LOGIN"เจ้าฉลาดมากเด็กน้อย แต่รู้ไปแล้วช่วยอะไรได้ ในเมื่อสายเลือดตระกูลเยว่ทุกคนจะต้องตายตามบิดากับพี่ชายไปเช่นกัน!"
โจรผู้นั้นกล่าวจบก็เงื้อกระบี่หมายฟาดฟันลงกลางร่างของเยว่อันหนิง หากแต่ด้วยความรู้ที่เคยร่ำเรียนวิชากระบี่จากพี่ชายทั้งสองมาทำให้นางหลบพ้นคมกระบี่นั้นได้หวุดหวิด
"หนิงเอ๋อร์ หนีไป!"
ยังไม่ทันได้หันไปตอบกลับพี่หญิงสามคมกระบี่อ่อนของโจรผู้หนึ่งพุ่งมาจากด้านหลังนาง ปักเข้าขั้วหัวใจเยว่จินจินอย่างแม่นยำ
"พี่สาม! อึก!"
เยว่อันหนิงไม่ทันระวังตัวจึงถูกฟันเข้าที่แผ่นหลังน้อยล้มหน้าคมำลงกับพื้นที่บัดนี้ชุ่มไปด้วยสีแดงของเลือดผู้บริสุทธิ์นับสิบชีวิต
ความเจ็บแปลบจากบาดแผลเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความชาไปทั้งร่างกายเมื่อกระบี่นี้อาบไปด้วยยาพิษ
โจรชุดดำเจ้าของคมกระบี่เมื่อครู่ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหมายจะลงกระบี่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าร่างน้อย ๆ นี้สิ้นลมหายใจแน่แท้ หากแต่เสียงฝีเท้าม้าเร็วกลับดังมาแต่ไกลทำให้โจรกลุ่มนี้ต้องล่าถอยก่อนที่จะถูกพบเข้า
ท้องฟ้าที่เคยสว่างปลอดโปร่ง บัดนี้กลับถูกปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้มของพายุ เพียงไม่นานเม็ดฝนบนฟากฟ้าก็ค่อย ๆ ตกลงสู้พื้นดินราวกำลังชะล้างกลิ่นคาวเลือดนี้ให้หมดไป
"อึก!"
เยว่อันหนิงค่อย ๆ ได้สติจากเม็ดฝนที่ตกลงมาเปียกชุ่มร่างกาย ใบหน้าน้อยตั้งขึ้นทอดสายตามองบนพื้นที่เต็มไปด้วยร่างที่ไร้วิญญาณของผู้ร่วมเดินทาง ดวงตาสีอ่อนมองเห็นร่างของพี่สามอยู่ไม่ไกลจึงกัดฟันคลานเข้าไปหา
"พ..พี่...สาม"
เรี่ยวแรงนางอ่อนล้าเต็มกลืน พิษจากคมกระบี่กำลังฝังเข้าสู่เส้นเลือดของนาง อีกไม่นานเด็กน้อยนางนี้คงสิ้นใจตามทุกคนไป
"ท่า...น พ่อ..."
สายตาดรุณีน้อยฝ้าฟางจนมองเห็นภาพลวงตาตรงหน้าเป็นบิดาที่คิดถึงกำลังยื่นมือมาหานาง
อา...หรือว่าท่านพ่อกับพวกพี่ใหญ่กำลังมารับนางไปอยู่ด้วย
อืม... เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว นางไม่อยากมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลกที่เน่าเฟะใบนี้
หมับ!
