로그인โนอาห์—การสร้างตัวตน (The Pursuit of Identity) เงาที่ต้องหลีกหนี (The Shadow to Evade)
โนอาห์ แบล็กเวลล์ วัย 24 ปี เป็นแฝดคนหนึ่งที่แสดงความสามารถทางธุรกิจและเทคโนโลยีออกมาอย่างโดดเด่นตั้งแต่เด็ก เขามีความเฉียบขาด, มีสัญชาตญาณทางตลาด, และมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จแบบ ดีแลน แบล็กเวลล์ แต่เป็นดีแลนในเวอร์ชันที่ทันสมัยและเร็วกว่า
แต่สิ่งหนึ่งที่ โนอาห์ ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงคือ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ เขามองว่าการทำงานด้านการกุศลเป็นเหมือนการยืนอยู่ใต้ เงา ของความสำเร็จที่พ่อแม่สร้างไว้ โนอาห์ต้องการพิสูจน์ว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จด้วย ชื่อของตัวเอง โดยปราศจากมรดกที่ถูกไถ่บาป
เขาได้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญด้าน ปัญญาประดิษฐ์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน (AI-Fi)ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โนอาห์สร้างมันขึ้นมาตั้งแต่ศูนย์ โดยปฏิเสธเงินทุนจากครอบครัว
ความขัดแย้งภายใน
ความมุ่งมั่นที่จะหลีกหนีจากเงาของพ่อแม่ทำให้ โนอาห์ เริ่มแสดงนิสัยที่คล้ายกับ ลูคัส แบล็กเวลล์ ในอดีต: เขาหมกมุ่นอยู่กับการแข่งขัน, มองว่าการเข้าซื้อกิจการเป็น การทำสงคราม และเชื่อว่า ประสิทธิภาพ สำคัญกว่า ความรู้สึกเขาไม่ได้โกง แต่ความเยือกเย็นของเขาเริ่มน่ากลัว
บริษัทของโนอาห์ดึงดูดความสนใจจากบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ "เซเรนิตี้ ดาต้า คอร์ป"ซึ่งนำโดย เซเรน่า หลิน วัย 25 ปี
เซเรน่าเป็นนักธุรกิจหญิงที่เก่งกาจ, เยือกเย็น, และมีเหตุผล ทุกการกระทำของเธอคือ กลยุทธ์ เธอใช้คำพูดน้อย, มีสายตาที่อ่านยาก, และมองว่า ความรู้สึกเป็นเพียงตัวแปรที่ทำให้การตัดสินใจผิดพลาด
เธอเข้าหา โนอาห์ เพื่อเจรจาขอ ซื้อกิจการ ของเขา โดยเสนอราคาที่สูงจนน่าตกใจ แต่ข้อเสนอของเธอคือการ ผนวกบริษัทของโนอาห์เข้าไปภายใต้การควบคุมของเธออย่างสมบูรณ์
เซเรน่า (ในห้องประชุมที่ดูหรูหราแต่ไร้ความรู้สึก) "บริษัทของคุณเป็น ทรัพย์สิน ที่มีค่า โนอาห์ ฉันเสนอราคาที่คุณไม่สามารถปฏิเสธได้... และที่สำคัญที่สุด... ฉันเข้าใจ ความมุ่งมั่นของคุณในการสร้างตัวตนด้วยตัวเอง เราสองคนเหมือนกัน... เราไม่ยอมให้ใครมาควบคุม"
โนอาห์ ตกหลุมรัก เซเรน่าทันที ไม่ใช่เพราะความงามของเธอ แต่เพราะเธอคือคนเดียวที่เข้าใจ ความต้องการที่ฝังลึกในการสร้างอำนาจด้วยตัวเองของเขาอย่างแท้จริง ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีความตึงเครียดของการแข่งขันและการเจรจาทางธุรกิจเป็นฉากหลัง
การโจมตีทางธุรกิจที่ผิดปกติ (The Irregular Business Attack)
