รณพีร์จำใจพาม่านทิวามาเชียงใหม่ด้วยกันตามคำสั่งของมารดา สองสามีภรรยาออกมาจากกรุงเทพฯ ตอนช่วงเที่ยงเกือบจะบ่ายโมง เพราะรณพีร์ต้องเข้าไปสั่งการบางอย่างกับธันวาที่บริษัทก่อนออกเดินทาง ส่วนม่านทิวารีบโทร.ไปลางานกะทันหันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ตามคำขอของแม่สามี ดีว่าไม่เคยลางานมาก่อนจึงทำให้เธอลาได้ง่าย ๆ
ราวห้าทุ่มจวนจะเที่ยงคืนอยู่รอมร่อ รถยนต์คันหรูหราราคาแพงของรณพีร์แล่นมาจอดเทียบหน้ารีสอร์ตที่คุณนายสรวงสุดาเป็นคนจัดการจองให้ เพียงแค่ยกหูโทรศัพท์กริ๊งเดียวเท่านั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ต้องการทันที
ตลอดการเดินทางกว่าจะมาถึงที่หมายม่านทิวาจะคอยถามรณพีร์เสมอว่าขับไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวเธอเปลี่ยนไปขับให้ได้ แต่ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยไมตรีและไม่พูดจากับเธอเลย เขาเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถยาว ๆ หญิงสาวจึงต้องนั่งเงียบ ๆ คอยดูรถที่ขับสวนกันไปมาอย่างรวดเร็วจนเผลอหลับไป
"นี่เธอ! ถึงแล้วจะนอนไปถึงไหน" ร่างสูงปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนปลุกหญิงสาวที่เผลอหลับบนเบาะข้าง ๆ ให้ตื่นโดยไว
"อื้อ" เสียงอื้ออ้าในลำคอบอกถึงความรำคาญก่อนจะปัดมือที่สะกิดแขนออกอย่ากวนใจ
"ตามใ
สาวร่างเล็กผิวขาวหน้าหวานมีผ้าขนหนูสีขาวพันกายออกมา เพราะมองหาชุดคลุมของทางรีสอร์ตแล้วกลับไม่มีบริการ รณพีร์เหลือบมองร่างงามแล้วเดินสวนเข้าไปอาบน้ำบ้าง เธอเดินมายกกระเป๋าเดินทางของตนขึ้นไปวางบนเตียงกว้างค่อย ๆ เปิดกระเป๋าเดินทางใบย่อมเพื่อค้นหาชุดนอนรัดกุมที่เตรียมมาสองสามชุด แต่แล้วเกิดสงสัยเมื่อหาเท่าไรก็หาไม่เจอ ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ได้ตรวจดูแล้วว่าอากาศตอนกลางคืนค่อนข้างเย็นเธอจึงไม่ลืมแน่ ๆ ที่จะเตรียมมา แต่ทำไมในกระเป๋าเดินทางถึงไม่มีชุดนอนที่เธอเตรียมเอาไว้เลยสักชุด“ทำไมมันไม่มี ตรงนี้ก็ไม่มี มันจะหายไปได้ยังไงเนี่ย เอาใส่เองกับมือแท้ ๆ” คนตัวเล็กบ่นกับตัวเอง มือก็ยังคงแหวกหาชุดนอนที่อยู่ในกระเป๋านานสองนานกลับเจอแต่ชุดนอนที่ไม่ควรจะเป็นชุดนอน น่าจะเป็นพวกเศษผ้าเสียมากกว่ามือเล็กค่อย ๆ ชูชุดนอนซีทูลูกไม้สุดเซ็กซี่ขึ้นมา อยู่ ๆ ใบหน้าหวานใสกลับเห่อร้อนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ“ชุดนี้มาได้ยังไง” พึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อได้ยินเสียงเข้มของสามีดังขึ้นจากทางด้านหลัง“ทำไมยังไม่ใส่เสื้อผ้าอีก คิดจะยั่วฉันรึไง” 
