Se connecterคิมหันต์นั่งดื่มวิสกี้อยู่ที่โซฟาตัวยาว มองดูสายฝนที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา ในใจไพล่คิดไปถึงปิ่นปัก หญิงสาวร่างเล็กที่เขาขับไล่ออกไปจากไร่ด้วยความไม่ไยดี ป่านนี้เธอจะเดินทางไปที่ไหน เป็นอย่างไรบ้าง หรือว่าตกดอยตายไปแล้ว แต่มันก็สมควรแล้วนี่ที่เธอต้องไปจากที่นี่ หญิงสาวคนนี้น่าจะไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่วันนั้นเสียด้วยซ้ำ
“ตายเสียได้ก็ดี” เขาพูดคนเดียว กระดกดื่มวิสกี้ทีเดียวหมดแก้ว และรินใหม่ จินตนาการไปว่าหากได้เห็นศพของปิ่นปักในวันรุ่งขึ้น คงสะใจพิลึก ศพ ศพ ทำไมเขานึกถึงคำนี้ หัวใจของเขาเสียวแปลบขึ้นมากะทันหัน ร้อนรนด้วยความเป็นห่วง เป็นห่วง ไม่เลยเขาไม่มีทางเป็นห่วงปิ่นปักเด็ดขาด
“พ่อเลี้ยงครับ พ่อเลี้ยง” เสียงร้องเรียกชื่อเจ้าของไร่แข่งกับสายฝนที่กระหน่ำไม่ยอมหยุด ใครมาเรียกเขาตอนนี้ เวลานี้ทุกคนที่อยู่ในไร่จะเข้านอนกันหมดแล้ว การที่มาเรียกยามค่ำคืนแบบนี้ต้องมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“มีอะไร” คิมหันต์กระชากประตูเอ่ยถามชาติชายลูกน้องมือดีที่ยืนกางร่ม ในมือถือกระเป๋าใบหนึ่งอยู่
“มีคนเจอกระเป๋าใบนี้ตกอยู่ที่ถนนลงดอยครับ”
“แล้วไง แค่คนเจอกระเป๋าแค่นี้จะต้องมาแหกปากเรียกฉันเลยเหรอ” เขาสวนขึ้นอย่างหงุดหงิด ชาติชายหน้าเจื่อนเล็กน้อยกับน้ำเสียงของเจ้านาย ‘มาผิดเวลาอีกแล้วกู’
“นาบุญกับสันเข้าไปในเมืองครับ ขากลับเห็นรถมอเตอร์ไซค์สองคันจอดอยู่ นึกว่าเสียก็เลยไม่ได้สนใจอะไร ขับรถขึ้นดอยมาเรื่อยๆ จนมาเจอกระเป๋าใบนี้ ” ลูกน้องผิวสีเข้มชะงักกลางคันเมื่อถูกเจ้านายหนุ่มเบรกดังเอี๊ยด
“มึงจะเล่าให้กูฟังทำไมเนี่ย กะอีกแค่เจอมอเตอร์ไซค์จอดเสียอยู่ กับกระเป๋าใบหนึ่งมันจะอะไรกันนักกันหนาวะ” ดีกรีความหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังจะหมุนตัวกลับเข้าบ้าน เนื่องจากคิดว่าเรื่องที่เขาฟังเป็นเรื่องไร้สาระ
“อิ้งบอกว่า กระเป๋าใบนี้เป็นของปิ่นครับ ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่เป็นของพวกไอ้เรืองครับ” พ่อเลี้ยงแสนเย็นชาหันกลับมามองหน้าชาติชาย เดินเข้ามาที่ประตูพิงและกอดอกด้วยท่าทางที่สบายๆ
“แล้วไง มาบอกฉันทำไม” ลูกน้องหนุ่มถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง ไม่คิดว่าความเกลียดที่มีต่อปิ่นปักจะมากมายขนาดไม่ไปช่วยเหลือเธอ สองสิ่งที่พบบริเวณทางขึ้นดอยนั้น และเจ้าของรถเครื่อง บอกได้เลยว่าปิ่นปักกำลังตกอยู่ในอันตราย ร้ายแรงอาจถึงชีวิตก็เป็นได้
“พ่อเลี้ยงจะไม่ไปช่วยหน่อยหรือครับ” ชาติชายลองเชิงถาม
“ไปช่วยทำไม ตัวซวยแท้ๆ ไปได้ก็ดี”
“แต่ว่า...”
