Washington D.C.
สหรัฐอเมริกา (USA)
09:44 น.
“ตอนนี้เมียกูทำอะไรอยู่วะ”
[น่าจะอยู่บนห้องครับบอส ตอนนี้ผมอยู่บนต้นไม้ดูความเรียบร้อยรอบ ๆ บ้าน]
“แล้วสถานการณ์วันนี้เป็นไง มีใครมายุ่งกับเมียกูมั้ย”
[บอสไม่ต้องห่วงครับเรื่องนี้ผมจัดการผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้นายหญิง ว่าแต่นายจะกลับเมืองไทยวันไหนครับผมจะได้เตรียมทุกอย่างไว้รอ]
“อีกสองสามวัน กูอยากจะไปวันนี้ด้วยซ้ำถ้าไม่ติดงาน เอาเป็นว่าดูแลเมียกูให้ดี”
[ครับบอส] ...
“ภูพิงค์ ภูสิตา อาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้หนูมาครอบครองทั้งตัวและหัวใจ” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เมื่อเห็นรูปถ่ายนับร้อยที่ลูกน้องถ่ายรายงานความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายให้เขาตลอดเวลาอย่างพอใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงนิ้วที่เคาะลงบนโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด ร่างสูงใหญ่ที่ตามนิ้วเรียวใหญ่เต็มไปด้วยรอยสักและแหวนที่ใคร ๆ ก็ต่างอยากสวมใส่มัน ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้ พร้อมเปลือกตาที่ค่อย ๆ ปิดลงเมื่อนึกถึงวันที่จะได้อยู่กับเธออันเป็นที่รัก
“แค่เธอ…ภูสิตา เธอคนเดียวเท่านั้น” เขาเผยรอยยิ้มมุมปากออกมาเมื่อนึกถึงวันนั้นที่จะได้เจอกัน
ตึก ตึก ตึก
“บอสครับรถพร้อมแล้ว” ก่อนเสียงฝีเท้าหนักของลูกน้องคนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายจะเดินเข้ามา
“.......” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เขาลืมตาขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนคู่นั้น จะแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังหนักแน่นแฝงไปด้วยความเยือกเย็น เมื่อต้องออกไปทำงานชิ้นสำคัญก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อจะได้เจอหน้าเด็กสาวคนรักเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี...
ประเทศไทย
บ้านนับดาว
20.44น.
“แม่จ๋า คือว่า” เด็กสาววัย 18 ทำหน้าอ้อนเดินเข้าไปกอดแม่ถึงในห้องนอน ก่อนร่างบางในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงนอนขาสั่นจะทิ้งตัวลงนอนหนุนตักแม่เหมือนที่เธอเคยทำเป็นประจำ
“จะมาอ้อนเอาอะไรอีก วันก่อนพ่อซื้ออะไรให้ไม่เห็นเอามาให้แม่ดูเลย” ผู้เป็นแม่พูดอย่างรู้ทันลูกสาว
“เปล่าสักหน่อยหนูแค่อยากนอนหนุนตักอุ่น ๆ ของแม่จ๋า” สองแขนเรียวกอดเอวคอดของผู้เป็นแม่แน่น
“ภูพิงค์ ทำไมยังไม่นอน ดึกแล้วลูก แล้วเป็นอะไรถึงได้มาอ้อนแม่แบบนี้” เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นเมียรักนั่งยิ้มมือลูบหัวลูกสาว สายตาเธอมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใย อ่อนโยนอ่อนหวานไม่เคยเปลี่ยน
พรึบ!!
“พ่อจ๋าคะ พ่อจ๋ามาก็ดีแล้ว พ่อจ๋าจัดการขุนศึกให้หนูหน่อย ขุนศึกชอบแกล้งภูพิงค์” เด็กสาวรีบเดินเข้าไปกอด พูดอ้อนพ่อทันที
“ขุนศึก?” ผู้เป็นพ่อจ้องหน้าลูกสาวด้วยความสงสัย พลางปรายตามองไปยังเมียรักที่ได้แต่ส่ายหัว
“ตัวแสบคงจะไปนอนในห้องพี่สาวอีกตามเคย” นับดาวพูดอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะลุกจากเตียงเดินตรงไปยังอีกห้อง
“พ่อจ๋า ขุนศึกไม่น่ารักเลย ชอบเอางูปลอมมาแกล้งหนู วันนี้ก็เอาแมลงสาบ แถมชอบหอมแก้ม ชอบกอดหนูด้วย หนูไม่ชอบเลย” เด็กน้อยในอ้อมกอดพ่อ ได้ทีก็ฟ้องพ่อยกใหญ่ แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติของพี่น้องบ้านนี้ที่ทั้งพ่อและแม่ถึงกับต้องถอนหายใจ เวลารักก็รักกัน เวลาแกล้งก็แกล้งจนพี่ร้องไห้
“พี่ภูผาอีกคนแทนที่จะช่วยหนู กลับเอาแต่ถอนหายใจ เวลาหนูร้องวิ่งไปห้องพี่ภูผานะ พี่ภูผาก็เอาแต่ดุ ภูพิงค์น้องอย่าเสียงดังได้มั้ยพี่อ่านหนังสืออยู่ คนหรือหนอนก็ไม่รู้วัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือ” ภูพิงค์ทำหน้าล้อเลียนพี่ชายที่ชอบทำหน้าดุใส่
