LOGINดีแลนฝึกเป็นพ่อ – โครงการบริหารจัดการความรักและชีวิต
โครงการจัดการความสามารถผู้เป็นบิดา (Paternal Competency Project)
การรู้ว่า อีวา ตั้งครรภ์ ทำให้ ดีแลน แบล็กเวลล์ เข้าสู่ภาวะเตรียมพร้อมขั้นสูงสุด แต่ในแบบฉบับของเขา ทุกอย่างต้องถูกควบคุมและวัดผลได้ ดีแลนปฏิเสธที่จะเป็นคุณพ่อที่แค่ "ดีพอ" เขาจะต้องเป็นคุณพ่อทีสมบูรณ์แบบตามมาตรฐานที่เขากำหนดขึ้นเอง
ดีแลนจัดการกับการเป็นพ่อเหมือนกับการเข้าซื้อกิจการมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ เขาเรียกมันว่า "โครงการจัดการความสามารถผู้เป็นบิดา" เขาไม่ได้แค่เตรียมห้องนอนลูก แต่เขากำลังเตรียม ตัวเอง ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงดูบุตรที่ไม่มีใครเทียบได้
การเรียนรู้เชิงทฤษฎี (The War Room)ห้องทำงานเก่าของดีแลนในบ้านได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็น "ห้องบัญชาการทารก" (The Baby War Room) กำแพงไม่ได้เต็มไปด้วยกราฟแสดงผลกำไรและแผนผังองค์กรอีกต่อไป แต่ถูกแทนที่ด้วย:
แผนภูมิพัฒนาการทารก แผนผังขนาดใหญ่แสดงการพัฒนาการของทารกในครรภ์รายสัปดาห์ พร้อมตัวเลขและสถิติการเติบโตของอวัยวะที่สำคัญ โดยมีเส้นสีแดงลากโยงเน้นไปยังสิ่งที่เขาต้อง "สนับสนุน" เช่น "การเสริมสร้างกระดูกสันหลัง" หรือ "การกระตุ้นประสาทสัมผัส"
ตารางเวลาการนอนและให้นม (จำลอง) ตาราง Excel ละเอียดลออแสดงรอบการให้นมในอนาคตทุก 3 ชั่วโมง และระยะเวลาการนอนหลับที่คาดการณ์ไว้ (ในอุดมคติ) โดยดีแลนได้เพิ่มคอลัมน์พิเศษชื่อว่า "ความแปรปรวนที่รับได้" ซึ่งเขาตั้งไว้เป็นศูนย์
ห้องสมุดเฉพาะกิจหนังสือกว่าร้อยเล่มถูกจัดเรียงตามหมวดหมู่ "จิตวิทยาพัฒนาการเด็ก", "กายภาพบำบัดทารก", "การแพทย์ฉุกเฉินสำหรับทารก" และ "ภาษาทารก (Cry Interpretation)" ดีแลนอ่านทุกเล่มและทำไฮไลต์สีเหลืองในส่วนที่สำคัญ พร้อมทำโน้ตย่ออย่างละเอียดราวกับกำลังเตรียมสอบบาร์
ดีแลนจะนั่งอยู่ในห้องนั้นทุกคืนหลังอีวาหลับ โดยมีแสงไฟสลัวจากจอคอมพิวเตอร์ที่ฉายวิดีโอ "วิธีพันผ้าอ้อมที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม" เขากำลังพยายามจะสร้าง คู่มือปฏิบัติการแบล็กเวลล์สำหรับทารก ที่ไม่มีข้อผิดพลาด
การฝึกซ้อมปฏิบัติการขั้นสู'โครงการผ้าห่อตัว'ภารกิจแรกของดีแลนคือการพิชิตศิลปะการพันผ้าอ้อมและห่อตัว (Swaddling)
เขาซื้อตุ๊กตาซิลิโคนน้ำหนักและขนาดเท่าทารกจริงมาหลายตัว และกำหนดชื่อเฉพาะตามความยากในการพัน (เช่น "มาร์คัส" สำหรับตุ๊กตาที่ไม่ยอมให้ห่อ และ "เจเน็ต" สำหรับตุ๊กตาที่ต้องการความอ่อนโยนเป็นพิเศษ)