"แม่นางน้อย แม่นางน้อย"
'เสียงใครกัน พี่สามหรือ นางกำลังเรียกข้าอยู่ใช่หรือไม่'
"พานางกลับหุบเขาก่อน"
ร่างเล็กค่อย ๆ ลอยสูงจากพื้นดินด้วยอ้อมกอดของใครบางคน
ไม่นานสติที่เหลือน้อยนิดของเยว่อันหนิงก็ดับลง
เสียงเหล็กกล้าดังสะท้อนไปทั่วหุบเขาเขียวขจี เมื่อมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังประลองกระบี่กันอย่างเอาจริงเอาจัง
"เจ้าแพ้แล้ว"
ปลายกระบี่อ่อนแหลมคมจ่อไปที่ลูกกระเดือกบุรุษสูงแปดฉื่อ คู่ท้าประลองเจ้าของกระบี่บุปผากล่าวอย่างราบเรียบไม่มีแววยินดีกับการชนะครั้งนี้ของตน
"วันหลังอย่าได้ออมมืออีก"
สตรีสวมอาภรณ์สีแดงโดดเด่นกล่าวพร้อมปรายหางตาเฉี่ยวคมมองคู่ต่อสู้เมื่อครู่อย่างไร้ความรู้สึก
"โธ่...เสี่ยวฮวา เจ้าก็อย่าจริงจังนักเลย เราแค่ซ้อมกระบี่กันเองนะ"
บุรุษที่เพิ่งพ่ายแพ้ให้กับสตรีนางนี้กล่าวด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
"เสียนต้วนอี้ ท่านเป็นถึงศิษย์เอกของหุบเขาไร้เงาสมควรพูดคำนั้นหรือ"
แม่นางฮวาผู้นี้ดูภายนอกเป็นคนจริงจังเสียทุกอย่าง แต่แววตานางกลับไร้อารมณ์ความรู้สึกจนยากจะเข้าใจได้ว่าตอนนี้นางกำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่
"ได้ ๆ ข้าจะไม่พูดเล่นอีกแล้ว เราไปหาท่านประมุขกัน"
เสียนต้วนอี้ที่เพิ่งถูกตำหนิรีบเดินนำหน้าสตรีชุดแดงไปยังเรือนรับรองที่อยู่กลางเขาสูงตระหง่านลูกนี้ทันที
"ท่านประมุข"
เสียงบุรุษและสตรีคู่เดิมดังขึ้น
ตรงหน้าพวกเขาคือแท่นประทับสำหรับประมุขแห่งหุบเขาไร้เงานามว่า 'กู่เหนียง'
ร่างสูงระหงแม้จะอายุสี่สิบกว่าแล้วแต่ยังดูเยาว์วัยผิวพรรณเต่งตึงยิ่งนัก
"พวกเจ้ามาก็ดี ข้ามีงานใหม่ให้ทำ"
จดหมายฉบับหนึ่งมีตราประทับอักษรกู่ปิดผนึกอีกชั้นถูกยื่นให้เสียนต้วนอี้ศิษย์เอก
"ครั้งนี้เป็นสาส์นจากปรโลกของผู้ใดกัน"
เสียงกล่าวกึ่งขบขันดังขึ้น
'สาส์นจากปรโลก' คือจดหมายลับในการสั่งฆ่าคนด้วยการเขียนชื่อเป้าหมายและเหตุผลการจ้างวานฆ่าในแต่ละครั้ง
เสียนต้วนอี้รีบคลี่จดหมายฉบับนั้นออกเพื่ออ่านเนื้อความด้านใน
"รับสินบน ปล้นคนจน ผู้นำจวนสกุลซุย"
หลังจากเสียนต้วนอี้อ่านจบก็ยื่นจดหมายฉบับนี้ให้สตรีที่อยู่ข้าง ๆ ดู
"ฮวาเอ๋อร์ เจ้าจะรับงานนี้หรือไม่"
ประมุขกู่เหนียงถามสตรีที่นางฝึกเองกับมือด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หุบเขาไร้เงา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หุบเขานักฆ่า สถานที่แห่งนี้คนนอกที่จะเข้ามาได้ต้องเป็นคนที่ไร้ลมหายใจแล้วเท่านั้น
ประมุขกู่เหนียงเคยมีความแค้นกับคนชั่วกลุ่มหนึ่งและไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงหันมาตั้งศาลเตี้ยแทน
เปิดรับคนที่มีวรยุทธ์เข้ามาเป็นนักฆ่าใต้ปกครองของนาง จนทุกวันนี้หุบเขาไร้เงามีนักฆ่าที่ร่วมเป็นร่วมตายกับประมุขกู่เหนียงกว่าร้อยชีวิต
พวกเขาเปิดรับคำว่าจ้างจากคนที่อยากแก้แค้น กฎง่าย ๆ ในการจ้างวานคือ...