“มึงอยากปอดบวมตายเพราะไปช่วยนังตัวซวยคนนั้นก็ตามใจ แต่กูจะไม่พามึงไปโรงพยาบาลนะ” พูดจบก็หันหลังกลับเข้าไปในบ้านทันที ชาติชายไม่รอช้าวางกระเป๋าของปิ่นปักที่หน้าประตู หมุนตัววิ่งไปที่หน้าลานกว้างที่มีรถจิ๊ปของไร่จอดอยู่ โดยมีคนงานในไร่ประมาณสี่ห้าคนรออยู่ในรถ ชาติชายสั่งให้สันออกรถทันทีเพื่อไปช่วยปิ่นปัก ตัวซวยประจำไร่เทียมฟ้า
เวลาผ่านไปประมาณสิบนาที คนที่บอกว่าไม่ใส่ใจ เริ่มนั่งไม่ติด ใจหวาดหวั่นคิดไปต่างๆ นานา ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะสู้รบตบมือกับใครได้ ป่านนี้อาจถูกข่มขืนกลายเป็นศพหมกอยู่กลางป่ารกริมทาง คิดไปร้อนหัวใจไป นั่งแทบไม่ติด เดินไปเดินมาเหมือนคนบ้า
“โธ่โว้ย! ” ในที่สุดชายหนุ่มก็คว้าพวงกุญแจรถยนต์คันโปรด วิ่งฝ่าสายฝนไปที่โรงรถ ติดเครื่องและทะยานพุ่งออกไปราวกับพายุ แม้ว่าอากาศภายนอกจะเย็นและหนาวเหน็บมากเพียงใด ใจเขากลับร้อนรุ่มเหมือนไฟไม่รู้ตัว
ปิ่นปักวิ่งหนีสุดชีวิต ไม่สนใจเสียงร้องเรียกของชายโฉดทั้งสี่คนที่วิ่งตามเธอมาอย่างไม่ลดละ น้ำตาไหลปะปนไปกับสายน้ำฝนที่ตกมาไม่หยุด ตอนนี้เธอไม่ได้วิ่งอยู่บนถนนลงดอย แต่วิ่งเข้าไปในป่าข้างทาง ความมืดไม่สามารถทำให้เธอกลัวได้ เนื่องจากมีความกลัวอย่างอื่นเข้ามาแทนที่และเป็นความกลัวที่จับขั้วหัวใจ
“ไอ้เรือง เลิกตามเหอะ กูไม่มีอารมณ์แล้ว” เสียงของโรจน์น้องชายเอ่ยบอก ทำให้พี่ชายที่วิ่งนำหน้าหยุดวิ่งและหันมาทางน้องชาย
“สวยนะโว้ย! มึงก็เห็น” เรืองยังไม่ละความตั้งใจ
“สวยแล้วไง ดูสิคนสวยของมึงวิ่งเร็วยังกับลิง เข้าไปในป่าแล้ว ป่านนี้เข้าไปลึกถึงไหนต่อไหนแล้ว มึงชำนาญป่าแถวนี้เหรอ เดินเข้าไปลึกๆ พอดีเจอเสือคาบไปกิน ก่อนที่พวกเราจะได้กินผู้หญิงคนนั้น” โรจน์ให้เหตุผลชวนคิด
“ใช่พี่เรืองปล่อยมันไปเถอะ ป่านนี้กลัวจนหลงเข้าไปในป่าแล้ว อีกอย่างนี่เป็นเขตของพ่อเลี้ยงคิม ผมว่าเรากลับกันเถอะ” คนที่มากับเรืองอีกคนทำท่าสยองเมื่อพูดถึงพ่อเลี้ยงจอมโหดประจำจังหวัดนี้
“ไอ้ตี้มันพูดถูกนะพี่กลับกันเถอะ เราวิ่งเข้ามาไม่ไกลพอจะคลำทางออกไปได้”
“ก็ได้วะ” เรืองจำยอมด้วยเหตุผล เขาเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับคิมหันต์มากนัก กลัวอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่เหตุผลหลักคือ ไม่อยากให้เรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงพ่อเลี้ยงคิมมากกว่า หลีกได้ควรหลีก เลี่ยงได้ควรเลี่ยง ทั้งหมดจึงเดินกลับออกไปจากแนวป่าที่วิ่งเข้ามาได้ประมาณสองร้อยเมตร