อีกฟากของคืนเดียวกัน...ร่างอ้อนแอ้นในชุดนอนลูกไม้สีดำวาบหวิว เดินเข้ามาหาปรานต์ที่นั่งดื่มไวน์ราคาแพงที่เพิ่งวางสายจากคนสนิทด้วยใบหน้าขึ้งเคียด"คุณปรานต์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าเครียดจัง" รวิดาหย่อนสะโพกงามงอนลงบนตักแกร่ง สองแขนเรียวโอบรอบคอชายหนุ่มก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือเซ็กซี่"ไอ้สองมันไปเชียงใหม่" เสียงเข้มเอ่ยบอกด้วยความหงุดหงิดใจ"คุณสองไปเชียงใหม่ ก็ไม่เห็นมีอะไรที่น่าตื่นเต้นเลยนี่คะ" หญิงสาวโต้ตอบอย่างไม่ใส่ใจอดีตแฟนเก่า"ผมไม่รู้ว่ามันกำลังจะทำอะไรกันแน่"ปรานต์ไม่สามารถลดความเครียดของตัวเองลงได้ ยิ่งขบคิดยิ่งกังวลว่ารณพีร์จะไปตัดหน้าซื้อที่ดินผืนงามที่เขาหมายตาเอาไว้ มันถึงได้รีบร้อนไปเชียงใหม่เขานั้นส่งคนไปตามประกบมันในบริษัทอนันต์พิทากานต์เพื่อดูดข้อมูลความลับทางธุรกิจอย่างลับๆ แต่มันกลับไม่พลาดเลยสักครั้ง มันสามารถตลบหลังเอาทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาไปได้ก่อนเสมอ ๆครั้งนี้เขาจะไม่ยอม!"คุณปรานต์กำลังคิดมาก”“ไปเชียงใหม่คราวนี้มันไม่ได้ไปกับลูกน้องเหมือนอย่างเคย แต่มันไปกับผู้
ม่านทิวาตื่นขึ้นมารับอากาศเย็นสดชื่นในเช้าวันใหม่ที่สดใส หญิงสาวตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหากมาต่างจังหวัดเธอจะพยายามตื่นให้เช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเธออยากตื่นขึ้นมาแนบชิดธรรมชาติที่ไม่สามารถสัมผัสได้ในกรุงเทพมหานคร คนตัวเล็กบิดกายไล่อาการเมื่อยขบเล็กน้อยก่อนลุกไปอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว อยากจะสำรวจว่าที่นี่มีอะไรให้ออกไปเดินเที่ยวเล่นได้บ้างจะไม่ได้ต้องนอนรออยู่แต่ในที่พัก"ไม่อยู่ ออกไปไหนแต่เช้านะ?" หญิงสาวบ่นพึมพำเบา ๆ มือบอบบางพลางเช็ดผมที่เพิ่งสระ ดวงตาสวยหวานกวาดมองไปรอบ ๆ ห้องพักก็ไม่พบสามีตีทะเบียนที่หายหน้าไปตั้งแต่ก่อนเธอตื่นขึ้นมาหลังจากม่านทิวาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนขายาว สวมทับด้วยเสื้อแขนยาวตัวโปรดตามด้วยรองเท้าผ้าใบใส่สบาย เพราะเธอนั้นไม่ค่อยชินกับอากาศเย็น ๆ ในช่วงเช้าตรู่สักเท่าไรนัก เกรงว่าต่างที่ต่างถิ่นจะไม่สบายเอาได้ ช่วงขาเรียวยาวก้าวเดินไปตามเส้นทางภายในรีสอร์ต บรรยากาศโดยรอบทำให้หญิงสาวอดใจไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพสวย ๆ เอาไว้โพสต์ลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัวที่เป็นเสมือนไดอารี่คอยเก็บบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่เธ
หลังจากม่านทิวารับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอออกมาเดินยืดเส้นยืดสายด้วยการชมธรรมชาติที่สวยงามอีกครั้งเพราะไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีเธอเดินไปนั่งค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวบนโซฟารับรอง ระหว่างที่กำลังค้นหาอยู่นั้นแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กได้แจ้งเตือนให้ทราบว่า ‘มีเพื่อนเข้ามาอยู่ใกล้พื้นที่ของเธอ’ "ยัยวีวี่มาเชียงใหม่ด้วยเหรอ แต่คงจะไม่บังเอิญมาพักที่นี่หรอกมั้ง" หญิงสาวครุ่นคิดเบา ๆ หลังจากเลื่อนดูเฟซบุ๊กผ่าน ๆ ก่อนจะลุกขึ้น