ระดับเขียวกำจัดคนธรรมดาหรือขุนนางชั้นล่างสุด อันตรายน้อยผลสำเร็จสูง จ่ายร้อยตำลึงเงิน
"พี่รอง!"เสียงที่นางรอคอยดังขึ้นทางด้านหลังเยว่อันหนิงรีบหันไปมองจึงเห็นคนที่นางรอคอยให้ฟื้นมาสามเดือนยืนส่งยิ้มกว้างให้นางอยู่"ท่านฟื้นแล้ว ท่านหายแล้วใช่หรือไม่"เยว่อันหนิงวิ่งไปสำรวจดูเยว่อินกวานอย่างละเอียดละออ"มีข้ากับตาเฒ่าฝูอยู่ทั้งคน พิษอะไรย่อมถอนได้สบายหายห่วง"ยี่ซูที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยพร้อมเสียนต้วนอี้ที่เป็นคนพาเยว่อินกวานลงจากเขามาส่งเอ่ยขึ้น"นั่นสิ มีหมอเทวดาทั้งสองอยู่ขนาดคนใกล้เข้าประตูผีอย่างต้วนอี้ยังกลับมาได้เลย"พูดถึงอาการของเสียนต้วนอี้เมื่อศึกครานั้นเขาแทบจะหมดลมหายใจเดินทางสู่ปรโลกแล้ว หากไม่ใช่เพราะสวรรค์ยังมีเมตตาและฝีมือรักษาของหมอฝูหนานช่วยชีวิตเขากลับมาได้อย่างเส้นใยแดงผ่าแปด นอนรักษาอยู่สิบวันสิบคืนถึงได้เดินคล่องอย่างตอนนี้"เมื่อครู่ข้าเดินเข้าจวนมา ได้ยินข้ารับใช้พูดถึงงานมงคล ที่แท้เป็นงานมงคลของน้องห้านี่เอง"เยว่อินกวานเอื้อมมือขึ้นแตะลงบนพวงแก้มสวยของน้องสาวอย่างคิดถึงความทรงจำที่เขาเคยละทิ้งเมื่อเก้าแก่อนค่อย ๆ ฟื้นกลับมาเพราะยาของผู้เฒ่าฝูหนานเช่นกัน"อาการพี่รองเป็นเช่นไรบ้างเจ้าค่ะ" เยว่อันหนิงยังเฉไฉเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องอื่นแทน"พี่หา
"ความสุขของข้าคงหมดไปตั้งแต่เก้าปีก่อนแล้ว""คนเราจะหมดความสุขได้เช่นไร ถึงเวลาจะย้อนกลับมาไม่ได้ ผู้ล่วงลับก็ล่วงลับแล้วเกิดใหม่ แต่ผู้ที่ยังหายใจอยู่เหตุใดจะไม่มีโอกาสมีความสุขได้อีกเล่า"แววตาคมกล้าสบมองคนรักอย่างลึกซึ้ง"ฝ่าบาทพระราชทานสมรสในอีกเจ็ดวัน แต่ข้ายังไม่พร้อม""เหตุใดเจ้าจึงยังไม่พร้อม"เยว่อันหนิงมองไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายและไร้คำตอบ"อันหนิง ชีวิตข้ารอเจ้ามาตั้งเก้าปีให้ข้ารอต่ออีกเป็นสิบข้าก็รอได้ หากแต่เจ้าจะไม่ให้โอกาสตนเองมีความสุขทำสิ่งที่ต้องการจากใจจริง ๆ หรือ"ครานั้นเขาเคยเอ่ยวาจาปูทางถึงเรื่องผูกผีฝากไข้ หากแต่เยว่อันหนิงใช้ข้ออ้างของการล้างแค้นเขายังพอเข้าใจได้ ทว่าทุกอย่างที่นางปรารถนาก็ลุล่วงแล้วเหตุใดถึงยังไม่ยอมปล่อยวางอดีตโหยหาความสุขให้ตนเองบ้าง"ข้า..."น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนนางกำลังสับสนดังขึ้นเฉินเจียนหลางไม่อาจอดใจรออีกต่อไปได้จึงคว้านางเข้ามาสวมกอดหมับ!"ท่านทำอันใด"เยว่อันหนิงเหมือนจะตำหนิ หากแต่กลับฝืนอ้อมกอดนี้เพียงเล็กน้อย เท่านี้ก็ทำหัวใจบุรุษอย่างเขาพองโตด้วยความหวังได้แล้ว"หากท่านหญิงไม่ยอมรับปากจะแต่งงานกับข้า ข้าจะกอดท่านหญิงอ
