Share

37.ท้าทาย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-30 07:42:12

ความท้าทายด้านจริยธรรมในมูลนิธิ (The Ethical Crossroads)

หลังจากที่ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงจากการเปิดโปงและจัดการกับมรดกที่ถูกซ่อนไว้ของ แอนนา แบล็กเวลล์ องค์กรก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้พิทักษ์ความยุติธรรม

แต่ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นก็นำมาซึ่งความท้าทายที่ยากจะปฏิเสธ วันหนึ่ง มูลนิธิได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจาก มาร์คัส เคนอดีตซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนรายหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ฉ้อโกง และ ปั่นราคาหุ้น ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมากต้องประสบกับความสูญเสีย

มาร์คัส เคนไม่ได้มาขอความช่วยเหลือเพื่อต่อสู้คดีในศาล แต่มาพร้อมกับ การสารภาพผิดอย่างสมบูรณ์และข้อเสนอที่ไม่เคยมีมาก่อน: เขาจะ มอบทรัพย์สินส่วนตัวเกือบทั้งหมด (ประมาณ 80% ของทรัพย์สินทั้งหมดของเขา) คืนให้กับเหยื่อและสังคม โดยมีเงื่อนไขว่ามูลนิธิฯ ต้องให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เขาในการเจรจาโทษกับทางการ ซึ่งรวมถึงการขอโอกาสในการ ไถ่บาป ด้วยการทำงานเพื่อสังคมหลังจากพ้นโทษ

ข้อเสนอของมาร์คัสทำให้บอร์ดบริหารของมูลนิธิและ ดีแลนกับ อีวา ต้องเผชิญกับทางแยกที่ยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กร

มุมมองของอีวา (เมตตา)อีวา เห็นในตัวมาร์คัสถึงโอกาสครั้งที่สอง เธอมองเห็นความสำนึกผิดที่จริงใจและเปรียบเทียบกับเส้นทางที่ ดีแลน เคยเดินผ่านมา อีวาเชื่อว่าการให้โอกาสในการไถ่บาปแก่ผู้กระทำความผิดที่ยอมรับความจริงอย่างสิ้นเชิง เป็นการส่งเสริมปรัชญาหลักของมูลนิธิที่ว่า ทุกคนสมควรได้รับโอกาสในการกลับตัว

มุมมองของดีแลน (หลักการและความเสี่ยง) ดีแลน เห็นด้วยกับแนวคิดเรื่องการไถ่บาป แต่เขาก็เป็นอดีตนักธุรกิจที่เข้าใจโลกแห่งอำนาจ เขาตระหนักถึงความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่มาร์คัส เคน เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง การที่มูลนิธิเข้าช่วยเหลือเขาจะทำให้เกิดข้อกล่าวหาทันทีว่า มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์เป็นเพียง องค์กรที่ฟอกบาปให้กับคนรวย (A White-Collar Purgatory) ซึ่งจะทำลายภาพลักษณ์ของมูลนิธิที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากในการช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอ

ดีแลน"ถ้าเราช่วยมาร์คัส สังคมจะมองว่าเราเลือกปฏิบัติ อีวา เราปฏิเสธที่จะช่วยเหลือคนจนที่ทำผิดพลาดเล็กน้อยมามากมาย เพราะมันขัดต่อภารกิจของเรา... แต่เราจะเลือกช่วยผู้บริหารระดับสูงที่ฉ้อโกงเงินหลายพันล้าน? มันจะทำให้หลักการของเราสั่นคลอน"

อีวา"แต่ ดีแลนการยอมรับผิดของมาร์คัสและการคืนทรัพย์สิน 80% เป็นการกระทำที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในโลกธุรกิจ เขาไม่ได้พยายามหนีความผิด แต่เขาพยายามชดเชยมัน การที่เราปฏิเสธโอกาสนี้... ก็เท่ากับเราปฏิเสธปรัชญาที่เราเชื่อในการเปลี่ยนแปลงและการให้อภัย"

