หมับ!
“อึ๊ อื้อ...”
หลังจากดื่มต่อกับซาร่าพักใหญ่ๆ ทั้งสองก็เดินออกมาจากงานปาร์ตี้ เมื่อต่างก็พอรู้ถึงความต้องการของกันและกัน ซาร่าพาโรมันมาที่หอพักของเธอ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย พอมาถึงห้องทั้งสองก็ไม่ได้รีรอ
สวบ!!
“อ๊ะ!...”
โรมันที่รูดซิบกางเกงลงมาแล้วสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ก่อนจะดันมันเข้าไปในรูรักแสนหวานของซาร่าอย่างรวดเร็วและรุนแรงจะเธอถึงกับอ้าปากค้างด้วยความเจ็บจุก
ปึก!
“อ๊ะ! โรม...โรมคะ ซาร่า อ๊ะ!...”
ซาร่ารีบเอามือไปดันท้องเขาเอาไว้ เมื่อขนาดที่เขาส่งเข้ามานั้นมันใหญ่จนเกินที่เธอจะรับไหว ร่างสาวงองุ้มอย่างเจ็บจุก แต่โรมันไม่สนใจ เขาเริ่มกระหน่ำแทงหนักหน่วง เมื่อตอนนี้ต้องการจนแทบบ้าอยู่แล้ว
ปึก! ปึก!
“โอ๊ย! โรม อ๊ะ! โรมคะ อื้อ โรม อ๊า ซาร่าเจ็บ อึก! โรม...”
ซาร่าไม่ได้มีความสุขร่วมด้วยกับเขาเลยสักนิด เมื่อหน้าสวยเหยเก เต็มไปด้วยความเจ็บและทรมาน สองมือกำเข้าหากันแน่น เมื่อเคยได้ยินว่าเขาดุดันเรื่องบนเตียง แต่ไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
ส่วนโรมัน เขาเอาแต่กระแทกเข้าใส่เธอเหมือนกับเห็นเธอเป็นแค่ที่รองรับความต้องการที่เกิดขึ้น เขาไม่แม้แต่จะโอ้โลม หรือพาเธอไปมีอะไรกันบนเตียงที่อยู่ตรงหน้าหรือโซฟาที่อยู่เยื้องๆกัน แต่เขากลับเลือกที่จะกระหน่ำรักเธอที่หน้าประตู จนกระทั่งเขาทนไม่ไหวปล่อยน้ำรักข้นขาวออกมาจนแทบล้นเครื่องป้องกัน
“อ๊า!...”
บ๊วบ!
โรมันดึงเอ็นใหญ่ออกจากกุหลาบรักของเธอเมื่อเสร็จสมแล้ว
“อื้อ!...”
ส่วนซาร่าถึงกับหมดแรงทิ้งร่างลงนั่งกองอยู่ที่พื้น หมดสภาพความสวยเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกทรมานจากการร่วมรัก ต่างจากโรมัน เขาเก็บน้องชายสุดรักที่เช็ดทำความสะอาดแล้วใส่กลับที่เดิม ก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องพักของเธอไปอย่างไม่คิดจะพูดอะไรออกมาเลยสักคำ
“หายไปไหนของมันวะ...เฮ้ย! เห็นไอ้โรมไหม?”
“เห็นเดินออกไปหลังร้านกับซาร่านะ”
“...............”
ทางด้านศิวะที่เห็นว่าโรมันหายออกมานานเกินไปเลยเดินออกมาตาม และเพื่อนที่อยู่ในงานก็บอกเขาว่าโรมันเดินออกไปกับซาร่า ทำเอาศิวะถึงกับยืนนิ่งหน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัดเพราะรู้ดีว่าจุดจบระหว่างโรมันกับซาร่าคือที่ไหน
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าศิวะ...ทำไม...”
อิงอิงที่เดินตามออกมาถามขึ้น
หมับ!
“ว๊าย! จะไปไหนน่ะ ศิวะ!”
แต่กลับถูกศิวะจับแขนแล้วพาเดินออกไปทางด้านหลังร้านจนเธอที่ไม่ได้ตั้งตัวตกใจ แต่ก็ยอมเดินตามเขาออกมา
เวรเอ้ย!!! ไอ้เพื่อนเวร!!!
ศิวะที่ทั้งโกรธทั้งโมโหที่ถูกแย่งผู้หญิงที่หมายปองมานานได้แต่ก่นด่าในใจ
ผลั๊ก!
“โอ๊ย! อะไรกันคะศิวะ! อิงอิงเจ็บ อื้อ!...”
พอมาถึงรถ ร่างบางถูกผลักไปพิงรถของเขาก่อนศิวะจะตามมาประกบจูบลงไปบนปากของเธออย่างรวดเร็วและรุนแรงจนอิงอิงตกใจ
“เป็นบ้าอะไร! อื้อ ไม่นะ ศิวะ! ไม่เอา! ว๊าย! อ๊ะ! อื้อออ”
สวบ!!