เดินออกจากโซฟารับรองโดยไม่ทันระวังทำให้ร่างเล็กกระแทกเข้ากับร่างสูงกำยำของใครบางคน"ว้าย! นี่หล่อนเดินยังไงยะ…ไม่มีตาหรือไง ชนเข้ามาได้" คู่กรณีที่ถูกชนอย่างจังส่งเสียงวี้ดว้ายแสบแก้วหู ต่อว่าต่อขานด้วยความโมโหทั้งที่ยังไม่ทันเห็นหน้าว่าใครเป็นคนชน"ขอโทษค่ะ พอดีฉันมัวแต่มองโทรศัพท์มือถือเลยไม่ทันระวัง ขอโทษจริง ๆ นะคะ"หญิงสาวกล่าวขอโทษขอโพยคนตรงหน้าพร้อมทั้งค้อมศีรษะลงด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกันกับคนที่เดินชนอย่างตกใจ"วีวี่!""ยัยม่าน!"สองเสียงร้องประสานกันด้วยความประหล
สองเพื่อนซี้ขับรถพากันสนุกสนานไปกับการท่องเที่ยวที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติสีเขียวและขุนเขาที่ทอดยาว ทั้งสองเลือกที่จะไม่นั่งผ่อนคลายในคาเฟที่ตั้งอยู่ในเมือง ตะลอนทั้งวันจวบจนเย็นค่ำถึงพากันไปเดินตลาดเพราะอยากจะซื้อเสื้อผ้าพื้นเมือง เครื่องประดับ พร้อมกับดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่เมื่อเดินเลือกซื้อของสมใจอยากก็เริ่มที่จะหิว ทั้งสองคนจึงเดินหาซื้ออาหารกินกันอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งสองทุ่มกว่าถึงเดินทางกลับที่พัก"ม่าน ฉันหิวอีกแล้ว"ม่านทิวางวยงงไม่น้อยที่วีรพลบ่นออกมาว่า ‘หิว’ ตอนอยู่ตลาดเจ้าตัวเดินซื้อของกินไปมากมาย แถมในมือตอนนี้ก็มีถุงอาหารพะรุงพะรังเต็มไปหมด"ของกินเต็มมือ ยังจะมาบ่นหิวอีกนะยัยวีวี่" หญิงสาวต่อว่าอย่างมันเขี้ยวพร้อมทั้งหลุบตาลงไปมองมือทั้งสองข้างของเพื่อน"นั่งกินเป็นเพื่อนฉันก่อนค่อยกลับห้องนะ น้า..." วีรพลเอ่ยออดอ้อนหญิงสาวพยักหน้าอย่างยินยอมตามใจ หย่อนบั้นท้ายกลมกลึงลงบนเก้าอี้แล้วนั่งมองเพื่อนสวาปามของอร่อยที่ซื้อมาจากตลาดด้วยรอยยิ้ม บางครั้งเธอก็ส่งแก้วน้ำแตงโมปั่นที่ซื้อจากร้านค้าในตลาดให้ ดูแลเอาใจใส่เพื่อ
ร่างเล็กบอบบางที่ถือของพะรุงพะรังโยกย้ายของมาไว้อีกมือเพื่อใช้มือข้างที่ถนัดไขกุญแจสำรองอีกชุดเข้ามาภายในห้อง ในคราแรกเธอคิดว่ารณพีร์กลับมาแล้วแต่กลับไม่พบเขา มีเพียงความมืดมิดและกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งเต็มห้องไปหมด จนกระทั่งหญิงสาวเปิดไฟแล้วเดินไปยังประตูกระจกออกสู่ระเบียงกว้างทางด้านหลัง พลันสายตามองเห็นร่างสูงของสามีทางนิตินัยนอนพิงหลังกับเก้าอี้ ในมือถือแก้วเหล้ายกขึ้นมาดื่มเรื่อย ๆใช่...เธอมองไม่ผิด รณพีร์กำลังดื่มเหล้า ดูท่าทางเขาจะดื่มหนักมากเสียด้วยแต่ว่าเขากลับมาแล้วทำไมไม่เปิดไฟ แล้วมานั่งดื่มอะไรอยู่ข้างนอกแบบนี้"คุณสองคะ"ม่านทิวาส่งเสียงเรียกรณพีร์พร้อมกับเอื้อมมือไปแตะต้นแขนกำยำเบา ๆ แต่ไร้การโต้ตอบจึงเรียกอีกครั้ง"คุณสองคะ! ""ไปสนุกถึงไหนมาล่ะ...กลับมาเอาป่านนี้" เสียงทุ้มเข้มถามลอดไรฟัน ราวกับกำลังสะกดอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้สุดขีด"สนุกมากเลยค่ะ พรุ่งนี้ก็อยากจะไปอีก"ม่านทิวาตอบออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงและยิ้มมีความสุขที่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ดูเหมือนว่ารณพีร์จะตีความหมายไปคนละทางกันเลย"ทำอะไรหัด
