เข้าสู่ระบบระดับเหลืองกำจัดขุนนางชั้นกลาง งานค่อนข้างยากมีอันตรายแต่มีโอกาสสำเร็จเกินครึ่ง จ่ายห้าร้อยตำลึงทองต่อหนึ่งหัว
และระดับสุดท้าย ระดับแดง งานอันตรายความเสี่ยงสูง ผลสำเร็จไม่อาจคาดเดา ส่วนมากจะเป็นการว่าจ้างให้ลอบสังหารขุนนางในรั้วในวังหรือระดับแม่ทัพใหญ่ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังให้เกียรติ ค่าว่าจ้างค่อนข้างสูงมากกว่าห้าพันตำลึงเห็นจะได้ ตั้งแต่ประมุขกู่เหนียงก่อตั้งหุบเขานักฆ่ามาเกือบยี่สิบปี มีผู้ว่าจ้างระดับแดงมาเพียงสองคนเท่านั้น
ส่วนการเปิดรับจดหมายจ้างวานก็ง่าย ๆ เพียงแค่ติดต่อคนของหุบเขานักฆ่าในตลาดมืด ส่งจดหมายพร้อมตั๋วเงินแนบมาในชื่อว่า 'สาส์นจากปรโลก' คนของหุบเขาไร้เงาที่อยู่ด้านนอกก็จะส่งมาที่หุบเขาเพื่อพิจารณาหาคนที่เหมาะสมทำงานนั้น ๆ
"ท่านประมุขก็รู้กฎของข้าดี"
"สืบสาวความจริงกระจ่างก่อนค่อยลงมือ"
เสียนต้วนอี้กล่าวตัดหน้าสตรีข้างกายอย่างรู้ใจ
"ที่ข้าถามเพราะจวนสกุลซุยเป็นขุนนางที่ปรึกษาของศาลเทียนอวี่"
เพียงได้ยินคำว่า 'ศาลเทียนอวี่' สตรีชุดแดงนางนี้ถึงกับกำหมัดแน่น ร่างเกร็งดวงตาแข็งกร้าวอย่างมิอาจปกปิดสายตาผู้อื่นได้ว่าตอนนี้นางมีความรู้สึกเช่นไร
หวาดกลัวหรือ? ก็คงแค่ครึ่งส่วน
เคียดแค้นนี่สิถึงจะเรียกได้ว่าออกมาจากแววตาของนางทั้งหมด
"งานนี้ข้าไปด้วย"
"ไม่จำเป็น"
"แต่เจ้ารับมือคนเลวพวกนั้นไม่ไหวแน่"
"เจ้ากำลังหยามข้า?"
"ไม่ใช่เช่นนั้น"
เสียนต้วนอี้ไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้นางในดวงใจคิดไปแง่นั้น เขาแค่เป็นห่วง
จนลืมตัวปากไวไม่ตริตรองให้ดี
"งานนี้ข้าขอพิจารณาอีกที"
คำว่า 'ขอพิจารณา' ที่ออกจากปากหญิงสาวนั่นหมายความว่า นางยื่นมือรับงานแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งนางต้องทำตามกฎที่ตนเองตั้งขึ้น สืบสาวให้กระจ่างว่าผู้ที่อยู่ในรายชื่อสั่งฆ่านั้นทำผิดจริงหรือไม่ ต่อให้งานนี้รายชื่อคนผู้นั้นอยู่ในเจ้าพนักงานของศาลเทียนอวี่นางก็ต้องสืบให้กระจ่างก่อนเพราะมิอยากทำผิดปลิดชีพผู้บริสุทธิ์เฉกเช่นคนชั่วพวกนั้น!