บำเรอพิศวาสจอมมาร Chapter 15ทั้งสองเลือกที่จะมาคุยกันที่มุมระเบียงค่อนข้างลับตาคน เป็นเพราะมีพุ่มต้นไม้บังอยู่ อัสนีต้องเลือกจุดที่ไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจ เพราะเรื่องที่เขาจะสนทนานั้นเป็นเรื่องสำคัญ“ณัฐจะทำยังไงต่อไป พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับเมืองไทยแล้วนะ ณัฐยังเข้าไม่ถึงตัวแม็คเลย”อัสนีเอ่ยถามลูกน้องใต้บังคับบัญชา สีหน้าของผู้ถามมีความกลัดกลุ้มแฝงอยู่ ฝ่ายคนถูกถามก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน“ณัฐได้ข่าวมาว่า คุณโซเฟียกับพี่แม็คไปปารีส กว่าจะกลับมาก็อีกสามสี่วันค่ะ”“พอถึงตอนนั้นณัฐก็คงกลับเมืองไทยแล้ว จะหาโอกาสกลับมาที่นี่ก็คงยาก”อัสนียิ่งคิดถึงเรื่องนี้เขายิ่งกลุ้มหนัก หากพลาดโอกาสนี้ไป คงไม่มีโอกาสให้พวกเขาอีกแล้ว ทว่าณัฐกานต์กลับไม่คิดเช่นนั้น“ณัฐคิดว่า ณัฐคงไม่ได้กลับไปกับพี่เพชรและคณะแน่ๆ ค่ะ”“ทำไมล่ะ ก็หมดหน้าที่ณัฐแล้วไม่ใช่เหรอ”“หน้าที่ของณัฐหมดก็จริง แต่คุณแอรอนคงไม่ปล่อยให้ณัฐไปจากเขาง่ายๆ เหมือนครั้งก่อน พี่เพชรอย่าลืมสิคะว่า ณัฐทำอะไรกับเขาไว้บ้าง มันจึงเป็นโอกาสที่เขาจะได้แก้แค้นณัฐ”ณัฐกานต์ตอบเสียงเนือยเศร้า เธอรับรู้ตั้งแต่วันแรกที่แอรอนไปประเทศไทย รู้ในทันทีว่าเขาไม่
บำเรอพิศวาสจอมมาร Chapter 14“ถ้าไม่ไปวันนี้ เผื่อพี่แม็คเจอกับมันแล้วถ่านไฟเก่าคุขึ้นมาฉันไม่แย่เหรอ ฉันก็ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนสินังโง่”โซเฟียพูดเสียงเบา ไม่ต้องการให้สามีที่อยู่ในห้องน้ำได้ยิน ก่อนจะสบถใส่ลูกน้องเป็นการส่งท้าย ยังไม่ทันที่ลิเดียจะตอบรับคำสั่งของผู้เป็นนาย เสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น ตามมาด้วยร่างสูงของอัคนารถที่เดินออกมา“มีอะไรจ๊ะที่รัก เรียกผมซะดังลั่นบ้านเลย” เขาเดินมาหาภรรยาก่อนจะทรุดกายนั่งเคียงข้าง“พี่แม็คคะ โซเฟียว่าเราไปเที่ยวปารีสกันดีกว่านะคะ โซเฟียอยากไป” ภรรยาเอ่ยบอกความต้องการแก่สามี“แต่เราเพิ่งกลับมาจากปารีสเมื่ออาทิตย์ก่อนเองนะ โซเฟียอยากไปอีกแล้วเหรอ” อัคนารถจำได้ว่า เพิ่งเดินทางไปเที่ยวปารีสเมื่อสัปดาห์ก่อน อาทิตย์นี้จะไปอีกแล้วหรือ“ก็ไปตอนนั้นโซเฟียยังเที่ยวไม่อิ่มนี่คะ ก็เลยอยากไปอีก หรือว่าพี่แม็คไม่อยากไปกับโซเฟียคะ” เธอแก้ต่างให้ตนเอง ก่อนจะตะเง้าตะงอดสามี“ไปสิครับ โซเฟียอยากไปไหนผมไปด้วยทั้งนั้น ว่าแต่จะไปวันไหนล่ะ” เขาตามใจเธอเสมอ เพราะต้องทำให้เธอรู้สึกว่า เป็นคนสำคัญ“ไปค่ำนี้ค่ะ คุณพ่อเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้วค่ะ”โซเฟียไม่ต้อง