ขณะที่ โนอาห์ กำลังเจรจากับ เซเรน่า อย่างเข้มข้น เขาก็เริ่มสังเกตเห็น การโจมตีทางธุรกิจ ที่ผิดปกติ บริษัทของเขาถูกโจมตีด้วยการปล่อยข่าวลือ, การขโมยข้อมูลลูกค้าเล็กน้อย, และการแทรกแซงในซัพพลายเชนในรูปแบบที่ เป็นส่วนตัว และมุ่งเป้าไปที่ความน่าเชื่อถือของ โนอาห์ โดยเฉพาะ
โนอาห์ใช้ทักษะด้าน AI ของเขาในการสืบสวน และพบว่าร่องรอยของการโจมตีนำไปสู่บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่ปิดบังชื่อ ซึ่งมี รหัสการเข้ารหัส ที่คุ้นเคย... รหัสที่คล้ายกับที่ โจนาธาน เฮย์ส ศัตรูเก่าของพ่อเขาเคยใช้
การเปิดเผยที่เจ็บปวด: เซเรน่าเป็นหมาก (The Painful Revelation: Serena as the Pawn)
โนอาห์ใช้เวลาหลายวันในการตามรอย และพบกับความจริงที่เจ็บปวดเซเรน่า หลินไม่ได้เป็นเพียงคู่แข่ง แต่เธอคือ หมากสำคัญ ในเกมแก้แค้นของ โจนาธาน เฮย์ส
โจนาธานที่ถูกทำลายโดย ดีแลน ในอดีต ได้ลงทุนใน เซเรนิตี้ ดาต้า คอร์ป ของเซเรน่าอย่างลับ ๆ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือ เซเรน่าต้อง ทำลาย บริษัทของโนอาห์ หรือ ซื้อกิจการ มาแล้วปลดโนอาห์ออก เพื่อทำลายความภาคภูมิใจของดีแลนทางอ้อม
เมื่อโนอาห์เผชิญหน้ากับเซเรน่า เธอยอมรับความจริงอย่างเยือกเย็น
เซเรน่า"ใช่... โจนาธาน เป็นผู้สนับสนุนหลักของฉัน ฉันไม่เคยสนใจความแค้นของเขา ฉันสนใจแค่ *ฝอำนาจ และ ทรัพยากรที่เขาเสนอให้ฉันในการเอาชนะตลาด คุณต้องการรู้ความจริงทั้งหมดใช่ไหม โนอาห์? เราทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ... ไม่ใช่หรือไง?"
คำพูดของเซเรน่าสะท้อนถึงความคิดของ ลูคัส และ ดีแลนในอดีตอย่างน่ากลัว มันทำให้ โนอาห์ เผชิญหน้ากับ เงาที่มืดมิด ในตัวเองความทะเยอทะยานที่ไม่มีขีดจำกัด อาจนำพาเขาสู่หายนะแบบเดียวกับที่พ่อของเขาเกือบจะเจอ
ความหมายของการชนะ: การกอบกู้ความซื่อสัตย์ (The Meaning of Victory: Retrieving Integrity)
โนอาห์ อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต:
ทางเลือกแบบลูคัสใช้ข้อมูลที่เขามีในการเปิดโปงความสัมพันธ์ระหว่างเซเรน่า และ โจนาธาน ต่อสาธารณะ ทำให้เซเรน่าต้องอับอายและทำลายบริษัทของเธอได้อย่างสมบูรณ์ (ชัยชนะด้วยการทำลาย)ทางเลือกแบบดีแลน ใช้หลักการ จริยธรรมทางธุรกิจ ที่พ่อเขาเคยสอนในการเปลี่ยนศัตรูให้เป็นพันธมิตร และพิสูจน์ว่าความสำเร็จที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องมีการทำลายกัน (ชัยชนะด้วยการร่วมมือ)
ความทะเยอทะยานของ โนอาห์ กระซิบให้เขาเลือกทางแรก แต่หัวใจที่ได้รับอิทธิพลจากความรักที่ได้รับการไถ่บาปของพ่อแม่คอยเหนี่ยวรั้งเขาไว้
โนอาห์ ไปหา ดีแลน โดยไม่ได้บอกเล่าสถานการณ์ทั้งหมด แต่ถามคำถามเชิงปรัชญา
โนอาห์"คุณพ่อครับ... ถ้าคุณพ่อเจอคู่แข่งที่เก่งกาจและเข้าใจคุณพ่อทุกอย่าง... แต่พวกเขากำลังใช้กลยุทธ์ที่น่ารังเกียจ... คุณพ่อจะทำลายพวกเขา... หรือคุณพ่อจะเปลี่ยนพวกเขาครับ?"