"ลงเขาครั้งนี้ระวังตัวด้วย ข้าได้ข่าวว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังตามสืบเรื่องนักฆ่าดอกเบญจมาศอยู่"
น้ำเสียงของประมุขกู่เหนียงมีแต่ความห่วงใยสตรีตรงหน้า
"ข้าทราบแล้ว จวี๋ฮวาขอตัว"
เมื่อกล่าวลาเสร็จสตรีอาภรณ์แดงก็เร่งกลับมาที่พักตนเพื่อเตรียมตัวลงเขาทันที
ครั้นเข้ามาที่พักเรียบร้อย สิ่งแรกที่นางทำคือนั่งบนตั่งมองตนเองผ่านเงาสะท้อนของกระจกทองเหลืองตรงหน้า
สิ่งแรกที่สะท้อนในแววตาของนางคือสายฝนห่าใหญ่ที่กระหน่ำเทลงมาโชลมพื้นดินที่ย้อมไปด้วยสีแดงฉาน กลิ่นคาวคลุ้งของเลือดในวันนั้นยังติดอยู่ที่ปลายจมูกรั้นของเยว่อันหนิงทุกครั้งที่นึกถึง
ในหูทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวและความเจ็บปวดของผู้เคราะห์ร้ายราวกับเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้น
มือบางจิกกำเข้าหากันแน่นเมื่อความเคียดแค้นเริ่มเกาะกินหัวใจนางอีกครั้ง
"ศาลเทียนอวี่"
ริมฝีปากหยักได้รูปขยับเอ่ยชื่อสถานที่ที่นางจดจำมิเคยลืมแม้วันเวลาผ่านมาแล้วถึงเก้าปี
หากวันนั้นนางมิได้ประมุขกู่เหนียงที่บังเอิญลงเขาแล้วผ่านไปเส้นทางนั้นช่วยไว้ ป่านนี้ชีวิตที่เหลือริบหรี่ของนางคงได้ตามบิดาและพี่ ๆ ทั้งสี่ไปแล้ว
"หนิงหนิง ข้าเข้าไปได้หรือไม่"
เสียงเล็กแหลมของยี่ซูสหายหญิงเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถพูดคุยกับเยว่อันหนิงได้สนิทใจดังขึ้น
"เข้ามา"
นักฆ่าสาวที่ตอนนี้ทั้งแข็งแกร่ง ทั้งเด็ดเดี่ยว แต่กลับไร้แววของความสุขในชีวิตรีบสลัดสีหน้าเศร้าสลดให้กลับมาเรียบนิ่งเช่นปกติก่อนจะผินสายตามองสหายในชุดทะมัดทะแมงราวชายชาตรีสีดำเดินเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมนี้
"ข้าได้ข่าวว่าเจ้ารับงานใหม่มา"
สมแล้วที่เป็นหน่วยข่าวเร็วของหุบเขาไร้เงาแห่งนี้
ยี่ซูอายุห่างจากเยว่อันหนิงราว ๆ เจ็ดปีได้ หากแต่ใบหน้านางอ่อนเยาว์ราวดรุณีวัยไม่ถึงสิบสี่เพราะในร่างกายยี่ซูมีพิษหนอนไหมแดงที่ช่วยชะลอการเติบโตของผิวพรรณเอาไว้ในวัยที่ถูกพิษ หากแต่อวัยวะส่วนอื่นยังคงเติบโตตามปกติ
พิษที่ยี่ซูได้รับเป็นผลงานชิ้นเอกของนางที่คิดค้นร่วมกับผู้เฒ่าฝูหนาน เจ้าแห่งพิษของหุบเขาไร้เงาแห่งนี้
"ยังก้ำกึ่ง"
เพราะนางต้องทำตามขั้นตอน มิสามารถยอมรับเต็มปากว่ารับสาส์นจากปรโลกฉบับนั้นแล้ว
ยี่ซูหยักหน้าให้สหายสนิทที่นิสัยตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว ก่อนจะเดินไปยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเยว่อันหนิงที่เปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่เป็นจวี๋ฮวา
ทว่าเวลาที่ยี่ซู เสียนต้วนอี้ รวมถึงประมุขกู่เหนียงอยู่กับนางตามลำพังจะยังเรียกขานนางด้วยชื่อแซ่เดิมอยู่