ดีแลนเปิดเพลงคลาสสิกของบาคเพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบ (ตามที่หนังสือแนะนำ) เขาพยายามพันผ้าอ้อมมัสลินอย่างรวดเร็วและแน่นหนาตามขั้นตอนที่ 1 ถึง 5 ของคู่มือ
“มุม A ไป มุม B... พับมุม C เหนือไหล่ซ้าย... ความตึงต้องคงที่ 15 องศา... ไม่มีทางที่แขนจะหลุดออกมาได้!”* ดีแลนกำกับตัวเองอย่างจริงจัง
อีวาที่มองดูจากขอบประตูต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
"ดีแลนคะ... ตุ๊กตาตัวนั้นไม่ใช่ชิ้นส่วนเครื่องจักรนะคะ" อีวาแซว
ดีแลนหันมามองด้วยสายตาที่จริงจัง "อีวา นี่คือ ความปลอดภัย ค่ะ ผ้าห่อตัวที่ไม่แน่นพออาจทำให้ทารกตกใจง่าย และส่งผลต่อการนอนหลับตามตารางเวลาที่เราวางไว้ได้! นี่คือการฝึกซ้อมที่สำคัญที่สุด!"
เขาทำซ้ำการห่อตัวตุ๊กตาตัวเดิมถึงสิบครั้ง จนกระทั่งผ้าห่อตัวแน่นและสมบูรณ์แบบราวกับทหารที่ยืนตรง อีวารู้สึกรักในความพยายามที่ไร้เดียงสาของเขา แต่ก็อดขำไม่ได้
การจำลองทางสัมผัส (The Empathy Suit)
สิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับดีแลนคือการเข้าใจความรู้สึกของ อีวาซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่เหนือตรรกะและการควบคุม ดีแลนจึงตัดสินใจลงทุนซื้อ ชุดจำลองการตั้งครรภ์ขั้นสูง(Empathy Belly/Suit) ซึ่งเป็นเสื้อเกราะที่มีน้ำหนักถ่วงและตำแหน่งของท้องที่ยื่นออกมาเหมือนท้องที่ตั้งครรภ์ 8 เดือน พร้อมถุงน้ำที่ทำให้เกิดแรงดันที่กระเพาะปัสสาวะ
ดีแลนประกาศว่าเขาจะสวมชุดนี้ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อสัมผัสถึงความลำบากของอีวา
การประชุมทางโทรศัพท์ดีแลนต้องเข้าร่วมการประชุมบอร์ดบริหารทางวิดีโอคอล เขาพยายามแสดงท่าทางที่สุขุม แต่ทุก ๆ ห้านาทีเขาต้องลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และลำบากเพื่อเดินไปเข้าห้องน้ำ (ซึ่งจำลองความรู้สึกปวดปัสสาวะตลอดเวลา)
“ขออภัยครับทุกท่าน! นี่ไม่ใช่ข้อผิดพลาดทางเทคนิค! ผมแค่... ต้องดูแลร่างกาย... ของคุณอีวาหน่อยครับ”เขาโกหกผู้บริหารในที่ประชุม
การผูกเชือกรองเท้าในครั้งแรกที่เขาพยายามผูกเชือกรองเท้าด้วยตัวเอง ดีแลนต้องใช้เวลาถึงสิบนาที เนื่องจากท้องจำลองที่ใหญ่โตขวางทาง การก้มตัวเป็นไปอย่างลำบากและทำให้เขาหายใจลำบาก เขาถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนพื้นด้วยความท้อแท้
“พระเจ้าช่วย! นี่มันยากกว่าการเจรจาควบรวมกิจการ 500 ล้านเหรียญเสียอีก!”