เพียะ!"ชอบความรุนแรงใช่ไหม ได้...ฉันจะสนองให้ถึงใจเลย!" รณพีร์กัดกรามกรอด ส่งเสียงเหี้ยมบอกลอดไรฟันทำเอาม่านทิวาสะดุ้งเฮือก กระถดกายถอยหนีจากร่างสูงกำยำที่แววตาคมกริบเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว"อ๊าย!" เสียงหวีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มคว้าข้อเท้าทั้งสองข้างกระชากกลับเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว"คุณสองปล่อยฉันเถอะนะ ฉันขอโทษที่ตบคุณ ฉันไม่ได้ตั้งใจ" พยายามขอโทษขอโพยด้วยใจที่หวาดกลัว"มันสายไปแล้ว""ปล่อยฉันนะ อย่านะคุณรณพีร์" ร้องห้ามอย่างหวาดกลัว เมื่อคนที่อยู่เบื้องหน้าโถมกายคร่อมทับร่างเล็กเพื่อควบคุมเอาไว้ หญิงสาวพยายามผลักดันร่างสูงให้ออกห่างแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเรี่ยวแรงและพละกำลังของชายหนุ่มนั้นมีมากกว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอหลายเท่ามือเล็กเรียวทั้งสองข้างที่กำลังทุบตีเข้ากับอกแกร่งถูกรวบขึ้นไปตรึงเหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียวของชายหนุ่ม ส่วนมืออีกข้างก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำที่ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกจากขอบกางเกงด้วยความรวดเร็ว เผยให้เห็นแผงอกแกร่งกำยำและซิกแพคเป็นลอนสวยทั้งหกก้อน ทำเอาม่านทิวาตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีดเพราะไม่เคยแนบชิดผู
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในช่วงเช้า ทำให้คนที่เพิ่งจะได้เอนกายพักผ่อนหลังจากกิจกรรมสวาทเมื่อคืนต้องขยับตัวขึ้นมาดู มือหนาควานหาเจ้าเครื่องที่ส่งเสียงรบกวนเวลานอนหมายที่จะปิดมันเสีย แต่ทว่าคว้าขึ้นมากลับไม่ใช่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง รณพีร์ตลบผ้าห่มที่คลุมกายออกแล้วยืนขึ้น คว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนหนานุ่มขึ้นมาพันรอบเอวสอบไว้หมิ่นเหม่ ออกเดินตามหาเสียงก็พบว่ามันดังออกมาจากกระเป๋าสะพายใบน้อยของคนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง...ที่ดูท่าทีแล้วน่าจะไม่ตื่นขึ้นมาง่าย ๆ"ฮัลโหล" ชายหนุ่มกดรับสายด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก แต่ปลายสายกลับไม่ตอบจึงพูดออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงขุ่น ๆ "ถ้าไม่พูดผมจะวางสายแล้วนะ"คนปลายสายเงียบไปชั่วขณะก่อนตอบเสียงเบา "ขอโทษครับโทร.ผิด" เพียงแค่นั้นแล้วกดวางสายด้วยความแปลกใจรณพีร์นิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดใจก่อนวางโทรศัพท์ไว้ข้างกระเป๋าสะพายใบเดิม เดินกลับไปยังเตียงกว้างอีกครั้งเพราะเวลานี้ยังคงเช้าอยู่ จากที่ดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือประมาณเจ็ดโมงเช้าเห็นจะได้ และวันนี้ก็ไม่ได้มีธุระปะปังด่วนอะไรจึงอยากนอนต่ออีกหน่อยทว่ายังไม