ในขณะที่การตัดสินใจของมูลนิธิยังไม่ถึงข้อสรุป ข่าวการขอความช่วยเหลือจากมาร์คัส เคน ก็รั่วไหลสู่สื่อมวลชนอย่างรวดเร็ว กลุ่มที่ไม่หวังดี(ซึ่งอาจรวมถึงคู่แข่งของดีแลนและกลุ่มผู้ไม่พอใจการเติบโตของมูลนิธิ) ก็ฉวยโอกาสนี้ทันที

สื่อมวลชนหัวรุนแรงเริ่มโจมตีมูลนิธิด้วยพาดหัวข่าวที่เต็มไปด้วยอคติ:

 “มรดกที่แปดเปื้อน: แบล็กเวลล์ใช้มูลนิธิเพื่อช่วยเพื่อนร่วมแก๊งฉ้อโกง!”

 “ความยุติธรรมมีราคา: มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ เลือกปฏิบัติ ช่วยเหลือเฉพาะเศรษฐีที่บริจาคเงินมหาศาล”

แรงกดดันทางสังคมทวีความรุนแรงขึ้น การบริจาคจากประชาชนทั่วไปเริ่มลดลง และพนักงานของมูลนิธิบางส่วนก็เริ่มแสดงความกังวลว่าการตัดสินใจนี้จะทำให้ภารกิจขององค์กรเบี่ยงเบนไป

ดีแลน รู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้กับข้อกฎหมาย แต่เป็นการต่อสู้กับ อคติของสาธารณชน และ ความแคลงใจ ที่เขาก็เคยเผชิญมาก่อน

เขาจัดการประชุมฉุกเฉินกับบอร์ดบริหาร โดยยืนกรานว่าพวกเขาต้องตัดสินใจโดยไม่สนใจแรงกดดันจากภายนอก แต่ต้องยึดมั่นใน หลักการที่โปร่งใส เท่านั้น

ดีแลน"เราสร้างมูลนิธินี้ขึ้นมาเพื่อ ความยุติธรรม และ การไถ่บาป ไม่ใช่เพื่อความนิยมชมชอบของสาธารณชน ถ้าเราปฏิเสธมาร์คัสเพียงเพราะเรากลัวคำวิจารณ์... นั่นหมายความว่าเรากำลังยอมให้อคติและความกลัวมาบงการหลักการของเรา"

อีวา เสริมความเห็นของดีแลนด้วยมุมมองที่ลึกซึ้ง

อีวา"เราต้องแสดงให้โลกเห็นว่า ความยุติธรรมที่แท้จริงไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนจนเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ที่เคยมีอำนาจแต่ตัดสินใจที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องด้วย การตัดสินใจของมาร์คัสที่จะคืนทรัพย์สินเกือบทั้งหมด เป็นการกระทำที่แสดงถึงความเสียสละอย่างยิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ"

หลังจากการปรึกษาหารืออย่างเคร่งเครียดนานหลายวัน ดีแลนและอีวาตัดสินใจที่จะ รับคดีมาร์คัส เคน แต่ด้วย เงื่อนไขที่เข้มงวดและโปร่งใสที่สุดที่มูลนิธิเคยกำหนดมา

ดีแลนออกแถลงการณ์ร่วมกับมาร์คัส เคน โดยมีรายละเอียดของข้อตกลงที่ระบุถึง เงื่อนไขที่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยน(Non-Negotiable Conditions):

การคืนทรัพย์สินอย่างเต็มรูปแบบ ทรัพย์สิน 80% ของมาร์คัสจะต้องถูกโอนเข้ากองทุนชดเชยที่ตรวจสอบได้ 100% เพื่อคืนให้กับเหยื่อและมูลนิธิ ก่อน ที่มูลนิธิจะให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายใด ๆการยอมรับความผิดโดยสาธารณะ มาร์คัสจะต้องออกแถลงการณ์สารภาพความผิดโดยละเอียดต่อสาธารณชน โดยไม่ปกป้องตัวเอง และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการปฏิรูปกฎหมายธุรกิจพันธกรณีการทำงานเพื่อสังคมหลังพ้นโทษ มาร์คัสจะต้องทำงานให้กับมูลนิธิหรือองค์กรการกุศลที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมจริยธรรมธุรกิจ โดยไม่รับค่าตอบแทนเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี

การตรวจสอบถาวร ทรัพย์สินส่วนที่เหลือของมาร์คัสจะถูกตรวจสอบโดยมูลนิธิฯ เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 20 ปี เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำ

การกระทำของดีแลนและอีวาทำให้สื่อมวลชนและผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ เงียบเสียงลงโดยปริยาย ไม่มีใครเคยเห็นผู้บริหารระดับสูงยอมรับเงื่อนไขที่เข้มงวดและเสียสละขนาดนี้

ความจริงที่ปรากฏ การกระทำนี้พิสูจน์ว่าดีแลนและอีวาไม่ได้ช่วยมาร์คัสเพื่อเงิน แต่เพื่อ สร้างแบบอย่างของการไถ่บาปที่แท้จริงการที่มาร์คัสยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ เป็นการยืนยันถึงความสำนึกผิดของเขา

การเสริมสร้างหลักการมูลนิธิแสดงให้เห็นว่าหลักการของพวกเขาไม่สามารถถูกบงการได้ พวกเขาไม่ได้ขายความยุติธรรม แต่พวกเขาให้โอกาสในการแก้ไขแก่ผู้ที่เต็มใจที่จะจ่ายราคาที่สูงที่สุด—ไม่ใช่ด้วยเงิน แต่ด้วย การเสียสละอำนาจและชีวิตส่วนตัว

ดีแลน ได้เรียนรู้ว่าการเป็นผู้นำด้านศีลธรรมนั้นต้องอาศัย ความกล้าหาญ ในการยืนหยัดในหลักการ แม้ว่ามันจะทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรต้องตกอยู่ในความเสี่ยงก็ตาม การตัดสินใจครั้งนี้ได้เสริมสร้างหลักการของมูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ให้แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นไปอีก และตอกย้ำถึงความสมดุลระหว่า

งความเมตตา และ หลักการที่ทั้งดีแลนและอีวาได้ยึดมั่นร่วมกัน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เล่ห์รักนางฟ้า   42.ข้อจำกัด

    โนอาห์—การสร้างตัวตน (The Pursuit of Identity) เงาที่ต้องหลีกหนี (The Shadow to Evade)โนอาห์ แบล็กเวลล์ วัย 24 ปี เป็นแฝดคนหนึ่งที่แสดงความสามารถทางธุรกิจและเทคโนโลยีออกมาอย่างโดดเด่นตั้งแต่เด็ก เขามีความเฉียบขาด, มีสัญชาตญาณทางตลาด, และมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จแบบ ดีแลน แบล็กเวลล์ แต่เป็นดีแลนในเวอร์ชันที่ทันสมัยและเร็วกว่าแต่สิ่งหนึ่งที่ โนอาห์ ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงคือ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ เขามองว่าการทำงานด้านการกุศลเป็นเหมือนการยืนอยู่ใต้ เงา ของความสำเร็จที่พ่อแม่สร้างไว้ โนอาห์ต้องการพิสูจน์ว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จด้วย ชื่อของตัวเอง โดยปราศจากมรดกที่ถูกไถ่บาปเขาได้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญด้าน ปัญญาประดิษฐ์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน (AI-Fi)ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โนอาห์สร้างมันขึ้นมาตั้งแต่ศูนย์ โดยปฏิเสธเงินทุนจากครอบครัวความขัดแย้งภายในความมุ่งมั่นที่จะหลีกหนีจากเงาของพ่อแม่ทำให้ โนอาห์ เริ่มแสดงนิสัยที่คล้ายกับ ลูคัส แบล็กเวลล์ ในอดีต: เขาหมกมุ่นอยู่กับการแข่งขัน, มองว่าการเข้าซื้อกิจการเป็น การทำสงคราม และเชื่อว่า ประสิท