บำเรอพิศวาสจอมมาร Chapter 13ข่าวของณัฐกานต์ที่เดินทางมาพร้อมกับแอรอน ไม่รู้แค่มอร์แกนและโซเฟียเท่านั้น อัคนารถที่มีเหยี่ยวข่าวก็นำความเรื่องนี้มาบอกกับเขาด้วย ส่งผลให้เขาดีใจจนเนื้อเต้น แต่ก็เก็บอาการไว้อย่างมิดชิด“คุณแม็คไม่รู้สึกอะไรจริงๆ เหรอคะ ที่รู้ว่าแฟนเก่ามาที่นี่”ลิเดียสาวใช้ประจำตัวของโซเฟีย ที่ลักลอบมีความสัมพันธ์แบบหลบๆ ซ่อนๆ กับสามีเจ้านายมาร่วมสองปี เอ่ยถามอัคนารถ หลังจากบอกเล่าข่าวที่ตนรู้มาให้เขาฟัง หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นานว่าจะบอกดีหรือไม่ ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะบอกเขา เพราะต้องการรู้ว่า สายใยรักของอัคนารถกับณัฐกานต์ยังมีอยู่หรือไม่ เป็นการลองใจเขาไปในที“จะรู้สึกอะไรล่ะ ก็รู้สึกเฉยๆ น่ะสิ” คนปากไม่ตรงกับใจตอบกลับ“ไม่รู้สึกอะไรแน่เหรอคะคุณแม็ค”ลิเดียถามสวนทันควัน เพราะความรักที่มีต่อเขานั้นมากมาย เธอจึงกลัวว่า อัคนารถยังมีใจหลงเหลือให้ณัฐกานต์ แม้ว่าเขาจะบอกตนหลายครั้งหลายหนแล้วว่า หัวใจของเขามีเพียงเธอคนเดียว แต่ทว่าลึกๆ ลิเดียก็ยังวิตกตามประสาคนที่มอบความรักให้เขาหมดทั้งใจ“จริงสิ” เขาตอบเดินมาโอบกอดร่างของสาวใช้ แล้วหอมแก้มอย่างเอาใจ “ฉันจะรู้สึกอะไรกับใครได้
บำเรอพิศวาสจอมมาร Chapter 12โซเฟียเดินทางมาหาบิดาด้วยความร้อนใจ เพราะมอร์แกนเป็นคนเดียวที่จะทำให้ณัฐกานต์ออกไปจากประเทศแห่งนี้ เหมือนกับครั้งก่อน เธอจะต้องขัดขวางทุกวิถีทางที่จะไม่ให้อัคนารถพบเจอกับอดีตคนรัก เธอจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม“คุณพ่อคะ คุณพ่อต้องจัดการให้โซเฟียนะคะ”พอเห็นหน้าบิดา สาวเอาแต่ใจก็พูดในสิ่งที่ตนเองต้องการทันที ซึ่งมอร์แกนก็พอจะคาดเดาออกว่า การมาของลูกสาวคนเล็กในครั้งนี้ มาด้วยเรื่องอะไร“จัดการอะไรลูก ใครทำอะไรให้ลูกของพ่อขัดใจอีก” ทว่าเขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องอะไร“ก็พี่แอรอนพามันกลับมาที่นี่ยังไงล่ะคะ ลูกไม่ยอมหรอก ยังไงคุณพ่อก็ต้องจัดการให้โซเฟีย คุณพ่อต้องสั่งให้มันกลับไปประเทศของมันเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงเอาแต่ใจดังผ่านปากของโซเฟีย ที่ยืนทำหน้าหงิกหน้างอต่อหน้าบิดา มอร์แกนถอนหายใจออกมาเบาๆ ประหนึ่งลำบากใจ“พี่เขาก็คงมีเหตุผลของเขานะที่พาณัฐกลับมาด้วย โซเฟียก็รู้ว่าพี่ชายของลูกรักณัฐมากแค่ไหน พ่อไม่อยากทำให้แอรอนเสียใจเป็นครั้งที่สอง”มอร์แกนจดจำภาพของลูกชายที่เมาหัวราน้ำในช่วงแรกๆ ที่ณัฐกานต์จากไปได้ดีไม่มีลืม สภาพของแอรอนทำให้เขานึกสงสา