“เห้อ...แต่ละคนไว้พ่อจ๋าจะจัดการให้ ว่าแต่เป็นไง ตกลงจะเข้าเรียนที่ไหนแต่ถ้าจะไปต่อต่างประเทศเหมือนพี่ญี่ปุ่นพ่อไม่อนุญาต” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นจ้องหน้าลูกสาวสุดที่รัก
“พ่อจ๋าก็แบบนี้ตลอดแหละ ภูพิงค์ไม่ไปหรอก ไปไกลขนาดนั้นเวลาโดนแกล้งใครจะช่วย อยู่ที่นี่สบายจะตาย มีพ่อจ๋า แม่จ๋า พี่ภูผา แล้วก็ขุนศึกถึงจะชอบแกล้งแต่เวลามีเรื่อง ขุนศึกช่วยหนูตลอดเลย”
ภูพิงค์ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตจะมีพี่ชายและน้องชายคอยปกป้อง ถ้าต้องไปอยู่ต่างที่ แล้วใครล่ะจะมาปกป้องเธอได้ แค่คิดว่าต้องห่างจากครอบครัว ใบหน้าหวานก็เบ้ปากจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“แต่ช่วงนี้หนูรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีคนตามอยู่ตลอดเลยค่ะ พ่อจ๋าภูพิงค์กลัว” เด็กสาวสวมกอดพ่ออีกครั้ง และมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองแน่นอน และยิ่งช่วงนี้เพื่อน ๆ ผู้ชายในห้องพอเห็นหน้าก็พากันวิ่งหนี ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคุยเล่นกันอยู่
“มีคนตาม?” สไนเปอร์จ้องหน้าลูกทวนคำถาม และทำให้นึกถึงใครบางคน
'อย่าบอกนะว่าเป็นมึง' แต่เขาก็ได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าเอ่ยอะไรกับลูกสาวเพราะกลัวเธอจะตกใจ
“แล้ววันนี้ที่หน้าโรงเรียน มีคนแอบถ่ายรูปหนูด้วย พ่อจ๋าภูพิงค์กลัว เขาจะมาทำอะไรภูพิงค์รึเปล่าคะ” เด็กสาวทำหน้ากังวล เมื่อนึกถึงตอนที่เดินออกมาจะขึ้นรถแล้วสายตาคู่สวยเหลือบไปเห็นชายชุดดำตัวโตสองคน กำลังถ่ายภาพเธออยู่
“ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพ่อให้ลุงเทวาไปรอรับหนูทุกวันเลยดีมั้ย กลับกับโมจิ พี่ภูผา ขุนศึก ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย พ่อว่าเรากลับห้องกันดีกว่า ไปดูสิว่าขุนศึกโดนแม่จ๋าตีก้นรึยัง” เขาพูดปลอบลูกสาวแต่ในใจกลับคิดกังวลอยู่ไม่น้อย กลัวว่าน้องชายตัวแสบจะกลับมา...แล้วทำตามที่พูดไว้
“ก็ได้” พอได้ยินพ่อพูดแบบนั้นเด็กสาวมีรอยยิ้มบนใบหน้าขึ้นมาทันที แค่คิดว่าน้องโดนดุก็สะใจแล้ว แต่ถ้าโดนตีด้วยคงจะดีกว่านี้ไม่น้อย...
“แม่!! ศึกเปล่าแกล้งนะ ภูพิงค์โกหก!!”
“เราไม่ต้องมาพูดเลยตัวแสบ หลักฐานเต็มตายังจะมาแก้ตัวอีก ไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน!” นับดาวถึงกับต้องถอนหายใจ เมื่อเดินเข้าห้องนอนลูกสาวทั้งงูปลอม จิ้งจก ตุ๊กแก ตะขาบ แมลงสาบ วางเกลื่อนเต็มพื้นห้อง ไหนจะบนที่นอนอีก
“จากพ่อไงแม่ พ่อเลย” ขุนศึกทำหน้าทะเล้นวิ่งเข้าไปหาพ่อกับพี่สาวทันทีที่เห็นทั้งสองเดินเข้ามา
“ขุนศึกมาเก็บให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้!” นับดาวพูดเอ็ดลูกชาย ที่วิ่งหาตัวช่วย
“แม่ศึกเมื่อยแล้ว ไว้พรุ่งนี้ศึกมาเก็บให้” แต่แทนที่ลูกชายตัวแสบจะฟังกลับทำหน้าทะเล้นใส่ ทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับต้องถอนหายใจมองหน้าลูกชายอย่างเอือมระอา
“ส่วนนี่ ของตัวเองเค้าให้”
ฟิว~~~
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด” ภูพิงค์กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อน้องชายตัวแสบ โยนตุ๊กแกปลอมใส่หน้า ก่อนจะวิ่งกลับไปยังห้องนอนตัวเอง
“ฮื่อ ไอ้ขุนศึกบ้า!!” เด็กสาวร้องไห้ โผเข้ากอดแม่ด้วยความตกใจ
“เห้อ...” ส่วนคนเป็นพ่อก็ได้แต่ถอนหายใจ ก้มหน้าก้มตาเก็บของที่วางเกลื่อนห้อง
ตึบ ตึบ ตึบ
“พ่อครับ!! แม่ครับ!! ช่วยศึกด้วยพี่ภูผาจะฆ่าศึก!!!!!”
“......” แต่ไม่ทันจะได้เก็บห้องเสร็จ ขุนศึกก็วิ่งหน้าตื่น ตะโกนลั่นบ้านวิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเร็ว
“แม่ครับช่วยศึกด้วย พี่ภูผาจะฆ่าศึก! ศึกกลัว” ขุนศึกวิ่งไปหลบหลังแม่ ปากบอกกลัวแต่หน้ากลับยียวนกวนประสาทพี่ชาย ที่เดินถืออะไรบางอย่างเข้ามาในห้อง ด้วยสีหน้าท่าทางที่เอาเรื่อง
พรึบ!