"เมื่อวานข้าไปที่เมืองเทียนติ่งมา"
สหายรักเริ่มบทสนทนาพร้อมมือบางก้มลงหยิบหวีเล่มเล็กขึ้นมาสางผมให้เยว่อันหนิง
"ในเมืองตอนนี้มีข่าวลือว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังตามสืบเรื่องนักฆ่าบุปผาเบญจมาศ"
เป็นข่าวเดียวกับที่ประมุขกู่เหนียงเพิ่งแจ้งนางเมื่อครู่
"พี่รอง!"เสียงที่นางรอคอยดังขึ้นทางด้านหลังเยว่อันหนิงรีบหันไปมองจึงเห็นคนที่นางรอคอยให้ฟื้นมาสามเดือนยืนส่งยิ้มกว้างให้นางอยู่"ท่านฟื้นแล้ว ท่านหายแล้วใช่หรือไม่"เยว่อันหนิงวิ่งไปสำรวจดูเยว่อินกวานอย่างละเอียดละออ"มีข้ากับตาเฒ่าฝูอยู่ทั้งคน พิษอะไรย่อมถอนได้สบายหายห่วง"ยี่ซูที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยพร้อมเสียนต้วนอี้ที่เป็นคนพาเยว่อินกวานลงจากเขามาส่งเอ่ยขึ้น"นั่นสิ มีหมอเทวดาทั้งสองอยู่ขนาดคนใกล้เข้าประตูผีอย่างต้วนอี้ยังกลับมาได้เลย"พูดถึงอาการของเสียนต้วนอี้เมื่อศึกครานั้นเขาแทบจะหมดลมหายใจเดินทางสู่ปรโลกแล้ว หากไม่ใช่เพราะสวรรค์ยังมีเมตตาและฝีมือรักษาของหมอฝูหนานช่วยชีวิตเขากลับมาได้อย่างเส้นใยแดงผ่าแปด นอนรักษาอยู่สิบวันสิบคืนถึงได้เดินคล่องอย่างตอนนี้"เมื่อครู่ข้าเดินเข้าจวนมา ได้ยินข้ารับใช้พูดถึงงานมงคล ที่แท้เป็นงานมงคลของน้องห้านี่เอง"เยว่อินกวานเอื้อมมือขึ้นแตะลงบนพวงแก้มสวยของน้องสาวอย่างคิดถึงความทรงจำที่เขาเคยละทิ้งเมื่อเก้าแก่อนค่อย ๆ ฟื้นกลับมาเพราะยาของผู้เฒ่าฝูหนานเช่นกัน"อาการพี่รองเป็นเช่นไรบ้างเจ้าค่ะ" เยว่อันหนิงยังเฉไฉเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องอื่นแทน"พี่หา
"ความสุขของข้าคงหมดไปตั้งแต่เก้าปีก่อนแล้ว""คนเราจะหมดความสุขได้เช่นไร ถึงเวลาจะย้อนกลับมาไม่ได้ ผู้ล่วงลับก็ล่วงลับแล้วเกิดใหม่ แต่ผู้ที่ยังหายใจอยู่เหตุใดจะไม่มีโอกาสมีความสุขได้อีกเล่า"แววตาคมกล้าสบมองคนรักอย่างลึกซึ้ง"ฝ่าบาทพระราชทานสมรสในอีกเจ็ดวัน แต่ข้ายังไม่พร้อม""เหตุใดเจ้าจึงยังไม่พร้อม"เยว่อันหนิงมองไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายและไร้คำตอบ"อันหนิง ชีวิตข้ารอเจ้ามาตั้งเก้าปีให้ข้ารอต่ออีกเป็นสิบข้าก็รอได้ หากแต่เจ้าจะไม่ให้โอกาสตนเองมีความสุขทำสิ่งที่ต้องการจากใจจริง ๆ หรือ"ครานั้นเขาเคยเอ่ยวาจาปูทางถึงเรื่องผูกผีฝากไข้ หากแต่เยว่อันหนิงใช้ข้ออ้างของการล้างแค้นเขายังพอเข้าใจได้ ทว่าทุกอย่างที่นางปรารถนาก็ลุล่วงแล้วเหตุใดถึงยังไม่ยอมปล่อยวางอดีตโหยหาความสุขให้ตนเองบ้าง"ข้า..."น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนนางกำลังสับสนดังขึ้นเฉินเจียนหลางไม่อาจอดใจรออีกต่อไปได้จึงคว้านางเข้ามาสวมกอดหมับ!"ท่านทำอันใด"เยว่อันหนิงเหมือนจะตำหนิ หากแต่กลับฝืนอ้อมกอดนี้เพียงเล็กน้อย เท่านี้ก็ทำหัวใจบุรุษอย่างเขาพองโตด้วยความหวังได้แล้ว"หากท่านหญิงไม่ยอมรับปากจะแต่งงานกับข้า ข้าจะกอดท่านหญิงอ
