่นะ” หญิงสาวถามด้วยความไม่แน่ใจเพราะดูรูปร่างหน้าตาผิวพรรณแล้วเธอไม่เหมาะเลยที่จะมาทำงานในตำแหน่งแม่บ้าน
“โรสเรียนจบบัญชีมาน่ะ”
“อ้าวเรียนจบบัญชีแล้วทำไมมาสมัครตำแหน่งแม่บ้าน”
“ก็อยากหาอะไรที่มันท้าทายทำสักหน่อยนะ ว่าจะทำแม่บ้านสักปีสองปี แล้วค่อยไปสมัครตำแหน่งที่ตนเองเรียนมาน่ะ”
“โรสนี่แปลกคนจังเลยนะ แสดงว่าที่บ้านไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินใช่ไหม”
“ก็ประมาณนั้นแหละ อีกอย่างโรสมาทำตำแหน่งแม่บ้านก็อยากจะได้ข้อมูลไปเขียนนิยายด้วยนะ เพราะตำแหน่งนี้สามารถคุยกับคุณได้ทุกคนในบริษัท” หญิงสาวโกหกคำโตเพราะกลัวว่าจะถูกสงสัย
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง เหมือนในละครเลยเนอะที่นางเอกปลอมตัวไปเป็นแม่บ้านหรือบางครั้งก็ปลอมตัวไปสมัครงานในบริษัทต่างๆเพื่อจะหาข้อมูลมาเขียนนิยาย”
“อือ..ประมาณนั้นแหละโรสค่อนข้างจะเพ้อฝันนิดหน่อย”
“แต่ก็ดีนะได้ทำตามความต้องการของตนเองไม่เหมือนส้มหรอกจบมาก็ต้องรีบทำงาน แล้วโรสพักอยู่ที่ไหนล่ะ”
“โรสพักอยู่กับเพื่อน แต่หอพักอยู่ไกลเหมือนมากว่าจะลองหาใกล้ๆ แถวนี้ดูสักหน่อยแล้วส้มล่ะ”
“ส้มเช่าหออยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
“ค่าห้องเป็นยังไงบ้าง”
“ค่าหอสามพันห้าเองนะไม่แพงเลย แต่ห้องมันเล็กไปนิด”
“ยังมีห้องว่างอีกไหม” รติรสเริ่มมาสนใจเพราะราคานี้ค่อนข้างโอเคสำหรับแม่บ้านที่เงินเดือนหมื่นนิดๆ อย่างเธอ
“ก็พอมีห้องว่างอยู่นะ มีทั้งห้องพัดลมและห้องแอร์ ถ้าเป็นห้องพัดลมราคาก็จะถูกกว่านี้ แต่ถ้าบ้านโรสไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน ส้มว่าเอาเป็นห้องแอร์เถอะอากาศกรุงเทพมันร้อนมากๆ ถ้าสนใจจริงๆอบรมเสร็จจะตามส้มไปดูที่หอพักก็ได้นะ”
“ไปยากไหม”
“ไม่เลย แค่เดินเลาะไปทางซอยด้านหลังไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงห้องพักแล้ว”
“จริงเหรอมันอยู่ใกล้มากๆ เลยนะ”
“ใช้มันใกล้มากแต่คนไม่ค่อยพักหรอกเพราะห้องมันแคบน่ะ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราแล้วราคานี้ก็ถือว่าโอเค เราอยู่หอเฉพาะตอนกลางคืนตอนกลางวันก็มาทำงานค่าไฟก็คงไม่เท่าไหร่หรอกอีกอย่างมันค่อนข้างปลอดภัยหอนี้มีแต่ผู้หญิงพักทั้งนั้น แม้แต่คนดูแลก็เป็นผู้หญิง” กัญญารัตน์อธิบาย
“น่าสนใจมากเลย ถ้าเสร็จจากนี่แล้วโรสจะตามส้มไปดูนะ ส้มไม่มีธุระไปทำอะไรที่ไหนใช่ไหม”
“ไม่หรอก ถ้าได้พักที่เดียวกันก็ดีนะเพราะส้มก็ไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไหนเลย”
“อือ โรสก็ว่าดีเหมือนกัน”