“พี่ภูผา มาตีเลยหนูจับให้!” ภูพิงค์เมื่อได้โอกาสจับตัวน้องชายไว้ร้องเรียกให้พี่ชายที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาอย่างใจเย็น ก่อนที่ภูผาจะฟาดฝ่ามือลงที่ก้นน้องชายอย่างแรง
“อ๊ากกกกก พี่ภูผาเจ็บนะ ตีศึกทำไม!!!” ขุนศึกแหกปากร้องลั่น
“.......” ภูผาไม่พูดอะไรฟาดฝ่ามือลงที่ก้นน้องชายอีกครั้ง เพราะไอ้ตัวแสบวิ่งพุ่งเข้าหาจนทำให้งานที่กำลังทำพังแตกเสียหาย
“สมน้ำหน้า” ภูพิงค์เอ่ยขึ้น ยิ้มเยาะน้องชายที่ร้องโอดโอย ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย
“สมน้ำหน้าเหรอพี่เหรอ... น้อง? เจอพี่จูบหน่อยเป็นไง” ขุนศึกยิ้มร้ายดีดตัวลุกขึ้นจ้องหน้าพี่สาวพร้อมทำท่าจะจูบ
“พี่ภูผาช่วยหนูด้วย อี๋!! ขุนศึกหยุดนะ หยุดเลย!!” ภูพิงค์รีบวิ่งไปหลบหลังพี่ชายทันที
“มามะ มาให้พี่จูบซะดี ๆ ” ขุนศึกที่เห็นพี่สาวกลัวก็ยิ่งได้ใจ เดินตรงเข้าไปใกล้ พร้อมสีหน้าท่าทางที่ยียวนกวนประสาท
“พี่ภูผา ช่วยหนูด้วย คืนนี้หนูขอนอนกับพี่นะ นะคะพี่ภูผา ฮื่อ ไอ้ขุนศึก ไอ้บ้า!!”
“กรี๊ดดดดดดด ไอ้บ้า หยุดนะ” ภูพิงค์วิ่งหนีน้องชายสุดแสบ ส่วนภูผาก็ได้แต่ถอนหายใจยกมือขึ้นปิดหู เมื่อเสียงแหลมแสบแก้วหูกรีดร้องออกมา พร้อมกับคนตัวเล็กที่วิ่งหอบมาหลบอยู่ด้านหลังพี่ชาย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ขุนศึกหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งพี่ ๆ
“พอเลยเหนื่อยแล้ว พี่ภูผาคืนนี้หนูขอนอนด้วยนะ ไอ้ขุนศึกบ้า!!!” ภูพิงค์ทำหน้าอ้อนพี่ชาย แล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่น้องชายตัวแสบ
“ปากดีแบบนี้จูบสักที ดีมั้ย” ขุนศึกทำหน้าจริงจังเดินเข้าไปใกล้พี่สาว
“ฮื่อ พี่ภูผาช่วยหนูด้วย”
“เห้อ... ดาวเข้าห้องก่อนแล้วกัน ดูลูกด้วย” ทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับต้องถอนหายใจอีกครั้ง ก็ลูก ๆ เล่นกันแบบนี้แทบทุกวันจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“หึ... ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ เราไปหาอะไรทำดีกว่า...” สไนเปอร์มองลูก ๆ ทั้งสามเล่นกัน ก่อนจะเดินโอบเอวเมียรักกลับเข้าห้องนอน..
“พี่ภูผานะพี่ภูผา” ภูพิงค์บ่นพึมพำ หูฟังเพลง มือเปิดประตูเข้าบ้าน ใบหน้าหวานบูดบึ้งเมื่อพี่ชายไม่ยอมให้ไปบ้านคุณลุงด้วยSweet baby, our sex has meaningKnow this time you'll stay 'til the morningDuvet days and vanilla ice creamMore than just one night together exclusively[Pre-Chorus]Baby, Let Me be your manSo I can love youAnd if you let me be your manThen I'll take care of you, you[Chorus]For the rest of my life, for the rest of yoursFor the rest of my life, for the rest of yoursFor the rest of ours“คอยดูเถอะหนูจะฟ้องพ่อจ๋าแม่จ๋าว่าพี่รักแต่ขุนศึก ฮื่อ” หญิงสาวเดินอิดออดถอนหายใจมองซ้ายมองขวาด้วยความระแวง เพราะหลายวันมานี้เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ตลอดเฮ้อ...ภูพิงค์ถอนหายใจเดินตรงเข้าตัวบ้านใหญ่ เพราะวันนี้พ่อแม่ติดงานกว่าจะกลับก็คงมืด แล้วพี่ชายกับน้องชายยังทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว ถึงจะบอกว่าไปไม่นานก็น่าจะให้ตามไปด้วย“คนใจร้าย!” มือเรียวเกี่ยวหูฟังเก็บเข้ากระเป๋า แล้วต้องงุนงงเมื่อเห็นใครก็ไม่รู้อยู่ตรงหน้าประตูบ้าน“มาหาใครคะ พ่อไม่อยู่แม่ก็ไม่อยู
1 ชั่วโมงผ่านไปสไนเปอร์กับนับดาวพอรู้เรื่องก็รีบขับรถกลับบ้าน แต่เพราะรถติดกว่าจะถึงบ้านก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง สองสามีภรรยาเดินอย่างรีบเร่งเข้าบ้านด้วยความเป็นห่วงลูก ๆ“พ่อจ๋า แม่จ๋า ฮื่อ!!!!” เด็กขี้อ้อนพอเห็นพ่อกับแม่เดินเข้าบ้านเท่านั้นแหละ ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม“ภูพิงค์ หยุดร้องก่อนหนวกหู” ขุนศึกถึงกับพูดเอ็ดพี่สาวที่ร้องไห้แบบนี้มาเป็นชั่วโมง“ก็พี่กลัวนิ ฮื่อ…ใครก็ไม่รู้น่ากลัว หน้าเขาเหมือนพวกโรคจิตเลยค่ะพ่อ หนูกลัว” เด็กสาวเอาแต่กอดพ่อที่ได้แต่นั่งนิ่งพยายามคิดว่าใครกันที่มันกล้าบุกเข้าบ้านแล้วยังกล้าบุกเข้าถึงห้องนอนลูกสาวสุดที่รักอีก“ไปหาแม่ เดี๋ยวพ่อไปดูเอง” สไนเปอร์กอดปลอบหอมหัวลูกรัก“แม่จ๋า ฮื่อ…ภูพิงค์กลัว” ภูพิงค์โผเข้ากอดแม่ด้วยความหวาดกลัว“แม่มาแล้วไม่ต้องร้อง พี่ภูผาก็อยู่ น้องก็อยู่ หยุดร้องไห้ก่อนลูก” นับดาวเองก็ได้แต่กอดปลอบลูก ปกติภูพิงค์ไม่ใช่เด็กขี้กลัวแบบนี้ แต่ใครเจอแบบนี้ก็ต้องตกใจกลัวเป็นธรรมดา“จะร้องอะไรอายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คนแค่ง่วงขอนอนห้องแค่นี้ทำอย่างกับจะตาย”ขวับ!!สี่คนพ่อแม่ลูกหันไปมองเจ้าของเสียงห้าวกวน ๆ เป็นตาเดียว“สวัสดีครับพี่"