"หากเจ้าคิดถึงเยว่ฮูหยินเมื่อใดข้าจะพาเจ้าไปพบท่านเอง"เฉินเจียนหลางเดินมายืนเคียงข้างสาวงามพร้อมกับส่งมอบรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใยให้คนรัก"ว่าแต่ท่านเถิด วันนี้เหตุใดไม่อยู่ข้างกายฝ่าบาทเล่า" เยว่อันหนิงรีบหาเรื่องอื่นคุยเมื่อเผลอสบตาที่แสนอบอุ่นนั้นจนหัวใจเต้นแรง"วันนี้ซ่างฮ้วนมาอยู่เป็นเพื่อนฝ่าบาทแทนข้า""แม่ทัพซ่างไม่อยู่ที่ค่ายหรอกหรือ" เยว่อันหนิงถามอย่างสงสัยตั้งแต่บ้านเมืองสงบสุข เฉินปู้เกาวางมือทุกอย่างเกษียณจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่กองทัพเขี้ยวหมาป่าหวังให้ลูกชายเพียงคนเดียวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ต่อ ทว่าเฉินเจียนหลางกลับมีความคิดเป็นอื่น เขาทูลขอความดีความชอบให้กับซ่างฮ้วนที่ร่วมปราบกบฏเคียงข้างบิดาให้รับตำแหน่งแม่ทัพแห่งกองทัพเขี้ยวหมาป่าแทนส่วนตนนั้นก็ได้รับตำแหน่งองครัษ์จินอู่ที่อยู่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้เฉิงควานและดูแลกองทัพองครักษ์หลวงแทน"ซ่างฮ้วนถูกเรียกตัวมาเมืองหลวงเพื่อช่วยงานสำคัญ""งานสำคัญ"เยว่อันหนิงเอี้ยวใบหน้างามสบตาเฉินเจียนหลางเพื่อรอฟังคำอธิบายต่อหากแต่ยังไม่มีบทสนทนาใดเอ่ยขึ้นเสียงพ่อบ้านเยว่คนใหม่ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน"คุณหนูห้า หลี่กงกงมาขอ
หมับ!มือหนาเอื้อมมาจับข้อมือน้อยที่กำกระบี่อย่างสั่นเทาด้วยความชิงชังเอาไว้พร้อมกับค่อย ๆ แกะกระบี่ในมือคนรักออกช้า ๆ"โทษของเจ้าสมควรตายจริง แต่มิใช่ด้วยมือของอันหนิง"มู่ตงหยวนลืมตาขึ้นเพื่อมองหน้าเฉินเจียนหลาง ก่อนจะพบว่าแววตาของแม่ทัพน้อยกำลังคิดสิ่งใดอยู่"มู่ตงหยวนสมคบคิดกบฏ ใส่ร้ายสกุลเยว่ ผู้บริสุทธิ์หลายร้อยชีวิตต้องสังเวยกับความชั่วของเจ้า โทษเดียวที่ควรได้รับคือเสียบหัวประจานที่ประตูเมือง ส่วนร่างกายโยนทิ้งให้นกกาจิกกิน ห้ามฝังศพ ห้ามตั้งป้ายวิญญาณเซ่นไหว้ แบบนี้ถึงจะสาสมกับความชั่วที่เจ้ากระทำเอาไว้"เยว่อันหนิงลอบมองหน้าเฉินเจียนหลางที่พูดทุกอย่างในใจนางออกมาราวกับนั่งอยู่ในความคิดนางอย่างเลื่อมใส"เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาตัดสินโทษความผิดข้า"มู่ตงหยวนยอมตายใต้คมกระบี่ของศัตรู แต่ไม่ยอมให้คนทั้งแคว้นเห็นเขาในสภาพนั้นเป็นแน่"แล้วหากเป็นข้าเล่า พอที่จะตัดสินโทษเช่นนั้นของท่านได้หรือไม่"ไป๋ต่งเหลียนเดินมายืนเคียงข้างเฉินเจียนหลางพร้อมกับชูตราประจำตัวของฮ่องเต้ขึ้นเหนือศีรษะเหล่าทหารและข้าราชบริพาลที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างพากันคุกเข่าเมื่อเห็นป้ายทองในมือรัชทายาท"มู่ตงหยวนสมคบคิ