เกือบเดือนแล้วที่รติรสกลับมาทำงานที่สวนส้มเธอยังติดต่อกับมารดาที่รัสเซียแต่ไม่ได้บ่อยสักเท่าไหร่ การได้คุยกับมารดามันทำให้เธอคิดถึงบอริสมากขึ้น ส่วนเขาก็พยายามโทรหาเธออยู่หลายครั้งแต่เกือบครึ่งเดือนแล้วที่ไม่มีมิสคอลหรือข้อความจากบอริส เธอคิดว่าป่านนี้เขาก็คงจะลืมเธอไปแล้ว“ลุงเรืองคะที่ข้างสวนส้มของเรามีคนซื้อไปแล้วเหรอคะ”“ใช่จ้ะ คนที่ซื้อเขาบอกว่าจะทำสวนส้มเหมือนเราน่ะ เขาติดต่อลุงมาเหมือนกันว่าจะขอมาศึกษาวิธีการทำสวนและอาจจะขอจ้างคนงานของเราไปทำไปช่วยเขาทำด้วยเขาไม่มีประสบการณ์ด้านนี้”“แล้วป้าวรรณเคยเจอเขาไหมคะ” หญิงสาวหันมาถามป้าของตนเองบ้าง“ป้ายังไม่เคยเจอเขาแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นลุงที่ไปคุยกับเขา”“ดูท่าทางเขาก็มีเงินมากๆ เลยนะคะ”“ก็คงอย่างนั้น ฉันว่าเราชวนเขามากินข้าวที่บ้านเราจะได้ทำความรู้จักกันไว้” วรรณาหันไปถามสามี“ได้สิเดี๋ยวผมจะลองชวนเขาดู แต่ช่วงนี้รู้สึกว่าเขาจะไม่อยู่นะเห็นว่ามีงานที่ต่างประเทศต้องบินไปดูแลด้วย”“เขามีงานต่างประเทศแล้วยังจะมาซื้อสวนส้มทำไมคะ หนูว่ามันแปลกๆ"“ลุงก็คิดว่ามันแปลกก็เลยถามเขา เขาบอกว่าจะปรับปรุงที่ทำสวนส้มแล้วยกให้ภรรยาในอนาคตของเขานะ”“โ
วันนี้บอริสต้องเดินทางกลับไปทำงานที่รัสเซียอีกครั้ง เขาไม่อยากจะไปเลยเพราะอยากจะอยู่กับรติรสแบบนี้ไปอีกนานๆ ชายหนุ่มรู้สึกว่าช่วงนี้รติรสจะน่ารักช่างอ้อนและเอาอกเอาใจมากๆ มันทำให้หัวใจที่แข็งกระด้างของเขาและกำลังเปิดรับหญิงสาวเข้ามาในหัวใจทีละนิดความรู้สึกที่มีให้กับรติรสไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ไม่รู้จะเรียกว่าความรักได้หรือเปล่า แต่เขารู้สึกดีที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกสบายใจ รู้สึกว่าเธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขาบอริสคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับรติรสหลังจากที่เขากลับมาจากรัสเซียในอาทิตย์หน้าชายหนุ่มอยากจะขึ้นไปเจอกับครอบครัวของหญิงสาวที่เชียงใหม่อยากจะขอโทษแทนบิดามารดาเรื่องน้าอรสาและจะถือโอกาสขออนุญาตคุณป้าของเธอคบหากับหญิงสาวอย่างจริงจัง บอริสไม่อยากให้เธอเป็นเพียงแค่คู่นอนแบบที่เธอชอบพูดอีกต่อไปแล้ว“ฉันคงคิดถึงเธอมากๆ แน่เลยโรส”“อดทนค่ะบอสแค่อาทิตย์เดียวเอง”“แล้วเธอจะคิดถึงฉันไหมล่ะ”“แน่นอนค่ะโรสจะคิดถึงคุณทุกวัน เดินทางปลอดภัยนะคะ”“ฉันไม่อยากไปเลยนะโรส รู้สึกใจหายยังไงก็ไม่รู้”“อย่างอแงเป็นเด็กสิคะบอส บอสต้องไปทำงานนะ ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเองโรสก็จะทำหน้าที่ของโรสให้ดีที่สุด