เมื่อถึงคืนที่สามของการใส่ชุดจำลอง ดีแลนถอดมันออกด้วยความเหนื่อยล้าและยอมรับความพ่ายแพ้
“อีวา... ผมขอยอมรับความพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์” ดีแลนกล่าวอย่างจริงใจ “ผมเข้าใจแล้ว... มันไม่ใช่แค่ความหนัก แต่เป็น ภาระที่ไม่มีวันจบสิ้น ที่คุณต้องแบกรับ... ผมขอโทษที่ก่อนหน้านี้ผมมักจะถามว่า 'คุณเหนื่อยจริง ๆ เหรอ' ”
นี่คือจุดเริ่มต้นของ ความเข้าใจทางอารมณ์ ของดีแลน เขายอมรับว่าความรักและความเห็นอกเห็นใจนั้นสำคัญกว่าตารางเวลาและการควบคุมใด ๆ การฝึกปฐมพยาบาลและการสร้างความปลอดภัย
แม้จะเริ่มเข้าใจความรู้สึก แต่สัญชาตญาณของการควบคุมของดีแลนยังคงอยู่ผู้เชี่ยวชาญการกู้ชีพทารกดีแลนจ้างแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้าน CPR ทารกมาสอนที่บ้าน เขาฝึกซ้อมการปฐมพยาบาลอย่างเคร่งครัด โดยมีหุ่นจำลองทารกที่เขาปฏิบัติต่ออย่างอ่อนโยนจนเหลือเชื่อ เขาสามารถให้การกู้ชีพทารกได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วเท่ากับผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ
การปรับปรุงระบบความปลอดภัย ดีแลนยกเลิกโครงการปูพื้นยางทั้งหมด แต่เปลี่ยนเป็นการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่สามารถตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิห้อง ความชื้น และระดับเสียงของทารกได้ตลอดเวลา เขาถึงกับติดตั้ง เครื่องวัดคุณภาพอากาศแบบละเอียดในทุกห้อง เพื่อให้แน่ใจว่าลูกน้อยจะได้หายใจในอากาศที่บริสุทธิ์ที่สุด
ความท้าทายสุดท้าย – บทเพลงแห่งความรัก
สิ่งที่ทำให้ดีแลนปวดหัวที่สุดคือการฝึก การร้องเพลงกล่อมเด็ก
เขาถนัดเพลงคลาสสิกหรือเพลงบรรเลงที่มีจังหวะซับซ้อน แต่หนังสือแนะนำว่าทารกต้องการทำนองที่เรียบง่ายและเสียงที่อ่อนโยน
คืนหนึ่ง อีวาขอให้เขาฝึกร้องเพลงกล่อมลูกอย่างจริงจัง ดีแลนหยิบโน้ตเพลงที่เขาเขียนขึ้นมา—เป็นเพลงกล่อมเด็กที่ประกอบด้วยคอร์ดที่ยากและโน้ตที่ละเอียดอ่อน—และเริ่มร้องด้วยเสียงที่จริงจังเหมือนกำลังนำเสนอแผนธุรกิจ
อีวาเริ่มหัวเราะ "ดีแลนคะ... มันซับซ้อนเกินไปค่ะ ลูกของเราไม่ใช่สมาชิกวงออร์เคสตรานะคะ"
ดีแลนรู้สึกอับอายและหงุดหงิด เขาเก็บโน้ตเพลงและมองหน้าอีวาด้วยความอ่อนล้า
“ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี อีวา ผมควบคุมตารางเวลาได้... ผมพันผ้าอ้อมได้... แต่ผมไม่รู้จะเข้าถึงหัวใจดวงเล็ก ๆ นี้ได้อย่างไร”
อีวาเดินเข้ามาหาเขา จับมือเขามาวางบนหน้าท้องที่นูนออกมา “คุณไม่ต้องควบคุมอะไรเลยค่ะ ดีแลน แค่ร้องเพลงจากหัวใจของคุณ... เพลงที่คุณอยากให้ลูกเราได้ยิน”
ดีแลนหลับตาลง เขานึกถึงอดีตที่เต็มไปด้วยความแค้น นึกถึงการไถ่บาป และนึกถึงความรักที่เขามีต่ออีวา จากนั้น... เขาเริ่มร้องเพลงออกมา เพลงนั้นไม่ใช่เพลงที่ซับซ้อน แต่เป็น เพลงง่าย ๆ ที่เขาแต่งขึ้นเอง ณ วินาทีนั้น
"ลูกรัก... พ่อเคยหลงทางในความมืดมิด... แต่แม่ของลูกได้นำแสงสว่างมาให้... พ่อสัญญา... ว่าแสงสว่างนี้จะส่องนำทางลูก... ให้ลูกได้รักโดยไม่รู้จักความเกลียดชัง..."