"หากเจ้าคิดถึงเยว่ฮูหยินเมื่อใดข้าจะพาเจ้าไปพบท่านเอง"เฉินเจียนหลางเดินมายืนเคียงข้างสาวงามพร้อมกับส่งมอบรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใยให้คนรัก"ว่าแต่ท่านเถิด วันนี้เหตุใดไม่อยู่ข้างกายฝ่าบาทเล่า" เยว่อันหนิงรีบหาเรื่องอื่นคุยเมื่อเผลอสบตาที่แสนอบอุ่นนั้นจนหัวใจเต้นแรง"วันนี้ซ่างฮ้วนมาอยู่เป็นเพื่อนฝ่าบาทแทนข้า""แม่ทัพซ่างไม่อยู่ที่ค่ายหรอกหรือ" เยว่อันหนิงถามอย่างสงสัยตั้งแต่บ้านเมืองสงบสุข เฉินปู้เกาวางมือทุกอย่างเกษียณจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่กองทัพเขี้ยวหมาป่าหวังให้ลูกชายเพียงคนเดียวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ต่อ ทว่าเฉินเจียนหลางกลับมีความคิดเป็นอื่น เขาทูลขอความดีความชอบให้กับซ่างฮ้วนที่ร่วมปราบกบฏเคียงข้างบิดาให้รับตำแหน่งแม่ทัพแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าแทนส่วนตนนั้นก็ได้รับตำแหน่งองครัษ์จินอู่ที่อยู่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้เฉิงควานและดูแลกองทัพองครักษ์หลวงแทน"ซ่างฮ้วนถูกเรียกตัวมาเมืองหลวงเพื่อช่วยงานสำคัญ""งานสำคัญ"เยว่อันหนิงเอี้ยวใบหน้างามสบตาเฉินเจียนหลางเพื่อรอฟังคำอธิบายต่อหากแต่ยังไม่มีบทสนทนาใดเอ่ยขึ้นเสียงพ่อบ้านเยว่คนใหม่ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน"คุณหนูห้า หลี่กงกงมาขอ
หมับ!มือหนาเอื้อมมาจับข้อมือน้อยที่กำกระบี่อย่างสั่นเทาด้วยความชิงชังเอาไว้พร้อมกับค่อย ๆ แกะกระบี่ในมือคนรักออกช้า ๆ"โทษของเจ้าสมควรตายจริง แต่มิใช่ด้วยมือของอันหนิง"มู่ตงหยวนลืมตาขึ้นเพื่อมองหน้าเฉินเจียนหลาง ก่อนจะพบว่าแววตาของแม่ทัพน้อยกำลังคิดสิ่งใดอยู่"มู่ตงหยวนสมคบคิดกบฏ ใส่ร้ายสกุลเยว่ ผู้บริสุทธิ์หลายร้อยชีวิตต้องสังเวยกับความชั่วของเจ้า โทษเดียวที่ควรได้รับคือเสียบหัวประจานที่ประตูเมือง ส่วนร่างกายโยนทิ้งให้นกกาจิกกิน ห้ามฝังศพ ห้ามตั้งป้ายวิญญาณเซ่นไหว้ แบบนี้ถึงจะสาสมกับความชั่วที่เจ้ากระทำเอาไว้"เยว่อันหนิงลอบมองหน้าเฉินเจียนหลางที่พูดทุกอย่างในใจนางออกมาราวกับนั่งอยู่ในความคิดนางอย่างเลื่อมใส"เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาตัดสินโทษความผิดข้า"มู่ตงหยวนยอมตายใต้คมกระบี่ของศัตรู แต่ไม่ยอมให้คนทั้งแคว้นเห็นเขาในสภาพนั้นเป็นแน่"แล้วหากเป็นข้าเล่า พอที่จะตัดสินโทษเช่นนั้นของท่านได้หรือไม่"ไป๋ต่งเหลียนเดินมายืนเคียงข้างเฉินเจียนหลางพร้อมกับชูตราประจำตัวของฮ่องเต้ขึ้นเหนือศีรษะเหล่าทหารและข้าราชบริพาลที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างพากันคุกเข่าเมื่อเห็นป้ายทองในมือรัชทายาท"มู่ตงหยวนสมคบคิ