กลางดึก“หึ…คนบ้าอะไร ขนาดนอนยังน่ารัก” คุณหมอหนุ่ม ผู้หลงใหลรอยยิ้มหวาน จ้องเด็กสาวที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นสาวน้อยถ่ายภาพคู่กับพ่อ จากนั้นมาเขาก็เหมือนคนบ้าที่รอให้เธอโตพอที่จะมาเป็นเมียเขาได้ จนมาถึงวันนี้ที่มันอดทนรอไม่ไหวถึงจะรู้ว่าพี่ชายหวงหลานสาวคนนี้มาก แต่ถ้าไม่เดินเข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือมาได้ไง เขาลงทุนปีนหน้าต่างยามวิกาลเพียงแค่อยากอยู่ใกล้ อยากมองหน้าคนตัวเล็กให้นาน ๆ“คนอย่างไรเฟิล ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ เธอไม่มีทางรอดเงื้อมมือฉันไปได้แน่นอนสาวน้อย”“ขอจูบมัดจำหน่อยนะ แล้วจะรีบให้พ่อมาขอ” ไวเท่าความคิดกลีบปากนุ่ม ๆ ประทับจูบแตะลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู“ทำไมนะ ทำไมต้องเป็นเธอภูพิงค์” เขาทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ พร้อมสวมกอดอีกคนไว้แนบอก“พี่ภูผาหนูหนาว” ด้วยความเคยชินที่เวลาฝันร้ายหรือกลัวจะชอบเดินร้องไห้เข้าไปนอนกอดพี่ชาย พอได้รับไออุ่นจากคนข้าง ๆ ใบหน้าหวานซุกหน้าหาองศาที่เหมาะสม มือเล็กกอดร่างหนาไว้แน่น“หึ…มันน่าจริง ๆ อดทนไว้ลูกพ่อ ไว้ให้แม่หนูโตกว่านี้ก่อนพ่อจะจัดให้เต็มที่” เขาพูดปรามเจ้าลูกชายที่มันกำลังขยายตัวขึ้น ใครล่ะจะไปทนได้ก็เนื้อนุ่มนิ
“…..” สไนเปอร์ได้แต่อดทนไม่ให้ตัวเองโมโหไปกับการยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายเพราะรู้ถึงความกวนของน้องชายดี“เงียบแสดงว่าตกลง ว่าแต่คู่หมั้นนี้เอาได้มั้ย แต่ได้แหละได้ข่าวว่าพี่กับพี่ดาวก็ทำ ไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำเท่าที่ผมรู้มา เนี่ยผมนับถือพี่แค่ไหนมาขอหมั้นก่อน เวลาพาน้องไปนอนบ้านด้วย น้องจะได้ไม่เสียหาย แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกผมย้ายมาอยู่กับเมียได้” เมื่อเห็นพี่ชายเงียบไรเฟิลก็ยิ่งพูดยั่วโมโหเข้าไปใหญ่“ไอ้ไรเฟิล!!!!!!” สไนเปอร์ตะโกนเสียงแข็งอย่างหมดความอดทน“ครับคุณพ่อตาขอตัวก่อนนะ ว่าแต่ว่านี่เมียผมตื่นยังนะ” แล้วคนเจ้าเล่ห์สุดกวน ก็รีบวิ่งขึ้นไปหาเด็กสาวที่ยังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มหลังจากที่แม่พึ่งปลอบและเดินออกจากห้องไม่ถึงสิบนาที“ไอ้ไรเฟิล ไอ้ฉิบหาย มึงตาย!!!!!!!!” สไนเปอร์รีบวิ่งตามไปเพราะเป็นห่วงถึงความปลอดภัยลูก“ไรเฟิล กูขอร้องภูพิงค์ยังเด็ก มึงมีทุกอย่างจะหาผู้หญิงกี่ร้อยกี่พันคนก็ได้ ทำไมต้องมายุ่งกับภูพิงค์” สไนเปอร์พูดอย่างใจเย็น พยายามไม่ให้ตัวเองสติแตกไปมากกว่านี้“ไม่ว่าจะใครหน้าไหน ผมก็ไม่เอา ผมจะเอาภูพิงค์คนเดียว!” ไรเฟิลพูดจริงจัง สายตาที่ขี้เล่นเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็น ดุดัน ทรงพล
“อาพาหนูมาที่นี่ทำไม” ฉันพูดเสียงสั่นเมื่ออาไรเฟิลจูงมือเดินขึ้นมาบนห้อง ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะห้องนอนของอา“อาแค่อยากอยู่กับหนูสองต่อสอง” น้ำเสียงเย็นเยือกชวนขนลุก ทำเอาตัวเล็กถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว หัวใจดวงน้อยตกวูบเมื่อใบหน้าหล่อคมโน้มเข้ามาใกล้“อาคะ หนูกลัว อย่าทำอะไรหนูเลย” สองเท้าถอยหนีอย่างอัตโนมัติเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย“อาไม่ได้จะทำอะไร อาแค่อยาก...” สายตาดุดันคู่นั้นมองมาที่ริมฝีปากบางที่สั่นระริกด้วยความกลัว“ภูพิงค์อยากกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรภูพิงค์เลยนะ” ฉันร้องไห้ออกมา เมื่อถอยหนีจนหลังชนผนังห้อง แต่อาไรเฟิลกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้จนประชิดตัว ถูกดันติดผนังห้อง“สิ่งที่อาไม่ชอบที่สุดคือน้ำตาหนู รู้มั้ยเวลาที่หนูร้องไห้อาเจ็บ....”หมับ!มือหนาจับมือเล็กทาบลงบนอกตัวเอง“ไม่ร้องนะเด็กดี อาแค่อยากจูบหนู อาสัญญา อาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าจูบ ถึงอยากจะทำมากแค่ไหนก็ตาม”“เฮือก!! อึก!!” คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อริมฝีปากอุ่นแตะจูบซับน้ำตา สัมผัสมันอ่อนโยนและนิ่มนวลมาก แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้ความกลัวหายไปไหน ยิ่งหวาดกลัวกับกา