ในขณะที่เสียงเพลงที่อ่อนโยนและจริงใจของดีแลนจบลง ลูกน้อยก็ถีบท้องของอีวาเบา ๆ เป็นการตอบรับครั้งแรกที่ชัดเจน
ดีแลนน้ำตาไหล เขาเงยหน้ามองอีวาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด
เขาตระหนักในที่สุดว่าการเป็นพ่อไม่ได้เกี่ยวกับคู่มือปฏิบัติการหรือตารางเวลา แต่เป็นการยอมจำนนต่อความรัก ที่ไม่มีเงื่อนไข
การเตรียมความพร้อมจากหัวใจ
ดีแลน แบล็กเวลล์ ในท้ายที่สุดก็ยอมเผาคู่มือปฏิบัติการแบล็กเวลล์สำหรับทารกที่เขาเขียนไว้ทิ้ง เขาได้เรียนรู้ว่าการเป็นพ่อคือการเดินทางที่ต้องอาศัยหัวใจนำทาง ไม่ใช่ตาราง Excel
ความเห่อลูกของเขาแปรเปลี่ยนจากความต้องการควบคุมไปสู่ ความปรารถนาที่จะมอบความรักและความมั่นคงอย่างไม่มีเงื่อนไขให้แก่ลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา เพื่อให้ลูกได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไร้ซึ่งความเกลียดชังและเต็มไปด้วยความยุติธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาและอีวาได้ร่วมกันสร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของอดีตที่เจ็บปวด
อดีตซีอีโอผู้เหี้ยมโหด ได้กลายเป็นคุณพ่อที่อ่อนโยนและพร้อมสำหรับการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตแล้ว
บทเสริม: ความท้าทายใหม่—การเป็นผู้นำด้านศีลธรรม การกลับเข้าสู่สาธารณะชนในฐานะผู้ไถ่บาปหลายปีหลังจากที่ ดีแลน แบล็กเวลล์ยุติสงครามกับบิดาและทิ้งอาณาจักรธุรกิจของเขาไป เขาก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในฐานะคุณพ่อและผู้บริหารมูลนิธิ อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเขาในฐานะอดีตซีอีโอที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อความถูกต้องและภรรยาของเขา ก็ยังคงดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอกอยู่เสมอมูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรการกุศล แต่กลายเป็น สถาบันทางความคิด ด้านจรรยาบรรณธุรกิจ ดีแลนและอีวาเริ่มได้รับคำเชิญให้ไปพูดในที่สาธารณะ โดยเฉพาะจากสถาบันการศึกษาและกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ดีแลนตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่สาธารณชนอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อแสวงหาอำนาจ แต่เพื่อ มอบบทเรียนที่เขาได้รับมาจากการไถ่บาปของเขา ปาฐกถาที่มหาวิทยาลัย: บทเรียนจากความมืดมิด วันหนึ่ง ดีแลนได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นสถาบันที่เขาเคยบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อล้างภาพลักษณ์ของตระกูลในอดีต แต่คราวนี้เขามาในฐานะ วิทยากรที่มีความซื่อสัตย์เมื่อดีแลนยืนอยู่บนเวที ห้องประชุมเต็มไปด้วยนักศึกษาและนักธุรกิจที่ต่างจ
บทเสริม: ช่วงเวลาแห่งแสงแดด—ฤดูหนาวในบ้านที่อบอุ่น พลังงานของฤดูหนาว (The Winter Solace)เป็นช่วงกลางฤดูหนาวในคฤหาสน์บนเนินเขาหลังใหม่ของครอบครัวแบล็กเวลล์ แม้ภายนอกจะปกคลุมด้วยความเย็นยะเยือก แต่ภายในบ้านกลับอบอวลไปด้วยไออุ่นจากเตาผิงและกลิ่นหอมของช็อกโกแลตร้อนที่ อีวา กำลังเตรียมอยู่ลูก ๆ ทั้งสามคนกำลังวุ่นวายอยู่กับกิจกรรมของตนเองในห้องนั่งเล่น:อีธาน (วัยเจ็ดขวบ) นั่งอยู่บนพรมหน้าเตาผิง เขากำลังพยายามสานผ้าพันคอสีเข้มให้กับ ดีแลนโดยมีสมาธิอย่างสูง