อิงอิงที่ปากเป็นอิสระเมื่อศิวะจับให้เธอหันหลังแล้วดึงถลกกระโปรงแสนสั้นของเธอขึ้นสูง ก่อนจะสอดใส่ลำเอ็นใหญ่ประสานเข้าไปอย่างไม่สนใจเสียงร้องห้ามและแรงดิ้นขัดขืนของเธอ
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
เขาเอาความโกรธมาลงที่ร่างของอิงอิงโดยไม่คิดแม้แต่จะป้องกันหรือสนใจสถานที่เลยสักนิด เขาจ้วงแทงใส่ไม่ยั้งจนอิงอิงขาอ่อนหมดแรง กระทั่งปลดปล่อยออกมานั่นแหละอิงอิงถึงได้หายใจหายคอ
“นาย...นายเป็นบ้าอะไร! ทำแบบนี้กับฉันทำไม?”
เธอถามขึ้นอย่างโกรธเคือง
“สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เหรอ?”
ศิวะถามขึ้นพร้อมกับเก็บความเป็นชายใส่เอาไว้ที่เดิม
“ฉันไม่ได้ต้องการนาย โรมคือคนที่ฉันต้องการ!”
และพอได้ยินประโยคนั้น ความโกรธที่ยังอยู่ก็เพิ่มขึ้นอีก เขามองอิงอิงที่กำลังขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วตะคอกใส่
“อย่าหวัง!! อย่างมันไม่สนใจผู้หญิงหน้าตาธรรมดาๆอย่างเธอหรอก!”
“อ๊ายยยย”
พูดจบศิวะก็เดินหันหลังกลับเข้าไปในร้าน ปล่อยให้อิงอิงได้แต่กรีดร้องอย่างโกรธเขา เมื่ออยู่ดีๆก็เดินตามออกมาให้เขาเสียบฟรีๆแถมยังถูกด่าฟรีๆอีกต่างหาก
“เฮ้อ ทำยังไงดีอ่ะแก ถ้าเกิดเราสอบไม่ผ่าน อาจารย์บอกว่าจะไม่เซ็นให้ไปฝึกประสบการณ์ปีหน้า”
“ฉันก็ไม่รู้ ทำไมเราถึงโง่อย่างนี้ล่ะ...เรียนมาตั้ง 5 ปี จะมาตกม้าตายปีสุดท้าย เฮ้อ...ทำไงดี...”
สองสาวเพื่อนซี้ได้แต่นั่งเศร้าถอนหายใจอย่างหนักใจ เมื่อทำยังไงเธอสองคนก็สอบไม่ผ่านภาคนิติเวชเมื่อวาน ที่ต้องฝึกผ่าหุ่นร่างกายคน และอาจารย์บอกว่าอาทิตย์หน้าต้องสอบให้ผ่าน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเธออาจไม่มีสิทธิ์ไปฝึกงานในการเรียนปีที่ 6 ก็เป็นได้
“ลองไปหาคนเก่งๆมาช่วยติวไหม? ฉันได้ยินมานะว่าการติวตัวต่อตัวน่ะ ช่วยได้เยอะเลยแก อย่างพี่ส้มซ่า แกรู้ฉายาใช่ไหม? นั่นแหละ พี่เขาไปให้ที่ 1 ของรุ่นมาติวให้ แกเอ้ย จากที่โหล่พี่แกเกือบได้เกียรตินิยมเลยนะ”
“เฮ้ย! / เฮ้ย!”
สองสาวอุทานออกมาพร้อมกับกับสิ่งที่บ๊อบบี้บอกให้ฟัง พลันสายตาก็เป็นประกายกับความหวังอันน้อยนิดของพวกเธอ
“แต่ที่หนึ่งของรุ่นเรา...โรม! โอ๊ย ฉันขอบาย”
วารีทั้งพูดทั้งทำหน้าขยาด เมื่อใครๆต่างก็รู้ว่าโรมันน่ากลัวขนาดไหน ต่างจากธาราที่นั่งเงียบทันทีที่เอ่ยชื่อโรมันออกมา
“อะไรยัยธาร อย่าบอกนะว่าแกจะให้โรมช่วยน่ะ แกอยากถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆก่อนจะได้เรียนใช่ไหม?”
บ๊อบบี้ที่สังเกตเห็นหน้าของธาราก็รู้ได้ในทันทีว่าเพื่อนของตนต้องการจะทำอะไร เพราะการยอมแพ้เพียงแค่ยังไม่ได้ลองหรือลองแค่ครั้งเดียวนั้นใช้ไม่ได้กับธาราคนนี้ ภายนอกเห็นท่าทางอ่อนแอตัวเล็กจิ๋วแต่ใจสู้จนหาคนเทียบยาก
“ฉันอยากสอบผ่าน...อีกอย่าง ถ้าฉันเลื่อนอันดับขึ้นไปอีกสักสิบ หรือยี่สิบอันดับได้ พ่อกับแม่ฉันจะยอมให้ทำงานที่โรงพยาบาลถ้าฉันเรียนจบแล้ว...แต่ถ้าไม่...ฉันอาจต้องกลับไปอยู่เชียงราย...”