“โกรธอา” อาไรเฟิลเดินเข้ามาใกล้ และแน่นอนฉันขยับถอยห่างทันที“ภูพิงค์จะกลับบ้าน” ฉันไม่สนใจเดินตรงไปที่ประตูบ้าน เรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ พี่ภูผานะพี่ภูผา มีอะไรโทรหาพี่ แต่โทรไปก็ไม่รับสายส่วนขุนศึก พูดแล้วอยากจะตบไอ้น้องบ้าก็บอกให้อาไปส่งสิ ศึกยุ่ง ถ้าอยากให้อาไปส่งฉันจะโทรหาแกทำไม พูดแล้วโมโห แต่ละคนไม่มีใครรักภูพิงค์เลย“พ่อจ๋า แม่จ๋า กลับมาวันนี้เลยไม่ได้รึไง หนูกลัว” บ่นกับตัวเองสองเท้าเดินตรงไปยังประตูบ้านอย่างรีบเร่งพรึบ!!“……..” แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงไหน ลูกน้องอาไรเฟิลก็เดินมาขวางทางไว้ ฉันถึงกับต้องยืนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัวเมื่อเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่อยู่ข้างเอวพวกเขา แล้วไม่ใช่แค่สองคนนะ แต่ถูกล้อมไปด้วยชายชุดดำ นับ 20 คน พวกเขาเอาแต่ยืนนิ่ง แล้วท่าทางแต่ละคนมันน่ากลัวมากตึก ตึก ตึก“กลับเข้าบ้านครับ บอสรออยู่” ถึงกับขวัญผวาเมื่อเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาใกล้ ยิ่งน้ำเสียงเยือกเย็นที่เขาเอ่ยออกมามันยิ่งกลัวจนจับใจ“นะ…หนูแค่จะกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” ฉันพูดเสียงสั่นเครือ เดินถอยหนีเมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าเรียบนิ่ง ท่าทางน่าเกรงขามแล้วยิ่งรอยสักหั
“พ่อจ๋า ฮื่อ…” วิ่งเข้าไปสวมกอดพ่อที่ยืนทำหน้าดุอยู่หน้าบ้านด้วยความดีใจ เมื่อเปิดประตูลงจากรถ พ่อกับแม่ก็ยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว“มึงทำอะไรลูกกู” พ่อจ้องหน้าอาไรเฟิลและเดินเข้าไปหาอาไรเฟิลด้วยท่าทางเอาเรื่อง“แม่จ๋า” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้นโผเข้ากอดแม่“ไม่ร้องนะเด็กดี ไว้ให้พ่อจัดการทุกอย่างให้” แม่พูดอย่างปลอบโยนก่อนจะพาที่เอาแต่ร้องสะอื้นไห้เดินเข้าบ้าน ส่วนพ่อลากอาไรเฟิลเดินไปไหนไม่รู้“แม่จ๋า อาไรเฟิลน่ากลัว ภูพิงค์ไม่ชอบเลย แม่บอกให้อาเขาเลิกยุ่งกับหนูได้มั้ย” ทันทีที่ถึงห้องก็รีบบอกแม่ทันที“เฮ้อ...แม่เข้าใจว่าหนูรู้สึกยังไง แม่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวแม่ ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้”“ทำไมคอหนู…” …นับดาวสังเกตเห็นรอยแดงที่คอลูกสาวถึงกับตกใจ“อาไรเฟิลเขา…อึก” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่อาไรเฟิลทำยังรู้สึกกลัวไม่หาย“ภูพิงค์ลูกแม่ ไม่ต้องกลัวนะแม่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายหนูอีก” ถูกสวมกอดไว้แนบอกอุ่นของแม่ ไม่มีกอดใดที่ทำให้อบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเท่ากับอ้อมกอดของพ่อกับแม่…“ไรเฟิล พี่ว่ามันเกินไปแล้วนะทำไมถึงทำกับหลานแบบนี้” ตอนนี้เราทุกคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก และนี่เป็นครั้งแรกที่เ
1 เดือนผ่านไป“ภูผาสอบเสร็จแล้วเราไปเดินห้างกันมั้ย ภูพิงค์ด้วย ญี่ปุ่นอยากไปเดินห้างช่วงนี้พี่พาร์ทไม่ค่อยว่าง”“ไม่เอา…ญี่ปุ่นไปกับพี่ภูผาสองคนเลยภูพิงค์ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอใคร เบื่อคนรักกัน ไปด้วยทีไรภูพิงค์เป็นส่วนเกินตลอด”“ดีมากน้องรัก งั้นภูผาเราไปกันเถอะ”“เฮ้อ...” พี่ภูผาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก็ตั้งแต่เด็กจนโตโดนญี่ปุ่นตามตอแยมาตลอด ถ้าคนอื่นไม่รู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันก็คงคิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันแน่นอน ก็เล่นตัวติดกันตลอดเวลา ขนาดฉันเป็นน้องสาวยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนกับพี่ชายเลยแต่ก็ดีแล้วญี่ปุ่นชอบเที่ยวมีพี่ภูผาไปด้วยลุงกันต์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนฉัน เฮ้อ...ถึงช่วงนี้อาไรเฟิลจะทำตัวดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาจะเลิกยุ่งกับฉัน แล้วทุกวันนี้อาไม่กลับบ้านตัวเองค้างที่บ้านทุกวันแต่บางวันก็เห็นกลับมาดึก ๆ ชอบทำตัวเป็นนินจา เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ บางวันนั่งกินข้าวคุยกับพ่ออยู่ดี ๆ พอลูกน้อง พี่ลูก้ากับคริสเตียนเดินเข้ามากระซิบ แล้วอาก็รีบออกไปทันทีโดยที่ไม่ได้บอกอะไร แต่ก็ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ก็คงไปเที่ยวตามประสาคนสูงวัย“หายไปไหนนะ” มือเล็กล้วงกระเป๋าควานห
