“คุณพราวแสงแขคะ เชิญด้านนี้ค่ะ...” เสียงพนักงานสาวทำให้คนที่ก้มอ่านหนังสือรอลุกขึ้นเดินตามพนักงานต้อนรับไปยังลิฟต์อีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นลิฟต์ส่วนตัวที่ใช้ได้เพียงผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น
“เมื่อลิฟต์เปิดเชิญเข้าไปได้เลยนะคะเพราะลิฟต์จะเปิดออกที่ชั้นบนสุดหน้าห้องท่านประธานพอดี เชิญค่ะ”
เมื่อพูดจบพนักงานสาวคนนั้นก็เดินจากไปลิฟต์ก็เปิดออกทันทีที่เธอเดินมาถึง พราวแสงแขมองลิฟต์ที่เปิดกว้างอย่างชั่งใจ ทั้งมือและเท้าหญิงสาวเย็นเฉียบน้ำลายในลำคอเหนียวหนืดจนกลืนไม่ลง...
“เอาล่ะพราวแสงแข... สู้ๆ” หญิงสาวบอกตัวเองขณะลิฟต์เลื่อนขึ้นสู่ชั้นบนสุด เมื่อลิฟต์เปิดออกอีกครั้งหญิงสาวก็เดินออกมาและหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าห้องของท่านประธานใหญ่แห่งโรดิเกรซ คอปอเรชั่น ไทยแลนด์
“เชิญเข้าไปได้เลยค่ะ...” เสียงเลขาสาวใหญ่ที่นั่งอยู่ในห้องกระจกหรูหราหน้าห้องท่านประธานบอกกับเธออีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนนิ่งอยู่...
“ค่ะ... ขอบคุณนะคะ...” พราวแสงแขหันไปยิ้มเซียวๆ ให้เลขาสาวแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูออกช้าๆ ในขณะที่สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อเรียกความมั่นใจของตน...
หลังจากที่ประตูปิดลงพราวแสงแขรู้สึกชาไปทั้งตัวจนแทบขยับไม่ได้ ได้แต่ตะลึงมองชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังมองเธอเขม็งด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่สิ่งที่เธอรู้สึกชัดเจนมากในตอนนี้คือ เธอรู้สึกกลัวผู้ชายคนนี้ แมทธิว โรดิเซ มาเวลส์ เขาก็เป็นพี่ชายต่างมารดาของเมริสา เธอรู้ดีว่าการที่เธอถึงจุดนี้ได้มันไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญแน่นอน แต่เธอจะไม่ให้เขารู้หรอก ว่าเธอกลัวเขา เธอจะต้องเข้มแข็งพราวแสงแขพยายามบอกตนเองเช่นนั้น...
“รู้ใช่ไหมว่าฉันคือใคร...” เสียงเข้มถามขึ้นใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยแต่แววตานั้นราวมีเปลวเพลิงอยู่ภายใน...
“ค่ะ...” หญิงสาวตอบเสียงเบาแทบจะไม่มีเสียงผ่านออกมาจากลำคอ
“และรู้ใช่ไหมว่าฉันให้เธอมาหาฉันทำไม...”
“ถ้าคุณไม่บอกเหตุผลเสียทีดิฉันก็คงไม่รู้หรอกค่ะ...”
คราวนี้พราวแสงแขตอบเสียงหนักแน่นชัดเจนเพื่อเรียกความกล้าหาญให้ตัวเองแต่มันทำให้แววตาคมวูบวาบด้วยประกายความฉุนเฉียว ร่างสูงลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ ร่างสูงใหญ่ของเขาข่มให้ร่างเล็กของพราวแสงแขดูเล็กจ้อยลงไปราวเด็กน้อยกับยักษ์ตัวโต
“หึ... ตีหน้าซื่อได้เนียนมากเลยนะพราวแสงแข” ชายหนุ่มแค่นเสียงเยาะๆ
“กรุณาพูดธุระของคุณมาดีกว่าค่ะ หากพูดแขวะเหมือนผู้หญิงขี้อิจฉาแบบนี้ดิฉันไม่เข้าใจหรอกว่าคุณจิกฉันมาพบด้วยเหตุผลอะไร
หญิงสาวสูดหายใจลึกๆ แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ทำให้คนฟังเดือดดาลได้ง่ายๆ แมทธิวมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อเลยว่าคนตัวเล็กหน้าเรียวนวลใสแสนธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นมากไปกว่าดวงตากลมโตบนใบหน้าเรียวนั่น ทั้งบุคลิกดูนิ่งๆ เงียบๆ เรียบร้อยเช่นพราวแสงแขจะฝีปากคมกริบเช่นนี้...