"เปล่าสักหน่อย โจ๊กใครก็กินกับไข่ลวกทั้งนั้นแหละค่ะ" หญิงสาวรีบตอบกลับเสียงนุ่ม ก่อนเอ่ยเร่งเร้า "รีบกินเร็วเข้า ม่านจะได้ไปหาเพื่อนเสียที""ขับรถไปเองหรือให้ฉันไปส่ง""ไปเองค่ะ ม่านว่าจะนั่งแท็กซี่ไป" ตอบพลางตักอาหารเช้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย"ทำไมไม่ขับรถไปเอง นั่งแท็กซี่ไปทำไม" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาค้านทันควัน “ก็ม่านเกรงใจคุณสองนั่นแหละค่ะ มันรถของคุณนี่คะ" หญิงสาวตอบเสียงแผ่วเบาเพราะเกรงใจสามี"ฉันซื้อให้เธอแล้ว มันเป็นของเธอ เอาไปใช้ซะ...ถ้าไม่เอาไปใช้โดนดีแน่" สั่งเสียงเข้มแก้มบังคับทำให้ม่านทิวายอมจำนน เพราะรู้ดีว่าเขาต้องทำโทษจนเธอไม่ได้นอนเป็นแน่เธอพยักหน้ารับโดยไม่โต้เถียงใด ๆ ทำเอารณพีร์พอใจไม่น้อย ไม่นานทั้งสองก็รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วพากันแยกย้ายไปคนละทาง คนเป็นสามีออกไปทำงานเช่นทุกวัน ส่วนตัวของเธอนั้นออกไปตามนัดของเพื่อนที่ได้ตกลงกันไว้ภายในร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งคือสถานที่นัดหมายของม่านทิวากับปอแก้ว…ที่รบเร้าให้เธอมาหาให้ได้ สายตาหวานสอดส่องเข้าไปข้างในร้านพบว่าเพื่อนเธอนั้นมารออยู่ก่อนแล้ว เธอจึงรีบจอดรถแล้วลงไปหาเพื่อน
เสียงนาฬิกาปลุกที่นานครั้งจะตั้งดังจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้ม่านทิวาที่กำลังหลับสบายต้องรีบลืมตาตื่นจากความฝันอันแสนหวานที่ไม่เคยมีมาก่อน ร่างเล็กรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วจัดการปิดเสียงรบกวนทันทีเพราะกลัวว่ารณพีร์ที่กำลังหลับสบายอยู่นั้นจะตื่นก่อนเวลามือเรียวบางพยายามเอาท่อนแขนแกร่งกำยำที่พาดเข้ากับเอวคอดของตนออกอย่างเบามือที่สุดแล้วหันไปคว้าเสื้อคลุมสีขาวขึ้นมาสวมทับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายของตน หญิงสาวจำได้ว่าวันนี้มีนัดกับปอแก้วเพื่อที่จะคุยธุระเรื่องงาน แต่ถ้าหากไม่ไปเพื่อนสนิทคงต้องงอนเธอเป็นแน่เกือบสามสิบนาทีกับการอาบน้ำสระผมแล้วออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่พันรอบกายบอบบาง ระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินเช็ดผมอยู่นั้น เธอแอบมองร่างสูงของสามีหลับสบายบนเตียงนุ่มโดยไม่คิดที่จะปลุกและเผลอยิ้มน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดู แต่แล้วเสียงข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังเตือนทำให้เท้าเรียวหยุดชะงักแล้วเดินไปยังโต๊ะหัวเตียงเธอหย่อนสะโพกมนนั่งลงกับขอบเตียงเบา ๆ ไม่ให้สะเทือนไปถึงร่างสูงที่กำลังนอนอยู่ ร่างเล็กที่พันกายด้วยผ้าขนหนูสีขาวหยุดมือที่