ธาราบอกออกมา เพราะการเรียนแพทย์ของเธอนั้นไม่ได้ถูกสนับสนุนจากครอบครัวของเธอเลยสักนิด เมื่อบิดามารดาเป็นเจ้าของไร่ชาอันโด่งดังที่ภาคเหนือและมีลูกสาวเพียงคนเดียวคือเธอ แต่เธอกลับเลือกเรียนหมอตามความฝันทั้งๆที่หัวไม่ให้ กว่าจะผ่านมาแต่ละปีก็แทบเอาตัวไม่รอด
“เฮ้อ ฉันพอเข้าใจ ทำไมฉันไม่เรียนเก่งๆนะจะได้ช่วยแกได้”
วารีอดทำหน้าเศร้าแล้วบอกออกมาไม่ได้
“เอาตัวเองให้รอดก่อนไหมล่ะ เฮ้อ เราน่าจะไปคบกับคนเก่งๆนะ จะได้ช่วยดึงคะแนนเราบ้าง นี่แต่ละคนก็แทบเอาตัวไม่รอด เฮ้อออออ”
ทั้งสามเพื่อนสนิทได้แต่ถอนหายใจและนั่งหน้าเศร้ากันอยู่ที่สวน ส่วนธารา ตอนนี้สายตามาดมั่นเป็นอย่างมาก ความกลัวไม่สามารถทำอะไรเธอได้ขอแค่ให้เธอได้เรียนจนจบและเป็นหมอสมใจก็พอ
“ห๊ะ?...เธอว่ายังไงนะ...”ขณะนั่งรอเรียน อยู่ดีๆธาราก็เดินก้มหน้าตรงเข้ามาหาโรมัน ทำเอากลุ่มของหนุ่มหล่อถึงกับมองจ้องเธออย่างตกใจ“ช่วยติววิชานิติเวชฯ เอ่อ ให้หน่อยได้ไหม?...”ธาราพูดขึ้นทั้งๆที่ก้มหน้างุดจนแทบมองหน้าเธอไม่เห็น“ใครวะ...ไม่เคยเห็นหน้า”ศิวะที่มองจ้องตั้งแต่เห็นธาราเดินเข้ามาอย่างมีคำถาม เมื่อเขาจำเธอไม่ได้เพราะไม่ได้ใส่แว่น เขาลุกเดินเข้ามามองเธอใกล้ๆ ทั้งก้ม ทั้งเบี่ยงตัวไปมาแต่ก็มองไม่ชัดเมื่อธาราพยายามก้มหน้าหลบเขา“ไม่ต้องยุ่งน่า!...เดี๋ยวฉันติวให้เอง...”เป็นรามินทร์ที่บอกขึ้น พร้อมกับตำหนิศิวะ จนศิวะต้องเดินกลับไปนั่งที่เดิม ส่วนโรมัน ตอนนี้เขากำลังมองรามินทร์ด้วยสีหน้าและสายตาเป็นคำถาม เพราะปกติรามินทร์ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นแท้ๆ“ไม่ต้อง ฉันตกลง”โรมันบอกขึ้น ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับอ้าปากค้าง ไม่เว้นแม้แต่ธาราที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกตะลึง ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างออกมา“ขอบคุณนะ! ขอบคุณจริงๆ”เธอเอ่ยขอบคุณเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ โดยทิ้งให้สองหนุ่ม ทั้งรามินทร์และโรมันได้แต่มองตามหลังเธอไปเหมือนถูกมนต์สะกดกับรอยยิ้มของเธอตึกตัก ตึกตัก ตึก
“เฮ้ย!! นี่ใส่อะไรวะเนี่ย!!! โอ๊ยยยยยย!!! ไอ้บ้าเอ้ย!!!”พอเดินมาหยุดยืนอยู่หน้ากระจกในห้องนอน โรมันถึงกับร้องลั่นกับการแต่งตัวของเขาผลั๊วะ!!“เกิดอะไรขึ้น! อ๊าย!! ขอ...ขอโทษ...”ธาราที่ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นของโรมันรีบลุกขึ้นวิ่งตรงมาที่ห้องนอนของเขาแล้วเปิดประตูออกอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าเกิดเรื่อง แต่สิ่งที่เห็นคือร่างใหญ่เปลือยเปล่าเพราะดันดึงชุดที่ใส่อยู่ออกอย่างโมโหนี่ก็เวร!!โรมันที่หันหน้ามามองธาราถึงกับอ้าปากค้างเพราะเธอดันเข้ามาได้จังหวะพอดิบพอดีที่กางเกงถูกถอดออก“ฉันขอโทษ”ปึง!...เอ่ยขอโทษเสร็จธาราก็รีบเดินกลับออกไปพร้อมปิดประตูให้กับเขา ซึ่งพอเธอออกไปแล้ว ของที่ถืออยู่ก็ถูกขว้างทิ้งอย่างโมโห โรมันได้แต่ตะโกนด่าในใจโดยไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเลยสักนิด ไม่นานเขาก็เดินออกมาจากห้องพร้อมแต่งตัวอย่างเรียบร้อย“เอ่อ...ฉันไม่เห็นอะไร...เอ่อ จริงๆ..นะ”พอเขาเดินออกมา ธารารีบบอกขึ้นด้วยหน้าอันแดงเถือก“ไม่มีอะไรที่ฉันต้องอายนี่”โรมันบอกออกมาเหมือนกับไม่ได้สนใจอะไร แต่ก็อายกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเธอในท่าทางสบายๆ“ว่ามาสิ”เขาบอกออกมาเมื่อนั่งลงแล้ว“คือว
“ทำไมมันไม่มาวะ ปกติไม่เคยผิดคำพูดนี่หว่า”เทวาที่โทรไปตามโรมันแต่กลับถูกปฏิเสธที่จะมาเลยพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ“หรือว่าติวกับผู้หญิงคนนั้นจนหมดแรงถึงมาไม่ได้”ศิวะบอกขึ้น เพราะรู้ว่าโรมันตกลงจะไปติวหนังสือ ส่วนรามินทร์ที่นั่งฟังอยู่ก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ตอนนี้เขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด ทำไมโรมันถึงทำแบบนั้น หรือว่าสิ่งที่เพื่อนสองคนของเขาพูดจะเป็นความจริง แต่ธารานั้นไม่ใช่สเปคของโรมัน ซึ่งไม่มีทางที่หมอนั่นจะพาขึ้นเตียงอย่างแน่นอน“คิดอะไรอยู่...ไปต่อกับนานะนะคะ คืนนี้ว่าง...”นานะ สาวสวยอักษรฯปี 3 ที่เป็นคู่ควงของรามินทร์ในคืนนี้บอกขึ้น พร้อมกับซุกซบไปที่แขนของเขาอย่างออดอ้อน ส่วนอีกสองหนุ่มก็ต่างมีสาวสวยควงกันมาดื่ม จะมีก็แค่สาวสวยอีกคนที่ไร้คู่เมื่อโรมันไม่ได้มาด้วยเธอเลยขอตัวกลับไปก่อน“แกจะพาฉันมาด้วยทำไม? มากับผู้(ชาย)สองคนไม่ได้รึไง เสียเวลานอน”เสียงบ่นกระปอดกระแปดของวารีดังขึ้นไม่หยุด เมื่อถูกบ๊อบบี้ลากออกมาเที่ยวผับทั้งๆที่เธอต้องอ่านหนังสือ“แค่แปปเดียว น่ะๆๆ คนนี้ฉันรักจริง”บ๊อบบี้พยายามอ้อนวอนขั้นสุด เพราะด้วยร่างกายเป็นชาย กลัวคนอื่นมาเห็นแล้วเรื่องที่เธอชอบผู้ชายด้วยกัน
“ลงมา! เร็วๆสิ! เดี๋ยวก็ตายหรอก ลงมา!”เทวาพาวารีมาที่โรงแรมม่านรูดที่อยู่ข้างผับ ก่อนจะบอกให้เธอลงจากรถ“ไม่...ไม่เอา...”เสียงกระท่อนกระแท่นของวารีบอกขึ้น เขาพาเธอเข้าโรงแรมม่านรูดแบบนี้ จะให้เธอคิดยังไงนอกจากเขาก็เลวไม่ต่างจากไอ้หนุ่มแว่นนั่น“โอ๊ย!! ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า! ลงมา! เดี๋ยวได้ตายคารถหรอก ลงมา!...”เขาพยามดึงเธอลงจากรถ ซึ่งทุกครั้งที่เขาแตะต้องร่างกายของวารีกลับร้อนรุ่มไปหมด เธอค่อยๆลงมาจากรถ ก่อนเขาจะดึงพาเข้าไปในห้อง จนมาหยุดอยู่ที่ห้องน้ำ เทวาเปิดน้ำเย็นๆแล้วดันเธอเข้าไป“เฮ้อ เหนื่อยกับเธอจริงๆ...คิดได้ไงว่าฉันจะทำอะไรเธอ...”เทวามองคนที่นั่งกอดตัวเองในห้องน้ำพร้อมกับส่ายหัว กว่าจะพามาได้ทำเอาเขาเหนื่อยจนแทบหมดแรง เขามองร่างอวบอ้วนที่เริ่มสะอื้นไห้ใต้ฝักบัวอย่างเริ่มสงสาร“งั้น...ฉันไปรอบนรถนะ...ดีขึ้นก็ออกมาล่ะ...”เขาบอกออกมาก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้วารีได้ปลดปล่อยความรู้สึกออกมาโดยเขาขอไปนั่งรอที่รถเพื่อความสบายใจของเธอส่วนวารี พอเขาเดินออกไปเธอก็ร้องไห้หนักขึ้น เกิดมาเธอพึ่งเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ เธอเกือบถูกหลอกแถมยังมาถูกจับได้โดยเพื่อนร่วมห้องอีก ไม่มีอ