“ฮื่อ...อาคะ เมื่อไหร่มันจะจบสักที” ฉันหลับตาปี๋เมื่อถึงฉากที่น่ากลัว มือเล็กจิกเล็บลงฝ่ามือใหญ่อย่างลืมตัว“……” แต่อาไรเฟิลกลับเงียบ และมันก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่พ่นรดใบหน้า“อึก” เหมือนโลกมันหยุดหมุน แพขนตางอนค่อย ๆ ลืมขึ้น นั่งตัวแข็งทื่อเมื่อใบหน้าหล่อคมยื่นเข้ามาใกล้ จนหน้าเราทั้งคู่แทบจะชนกันอยู่แล้ว“อะ…อาจะทำอะไรคะ” ฉันพูดเสียงตะกุกตะกัก เผลอมองหน้าสบตาคู่นั้นเมื่อนิ้วเรียวเกลี่ยเขี่ยแก้มใส“อาแค่อยากมองหนูใกล้ ๆ ” เขาพูดเสียงทุ้มนุ่ม ก่อนจะประทับจูบ มอบจุมพิตลงหน้าผากเล็กอย่างอ่อนโยน“อาไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาอาอาจจะทำให้หนูกลัว ขอโอกาสให้อาได้แก้ตัวได้มั้ย” เรามองหน้าสบตากัน“จนกว่าหนูจะเรียนจบ ถ้าอาทำให้หนูรักไม่ได้ อาจะไม่ยุ่งกับหนูอีก” น้ำเสียงอาไรเฟิลมันจริงจังและหนักแน่น ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบคู่นั้น พร้อมหัวใจที่เต้นแรง“……..” ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย บางทีเขาก็ดูน่ากลัว บางทีก็ดูอบอุ่น และไหนจะอีกหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับอาที่มันดูไม่สมเหตุสมผล เขาเป็นใครกันแน่ เพราะแค่ถ้าเป็นหมอจิตแพทย์ธรรมดา เวลาไปไหนมาไหนท
ห้างหรู...“.........” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อคนตัวโตโน้มหน้ากระซิบ เป็นไปได้เหรอเขาต้องโกหกแน่ ๆ แต่มันก็น่าขำจริง ๆ นะ“คิก คิก อาพูดจริงเหรอคะ หลอกหนูรึเปล่า” ฉันหัวเราะออกมาอย่างขบขัน และเผลอยิ้มให้กับคนตรงหน้า“.......” แต่สีหน้าเขากลับดูตึงเครียดไม่ได้สนุกอะไรไปกับฉันเลยสักนิด“ว่าแต่...อาอยากดูเรื่องอะไร?” ฉันพูดยิ้ม ๆ“เรื่องนั้น”“เฮือก!!” ถึงกับสะดุ้งตกใจหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเสียงแผ่วกระซิบชิดใบหู พูดดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้เลย“อาอยากดูเรื่องนั้น” นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่แผ่นป้ายหนังขนาดใหญ่ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ‘ร่างทรง’“ห๊ะ!! อาจะดูเรื่องนั้นเนี่ยนะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองตามนิ้วเรียวอุทานออกมาอย่างตกใจ เรื่องนั้นมันน่ากลัวจะตาย เมื่อตอนที่ดูกับพี่ภูผาภาพยังติดตาและหวาดกลัวยังไม่หายเลย“ก็ได้ แต่ว่า...” ฉันทำหน้าครุ่นคิด“หรือว่าภูพิงค์กลัว” เขาเอ่ยเสียงเย็น“...ถ้าหนูกลัวดูเรื่องนั้นก็ได้” สายตาคมกริบมองไปที่ป้ายหนังการ์ตูนที่พึ่งเข้าใหม่“อาลืมไป หนูยังเด็ก ต้องชอบแนวนี้สินะ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ“หนูโตแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะ 19 จะเข้า
1 เดือนผ่านไป“ภูผาสอบเสร็จแล้วเราไปเดินห้างกันมั้ย ภูพิงค์ด้วย ญี่ปุ่นอยากไปเดินห้างช่วงนี้พี่พาร์ทไม่ค่อยว่าง”“ไม่เอา…ญี่ปุ่นไปกับพี่ภูผาสองคนเลยภูพิงค์ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอใคร เบื่อคนรักกัน ไปด้วยทีไรภูพิงค์เป็นส่วนเกินตลอด”“ดีมากน้องรัก งั้นภูผาเราไปกันเถอะ”“เฮ้อ...” พี่ภูผาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก็ตั้งแต่เด็กจนโตโดนญี่ปุ่นตามตอแยมาตลอด ถ้าคนอื่นไม่รู้ว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันก็คงคิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันแน่นอน ก็เล่นตัวติดกันตลอดเวลา ขนาดฉันเป็นน้องสาวยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนกับพี่ชายเลยแต่ก็ดีแล้วญี่ปุ่นชอบเที่ยวมีพี่ภูผาไปด้วยลุงกันต์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนฉัน เฮ้อ...ถึงช่วงนี้อาไรเฟิลจะทำตัวดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาจะเลิกยุ่งกับฉัน แล้วทุกวันนี้อาไม่กลับบ้านตัวเองค้างที่บ้านทุกวันแต่บางวันก็เห็นกลับมาดึก ๆ ชอบทำตัวเป็นนินจา เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ บางวันนั่งกินข้าวคุยกับพ่ออยู่ดี ๆ พอลูกน้อง พี่ลูก้ากับคริสเตียนเดินเข้ามากระซิบ แล้วอาก็รีบออกไปทันทีโดยที่ไม่ได้บอกอะไร แต่ก็ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ก็คงไปเที่ยวตามประสาคนสูงวัย“หายไปไหนนะ” มือเล็กล้วงกระเป๋าควานห