ดีแลน "พ่อเคยทำลายมาแล้ว โนอาห์ และมันทำให้พ่อสูญเสียสิ่งที่รักที่สุด... พ่อได้เรียนรู้ว่า การชนะคือการได้เห็น ศักยภาพ ที่ดีที่สุดของศัตรูมาเป็น พันธมิตรการชนะคือการสร้าง ไม่ใช่การทำลาย... และนั่นคือ จริยธรรมที่มูลนิธิของเรายืนหยัด"
โนอาห์ ตัดสินใจที่จะไม่เปิดโปง เซเรน่าแต่เขาเลือกที่จะเปิดเผยความจริง ต่อเธออย่างจริงใจ
โนอาห์ "ฉันรู้เรื่อง โจนาธานทั้งหมด เซเรน่า ฉันสามารถทำลายคุณได้ตอนนี้... แต่ฉันจะไม่ทำ เพราะฉันเห็นว่าคุณไม่ใช่ ปีศาจ แต่คุณคือนักสร้าง ที่ถูกชักนำไปผิดทาง"
โนอาห์ไม่ยอมรับข้อเสนอซื้อกิจการ แต่เสนอ การเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน
โนอาห์ "ฉันเสนอให้เรา รวมบริษัท โดยมีเงื่อนไขเดียว: เราต้องใช้ จริยธรรม เป็นรากฐาน เราต้องสร้างบริษัทที่ใหญ่กว่าและดีกว่า โดยไม่มีเงาของ โจนาธานหรือ ลูคัสเราจะพิสูจน์ว่า ความร่วมมือ สามารถเอาชนะการแข่งขันที่บ้าคลั่งได้"
การเรียนรู้จากพ่อพันธมิตรแห่งความรัก (Learning from Father: The Alliance of Love)
เซเรน่าที่เยือกเย็นมาตลอดชีวิตต้องเผชิญกับ ความจริงใจ ที่ไม่เคยมีใครมอบให้ เธอเห็นว่า โนอาห์ ไม่ได้กลัวที่จะแสดงจุดอ่อนและความซื่อสัตย์ของเขาออกมา การกระทำของเขาเป็นเหมือน กระจก ที่สะท้อนให้เธอเห็นว่าความทะเยอทะยานของเธอนั้นว่างเปล่า
เซเรน่า ยอมรับข้อเสนอหุ้นส่วนของโนอาห์ และสารภาพความรู้สึกของเธอ
เซเรน่า "ฉันไม่เคยไว้ใจใครเลย โนอาห์ ... จนกระทั่งฉันรู้ว่าคุณมีโอกาสทำลายฉันได้ แต่คุณเลือกที่จะ สร้างฉันแทน"
โนอาห์ไม่ได้ทำลาย เซเรน่า แต่เขากลับ เปลี่ยนเธอ ให้กลายเป็นผู้หญิงที่มีทั้งความเฉลียวฉลาดทางธุรกิจและความเห็นอกเห็นใจ หลักการจริยธรรมที่เขาได้เรียนรู้จากพ่อถูกนำมาใช้ในโลกธุรกิจจริง ๆ
โนอาห์ และเซเรน่าก่อตั้งบริษัทใหม่ร่วมกันภายใต้ชื่อใหม่ที่ไม่มีคำว่าแบล็กเวลล์ แต่มีหลักการของแบล็กเวลล์ความโปร่งใส, ความซื่อสัตย์, และการใช้นวัตกรรมเพื่อความดี
ความรักของพวกเขาไม่ได้เริ่มต้นจากความโรแมนติกแบบเทพนิยาย แต่จาก ความเคารพ ในสติปัญญา และ ความตั้งใจที่จะสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมร่วมกัน อาณาจักรที่เต็มไปด้วยจริยธรรม
โนอาห์ในที่สุดก็ได้สร้าง ตัวตน ที่เป็นอิสระจากเงาของพ่อแม่ แต่เป็นตัวตนที่ได้รับการหล่อหลอมจาก บทเรียนที่ยิ่งใหญ่
ที่สุดของพวกเขาความรักและความซื่อสัตย์คือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ทรงพลังที่สุด
โนอาห์—การสร้างตัวตน (The Pursuit of Identity) เงาที่ต้องหลีกหนี (The Shadow to Evade)โนอาห์ แบล็กเวลล์ วัย 24 ปี เป็นแฝดคนหนึ่งที่แสดงความสามารถทางธุรกิจและเทคโนโลยีออกมาอย่างโดดเด่นตั้งแต่เด็ก เขามีความเฉียบขาด, มีสัญชาตญาณทางตลาด, และมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จแบบ ดีแลน แบล็กเวลล์ แต่เป็นดีแลนในเวอร์ชันที่ทันสมัยและเร็วกว่าแต่สิ่งหนึ่งที่ โนอาห์ ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงคือ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ เขามองว่าการทำงานด้านการกุศลเป็นเหมือนการยืนอยู่ใต้ เงา ของความสำเร็จที่พ่อแม่สร้างไว้ โนอาห์ต้องการพิสูจน์ว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จด้วย ชื่อของตัวเอง โดยปราศจากมรดกที่ถูกไถ่บาปเขาได้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญด้าน ปัญญาประดิษฐ์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน (AI-Fi)ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โนอาห์สร้างมันขึ้นมาตั้งแต่ศูนย์ โดยปฏิเสธเงินทุนจากครอบครัวความขัดแย้งภายในความมุ่งมั่นที่จะหลีกหนีจากเงาของพ่อแม่ทำให้ โนอาห์ เริ่มแสดงนิสัยที่คล้ายกับ ลูคัส แบล็กเวลล์ ในอดีต: เขาหมกมุ่นอยู่กับการแข่งขัน, มองว่าการเข้าซื้อกิจการเป็น การทำสงคราม และเชื่อว่า ประสิท