วันต่อมา บ๊อบบี้ที่มาเรียนตั้งแต่เช้าเผื่อว่าวารีจะมาก่อนตัวเอง แต่กลับพบว่าทั้งวารีและธารากลับไม่โผล่มาจนถึงเวลาเรียน ติดต่อก็ไม่ได้ ทำเอาบ๊อบบี้แทบเรียนไม่รู้เรื่อง เธอเอาแต่นั่งมองไปที่ประตูเผื่อเพื่อนทั้งสองจะโผล่มาแต่ก็ไร้เงาจนจบคาบเรียนส่วนสองคนที่หายไปนั้น แทบพากันลุกไม่ขึ้น เมื่อดันถูกเปิดบริสุทธิ์เอาวันเดียวกัน แถมยังหนักหน่วงจนเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่างจนพากันไข้กิน“นี่...เธอ ลุกไหวไหม...ไปหาหมอเถอะ...”“หือ?...ไม่...”เทวาที่ตอนนี้กำลังนั่งมองวารีที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มพร้อมอุณหภูมิร่างกายทะลุ 39 องศา แต่ก็ยังไม่ยอมไปหาหมออีก พอจะเช็ดตัวให้เธอก็ไม่ยอม เอาแต่ไล่เขากลับไป จนเทวาเริ่มหนักใจ เธอทั้งโดนยา ทั้งถูกเขาเปิดซิง เป็นธรรมดาที่จะป่วย แต่ที่นี่มันม่านรูด จะมานอนยาวๆก็ไม่น่าจะดีเท่าไหร่“งั้นก็ลุกเถอะ นี่มันม่านรูดนะ เธอจะนอนจนพรุ่งนี้ก็คงไม่ได้”“นาย...นายก็ออกไปก่อนสิ...ฉันอาย”และเทวาก็ต้องลุกเดินออกไปรอที่รถ ส่วนวารีที่ทั้งอาย ทั้งเสียใจที่เสียบริสุทธิ์ค่อยๆพยุงร่างลุกขึ้น เสื้อผ้าของเธอถูกเขาส่งไปซักให้และวางเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว“จะอายอะไร...เหลือแค่ไส้ในแหละที่ยังไ
วันต่อมา หลังจากได้พักกันทั้งวันสองสาวก็ดีขึ้น แต่กลับไม่ได้เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้กันฟัง ต่างคนต่างคิดที่จะเก็บเป็นความลับแล้วทำตัวเหมือนปกติ“แกจะใส่ทำไมธาร ใส่คอนแทคเลนส์ก็ดีอยู่แล้ว...อีกอย่างแว่นนั่นน่ะ น่าเกลียดกว่าอันเก่าอีกนะ”ธาราหยิบแว่นมาใส่หลังจากใส่คอนแทคเลนส์แล้วเพราะอยากปิดบังใบหน้าจะได้ไม่มีคนสนใจอีก ทำให้วารีอดที่จะว่าออกมาไม่ได้“ก็ฉันไม่อยากให้คนมอง...”ธาราบอกออกมาตามความจริง เพราะตั้งแต่ไม่มีแว่นเหมือนชีวิตของเธอนั้นเริ่มวุ่นวาย เธอเลยไปซื้อแว่นตาอันใหญ่โตมาใส่เพื่อรออันที่เธอสั่งตัดอยู่จากนั้นสองสาวก็ไปเข้าเรียน และทำเหมือนไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ขนาดเดินไปเจอพวก 4 หนุ่มสองสาวก็ไม่ได้ทักทายหรือมีท่าทีผิดปกติเลยสักนิด ทำเอาทั้งโรมัน ทั้งเทวาถึงกับอ้าปากค้าง“เมื่อวานพวกแกสองคนหายหัวไปไหนมา นี่จะไม่ตอบฉันจริงๆเหรอ?”ศิวะที่ยังคงคาใจและสงสัยหันมาถามเทวาและโรมันอีกครั้ง ตั้งแต่มาเรียนเขาก็ถามมันออกมาไม่ต่ำกว่าสิบรอบแล้ว แต่ก็ไม่ได้คำตอบส่วนรามินทร์ เขาไม่ได้พูดหรือถามอะไรนอกจากคอยสังเกตโรมันที่เอาแต่หงุดหงิด ส่วนเทวาก็เหมือนประหม่าอยู่ตลอดเวลา และยิ่งสองสาวเดิน
เอี๊ยด!“ขึ้นมา”“ห๊ะ!? เอ่อ...”“บอกให้ขึ้นมา”ทางด้านธาราที่เดินออกมาเพื่อกลับหอพักกลับถูกรถคันหนึ่งขับมาจอดแทบจะเหยียบเท้าของเธอ และพอกระจกรถลดลงก็เป็นโรมันที่มาดักรอพบเธอ“เอ่อ นายมีอะไร...”พอขึ้นมาบนรถ ธาราก็ถามขึ้นทันที“ติวไง วันนี้เรามีติว หรือเธอไม่ต้องการแล้ว”และพอได้ยินแบบนั้น ธาราก็พูดอะไรไม่ออก เธอทั้งโกรธทั้งน้อยใจเขาแทบตายจนท้อแท้และหมดกำลังใจแต่เขากลับมารับเธอไปติว ทำให้เธออดที่จะรู้สึกผิดกับตัวเองไม่ได้“นายจะติวที่นี่อีกเหรอ...ฉันว่าเราไป...”“ลงไป”และโรมันก็พาเธอมาที่คอนโดของเขาอีกครั้ง ธาราถึงกับใจเต้นแรง เพราะเรื่องที่เคยเกิดขึ้นดันฉายชัดในหัวของเธอในตอนนี้ ก่อนจะลงรถแล้วเดินตามเขาเข้าไปนี่มันอะไรกัน...