บำเรอพิศวาสจอมมาร Chapter 11ณัฐกานต์ที่ตกเป็นรองทุกทาง จำยอมรับจุมพิตเร่าร้อน ที่แฝงไว้ซึ่งความเจ็บร้าวด้วยความจำยอม เธอไม่มีสิทธิ์ห้ามปราม ขัดขืน หรือว่าต่อต้าน หากทำ งานสำคัญก็พลอยจะเสียไปด้วย ทว่าความน้อยเนื้อต่ำใจที่แน่นในทรวง แล้วความเจ็บปวดจากการกระทำของเขา ส่งผลตรงถึงต่อมน้ำตาและนั่นทำให้หยาดน้ำตาอุ่นร้อนไหลเคลียแก้ม การที่ทั้งคู่จุมพิตกันจึงทำให้น้ำตาของเธอสัมผัสกับแก้มขาวของเขา“อย่าคิดว่าน้ำตาของเธอจะทำให้ฉันใจอ่อน ฉันไม่มีวันให้เธอหลอกเป็นครั้งที่สองแน่”แอรอนพูดชิดริมฝีปากบาง หลังจากที่เขาถอนจุมพิต จากนั้นก็ผลักร่างเล็กออกห่างกายของตนราวกับว่าเธอเป็นของไม่น่าแตะต้อง มองสาวตรงหน้าด้วยสายตาและความรู้สึก ทั้งรักทั้งเกลียดณัฐกานต์รู้สึกเจ็บตรงหัวใจกับสายตาและการกระทำของเขา น้อยใจหนักกว่าเก่า แต่เธอก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องที่จากเขามาในวันนั้นได้ เหตุผลทั้งหมดทั้งมวลจะถูกเก็บไว้กับตัวเธอ ตามที่ได้สัญญาไว้กับใครคนหนึ่ง เธอใช้มือปาดน้ำตาทิ้งเมื่อร่างของไรอันเดินเข้ามาหาเจ้านายของตน“คุณแอรอนครับ ถึงแล้วครับ”ไรอันเอ่ยบอกตามหน้าที่ เหลือบตามองณัฐกานต์ที่ใช้ฝ่ามือเช็ดน้ำตาไม่หยุด ด
บำเรอพิศวาสจอมมาร Chapter 10ปากหนากระแทกปิดปากเล็กที่ร้องครวญด้วยความเจ็บ จุมพิตบดเบียดปากเต็มแรง เต็มอารมณ์ขุ่นมัวของตนเอง เธอรู้สึกร้าวไปทั้งปาก เจ็บแต่ไม่อาจเปล่งเสียงบอกเขาได้ “อื้อๆ” เธอประท้วงเจ็บในลำคอ มือเล็กทั้งซ้ายขวาผลักใบหน้าหล่อให้ออกห่างดวงหน้าของตน หวังจะให้จุมพิตอันแสนเจ็บปวดนี้หลุดไปจากความรู้สึก ทว่าเขากลับดันปากแนบติดปากสาวมากขึ้น เพิ่มแรงบดขยี้จนปากบางระบม “อย่า...ได้โปรดแอรอน อย่าทำกับณัฐแบบนี้” เธอขอร้องเขา หลังจากที่ปากได้รับอิสระ“แต่ฉันจะทำ” เขาพูดอย่างไม่แยแส ยังตั้งหน้าตั้งตาสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้เธอต่อไป จนกว่าความรู้สึกนั้นจะเบาบางลงเสียงร้องแห่งความปวดร้าวและเจ็บปวดดังจากปากบางของณัฐกานต์อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับน้ำตาสาวอาบไหลเป็นทาง บทรักของแอรอนในครั้งนี้ต่างกับครั้งก่อนลิบลับ ครั้งนี้มีแต่ความป่าเถื่อน โหดร้ายไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกเช่นไร จะเจ็บปวดมากแค่ไหนร่างเล็กถูกร่างใหญ่พาไปยังเตียงกว้าง สถานที่ที่เขาจะลงโทษเธอได้อย่างถนัดและถึงใจ แรงส่งกายแกร่งโหมหนักไม่บรรเทา เร้าลึกถึงอารมณ์แห่งความโกรธที่จุดประกายไม่ดับมอด สาดใส่ณัฐกานต์อย่างบ้าคลั่ง กว่