ฉึก!"ต...ต้วนอี้"เยว่อันหนิงหมายจะแลกชีวิตของนางกับความปลอดภัยของเฉินเจียนหลาง ทว่าเสียนต้วนอี้ที่เหมือนเพิ่งคืนสติเพราะผงยาของยี่ซูกลับพุ่งเข้ารับกระบี่นั้นแทนปลายกระบี่แหลมคมปักเข้ากลางอกเสียนต้วนอี้ หากแต่คนถูกแทงกลับเผยยิ้มออกมาให้สตรีในดวงใจราวไม่รู้สึกเจ็บปวดตุ้บ!เยว่อินกวานถูกยี่ซูใช้จังหวะที่เขายังไม่ชักกระบี่ออกจากร่างเสียนต้วนอี้ฝังเข็มลงกลางศีรษะเพื่อให้เขาหมดสติจนร่างล้มลงกองกับพื้นเพื่อหาทางรักษาต่อไป"ต้วนอี้ เจ้าต้องไม่เป็นอะไร"เยว่อันหนิงและเฉินเจียนหลางช่วยพยุงร่างของเสียนต้วนอี้ให้ค่อย ๆ นอนลงกับพื้นอย่างระมัดระวังกองเสริมของทหารหลวงที่เพิ่งมาใหม่รีบล้อมจับมู่ตงหยวนและหม่าเย่าที่กำลังโศกเศร้ากับการจากไปของมู่อานจิ่วจึงไร้การขัดขืน"เจ้าปลอดภัย"เสียนต้วนอี้บาดเจ็บหนักแต่ยังคงฝืนแรงเอ่ยถามความปลอดภัยของนางในดวงใจ"เจ้าโง่หรืออย่างไร เมื่อครู่พี่รองไม่มีทางทำร้ายข้าแน่"เยว่อันหนิงตำหนิคนในอ้อมตัก"ข้าจะให้คนพาคุณชายเสียนไปรักษา""ขอบใจแม่ทัพน้อยเฉิน หากแต่ข้ารู้ตนดี ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว"เขาไม่ได้พูดเพื่อให้ตนเองดูน่าสงสาร ทว่าบาดแผลเสียนต้วนอี้สาหัสยิ่งนักแค่ฝื
เคร้ง!เยว่อันหนิงใช้กระบี่ปัดป้องเข็มพิษนั้นทันพร้อมกระโจนฟาดกระบี่ลงไปอย่างหนักหน่วง"ฝีมือไม่เลว"มู่อานจิ่วหลบการโจมตีนั้นได้ นางแสร้งกล่าวชมศัตรูทั้ง ๆ ที่แววตามีแต่ความอาฆาต"เจ้าก็ลอบกัดเก่งเช่นกัน"เยว่อันหนิแสร้งยั่วโทสะของอีกคน"เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดนางรำบ้านนอกถึงได้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้"มู่อานจิ่วประเมินฝีมือของอีกคนอยู่ห่าง ๆ"ข้าคือคนที่จะมาทวงความบริสุทธิ์ให้คนที่พวกเจ้าใส่ร้ายเมื่อเก้าปีก่อนอย่างไรเล่า"วาจาของเยว่อันหนิงมีแต่ความกระหายอยากแก้แค้นบุตรสาวของศัตรู"เก้าปีก่อน... เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับสกุลเยว่"เกร้ง!เยว่อันหนิงไม่อยากเสียเวลาสนทนากับศัตรูให้มากความ นางพุ่งกระบี่เข้าไปหมายจะเอาชีวิตมู่อานจิ่วแต่อีกคนกลับรับกระบวนท่านั้นทัน"ข้าคือพญายมที่จะมารับตัวพวกเจ้าสองพ่อลูกไปเซ่นไหว้ท่านพ่อและเหล่าพี่น้องของข้า!"มู่อานจิ่วตาเบิกโตอย่างตกใจเมื่อนางรู้แล้วว่าสตรีที่นางเรียกว่าชั้นต่ำมาตลอดกลับเป็นถึงบุตรึของแม่ทัพใหญ่ที่สิ้นชีพไปเพราะการใส่ร้ายของบิดานาง"ข้าเยว่อันหนิง วันนี้จะขอล้างแค้นและนำเลือดของคนสกุลมู่ไปเซ่นไหว้ให้กับวิญญาณของคนสกุลเยว่ที่ตายอย่างไม่เป