ขึ้นห้องกับผู้ชายได้อย่างหน้าไม่อายจริงๆยัยธารเอ้ย!ธาราอดคิดอย่างรู้สึกอายไม่ได้ ไม่นานเธอก็มายืนอยู่ในห้องของเขา“วางของสิ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนชุดก่อน”“อื้อ...”ธาราเดินไปนั่งลงที่เดิมของเธอ ก่อนจะหยิบของในกระเป๋าออกมา รอไม่นานโรมันก็เดินออกมา และพอเงยหน้าขึ้นมองธาราถึงกับอ้าปากค้างโอ้วแม่เจ้า!! นี่มัน...นายแบบ...ไม่สิ โรมจริงๆเหรอเนี่ย ทำไมหล่อขั้นเทพ หล่อระเบิ
“เฮ้อ...จะเอายังไงดี...อีกแค่ 2 วัน...หรือจะถอดใจเรื่องเรียนแล้วไปทำงานกับเตี่ยกับม๊าดี...โอ๊ยๆๆๆๆ ทำไมฉันต้องเกิดมาโง่ๆๆๆ แถมอ้วนแล้วยังขี้เหร่สุดๆอีกเนี่ย! ฮือๆๆๆ เอาไงดีๆๆๆ”ทางด้านวารีที่เอาแต่นั่งมองกระดาษแผ่นเล็กที่ทั้งยับยู่ยี่และมีแต่รอยปะติดต่อกันเต็มไปหมดอย่างคิดหนัก เมื่อตอนนี้เธอยังหาทางออกเรื่องสอบซ่อมที่กำลังจะมาถึงไม่ได้เลย ก่อนหน้านี้เธอนั้นถึงกับถอดใจเรื่องเรียนหมอแล้วคิดจะกลับไปทำธุรกิจร้านอาหารกับบิดามารดา แต่ถ้าเทวายอมสอนเธอจริงๆ เธอก็ยังมีหวังในการเรียนหมอ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนทำให้เธอคิดหนัก ขนาดแค่เจอหน้าเขาเธอยังอยากวิ่งหนีเลย นี่ให้ไปนั่งสอนตัวต่อตัวจะเกิดอะไรขึ้น“โอ๊ย!! ไม่รู้ด้วยแล้วโว๊ย!”และสุดท้ายเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ที่อยู่ในกระดาษแล้วโทรออก“ฮัลโหล...ใครอ่ะ...”แต่กลับเป็นเสียงผู้หญิงรับสาย วารีถึงกับไปต่อไม่เป็น“เอ่อ คือว่า เอ่อ ฉัน...โทรผิดน่ะ”และสุดท้ายเธอก็ไม่กล้าพอที่จะพูดต่อเลยกดวางสายไป“อ๊าย! ตาบ้า! อยู่กับผู้หญิงก็ไม่บอก ฉันเกือบโดนตบแล้วไหมล่ะ!”วารีที่ก่นด่าเขาผ่านโทรศัพท์ได้แต่มองมันอย่างสิ้นหวัง ความหวังเดียวนั้นหลุดลอ
หมับ!“ออกไปห่างๆ ยัยนี่แฟนฉัน”เสียงห้ามอันเย็นเยียบบอกขึ้น เมื่อมือของชายหนุ่มที่อยู่ในงานเลี้ยงกำลังจะแตะต้องถูกตัวของวารี เทวารีบเอื้อมมือจับมันเอาไว้แน่น“เอ่อ ขอโทษที พอดีแค่จะทักทาย”หนุ่มหล่อบอกขึ้นพร้อมกับรีบดึงมือกลับ“ไม่จำเป็น ยัยนี่ของฉัน”เทวายังคงแสดงความเป็นเจ้าของ โดยมีวารียืนอมยิ้มอย่างถูกใจกับอาการหึงหวงของคนรักก่อนหนุ่มคนนั้นจะเดินหนีออกไป“ชอบจัง”เธอบอกขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา“เลิกยิ้ม! คนอื่นมองอยู่”“อะไร หวงแม้กระทั่งยิ้ม แล้วนี่บ่าวสาวจะไม่ลงมาจริงๆเหรอ เริ่มดึกแล้วนะ”
“ธาร...นี่มันอะไรกัน...แล้วนี่...มันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว...”ไม่กี่วันต่อมา ธารากลับมาที่โรงพยาบาลพร้อมกับโรมันเพื่อบอกข่าวดีแก่วารีและคนทั้งโรงพยาบาล เมื่อเธอกับโรมันตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกันก่อนที่ลูกในท้องจะคลอดออกมา ทำเอาช็อกไปตามๆกันรวมทั้งวารีเองก็ด้วย เมื่อเธอกำลังมองตรงท้องที่นูนเด่นของธาราอย่างตกใจ เพราะเวลาเพียงแค่เดือนกว่าๆที่ไม่เจอกันแต่ทำไมท้องถึงใหญ่ได้ขนาดนี้“ฉันท้อง 6 เดือนแล้ว”“ห๊ะ! 6 เดือน!”“อื้อ...ส่วนนี่ เดือนหน้าฉันจะแต่งงาน”“นี่มันบ้าไปแล้ว...”วารียกการ์ดงานแต่งงานที่ธารายื่นให้ขึ้นมาดูอย่างไม่อยากเชื่อ ทำเอาธาราอดขำไม่ได้เมื่อเธอเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน“ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้บอกแกเรื่องที่ฉันท้อง&rd