“พ่อจ๋า ฮื่อ…” วิ่งเข้าไปสวมกอดพ่อที่ยืนทำหน้าดุอยู่หน้าบ้านด้วยความดีใจ เมื่อเปิดประตูลงจากรถ พ่อกับแม่ก็ยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว“มึงทำอะไรลูกกู” พ่อจ้องหน้าอาไรเฟิลและเดินเข้าไปหาอาไรเฟิลด้วยท่าทางเอาเรื่อง“แม่จ๋า” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้นโผเข้ากอดแม่“ไม่ร้องนะเด็กดี ไว้ให้พ่อจัดการทุกอย่างให้” แม่พูดอย่างปลอบโยนก่อนจะพาที่เอาแต่ร้องสะอื้นไห้เดินเข้าบ้าน ส่วนพ่อลากอาไรเฟิลเดินไปไหนไม่รู้“แม่จ๋า อาไรเฟิลน่ากลัว ภูพิงค์ไม่ชอบเลย แม่บอกให้อาเขาเลิกยุ่งกับหนูได้มั้ย” ทันทีที่ถึงห้องก็รีบบอกแม่ทันที“เฮ้อ...แม่เข้าใจว่าหนูรู้สึกยังไง แม่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวแม่ ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้”“ทำไมคอหนู…” …นับดาวสังเกตเห็นรอยแดงที่คอลูกสาวถึงกับตกใจ“อาไรเฟิลเขา…อึก” ฉันได้แต่ร้องไห้สะอื้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่อาไรเฟิลทำยังรู้สึกกลัวไม่หาย“ภูพิงค์ลูกแม่ ไม่ต้องกลัวนะแม่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายหนูอีก” ถูกสวมกอดไว้แนบอกอุ่นของแม่ ไม่มีกอดใดที่ทำให้อบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเท่ากับอ้อมกอดของพ่อกับแม่…“ไรเฟิล พี่ว่ามันเกินไปแล้วนะทำไมถึงทำกับหลานแบบนี้” ตอนนี้เราทุกคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก และนี่เป็นครั้งแรกที่เ
“โกรธอา” อาไรเฟิลเดินเข้ามาใกล้ และแน่นอนฉันขยับถอยห่างทันที“ภูพิงค์จะกลับบ้าน” ฉันไม่สนใจเดินตรงไปที่ประตูบ้าน เรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ พี่ภูผานะพี่ภูผา มีอะไรโทรหาพี่ แต่โทรไปก็ไม่รับสายส่วนขุนศึก พูดแล้วอยากจะตบไอ้น้องบ้าก็บอกให้อาไปส่งสิ ศึกยุ่ง ถ้าอยากให้อาไปส่งฉันจะโทรหาแกทำไม พูดแล้วโมโห แต่ละคนไม่มีใครรักภูพิงค์เลย“พ่อจ๋า แม่จ๋า กลับมาวันนี้เลยไม่ได้รึไง หนูกลัว” บ่นกับตัวเองสองเท้าเดินตรงไปยังประตูบ้านอย่างรีบเร่งพรึบ!!“……..” แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงไหน ลูกน้องอาไรเฟิลก็เดินมาขวางทางไว้ ฉันถึงกับต้องยืนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัวเมื่อเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่อยู่ข้างเอวพวกเขา แล้วไม่ใช่แค่สองคนนะ แต่ถูกล้อมไปด้วยชายชุดดำ นับ 20 คน พวกเขาเอาแต่ยืนนิ่ง แล้วท่าทางแต่ละคนมันน่ากลัวมากตึก ตึก ตึก“กลับเข้าบ้านครับ บอสรออยู่” ถึงกับขวัญผวาเมื่อเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาใกล้ ยิ่งน้ำเสียงเยือกเย็นที่เขาเอ่ยออกมามันยิ่งกลัวจนจับใจ“นะ…หนูแค่จะกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” ฉันพูดเสียงสั่นเครือ เดินถอยหนีเมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าเรียบนิ่ง ท่าทางน่าเกรงขามแล้วยิ่งรอยสักหั
“อาพาหนูมาที่นี่ทำไม” ฉันพูดเสียงสั่นเมื่ออาไรเฟิลจูงมือเดินขึ้นมาบนห้อง ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะห้องนอนของอา“อาแค่อยากอยู่กับหนูสองต่อสอง” น้ำเสียงเย็นเยือกชวนขนลุก ทำเอาตัวเล็กถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว หัวใจดวงน้อยตกวูบเมื่อใบหน้าหล่อคมโน้มเข้ามาใกล้“อาคะ หนูกลัว อย่าทำอะไรหนูเลย” สองเท้าถอยหนีอย่างอัตโนมัติเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย“อาไม่ได้จะทำอะไร อาแค่อยาก...” สายตาดุดันคู่นั้นมองมาที่ริมฝีปากบางที่สั่นระริกด้วยความกลัว“ภูพิงค์อยากกลับบ้าน อาอย่าทำอะไรภูพิงค์เลยนะ” ฉันร้องไห้ออกมา เมื่อถอยหนีจนหลังชนผนังห้อง แต่อาไรเฟิลกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้จนประชิดตัว ถูกดันติดผนังห้อง“สิ่งที่อาไม่ชอบที่สุดคือน้ำตาหนู รู้มั้ยเวลาที่หนูร้องไห้อาเจ็บ....”หมับ!มือหนาจับมือเล็กทาบลงบนอกตัวเอง“ไม่ร้องนะเด็กดี อาแค่อยากจูบหนู อาสัญญา อาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าจูบ ถึงอยากจะทำมากแค่ไหนก็ตาม”“เฮือก!! อึก!!” คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อริมฝีปากอุ่นแตะจูบซับน้ำตา สัมผัสมันอ่อนโยนและนิ่มนวลมาก แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้ความกลัวหายไปไหน ยิ่งหวาดกลัวกับกา