“อวดดีนักนะพราวแสงแข... เธออย่าคิดว่าตีหน้าซื่อแล้วฉันจะหลงกลเธอ เธอน่ะนางมารร้ายชัดๆ มารร้ายที่เข้ามาทำลายครอบครัวของน้องสาวฉัน...”
“อ้อ... ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง...” พราวแสงแขแค่นเสียงใส่เขาบ้าง ดวงตากลมโตฉายแววเยาะหยันเขาอย่างไม่ปิดบังและมันทำให้ชายหนุ่มหน้าร้อนขึ้นมาทันที ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยถูกผู้หญิงมองด้วยแววตาเหยียดหยันดูแคลนเช่นนี้โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต่ำต้อยกว่าเขาเช่นพราวแสงแข...
“เธอ... หึ โอเค... ในเมื่อเธอรู้ตัวก็ดีแล้ว และต่อไปนี้ฉันจะพุดธุระของฉันเสียที และหวังว่าเธอคงจะพร้อมที่จะชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้น”
“ทำไมดิฉันต้องชดใช้ด้วยล่ะ ในเมื่อเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว...”
“เมรี่แท้งและยังไม่รู้สึกตัวเกือบอาทิตย์ซ้ำฟื้นขึ้นมาแล้วก็เสียความทรงจำกลายเป็นคนซึมเศร้า เธอคิดว่ายังไงล่ะพราวแสงแข เกี่ยวกับเธอรึเปล่า...”
“คุณ... ไม่ได้พูดจริงๆ ใช่ไหม...”
คราวนี้พราวแสงแขหน้าซีดเผือดไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือ แม้เธอจะรู้ว่าเมริสาแท้งลูกแต่ไม่ได้คิดว่าเมริสาจะอาการหนักถึงขั้นเป็นเจ้าหญิงนิทรา...
“ฉันไม่มีเหตุผลจะต้องโกหกเธอ...”
“ไม่จริง...” พราวแสงแขครางในอกอย่างไม่อยากเชื่อ
“ทำไมเธอถึงคิดว่ามันไม่จริงล่ะ หรือว่าหลงผัวคนอื่นจนคิดไม่ได้”
“นี่คุณ... อย่ามาดูถูกกันนะ แล้วฉันกับพี่วาก็ไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่คุณเข้าใจด้วย...” เมื่อทนให้เขาพูดจาถากถางไม่ไหวเธอก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้าเช่นกัน เขาเป็นใคร ใหญ่มาจากไหนถึงมาด่าเธอปาวๆ เช่นนี้ ทั้งยังข่มขู่กรายๆ ให้เธอมาพบอีก มันจะมากเกินไปแล้ว...
“เอาเป็นว่า เธอคงไม่รู้ว่าทำอะไรไว้บ้าง แล้วเธอจะได้รู้ มานี่...”
เขาพูดพลางเข้ามาประชิดตัวเธอแล้วคว้าข้อมืออย่างไม่เบานักให้เดินตามเขาไปท่าทางที่ออกมาจึงเหมือนว่าเขากระชากลากถูกเธอมากกว่าจะเป็นจับจูง ในขณะที่พราวแสงแขมัวแต่ตะลึงตกใจไม่ทันตั้งตัวทัดทาน
“นี่คุณ... จะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ...” มือเล็กอีกข้างทุบแขนแกร่งและพยายามแกะนิ้วแข็งแรงของเขาออกจากข้อมือของตนทั้งขาเรียวเล็กๆ ก็ต้องก้าวตามร่างสูงไปอย่างทุลักทุเล...
“ไม่พาไปฆ่าหรอกน่าไม่ต้องห่วง...”
“ถึงจะไม่ฆ่าฉัน ฉันก็ไม่ไปกับคุณ ปล่อยนะ จะพาไปไหนคนบ้า ถือดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้ ปล่อยนะ...”