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ธาราก็เดินลงมาที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งตอนนี้มีเพียงมารดาของเธอนั่งอยู่“มานั่งนี่สิ พ่อกับคุณหมออยู่นอกบ้านกัน...เรามาคุยกันหน่อยไหม?”แม่เลี้ยงนาราพูดขึ้นเมื่อเห็นธาราเดินลงมาจากบนห้องแล้ว ทำเอาเธอถึงกับแปลกใจ เมื่อบิดาขอคุยกับโรมันเป็นการส่วนตัว“มันเกิดอะไรขึ้น ลูกทะเลาะกับคุณหมอเหรอถึงได้หนีกลับมาที่นี่”“คะ? เปล่าค่ะ เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน”ธาราบอกออกมาตามความจริง จนคนเป็นแม่ได้แต่มองอย่างนึกแปลกใจ เพราะทั้งการที่ธารากลับมาที่นี่คนเดียวและการที่โรมันโผล่มาโดยไม่บอกสถานะที่มีกับธาราอีก นอกจากทะเลาะกันก็ไม่มีคำอื่นที่ใช้ได้ดีกว่านี้แล้ว“เล่าให้แม่ฟังได้รึเปล่า ยังไงแม่ก็อยากรู้สาเหตุว่าทำไมลูกถึงหอบท้องกลับมาคนเดียวโดยไม่พูดอะไรเลย”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน...ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาก็ควรติดต่อมาก่อนสิ เกิดอะไรขึ้น แล้วเราจะทำยังไง”ทางด้านธารา พอเดินเข้าห้องนอนมาเธอแทบหมดเรี่ยวแรงเมื่ออยู่ดีๆโรมันก็โผล่มาที่บ้านโดยไม่คิดแม้แต่จะโทรมาบอกเธอก่อน“แล้วจะทำยังไง...ถ้าเกิดเขารู้ว่าเราท้อง เขาจะดีใจ...หรือเสียใจ...จะเชื่อไหมว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา...แม่ควรทำยังไงดี...”ธาราเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน เมื่อสิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือเขาไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อของลูกเธอ เมื่อเขาหายไปตั้ง 4 เดือนแบบนั้นแต่เธอดันมาท้อง ยิ่งคิดธาราก็ยิ่งหนักใจจากนั้นเวลาอาหารเย็นก็มาถึง จากที่คิดว่าจะปฏิเสธแต่ลูกในท้องดันเอาแต่ประท้วงหิวจนธาราต้องยอมร่วมโต๊ะอาหาร ซึ่งมีอาหารเต็มโต๊ะไปหมด เมื่อแม่เลี้ยงนาราอยากขอบคุณที่โรมันช่วยชีวิตสามีของเธอ“เชิญตามสบายเลยนะคะคุณหมอ ถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่ช่วยชีวิตพ่อเลี้ยงเ
3 เดือนต่อมา“ลาออก! เกิดอะไรขึ้น...ธาร นี่ทำไมแกถึงตัดสินใจอะไรโดยไม่ปรึกษาฉันก่อนล่ะ”“ฉันคิดมาดีแล้วล่ะ อีกอย่างพ่อกับแม่ก็แก่มากแล้วด้วย ฉันคงต้องกลับไปดูแลงานในไร่ต่อ”“เฮ้ออออ แล้วฉันจะอยู่โดยไม่มีแกได้ยังไงกัน...”วารีที่พึ่งรู้เรื่องการลาออกของธาราจากผู้อำนวยการของโรงพยาบาลถึงกับตีโพยตีพาย“ฉันไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย จากนี่ไปก็แค่ชั่วโมงเดียว แกไปกลับทุกวันได้สบายเลย”ธาราที่ทั้งเก็บของทั้งแกล้งพูดเล่นกับวารีเพื่อไม่ให้เพื่อนรักของเธอโศกเศร้ากับการลาออกจากงานในครั้งนี้“เวลานอนยังแทบไม่มี แล้วฉันจะเอาเวลาที่ไหนบินไปกลับได้ทุกวันล่ะ...ว่าแต่...ไม่ได้มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”“หือ?