ฉึก!"ต...ต้วนอี้"เยว่อันหนิงหมายจะแลกชีวิตของนางกับความปลอดภัยของเฉินเจียนหลาง ทว่าเสียนต้วนอี้ที่เหมือนเพิ่งคืนสติเพราะผงยาของยี่ซูกลับพุ่งเข้ารับกระบี่นั้นแทนปลายกระบี่แหลมคมปักเข้ากลางอกเสียนต้วนอี้ หากแต่คนถูกแทงกลับเผยยิ้มออกมาให้สตรีในดวงใจราวไม่รู้สึกเจ็บปวดตุ้บ!เยว่อินกวานถูกยี่ซูใช้จังหวะที่เขายังไม่ชักกระบี่ออกจากร่างเสียนต้วนอี้ฝังเข็มลงกลางศีรษะเพื่อให้เขาหมดสติจนร่างล้มลงกองกับพื้นเพื่อหาทางรักษาต่อไป"ต้วนอี้ เจ้าต้องไม่เป็นอะไร"เยว่อันหนิงและเฉินเจียนหลางช่วยพยุงร่างของเสียนต้วนอี้ให้ค่อย ๆ นอนลงกับพื้นอย่างระมัดระวังกองเสริมของทหารหลวงที่เพิ่งมาใหม่รีบล้อมจับมู่ตงหยวนและหม่าเย่าที่กำลังโศกเศร้ากับการจากไปของมู่อานจิ่วจึงไร้การขัดขืน"เจ้าปลอดภัย"เสียนต้วนอี้บาดเจ็บหนักแต่ยังคงฝืนแรงเอ่ยถามความปลอดภัยของนางในดวงใจ"เจ้าโง่หรืออย่างไร เมื่อครู่พี่รองไม่มีทางทำร้ายข้าแน่"เยว่อันหนิงตำหนิคนในอ้อมตัก"ข้าจะให้คนพาคุณชายเสียนไปรักษา""ขอบใจแม่ทัพน้อยเฉิน หากแต่ข้ารู้ตนดี ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว"เขาไม่ได้พูดเพื่อให้ตนเองดูน่าสงสาร ทว่าบาดแผลเสียนต้วนอี้สาหัสยิ่งนักแค่ฝื
เคร้ง!เยว่อันหนิงใช้กระบี่ปัดป้องเข็มพิษนั้นทันพร้อมกระโจนฟาดกระบี่ลงไปอย่างหนักหน่วง"ฝีมือไม่เลว"มู่อานจิ่วหลบการโจมตีนั้นได้ นางแสร้งกล่าวชมศัตรูทั้ง ๆ ที่แววตามีแต่ความอาฆาต"เจ้าก็ลอบกัดเก่งเช่นกัน"เยว่อันหนิแสร้งยั่วโทสะของอีกคน"เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดนางรำบ้านนอกถึงได้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้"มู่อานจิ่วประเมินฝีมือของอีกคนอยู่ห่าง ๆ"ข้าคือคนที่จะมาทวงความบริสุทธิ์ให้คนที่พวกเจ้าใส่ร้ายเมื่อเก้าปีก่อนอย่างไรเล่า"วาจาของเยว่อันหนิงมีแต่ความกระหายอยากแก้แค้นบุตรสาวของศัตรู"เก้าปีก่อน... เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับสกุลเยว่"เกร้ง!เยว่อันหนิงไม่อยากเสียเวลาสนทนากับศัตรูให้มากความ นางพุ่งกระบี่เข้าไปหมายจะเอาชีวิตมู่อานจิ่วแต่อีกคนกลับรับกระบวนท่านั้นทัน"ข้าคือพญายมที่จะมารับตัวพวกเจ้าสองพ่อลูกไปเซ่นไหว้ท่านพ่อและเหล่าพี่น้องของข้า!"มู่อานจิ่วตาเบิกโตอย่างตกใจเมื่อนางรู้แล้วว่าสตรีที่นางเรียกว่าชั้นต่ำมาตลอดกลับเป็นถึงบุตรึของแม่ทัพใหญ่ที่สิ้นชีพไปเพราะการใส่ร้ายของบิดานาง"ข้าเยว่อันหนิง วันนี้จะขอล้างแค้นและนำเลือดของคนสกุลมู่ไปเซ่นไหว้ให้กับวิญญาณของคนสกุลเยว่ที่ตายอย่างไม่เป