  • เล่ห์รักนางฟ้า   41.กำแพง

    กำแพงแก้วแห่งความคาดหวัง (The Glass Wall of Expectation)อีธาน แบล็กเวลล์ ในวัย 25 ปี เป็นบุตรชายคนโตและเป็นภาพสะท้อนที่สมบูรณ์แบบที่สุดของความรักที่ได้รับการไถ่บาปของ ดีแลน และ อีวา เขาสูงสง่า มีความสุภาพอ่อนโยน และมีแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจตามแบบฉบับของมารดา อีวาเขาเป็นผู้บริหารหลักของ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ และเป็นหัวหน้าโครงการยุติธรรมทางสังคม อีธานมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เฉียบคมเหมือนพ่อ แต่เขามักจะ ลังเล ที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายด้วยตัวเอง เพราะความกลัวที่จะทำผิดพลาดอย่างรุนแรงความกลัวของอีธานอีธานไม่ได้กลัวความล้มเหลวทางธุรกิจ แต่เขากลัวที่จะ ทำลายมรดก แห่งความซื่อสัตย์ที่พ่อแม่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยของเขาจะถูกตีความว่าเป็น เงาของตระกูลแบล็กเวลล์ ที่กลับมาหลอกหลอน ด้วยเหตุนี้ ชีวิตส่วนตัวของเขาจึงถูก แช่แข็ง ไว้ เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ไม่เคยไปเที่ยวคลับ ไม่เคยทำอะไรที่เสี่ยงต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์เขามองเห็นความรักที่บริสุทธิ์ของพ่อแม่เป็นเหมือน งานศิลปะชั้นยอด ที่สมบูรณ์แบบเสียจนเขาไม่กล้าแตะต้องมัน จุดเริ่มต

  • เล่ห์รักนางฟ้า   40.สิบแปดปีผ่านไป

    สิบแปดปี ผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีธาน, โนอาห์, และลินน์ แบล็กเวลล์ เติบโตขึ้นภายใต้แสงสว่างของ โรงเรียนกุหลาบขาว และหลักการของ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ พวกเขาคือภาพสะท้อนของความรักที่ได้รับการไถ่บาปของ ดีแลน และ อีวาแต่ความสมบูรณ์แบบที่พ่อแม่สร้างขึ้นกลับกลายเป็น กำแพง และ ความคาดหวัง ที่หนักอึ้งสำหรับคนรุ่นใหม่อีธาน (วัย 25 ปี) แบกรับภาระทางจริยธรรมของมูลนิธิ โนอาห์ (วัย 24 ปี) ใช้ความสามารถทางธุรกิจเพื่อสร้างชื่อเสียงของตัวเองให้ห่างจากเงาของพ่อแม่ และ ลินน์ (วัย 24 ปี) ค้นหาตัวตนที่แท้จริงในโลกของศิลปะเมื่อ ความลับจากอดีต ที่ถูกเก็บงำไว้ในยุคลูคัสถูกเปิดเผยอีกครั้ง และมี ตัวละครใหม่ ที่นำพาความเสี่ยงและความรักเข้ามาในชีวิตของพวกเขา ลูก ๆ ของดีแลนและอีวาจะต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาสามารถสร้างความรักในแบบของตัวเองได้ โดยไม่ต้องอาศัยการไถ่บาปของคนรุ่นก่อน

  • เล่ห์รักนางฟ้า   39.แสงสว่าง

    โครงการสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ หลังจากผ่านพ้นความท้าทายทางกฎหมาย จริยธรรม และความท้าทายในครอบครัว ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา ก็ตัดสินใจที่จะใช้เงินทุนทั้งหมดจาก กองทุนแอนนา แบล็กเวลล์เพื่อความยั่งยืนและทรัพย์สินส่วนตัวที่เหลือของดีแลนในการสร้างโครงการที่สำคัญที่สุด นั่นคือ "โรงเรียนกุหลาบขาว"โรงเรียนนี้ไม่ได้เป็นเพียงอาคารเรียน แต่เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่ไม่แสวงหาผลกำไรสำหรับเด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา โดยเฉพาะเด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการถูกชักจูงให้ทำผิดกฎหมายหรือขาดการชี้นำทางจริยธรรมปรัชญาของโรงเรียนโรงเรียนกุหลาบขาวจะเน้นการศึกษาที่ครอบคลุมสี่ด้านหลัก จริยธรรมและการไถ่บาปสอนความซื่อสัตย์ ความเห็นอกเห็นใจ และการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง ศิลปะและการบำบัด ใช้ดนตรี ศิลปะ และการเขียนเป็นเครื่องมือในการเยียวยาบาดแผลทางอารมณ์ ความยั่งยืน การสอนเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อโลก (จากกองทุนแอนนา) ความรู้ทางธุรกิจที่รับผิดชอบ การสอนพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการเงินภายใต้หลักการความยุติธรร การมีส่วนร่วมของลูก ๆ (The Children's Contribution)การสร้างโ