หลังจากที่ร่างสูงของเจ้าของห้องออกไป หนูน้อยพาลิกาเปิดกระเป๋าใบน้อยสีชมพูน่ารักที่รณวีร์ซื้อให้ หยิบสมุดภาพระบายสีพร้อมทั้งกล่องสีขึ้นมาระบายเล่น มิหนำซ้ำหนูน้อยยังเรียกม่านทิวามาช่วยกันระบายสีอีกแรง"อาม่านขา...มาระบายสีกันค่ะ" ว่าจบก็ฉีกยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันซี่น้อยๆ เรียงเป็นระเบียบคนที่ถูกเรียกยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของหลานสาวของสามี ก่อนลุกจากที่นั่งของตนมาหาหนูน้อยที่นั่งกับพื้นพรหมสีเทาฝั่งตรงข้าม"ไหนคะ มาให้อาม่านดูหน่อยสิว่าระบายสีอะไร" หญิงสาวถามหลานตัวน้อยเสียงอ่อนเสียงหวาน"คุณครูบอกว่าการบ้านคะ" ตัวเล็กเงยหน้ามองคุณอาสะใภ้คนสวย"ถ้าการบ้านน้องพายต้องทำเองนะคะ ไม่ให้คนอื่นช่วยนะคะ ต้องทำเองจะได้เก่งขึ้นไง" บอกเสียงอ่อนเสียงหวานพลางลูบศีรษะทุยเบา ๆ ก่อนถามประโยคต่อมา "น้องพายอยากเป็นคนเก่งไหมคะ""น้องพายอยากเป็นคนเก่งค่า""ถ้าอยากเป็นคนเก่งก็ต้องทำเอง ถ้าทำไม่ได้ให้ถามอาม่านนะคะ"หนูน้อยพยักหน้ารับและลงมือทำแบบฝึกหัดที่อยู่ตรงหน้า อันไหนหนูน้อยทำไม่ได้ก็หันไปถามคุณอาสะใภ้คนสวยจนกระทั่งทำเสร็จด้วยตัวเองในเวลาไม่นาน ร่างน
“แต่ท่านรองเคยสั่งเอาไว้ อย่าให้คู่ควงพวกนี้เข้ามาก่อกวนในที่ทำงานนี่คะ”"ผู้หญิงคนนี้คือเมียฉัน"สิ้นเสียงเข้มทรงอำนาจทำเอาหลายคนตกใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นภรรยาของรองประธานบริษัท แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าก็คือผู้ช่วยเลขานุการปากแดงที่หน้าซีดกับความผิดครั้งใหญ่“นะ...นี่ภรรยาของท่านรองจริง ๆ เหรอคะ” สุ้มเสียงของผู้ช่วยเลขานุการอึกอักคล้ายมีอะไรติดคอ“อือ”คำตอบรับเพียงสั้น ๆ ทำเอาเสียวสันหลังไม่น้อย จึงต้องรีบขอโทษขอโพยผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเจ้านายทันที“เลอเน่กราบขอโทษนะคะที่พูดจาไม่ดีกับคุณ”“ไม่เป็นไรค่ะ ก็คุณไม่รู้นี่คะ”ม่านทิวาไม่ได้ถือสาอะไรกับคนที่ไม่รู้ แต่รณพีร์หันไปแนะนำม่านทิวาให้กับทุกคนรู้จักและสั่งการกับพนักงานทุกคน รวมถึงผู้ช่วยเลขานุการที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานที่ประจำการอยู่หน้าห้องด้วย“ทุกคน...ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ผู้หญิงคนนี้ชื่อม่านทิวาเป็นภรรยาของฉัน กับน้องพายลูกสาวของคุณรณวีร์พี่ชายของฉัน ต่อไปนี้ถ้าคุณม่านมาให้เข้าไปรอในห้องได้ไม่ต้องรอให้ฉันอนุญาต”พนักงานต่างสว
"น้องพายดูทีวีนานเกินไปแล้วนะคะ ปิดก่อนเนอะเดี๋ยวค่อยดูใหม่" ม่านทิวาเกลี้ยกล่อมด้วยความเอ็นดูระคนหวังดี"ได้ค่า" หนูน้อยเอ่ยตอบอย่างว่าง่ายก่อนหันไปหาคุณปู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ"คุณปู่ขา น้องพายอยากไปหาอาสอง น้องพายคิดถึงอาสอง" หลานสาวตัวน้อยหันไปอ้อนคุณปู่เสียงหวานใส"อาสองทำงาน ไปกวนไม่ได้นะลูก"คนเป็นปู่ให้เหตุผล แต่คุณย่านั้นเดินกลับมาพร้อมกล่องอาหารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้"งั้นก็ให้หนูม่านพาน้องพายไปสิ จะได้เอาข้าวกล่องไปให้ลูกเราด้วย