พราวแสงแขดิ้นรนและพยายามขัดขืนไม่สนใจสายตาของเลขาสาวที่มองเจ้านายหนุ่มด้วยแววตาเรียบเฉยไม่คิดจะเข้ามาช่วยเธอสักนิด ทั้งชั้นซึ่งมีเพียงเลขาสาวใหญ่หน้าห้อง พราวแสงแขก็เพิ่งสังเกตว่าไม่มีพนักงานคนไหนอยู่ในชั้นนี้นอกจากคนที่ดูเหมือนมือปืนตัวร้ายในภาพยนตร์แนวเจ้าพ่อ ยากุซ่า มาเฟียอะไรทำนองนั้นอีกสองคนซึ่งสวมชุดดำแว่นดำยืนนิ่งเหมือนหุ่นอยู่หน้าลิฟต์ที่เธอเพิ่งขึ้นมาเมื่อครู่...
“หากไม่อยากถูกฉันหักคอก็อยู่เงียบอย่าสะดีดสะดิ้งหน่อยเลย คิดว่าฉันอยากแตะตัวผู้หญิงอย่างเธอนักหรือไง” เขาตะคอกใส่เธอเสียงเข้มเมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ซึ่งคำพูดของเขาช่างร้ายกาจขัดกับหน้าตาที่หล่อเหลาราวเทพบุตรยิ่งนัก
ตอนที่61. อวสานแมทธิวมองใบหน้ากลมป้อมแก้มยุ้ยแดงปลั่งของลูกชายอย่างแสนรัก ดวงตาสีมรกตที่ถอดแบบจากเขานั้นใสแจ๋วไร้เดียงสา จมูกเล็กๆ โด่งเป็นสันมีเหงื่อซึมเพราะวิ่งเล่นอย่างซุกซน ริมฝีปากแดงสดที่ได้มาจากคุณแม่นั้นทำให้ผู้เป็นพ่อไพล่นึกถึงริมฝีปากนุ่มๆ หวานๆ ของผู้เป็นภรรยาเสียร่ำไป ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำเท้าแขนแกร่งกับพื้นหญ้าแล้วถามลูกชายตัวน้อยเมื่อพ่อหนูเอาแต่มองหน้าเขานิ่ง“มีอะไรน้อง มองหน้าพ่อนิ่งเชียว”“ปาปา แก่...” คำตอบของลูกชายที่ไม่ค่อยชัดนั้นทำให้แมทธิวแทบสำลักน้ำลายตัวเอง จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก แต่คุณมาร์คกลับหัวเราะลั่นเลยทีเดียว แมทธิวจึงหันไปมองค้อนบิดาเสียยกใหญ่“ฮ่าๆๆ หลานปู่มันฉลาดเหมือนปู่เลย มานี่มาลูกมาหาปู่ดีกว่า”“ปูๆ หาปู หล่อๆ” เด็กชายลุกขึ้นเดินไปหาคุณปู่ที่อ้าแขนต้อนรอรับแล้วหอมแก้มคุณปู่อย่างประจบออดอ้อน แมทธิวได้แต่เข่นเขี้ยวเจ้าตัวแสบที่มีแววแสบสันได้ใจตั้งแต่เล็กแต่น้อย“ทำอะไรกันอยู่คะหนุ่มๆ มากินของว่างกันได
ตอนที่60.“แหวะหลงตัวเอง”“บอกรักพี่แมทอีกครั้งสิจ๊ะทูนหัว”“ไม่...” หญิงสาวเง้างอดหน้าแดงก่ำ“บอกหน่อยไม่ได้เหรอครับ พี่แมทอยากฟังอีกจัง”“ตัวเองก็บอกเขาก่อนสิ” หญิงสาวต่อรองพร้อมทั้งเอนพิงอกกว้างของเขาอย่างยอมจำนนหลุบตามองมือเล็กของตนในอุ้งมือใหญ่อบอุ่นของเขาด้วยหัวใจพองโต น้ำตาเหือดแห้งไปพร้อมกับความอุ่นซ่านแผ่กระจายครอบคลุมไปทั้งดวงใจที่มืดมิดหนาวเหน็บมานานด้วยความหวั่นระแวง“ผม แมทธิว โรดิเกรซ มาเวลส์ รัก นางพราวแสงแข โรดิเกรซ มาเวลส์ เท่าชีวิต และจะรักเธอกับลูกๆ ของเราตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และผมจะบอกรักเธอกับลูกๆ ทุกวัน ตราบเท่าชีวิตของผม...” เสียงทุ่มนุ่มนวลบอกเบาๆ กับใบหูบางทว่าหนักแน่นเต็มไปด้วยพลังแห่งรักที่เธอสัมผัสได้ด้วยใจ“ฉัน นางพราวแสงแข โรดิเกรซ มาเวลส์ ก็จะรัก นายแมทธิว โรดิเกรซ มาเวลส์ เท่าชีวิต และจะรักเขากับลูกๆ ของเราตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และจะบอกรักเขากับล
ตอนที่59.หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วพราวแสงแขก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตนซึ่งสามีสุดหล่อของเธอกำลังปูที่นอนของตนเองหน้าเตียงเล็กๆ ของเธอเช่นทุกวัน หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามของเขาอย่างหลงใหลและแอบหน้าแดงที่ตนกลายเป็นสาวใจแตกชอบมองแผงอกล่ำๆ กล้ามสวยๆ ของสามีไปเสียแล้ว จากแรกๆ ที่เคยต่อว่าที่เขาไม่ใส่เสื้อเข้านอน ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอชอบให้เขาเปลือยอกล่ำๆ ให้มอง และอยากมองทุกวัน...“พราวมานอนเถอะดึกแล้ว เดี๋ยวพี่เอาแก้วนมไปเก็บก่อนนะครับ”เขาลุกขึ้นแล้วหยิบแก้วนมออกไปเก็บแต่ขณะที่เดินผ่านเธอก็โน้มใบหน้าลงมาจุ๊บแก้มนวลใสเสียฟอดใหญ่แล้วก็ผิวปากเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีปล่อยให้เธอค้อนลมค้อนฟ้าอยู่คนเดียว“คนบ้า ฉวยโอกาสตลอดเลย”หญิงสาวบ่นเขาด้วยหัวใจพองโตแล้วคลานขึ้นเตียงอย่างง่วงงุนแต่ก็พยายามฝืนความง่วงไว้เพราะเธอยังมีเรื่องจะคุยกับเขามากมาย และจะต้องคุยกันให้จบในคืนนี้“ทำไมยังไม่นอนล่ะครับคนสวย เอ.. หรือว่าเจ้าตัวเล็กอยากใ
ตอนที่58.“คุณพ่อคุณแม่ให้พรผมกับพราวมั่งสิครับ” แมทธิวเอ่ยขึ้นบ้างพลางรั้งให้พราวแสงแขมานั่งตรงหน้าบิดามารดาของตนพร้อมทั้งมารดาของพราวแสงแขด้วย“อะไรกันแมทนี่ล่ะก็ เราก็ได้พรจากพ่อกับแม่ไปแล้วไงจ๊ะ”“ก็ผมอยากได้อีกนี่นา แล้วก็ยังอยากได้ไปเรื่อยๆ จนกว่าพรของคุณพ่อคุณแม่จะหมดนั่นล่ะครับ”ชายหนุ่มพูดอย่างนุ่มนวลร่างสูงนั่งพับเพียบดูนอบน้อมพราวแสงแขมองสามีด้วยความชื่นชม แมทธิวเป็นคนทำงานเอาจริงเอาจังเสียงดังและเด็ดขาดเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกน้องแมทธิวจะเป็นเจ้านายที่เข้มงวดจริงจัง ในการทำงานของเขานั้นจะเต็มไปด้วยความเฉียบขาดดุดันจนเป็นที่กล่าวขวัญและใครๆ ต่างก็ยำเกรง แต่เมื่อเขาอยู่กับคนในครอบครัว แมทธิวจะเป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยนและเอาใจใส่ทุกคนในครอบครัวอย่างดี และเขายังปฏิบัติต่อมารดาของเธออย่างนอบน้อมไม่มีท่าทางที่ทำให้รู้สึกว่าเขารังเกียจเธอกับมารดาว่าต่ำต้อย นั่นคือสิ่งที่พราวแสงแขสัมผัสได้แม้ในคราแรกที่พบกันเขามักจะใช้ถ้อยคำรุนแรงและดูถูกเธอก็ตาม แต่ในวันนี้แมทธิวให้เกียรติเธอกับม