  • เล่ห์รักนางฟ้า   38.โลกภายนอก

    เสียงกระซิบจากโลกภายนอก (Whispers from the Outside World)อีธาน แบล็กเวลล์ในวัยเจ็ดขวบ ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาอีกต่อไป เขาเป็นเด็กชายที่ช่างสังเกต, มีความรู้สึกอ่อนไหว, และมีความคิดที่ซับซ้อนตามแบบฉบับของ อีวา ผู้เป็นแม่ เขากำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนประถมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่มีพื้นเพมาจากครอบครัวชนชั้นสูงที่เคยรู้จักหรือเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของตระกูลแบล็กเวลล์ในอดีตแม้ว่า ดีแลนและอีวาจะพยายามปกป้องลูก ๆ จากเงาของอดีต แต่กำแพงของบ้านก็ไม่สามารถกั้นคำพูดของคนภายนอกได้วันหนึ่ง อีธาน กลับมาถึงบ้านจากโรงเรียนด้วยสีหน้าที่เงียบผิดปกติ เขานั่งเล่นอยู่เงียบๆ ในห้องนั่งเล่น โดยมีหนังสือเล่มโปรดอยู่ในมือแต่ไม่ได้เปิดอ่าน ดีแลน สังเกตเห็นความผิดปกตินั้น และรู้ทันทีว่ามีบางอย่างที่รบกวนจิตใจของลูกชายอีธาน รอจนกระทั่ง โนอาห์ และ ลินน์ เข้านอนแล้ว เขาเดินเข้าไปหา ดีแลน ซึ่งกำลังนั่งตรวจเอกสารของมูลนิธิอยู่หน้าเตาผิงอีธาน (พูดด้วยเสียงเบาและสั่นเครือ) "คุณพ่อครับ... วันนี้เพื่อนที่โรงเรียนถาม อีธานว่า... คุณปู่ลูคัส... เป็นคนไม่ดีใช่ไหมครับ?"คำถามนั้นเหมือนเป็นระเบิดเวล

  • เล่ห์รักนางฟ้า   37.ท้าทาย

    ความท้าทายด้านจริยธรรมในมูลนิธิ (The Ethical Crossroads)หลังจากที่ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงจากการเปิดโปงและจัดการกับมรดกที่ถูกซ่อนไว้ของ แอนนา แบล็กเวลล์ องค์กรก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้พิทักษ์ความยุติธรรมแต่ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นก็นำมาซึ่งความท้าทายที่ยากจะปฏิเสธ วันหนึ่ง มูลนิธิได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจาก มาร์คัส เคนอดีตซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนรายหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ฉ้อโกง และ ปั่นราคาหุ้น ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมากต้องประสบกับความสูญเสียมาร์คัส เคนไม่ได้มาขอความช่วยเหลือเพื่อต่อสู้คดีในศาล แต่มาพร้อมกับ การสารภาพผิดอย่างสมบูรณ์และข้อเสนอที่ไม่เคยมีมาก่อน: เขาจะ มอบทรัพย์สินส่วนตัวเกือบทั้งหมด (ประมาณ 80% ของทรัพย์สินทั้งหมดของเขา) คืนให้กับเหยื่อและสังคม โดยมีเงื่อนไขว่ามูลนิธิฯ ต้องให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เขาในการเจรจาโทษกับทางการ ซึ่งรวมถึงการขอโอกาสในการ ไถ่บาป ด้วยการทำงานเพื่อสังคมหลังจากพ้นโทษข้อเสนอของมาร์คัสทำให้บอร์ดบริหารของมูลนิธิและ ดีแลนกับ อีวา ต้องเผชิญกับทางแยกที่ยากลำบากที่สุดนับต

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status