ตอนนี้ลูกทำงานหนักจนลืมกินข้าวอยู่บ่อย ๆ น้องพายไปหาอาสองกับอาม่านนะคะ" นางบอกสามีก่อนหันไปคุยกับหลานสาวเสียงอ่อนละมุน"เย่ ๆ ไปหาอาสอง" หนูน้อยน่ารักกระโดดโลดเต้นออกมาอย่างดีใจ"หนูม่านเอาข้าวไปให้พี่เขาที่บริษัททีนะลูก" คุณนายสรวงสุดาบอกกับลูกสะใภ้คนสวย"แต่ว่าม่านจะไปรบกวน..." หญิงสาวกำลังเอ่ยค้านแต่ก็ถูกพูดดักเอาไว้เสียก่อน"ไม่มีแต่นะลูก เราเป็นภรรยาต้องดูแลสามีให้ดี เอาข้าวกลางวันไปให้แค่นี้ไม่ถือว่ารบกวนหรอกจ้ะ""ค่ะคุณแม่" เมื่อแม่สามีเห็นว่าดีเธอก็ไม่อาจคัดค้าน"งั้น
ร่างสูงของเจ้าของบริษัทนำเข้ารถบิ๊กไบค์รายใหญ่ ยืนมองวิวทิวทัศน์ของคอนโดมิเนียมราคาถูกที่ทัศนวิสัยไม่ได้ดีมากมายเท่าที่ตนอยู่ มือหนาค่อย ๆ ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มพลางมองคนที่เพิ่งตื่นจากนิทรา พยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งกระชับผ้าห่มสีชมพูอ่อนให้ปิดบังกายเปลือยเปล่าเอาไว้"คุณนที!" เสียงหวานเอ่ยเรียกเสียงแผ่วผ่านริมฝีปาก"ตื่นแล้วเหรอ" ชายหนุ่มหันมาถามเสียงเข้ม“ค่ะ”ร่างสูงของนทีเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์ใบหรูขึ้นมา หยิบธนบัตรสีเทาจำนวนหนึ่งโยนลงบนเตียงของหญิงสาว"อะไรคะ" หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ"เงินของเธอ" นทีพูดเสียงเรียบแล้วเอ่ยประโยคต่อมา "ค่าตัวเธอที่นอนกับฉันเมื่อคืนไงธาริกา""บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว" ธาริกาตวาดว่าเสียงสั่นอย่างไม่พอใจ"หึ! เธอก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงพวกนั้นหรอก" พูดอย่างเหยียดหยามผู้หญิงตรงหน้าธาริกาพอได้ฟังคำพูดของเขาซึ่งเป็นเจ้านายของเธอ มือเรียวก็กำเข้ากับผ้าห่มแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่เธอได้รับตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา"อ้อ! อย่าแม้แต่จะคิดลาออกล่
q"ค่ะ แต่ว่าม่านอยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ ม่านจะไปหางานที่ใหม่ทำ...หรือไม่ก็ไปทำงานกับเพื่อนค่ะ" คนที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการทำงานต้องมาอยู่เฉย ๆ ในบ้านหลังใหญ่ แถมจะหยิบจับทำอะไรหน่อยก็ถูกห้ามไปหมดไม่ได้หรอก"หยุดความคิดไว้แค่นั้นเลย อยู่บ้านเลี้ยงหลานเฉย ๆ หรือไม่ก็รอเลี้ยงลูกของเรา"สิ้นเสียงของรณพีร์ทำเอาม่านทิวาสะดุ้งไม่น้อย เมื่อฝ่ามือใหญ่ยกมาวางทาบกับหน้าท้องแบนราบของตน"ว่าแต่มาหรือยังน้า" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนละมุน ทำเอาคนเป็นพี่ชายต้องเอ่ยแซวในความหวานที่ไม่เคยเห็นมาก่อน"โอ๊ย! จะหวานอะไรเกรงใจกันบ้างสิวะ" รณวีร์โวยขึ้น"นั่นสิคะพี่สอง ไม่ได้อยู่กันสองคนนะคะ" มธุรินเอ่ยเสริมหลังสิ้นประโยคของสามี"นั่นสิ ลูกชายแม่เป็นอะไรนะ พักนี้ดูรักหนูม่านแปลก ๆ""แปลกตรงไหนครับ คนเรามันต้องเปลี่ยนแปลงกันได้จริงไหม" รณพีร์เฉไฉตอบมารดาก่อนหันไปถามคนภรรยา ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย"ดีแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกันต้องรักกัน อย่าทะเลาะกัน มีอะไรก็ให้คุยกันด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์เข้าใจไหม ตาหนึ่งกับหนูมายด์ด้วยนะ""ครับ”