ตามแบบฉบับของเขาที่ชอบทำงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนโนอาห์ (วัยหกขวบ) ที่เต็มไปด้วยพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ กำลังก่อสร้างป้อมปราการขนาดใหญ่จากหมอนอิงและผ้าห่มกลางห้อง เขามักจะอธิบายถึงโครงสร้างของป้อมปราการอย่างละเอียดด้วยศัพท์ทางวิศวกรรมที่เขาไปค้นคว้ามาลินน์(วัยหกขวบ) ผู้มีจิตใจอ่อนโยนและจินตนาการกว้างไกล กำลังนั่งวาดรูปครอบครัวอยู่บนโต๊ะกาแฟ เธอวาดกุหลาบขาวดอกใหญ่ไว้ที่มุมหนึ่งของภาพเสมอดีแลน กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เก่า ๆ (เขาไม่สนใจข่าวสารทางธุรกิจอีกต่อไป) แต่ดวงตาของเขากลับมองเลยขอบกระดาษเพื่อเฝ้าดูลูก ๆ ของเขาอย่างเงียบ ๆอีว
บทเสริม: การเดินทางเพื่อรำลึก—การกลับไปสู่จุดเริ่มต้น วันครบรอบ การเดินทางที่ไม่ใช่การหนีเจ็ดปีผ่านไปนับตั้งแต่ ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา คาร์เตอร์ เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของพวกเขา และครบรอบห้าปีนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์ และ ลินน์ ชีวิตของพวกเขาถูกเติมเต็มด้วยความสุขสงบ และการเติบโตของลูก ๆ ทั้งสามปีนี้ในวันครบรอบ ดีแลนและอีวาตัดสินใจที่จะเดินทางไปพักผ่อนเพียงลำพัง โดยฝาก อีธาน, โนอาห์, และ ลินน์ ไว้กับพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้ การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางเพื่อการพักผ่อนทั่วไป แต่เป็นการเดินทางเพื่อ รำลึกถึงจุดเริ่มต้น ของพวกเขาจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ ที่ดินเก่าของตระกูลคาร์เตอร์ ที่ตอนนี้ถูกพัฒนาเป็น ศูนย์การเรียนรู้และยุติธรรมสำหรับเยาวชน ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ที่ดินนี้เคยเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นและความเจ็บปวดทั้งหมดของพวกเขาการเดินทางที่เงียบสงบดีแลนขับรถไปอย่างช้า ๆ มือของเขากุมมือของอีวาไว้ตลอดทาง พวกเขาสื่อสารกันด้วยความเงียบมากกว่าคำพูด ความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและซาบซึ้งในเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมาอีวา: "คุณยังจำได้ไหมคะ ดีแลน วันที่คุณ
บทเสริม: การเติบโต—ปีที่สี่ของแบล็กเวลล์น้อยความวุ่นวายที่มีระเบียบ (Structured Chaos)สี่ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์และ ลินน์ บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่อบอุ่นอีกต่อไป แต่เป็นศูนย์กลางของพลังงานที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อีธานตอนนี้อายุห้าขวบ เป็นพี่ชายที่รักน้องและเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของพ่อแม่ ส่วน โนอาห์และ ลินน์ แฝดสี่ขวบ กำลังอยู่ในช่วงของการค้นพบโลกและเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สิ้นสุดดีแลนผู้ที่เคยเป็นซีอีโอที่เคร่งครัด ได้เปลี่ยนบทบาทเป็นคุณพ่อที่อดทนและมีไหวพริบ เขาใช้หลักการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่เขาเคยใช้ในบริษัทมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกได้อย่างน่าประหลาดใจในห้องครัวที่เต็มไปด้วยแสงแดด ดีแลน กำลังพยายามทำอาหารเช้าสามอย่างพร้อมกัน (โจ๊กสำหรับอีธาน, แพนเค้กสำหรับโนอาห์, และผลไม้สำหรับลินน์) ในขณะที่ต้องตอบคำถามที่ซับซ้อน:โนอาห์ "คุณพ่อคะ ทำไมพระอาทิตย์ต้องไปนอนด้วยคะ? โนอาห์ไม่เคยไปนอนตอนเที่ยงวันเลย!"ดีแลน"เพราะพระอาทิตย์ต้องให้ดวงจันทร์ได้ทำงานบ้างครับ ลูกชาย มันเหมือนกับการแบ่งปันหน้าที่กันในครอบครัวไงครับ"ลินน์(นั่งวาดรูปอยู่บนเก้า
เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคในการสร้างข้อความ ความสุขที่สมบูรณ์แบบของครอบครัว (The Complete Joy) ยามเช้าในบ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์: วงจรชีวิตใหม่บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ในช่วงเช้าไม่ได้เงียบสงบอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยพลังงานที่วุ่นวายและเสียงหัวเราะ ดีแลน ตื่นก่อนใครเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่ออ่านรายงานการเงิน แต่เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิห้อง, เตรียมขวดนมสองขวดที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์แบบ, และเตรียมชาขิงให้กับ อีวาเมื่อลูกแฝด โนอาห์ (มักจะตื่นก่อนและมีเสียงดัง) และ ลินน์ (มักจะตื่นทีหลังและร้องเบา ๆ) เริ่มส่งเสียงร้องขออาหารเช้าจากห้องทารก อีธาน ลูกชายคนโตวัยสามขวบก็จะวิ่งลงจากเตียงและตรงมาที่ห้องพ่อแม่เพื่อขอให้ ดีแลน อุ้มเขาไปดูน้อง ๆดีแลน ที่เคยรังเกียจความวุ่นวายและสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้กลับโอบกอดความโกลาหลนี้ไว้ด้วยความสุขเต็มเปี่ยม เขาสามารถอุ้ม อีธาน ไว้ที่สะโพกข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างผสมนมผงสำหรับแฝดได้อย่างชำนาญการทำงานเป็นทีมที่ไร้ที่ติอีวา ที่ออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน จะเดินตรงไปหา ลินน์ ทันที ขณะที่ดีแลนจัดการกับ โนอาห์ ที่เริ่มส่งเสียงเรียกร้องอย่าง
ความทรงจำของลูคัสและจุดจบของยุคสมัย ความเงียบเหงาที่ถูกควบคุม (The Controlled Solitude)หลังจากที่ ลูคัส แบล็กเวลล์ยอมลงนามในสัญญาการยอมรับความผิด เขาถูกย้ายไปยังสถานที่ดูแลส่วนตัวที่ห่างไกลออกไปภายใต้ข้อตกลงลับกับดีแลน ที่ซึ่งเขายังคงได้รับการดูแลทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่เคยมี แต่เขาถูกตัดขาดจากการควบคุมโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงสถานที่นั้นเป็นคฤหาสน์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนเนินเขาที่เงียบสงบ แต่สำหรับลูคัส มันคือ คุกที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีผู้บริหารคนใดมาเข้าพบ มีเพียงพยาบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกจ้างโดยดีแลนเท่านั้นการเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าตลอดชีวิตของลูคัส เขาเคยชินกับการกรอกเวลาทุกวินาทีด้วยการวางแผน การบงการ และการแสวงหาอำนาจ แต่ตอนนี้... เวลาว่างเปล่า ได้กัดกินเขาอย่างช้า ๆเขานั่งอยู่ในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือที่ไม่เคยเปิดอ่าน มองออกไปนอกหน้าต่างที่เผยให้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ความงามเหล่านั้นไม่ได้สร้างความหมายใด ๆ ให้กับเขาเลย“ฉันทำอะไรลงไป?” ลูคัสคิดในใจเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่การเสียดายที่สูญเสียธุรกิจ