“…..” สไนเปอร์ได้แต่อดทนไม่ให้ตัวเองโมโหไปกับการยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายเพราะรู้ถึงความกวนของน้องชายดี“เงียบแสดงว่าตกลง ว่าแต่คู่หมั้นนี้เอาได้มั้ย แต่ได้แหละได้ข่าวว่าพี่กับพี่ดาวก็ทำ ไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำเท่าที่ผมรู้มา เนี่ยผมนับถือพี่แค่ไหนมาขอหมั้นก่อน เวลาพาน้องไปนอนบ้านด้วย น้องจะได้ไม่เสียหาย แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกผมย้ายมาอยู่กับเมียได้” เมื่อเห็นพี่ชายเงียบไรเฟิลก็ยิ่งพูดยั่วโมโหเข้าไปใหญ่“ไอ้ไรเฟิล!!!!!!” สไนเปอร์ตะโกนเสียงแข็งอย่างหมดความอดทน“ครับคุณพ่อตาขอตัวก่อนนะ ว่าแต่ว่านี่เมียผมตื่นยังนะ” แล้วคนเจ้าเล่ห์สุดกวน ก็รีบวิ่งขึ้นไปหาเด็กสาวที่ยังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มหลังจากที่แม่พึ่งปลอบและเดินออกจากห้องไม่ถึงสิบนาที“ไอ้ไรเฟิล ไอ้ฉิบหาย มึงตาย!!!!!!!!” สไนเปอร์รีบวิ่งตามไปเพราะเป็นห่วงถึงความปลอดภัยลูก“ไรเฟิล กูขอร้องภูพิงค์ยังเด็ก มึงมีทุกอย่างจะหาผู้หญิงกี่ร้อยกี่พันคนก็ได้ ทำไมต้องมายุ่งกับภูพิงค์” สไนเปอร์พูดอย่างใจเย็น พยายามไม่ให้ตัวเองสติแตกไปมากกว่านี้“ไม่ว่าจะใครหน้าไหน ผมก็ไม่เอา ผมจะเอาภูพิงค์คนเดียว!” ไรเฟิลพูดจริงจัง สายตาที่ขี้เล่นเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็น ดุดัน ทรงพล
กลางดึก“หึ…คนบ้าอะไร ขนาดนอนยังน่ารัก” คุณหมอหนุ่ม ผู้หลงใหลรอยยิ้มหวาน จ้องเด็กสาวที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นสาวน้อยถ่ายภาพคู่กับพ่อ จากนั้นมาเขาก็เหมือนคนบ้าที่รอให้เธอโตพอที่จะมาเป็นเมียเขาได้ จนมาถึงวันนี้ที่มันอดทนรอไม่ไหวถึงจะรู้ว่าพี่ชายหวงหลานสาวคนนี้มาก แต่ถ้าไม่เดินเข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือมาได้ไง เขาลงทุนปีนหน้าต่างยามวิกาลเพียงแค่อยากอยู่ใกล้ อยากมองหน้าคนตัวเล็กให้นาน ๆ“คนอย่างไรเฟิล ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ เธอไม่มีทางรอดเงื้อมมือฉันไปได้แน่นอนสาวน้อย”“ขอจูบมัดจำหน่อยนะ แล้วจะรีบให้พ่อมาขอ” ไวเท่าความคิดกลีบปากนุ่ม ๆ ประทับจูบแตะลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู“ทำไมนะ ทำไมต้องเป็นเธอภูพิงค์” เขาทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ พร้อมสวมกอดอีกคนไว้แนบอก“พี่ภูผาหนูหนาว” ด้วยความเคยชินที่เวลาฝันร้ายหรือกลัวจะชอบเดินร้องไห้เข้าไปนอนกอดพี่ชาย พอได้รับไออุ่นจากคนข้าง ๆ ใบหน้าหวานซุกหน้าหาองศาที่เหมาะสม มือเล็กกอดร่างหนาไว้แน่น“หึ…มันน่าจริง ๆ อดทนไว้ลูกพ่อ ไว้ให้แม่หนูโตกว่านี้ก่อนพ่อจะจัดให้เต็มที่” เขาพูดปรามเจ้าลูกชายที่มันกำลังขยายตัวขึ้น ใครล่ะจะไปทนได้ก็เนื้อนุ่มนิ
1 ชั่วโมงผ่านไปสไนเปอร์กับนับดาวพอรู้เรื่องก็รีบขับรถกลับบ้าน แต่เพราะรถติดกว่าจะถึงบ้านก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง สองสามีภรรยาเดินอย่างรีบเร่งเข้าบ้านด้วยความเป็นห่วงลูก ๆ“พ่อจ๋า แม่จ๋า ฮื่อ!!!!” เด็กขี้อ้อนพอเห็นพ่อกับแม่เดินเข้าบ้านเท่านั้นแหละ ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม“ภูพิงค์ หยุดร้องก่อนหนวกหู” ขุนศึกถึงกับพูดเอ็ดพี่สาวที่ร้องไห้แบบนี้มาเป็นชั่วโมง“ก็พี่กลัวนิ ฮื่อ…ใครก็ไม่รู้น่ากลัว หน้าเขาเหมือนพวกโรคจิตเลยค่ะพ่อ หนูกลัว” เด็กสาวเอาแต่กอดพ่อที่ได้แต่นั่งนิ่งพยายามคิดว่าใครกันที่มันกล้าบุกเข้าบ้านแล้วยังกล้าบุกเข้าถึงห้องนอนลูกสาวสุดที่รักอีก“ไปหาแม่ เดี๋ยวพ่อไปดูเอง” สไนเปอร์กอดปลอบหอมหัวลูกรัก“แม่จ๋า ฮื่อ…ภูพิงค์กลัว” ภูพิงค์โผเข้ากอดแม่ด้วยความหวาดกลัว“แม่มาแล้วไม่ต้องร้อง พี่ภูผาก็อยู่ น้องก็อยู่ หยุดร้องไห้ก่อนลูก” นับดาวเองก็ได้แต่กอดปลอบลูก ปกติภูพิงค์ไม่ใช่เด็กขี้กลัวแบบนี้ แต่ใครเจอแบบนี้ก็ต้องตกใจกลัวเป็นธรรมดา“จะร้องอะไรอายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คนแค่ง่วงขอนอนห้องแค่นี้ทำอย่างกับจะตาย”ขวับ!!สี่คนพ่อแม่ลูกหันไปมองเจ้าของเสียงห้าวกวน ๆ เป็นตาเดียว“สวัสดีครับพี่"