“ไอ้เทพ ผู้หญิงที่แกถ่ายรูปด้วยคือใครวะ ดูคุ้นๆ”ศิวะ ที่ข้องใจจนทนไม่ไหวถึงกับต้องถ่อมาหาเทวาที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นรูปในโซเชียลมีเดียที่เทวาอัพโหลดลงไป“เมียฉันเอง”เทวาบอกออกมาอย่างไม่ต้องคิด เมื่อเขาจงใจจะประกาศบอกทั้งโลกอยู่แล้ว“เมียเหรอ? แกไปมีเมียตั้งแต่ตอนไหน...แล้วใครกันเมียแก”ศิวะถามขึ้นอย่างแปลกใจ“นั่นไง เมียฉันกำลังเดินมาโน่นแล้ว”เทวาบอกขึ้นพร้อมกับมองไปยังทางเดิน ที่มีใครอีกคนกำลังเดินมา“ไอ้เทพ...อย่าบอกนะว่าแกกับคุณหมอ...ไอ้นี่ ไม่บอกกันก่อนวะ ไวเหมือนกันนะแก”“ก็ธรรมด๊า ฉันรักของฉัน ไม่อยากให้ใครมายุ่งนี่หว่า”
“อะไรนะ! นายนั่นไม่อยู่อีกแล้วเหรอ? หายตัวไปอีกใช่ไหม?”“เปล่า มีเรื่องจำเป็นต้องไปน่ะ”“แล้วแกล่ะ จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“อื้อ คิดว่าไม่...เขาบอกจะกลับมาให้เร็วที่สุด”“เร็วที่สุด? ไม่ใช่แกต้องรอจนแก่หงำเหงือกหมอนั่นถึงกลับมาหรอกนะ”“.................”ไม่กี่วันต่อมา โรมันที่เคลียร์ทุกอย่างจนเรียบร้อยก็ทำเรื่องลายาวโดยให้นนนน์เป็นคนดูแลงานแทนเขา ทำเอาเรื่องที่เขาหายตัวไปเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะตั้งแต่เขาเริ่มทำงานมา ก็ดูเหมือนจะติดขัดไปหมด ทั้งเรื่องที่อยู่ดีๆเขาก็บินไปเชียงใหม่ พอกลับมาก็กลับมาด้วยร่างกายที่เกือบจะไม่หายใจอีก แล้วยังมาขอลายาวทั้งๆที่พึ่งเริ่มทำงานได้จริงจังเพียงไม่กี่วัน ทำเอาพวกผู้บริหารพากันจัดประชุมขอถอดถอนโรมันกันจ้าละหวั่น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ขอเข้าไปได้ไหม?...”“................”หลังจากจัดการงานเสร็จ วารีที่รู้สึกผิดเดินมาหาเทวาที่ห้องทำงาน เธอเคาะประตูหน้าห้องแต่เขากลับไม่ตอบรับ เธอเลยเปิดประตูเข้าไปและก็พบว่าเขานั่งทำงานอยู่ไม่เงยหน้าขึ้นมาสนใจเธอเลยสักนิด“นาย ฉัน เอ่อ ฉัน...”“................”เอาไงดีเนี่ย! หรือควรกลับออกไป ไม่ๆๆๆทำผิดก็ต้องกล้ารับผิดสิ...แต่ถ้าหมอนี่ไม่หายโกรธล่ะ...“ฉันขอ...”“ไปกินข้าวมาคงอร่อยจนลืมเวลางานเลยงั้นสิ”นั่นไง อีตาบ้านี่โกรธจริงๆด้วยวารีที่ยังพูดไม่ทันจบแต่เทวาพูดขึ้น
“คุณหมอคะ โน่นค่ะ แฟนคลับคุณหมอมาอีกแล้ว”“คะ?...”เวรแล้ววววว ทำไงดีๆๆ หลบๆๆๆ อ๊ายยย ไม่ทันแล้ววววารีที่กำลังยืนเช็คเอกสารอยู่มองไปตามที่พยาบาลสาวบอก ก่อนจะเจอเข้ากับศิวะที่เดินยิ้มร่าตรงมาหาเธอ ในมือถือช่อดอกไม้เล็กๆน่ารักมาด้วย“คุณหมอครับ นี่ครับผมเอามาฝาก”ศิวะรีบยื่นดอกไม้ในมือให้กับวารี ที่มองหน้าเขาพร้อมยิ้มฝืดๆส่งไปให้“ฉันไม่ค่อยชอบดอกไม้ ถ้าจะเป็นของฝากก็ขอเป็นกระเป๋าหลุยส์คอลเลคชั่นใหม่ที่พึ่งออกจะดีมากเลยค่ะ”หลุยส์คอลเลคชั่นใหม่...2 ล้าน 5 ! โอ้วววแม่เจ้า!!พอได้ยินของที่เธออยากได้ ศิวะที่เป็นเจ้าพ่อแฟชั่นถึงกับอ้าปากค้างเมื่อของที่เธออยากได้มันพึ่งเปิดตัวเม