กำแพงแก้วแห่งความคาดหวัง (The Glass Wall of Expectation)อีธาน แบล็กเวลล์ ในวัย 25 ปี เป็นบุตรชายคนโตและเป็นภาพสะท้อนที่สมบูรณ์แบบที่สุดของความรักที่ได้รับการไถ่บาปของ ดีแลน และ อีวา เขาสูงสง่า มีความสุภาพอ่อนโยน และมีแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจตามแบบฉบับของมารดา อีวาเขาเป็นผู้บริหารหลักของ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ และเป็นหัวหน้าโครงการยุติธรรมทางสังคม อีธานมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เฉียบคมเหมือนพ่อ แต่เขามักจะ ลังเล ที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายด้วยตัวเอง เพราะความกลัวที่จะทำผิดพลาดอย่างรุนแรงความกลัวของอีธานอีธานไม่ได้กลัวความล้มเหลวทางธุรกิจ แต่เขากลัวที่จะ ทำลายมรดก แห่งความซื่อสัตย์ที่พ่อแม่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยของเขาจะถูกตีความว่าเป็น เงาของตระกูลแบล็กเวลล์ ที่กลับมาหลอกหลอน ด้วยเหตุนี้ ชีวิตส่วนตัวของเขาจึงถูก แช่แข็ง ไว้ เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ไม่เคยไปเที่ยวคลับ ไม่เคยทำอะไรที่เสี่ยงต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์เขามองเห็นความรักที่บริสุทธิ์ของพ่อแม่เป็นเหมือน งานศิลปะชั้นยอด ที่สมบูรณ์แบบเสียจนเขาไม่กล้าแตะต้องมัน จุดเริ่มต
สิบแปดปี ผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีธาน, โนอาห์, และลินน์ แบล็กเวลล์ เติบโตขึ้นภายใต้แสงสว่างของ โรงเรียนกุหลาบขาว และหลักการของ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ พวกเขาคือภาพสะท้อนของความรักที่ได้รับการไถ่บาปของ ดีแลน และ อีวาแต่ความสมบูรณ์แบบที่พ่อแม่สร้างขึ้นกลับกลายเป็น กำแพง และ ความคาดหวัง ที่หนักอึ้งสำหรับคนรุ่นใหม่อีธาน (วัย 25 ปี) แบกรับภาระทางจริยธรรมของมูลนิธิ โนอาห์ (วัย 24 ปี) ใช้ความสามารถทางธุรกิจเพื่อสร้างชื่อเสียงของตัวเองให้ห่างจากเงาของพ่อแม่ และ ลินน์ (วัย 24 ปี) ค้นหาตัวตนที่แท้จริงในโลกของศิลปะเมื่อ ความลับจากอดีต ที่ถูกเก็บงำไว้ในยุคลูคัสถูกเปิดเผยอีกครั้ง และมี ตัวละครใหม่ ที่นำพาความเสี่ยงและความรักเข้ามาในชีวิตของพวกเขา ลูก ๆ ของดีแลนและอีวาจะต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาสามารถสร้างความรักในแบบของตัวเองได้ โดยไม่ต้องอาศัยการไถ่บาปของคนรุ่นก่อน
โครงการสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ หลังจากผ่านพ้นความท้าทายทางกฎหมาย จริยธรรม และความท้าทายในครอบครัว ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา ก็ตัดสินใจที่จะใช้เงินทุนทั้งหมดจาก กองทุนแอนนา แบล็กเวลล์เพื่อความยั่งยืนและทรัพย์สินส่วนตัวที่เหลือของดีแลนในการสร้างโครงการที่สำคัญที่สุด นั่นคือ "โรงเรียนกุหลาบขาว"โรงเรียนนี้ไม่ได้เป็นเพียงอาคารเรียน แต่เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่ไม่แสวงหาผลกำไรสำหรับเด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา โดยเฉพาะเด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการถูกชักจูงให้ทำผิดกฎหมายหรือขาดการชี้นำทางจริยธรรมปรัชญาของโรงเรียนโรงเรียนกุหลาบขาวจะเน้นการศึกษาที่ครอบคลุมสี่ด้านหลัก จริยธรรมและการไถ่บาปสอนความซื่อสัตย์ ความเห็นอกเห็นใจ และการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง ศิลปะและการบำบัด ใช้ดนตรี ศิลปะ และการเขียนเป็นเครื่องมือในการเยียวยาบาดแผลทางอารมณ์ ความยั่งยืน การสอนเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อโลก (จากกองทุนแอนนา) ความรู้ทางธุรกิจที่รับผิดชอบ การสอนพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการเงินภายใต้หลักการความยุติธรร การมีส่วนร่วมของลูก ๆ (The Children's Contribution)การสร้างโ
เสียงกระซิบจากโลกภายนอก (Whispers from the Outside World)อีธาน แบล็กเวลล์ในวัยเจ็ดขวบ ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาอีกต่อไป เขาเป็นเด็กชายที่ช่างสังเกต, มีความรู้สึกอ่อนไหว, และมีความคิดที่ซับซ้อนตามแบบฉบับของ อีวา ผู้เป็นแม่ เขากำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนประถมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่มีพื้นเพมาจากครอบครัวชนชั้นสูงที่เคยรู้จักหรือเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของตระกูลแบล็กเวลล์ในอดีตแม้ว่า ดีแลนและอีวาจะพยายามปกป้องลูก ๆ จากเงาของอดีต แต่กำแพงของบ้านก็ไม่สามารถกั้นคำพูดของคนภายนอกได้วันหนึ่ง อีธาน กลับมาถึงบ้านจากโรงเรียนด้วยสีหน้าที่เงียบผิดปกติ เขานั่งเล่นอยู่เงียบๆ ในห้องนั่งเล่น โดยมีหนังสือเล่มโปรดอยู่ในมือแต่ไม่ได้เปิดอ่าน ดีแลน สังเกตเห็นความผิดปกตินั้น และรู้ทันทีว่ามีบางอย่างที่รบกวนจิตใจของลูกชายอีธาน รอจนกระทั่ง โนอาห์ และ ลินน์ เข้านอนแล้ว เขาเดินเข้าไปหา ดีแลน ซึ่งกำลังนั่งตรวจเอกสารของมูลนิธิอยู่หน้าเตาผิงอีธาน (พูดด้วยเสียงเบาและสั่นเครือ) "คุณพ่อครับ... วันนี้เพื่อนที่โรงเรียนถาม อีธานว่า... คุณปู่ลูคัส... เป็นคนไม่ดีใช่ไหมครับ?"คำถามนั้นเหมือนเป็นระเบิดเวล
ความท้าทายด้านจริยธรรมในมูลนิธิ (The Ethical Crossroads)หลังจากที่ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงจากการเปิดโปงและจัดการกับมรดกที่ถูกซ่อนไว้ของ แอนนา แบล็กเวลล์ องค์กรก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้พิทักษ์ความยุติธรรมแต่ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นก็นำมาซึ่งความท้าทายที่ยากจะปฏิเสธ วันหนึ่ง มูลนิธิได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจาก มาร์คัส เคนอดีตซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนรายหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ฉ้อโกง และ ปั่นราคาหุ้น ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมากต้องประสบกับความสูญเสียมาร์คัส เคนไม่ได้มาขอความช่วยเหลือเพื่อต่อสู้คดีในศาล แต่มาพร้อมกับ การสารภาพผิดอย่างสมบูรณ์และข้อเสนอที่ไม่เคยมีมาก่อน: เขาจะ มอบทรัพย์สินส่วนตัวเกือบทั้งหมด (ประมาณ 80% ของทรัพย์สินทั้งหมดของเขา) คืนให้กับเหยื่อและสังคม โดยมีเงื่อนไขว่ามูลนิธิฯ ต้องให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เขาในการเจรจาโทษกับทางการ ซึ่งรวมถึงการขอโอกาสในการ ไถ่บาป ด้วยการทำงานเพื่อสังคมหลังจากพ้นโทษข้อเสนอของมาร์คัสทำให้บอร์ดบริหารของมูลนิธิและ ดีแลนกับ อีวา ต้องเผชิญกับทางแยกที่ยากลำบากที่สุดนับต