บอริสประกบจูบไปบนเรียวปาก แทะเล็มเรียวปากบางอย่างหลงใหลรติรสเผยอปากรับด้วยความเต็มใจ สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อ บอริสไล้มือไปตามสีข้างสอดเข้าใต้เสื้อตัวบาง บีบคลึงความอวบอิ่มจนหญิงสาวรู้สึกร้อนราวกับเปลวไฟ สะโพกกลมกลึงบดเบียดกายเข้าหาเจ้านายหนุ่มอย่างเชิญชวน“บอริสขา สัญญาได้ไหมว่าจะมีโรสแค่คนเดียว”เสียงหวานอ้อนเธออยากให้เขามีความสุขกับเธอแค่คนเดียว แม้รู้ว่ามันเป็นไปได้ยากแต่ก็อยากได้ยินจากปากเขา“ก็เธอน่ารักแบบนี้ฉันจะไปมีคนอื่นได้ยังไงล่ะโรส ฉันจะมีแค่เธอคนเดียวนะ”เมื่อได้ยินคำตอบรติรสเลยสลัดความอายทิ้งไปจนหมด หญิงสาวไม่สนสักนิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในห้องรับแขก เธอรู้แค่อยากร่วมรักกับเขาอยากมอบความสุขให้เขา เมื่อบอริสถอดชุดนอนออกเธอก็ให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ“เธอสวยไปทั้งตัวเลยโรส สวยจนฉันลืมผู้หญิงทุกคนที่เคยนอนด้วย”บอริสมองด้วยสายตาหื่นกระหายตั้งแต่เดินทางไปอเมริกาและบินต่อไปที่รัสเซียเขากับเธอก็ยังไม่ได้นอนด้วยกันเลยสักครั้งเพราะเขารู้ว่าเธอมีเรื่องให้ต้องคิดเลยไม่อยากจะกวนใจทั้งที่ร่างกายของเขามันต้อการเธอจนแทบคลั่งฝ่ามือร้อนของบอริสนวดคลึงหน้าอกอย่างหนักหน่วง ร่างกายถูก
เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยรติรสก็โทรศัพท์ไปปรึกษาป้าวรรณนาว่าจะเอายังไงต่อกับเรื่องมารดาของตนเอง“หนูลองบอกป้ามาสิโรสว่าตอนนี้หนูคิดจะทำยังไงต่อ”“หนูคิดว่าตอนนี้แม่ดูมีความสุขมากเลยค่ะป้าวรรณ หนูกลัวว่าถ้าบอกเรื่องในอดีตอาจจะทำให้แม่ปวดหัวและคิดมาก ป้าวรรณจะว่าอะไรไหมถ้าหนูจะยอมให้แม่อยู่ที่นั่นแล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”“แล้วหนูไม่เสียใจใช่ไหมโรส” วรรณาถามหลานสาวด้วยความเห็นใจ“เสียใจสิคะ เสียใจมากๆ ที่หนูไม่ได้อยู่ใกล้แม่ แต่หนูไม่อยากทำลายความสุขของแม่ค่ะ ถ้าป้าวรรณได้เจอแม่ได้เห็นใบหน้าและรอยยิ้มของแม่หนูคิดว่าป้าวรรณจะต้องคิดเหมือนหนูแน่ๆ” รติรสมั่นใจว่าป้าของเธอต้องเหมือนเธอแน่ๆ“เท่าที่หนูส่งรูปกับวิดีโอมาให้ป้าดู ป้าก็พอจะรู้แล้วว่าตอนนี้อรสาเขามีความสุขมากจริงๆ ถ้าหนูคิดว่าตัวเองทำใจได้ ป้าก็ไม่ว่าอะไร หนูยังมีป้ายังมีลุงเรืองและพี่ฤทธิ์นะ กลับมาอยู่เชียงใหม่กับป้าดีไหมโรส มาอยู่กันเป็นครอบครัวที่นี่”“ได้ค่ะป้าวรรณ อีกไม่กี่วันก็หยุดยาวแล้วหนูจะยื่นจดหมายลาออกช่วงนั้นค่ะ”“การลาออกมันต้องลาออกล่วงหน้าหนึ่งเดือนหรือเปล่าโรส”“ใช่ค่ะ แต่นั่นในกรณีที่เราจะไม่อยากเสียประวัติในการท