ตอนที่57.“เหรอจ๊ะ แหม.. แม่ก็นึกว่าพราวจะแกล้งอะไรแมทอีก”“แม่น่ะ ชอบมองพราวเป็นเด็กเกเรไปได้”“ก็เราน่ะเหลือเกินจริงๆ นี่พราว เรื่องมันก็แล้วไปแล้วอย่างอนนักเลยลูก เดี๋ยวพี่เขาก็เบื่อกันพอดี” คำพูดของมารดาทำให้พราวแสงแขหน้างอ“ใช่สิ.. แม่มีลูกใหม่แล้วนี่พราวก็เป็นหมาหัวเน่า” พราวแสงแขตัดพ้อน้ำตาคลอๆ เหมือนจะร้องไห้“แล้วกันไปกันใหญ่แล้วลูกคนนี้ เฮ้อ.. แมทอย่าตามใจพราวนักนะลูก ยายพราวน่ะเขาดื้อเงียบ ดูสิ.. แค่นี้ก็ว่าแม่รักคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง เอาล่ะแม่ไม่กวนแล้วแม่จะไปช่วยคุณมาลินีเตรียมของจัดงานเลี้ยงคืนนี้ เย็นนี้เราจะไปทานข้าวที่บ้านโน้นนะจ๊ะ แล้วคืนนี้จะเป็นวันฉลองการแต่งงานของหนูเมรี่กับหลุยส์ด้วย” ผู้เป็นแม่บอกอ่อนโยนดังเดิมแล้วขยี้เรือนผมของลูกสาวแสนงอนเบาๆ แล้วเดินไปขึ้นรถที่คนจากบ้านของแมทธิวมารอรับ”คืนนี้เมียพี่จะต้องสวยพอๆ กับเจ้าสาวแน่ๆ เราไปดูชุดที่จะไปคืนนี้กันมั้ยครับ”“
ตอนที่56.“จะหน้าด้านอยู่ที่บ้านฉันอีกนานแค่ไหนคะ” หญิงสาวเท้าสะเอวมองคนที่กำลังรีดผ้าหน้าเป็นมันอยู่อย่างฉุนๆ ตอนนี้แม่แขของเธอรักลูกเขยมากคอยปกป้องเข้าข้างเขาทุกอย่าง ยิ่งเธอพยายามแกล้งเขามากเท่าไหร่เขาก็ไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ว่าจะทำงานบ้านซักผ้ารีดผ้า เอาผ้าไปส่งลูกค้า ดูแลบ้านและทำสวนผักเล็กๆ ไว้รับประทานเองแมทธิวก็ทำได้ และทำหน้าที่ทุกอย่างที่เธอตั้งกฎไว้ได้ดีไม่มีที่ติซึ่งมันทำให้เธอหงุดหงิดประสาคนท้องที่อารมณ์แปรปรวนง่าย“เมียอยู่ที่ไหน ผัวก็อยู่ที่นั่นจ้ะ พราวไปนั่งสิจ๊ะ ยืนนานๆ เดี๋ยวก็เมื่อย ลูกเราจะเมื่อยด้วยนะครับ” นอกจากจะไม่สนใจความฉุนเฉียวเธอแล้วแมทธิวยังเจ้ากี้เจ้าการพาเธอมานั่งที่เก้าอี้หวายตัวใหญ่แสนสบายที่เขาซื้อให้เธอนั่งพักผ่อน พอเห็นเก้าอี้ตัวนี้พราวแสงแขก็นึกถึงที่มาของมันอย่างเสียไม่ได้และนึกดีใจที่เขามีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นเมื่อวันก่อนที่ไปฝากครรภ์เธอเดินผ่านร้านขายเก้าอี้หวายข้างทางเท้าก่อนถึงโรงพยาบาล ซึ่งคนขายเป็นตาแก่ๆ คนหนึ่งกับหลานชายตัวเล็กๆ มาช่วยกันขาย