คำตอบสั้น ๆ ทำให้ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ มือหนาเชยคางมนของม่านทิวาให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน"ต่อไปนี้เรียกฉันว่าคุณสอง...หรือพี่สองก็ได้ ไอ้สิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อคืนก็อย่าไปใส่ใจมัน เข้าใจไหม?"น้ำเสียงของรณพีร์อ่อนลง แต่ทว่ายังคงแฝงความนัยลึกซึ้งชวนค้นหากับสายตาคู่คมแสนเย็นชากำลังคิดอะไรอยู่ ทำเอาม่านทิวาส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจอีกครั้ง"ฉันไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ ฉันกลัวคุณจะโกรธแล้วพาลโมโหใส่เหมือนเมื่อคืน" เสียงหวานตอบอย่างแผ่วเบา เธอกลัวมาก ๆ เวลาเขาโกรธแล้วใส่อารมณ์กับเธอ"ถ้าเธอไม่เรียกสิฉันจะโมโห" น้ำเสียงของเขาอ่อนลง แอบแฝงความนัยบางอย่างในคำพูดที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะจริงจังนัก"แต่ว่า..." หญิงสาวกำลังจะเอ่ยค้านแต่ก็ถูกชายหนุ่มชิงพูดไปเสียก่อน "ไม่มีแต่ ไหนลองเรียกสิ...จะเรียกคุณสองหรือพี่สองก็ได้""เอ่อ...ค่ะคุณสอง" ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเรียกหรือไม่เรียกดี สุดท้ายก็เอ่ยออกไปทำเอาคนที่รอฟังยกยิ้มมุมปากบาง ๆ ด้วยความพอใจ"เก่งมากเด็กดีของฉัน เรามาเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยาเหมือนคู่อื่น ๆ กันจะได้ไหม ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเ
คนเป็นน้องไหวไหล่กวน ๆ ก่อนตอบกลับ..."ปกติเขาก็ตื่นสายอยู่แล้ว" รณพีร์รีบโยนความผิดให้ม่านทิวาหน้าซื่อ ๆ"กูว่าไม่นะ เมียกูบอกว่าม่านไม่เคยตื่นสาย แถมตื่นก่อนคนอื่นในบ้านมาเตรียมอาหารเช้าอีกต่างหาก แต่พอมึงกลับมาอยู่บ้านม่านตื่นสายประจำ ไปทำงานก็สายด้วย กูว่าต้นเหตุมันมาจากมึงแน่ ๆ" คนเป็นพี่พูดยืนยันพลางจับสังเกตที่สีหน้าของน้องชาย"ถ้าต้นเหตุมันมาจากกู มันก็ไม่แปลกไหมวะ ในเมื่อเขาเป็นเมียกู ผัวเมียกันจะเอากันเมื่อไรก็ได้ หรือว่ามึงไม่เอาเมียเลย""เออ กูรู้ว่าผัวเมียจะเอากันเมื่อไรก็ได้ แต่มึงเอาถี่ไปไหม ปล่อยให้เมียมึงพักบ้างเดี๋ยวก็โทรมกันพอดี ระวังแม่จะไม่ปลื้มที่ไปทำลูกสะใภ้สุดที่รักเขาไม่สบาย" รณวีร์เตือนน้องชายด้วยความหวังดี"แล้วไง ก็เมียกูไหมล่ะ กูจะถนอมหรือไม่…มันขึ้นอยู่กับกูเว้ย"รณพีร์ตอบแบบเอาแต่ใจสุด ๆ ทำเอาคนเป็นพี่ชายยกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามาใกล้น้องชายเพื่อกล่าวล้อ"ใครวะ...ที่บอกว่าจะไม่สนใจคนที่แม่หามาให้ แต่ไหงตอนนี้เรียกเขาว่าเมียเต็มปาก กลืนน้ำลายตัวเองนี่หว่า" เสียงเย้าหยอกของพี่ชายแทงใจดำคนเป็นน้องเข้าอย่างจ