แม้จะได้นอนไม่กี่ชั่วโมงแต่เช้านี้รติรสก็มีสีหน้าสดชื่นมากหญิงสาวตื่นนอนตั้งแต่เช้าจากนั้นชงกาแฟและเอาบราวนี่มานั่งทานอย่างละเอร็ดอร่อย“กินด้วยกันมั้ยคะบอส”“ไม่ล่ะเมื่อวานฉันกินไปหลายชิ้นแล้ว ฉันไม่อยากแย่งเธอกิน”“ฝีมือแม่อร่อยมากๆ เลยค่ะ โรสคิดถึงแม่จัง”“อดทนอีกนิดนะโรสไม่ถึงสิบวันฉันก็จะพาเธอไปเจอแม่ แล้วเธอจะเสียใจไหมถ้าแม่จำเธอไม่ได้”“โรสก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าจะเสียใจไหมแต่เท่าที่โรสเห็นคลิปของแม่หลายคลิปเราก็รู้สึกว่าตอนนี้แม่มีความสุขมากจริงๆ”“ใช่แม่เธอมีความสุขมาก เธอเป็นรอยยิ้มของพ่อฉันนะ เหมือนกับเธอที่เป็นรอยยิ้มของฉัน”“ใครเป็นรอยยิ้มของบอสกันค่ะ โรสไม่อยากเสียเวลาคุยด้วยแล้วค่ะ โรสจะไปทำงาน แล้ววันนี้บอสเข้าบริษัทไหมคะ”“ฉันจะเข้าไปช่วงบ่ายๆ นะ ช่วงเช้าขอเคลียร์งานต่ออีกนิด”“บอสงานยุ่งอย่างนี้แล้วจะมาทำไมคะ”“ก็บอกแล้วงัยว่าคิดถึง”“แล้วจะกลับไปที่โรสเสียอีกหรือเปล่า”“ฉันจะอยู่กับเธอที่นี่สองวันจากนั้นก็จะกลับไปประชุมก่อนจะกลับมาอีกครั้ง”“เดินทางแบบนี้คงเหนื่อยแย่”“เหนื่อยแต่มันก็คุ้ม ฉันได้กลับมาอยู่กับเธอได้กลับมากอดเธอเหนื่อยแค่นี้ฉันทนได้”“โรสว่าบราวนี่มันห
รติรสนั่งดูคลิปที่มารดาของตนเองทำบราวนี่เราก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าตอนนี้มารดาของตนเองนั้นมีความสุขมากๆ เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยระหว่างบอริสและมารดาทำให้หญิงสาวมองว่าเขาปฏิบัติกับมารดาของเธออย่างดีถึงแม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็ตามเธอเปิดคลิปเป็นอีกหลายคลิปที่เขาส่งมาก่อนหน้าและดูไปหลายรอบ จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์และเตรียมเข้านอนวันนี้บอริสโทรศัพท์มาหาเธอไม่คุยกันไม่ถึงสิบนาทีเพราะเขาบอกว่ามีงานจะต้องไปจัดการต่อ แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะแค่ส่งคลิปมาให้ดูเธอก็รู้สึกอบอุ่นใจมากๆ แล้วความโกรธที่มีต่อครอบครัวของบอริสเริ่มลดน้อยลงทีละนิด เมื่อเห็นว่ามารดาของตนเองอยู่อย่างสุขสบาย อีกไม่ถึงสองอาทิตย์ เธอก็จะได้เจอกับมารดา ไม่รู้ว่าท่านจะจำได้หรือเปล่าแต่รติรสก็ไม่อยากคิดอะไรเพราะสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่การให้มารดามาอยู่ด้วยเธอแค่ต้องการดูมารดาได้มีความสุขแค่นั้นก็พอรติรสหลับไปในเวลาห้าทุ่มและตกใจตื่นในเวลากลางดึก เมื่อรู้สึกว่าตอนนี้ภายในห้องไม่ได้มีเธออยู่คนเดียว“ใครน่ะ” หญิงสาวตะโกนถามเพราะรู้สึกว่าตอนนี้มีใครบางคนกำลังอยู่ในห้องน้ำ“ออกมาเดี๋ยวนี้นะถ้าไม่ออกมาฉันจะโทรเรียกรปภ. ออกมาจากห้องน้ำเดี๋ย