ขนาดว่าวิ่งตามออกมาเร็วแล้วแท้ๆ แต่พอเปิดประตูจากคลับออกมา กลับไม่พบว่าสองคนนั้นเดินหายไปทางไหน เพลินตาเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความร้อนรน กลัวว่าคืนนี้จะพลาดโอกาสในการปกป้องศักด์ศรีให้พี่สาวได้ จนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นด้านข้างซอกตึกที่มีรถยนต์คันหนึ่งจอดบังเอาไว้ สายตาก็มองฝ่าทะลุความมืดเข้าไปเห็นว่าตรงจุดนั้นมีเงาตะคุ่มของคนสองคนยืนกอดนัวเนียกันโดยที่ฝ่ายหญิงถูกดันตัวเอาไว้ให้ยืนพิงติดกับประตูรถคันที่จอดอยู่
"อี๋ ไอ้คนทุเรศ! คอยดูเถอะจะถ่ายแม่งสักร้อยรูปแล้วส่งไปให้พี่พราวดูให้หมดเลย อยากจะรู้นักว่าถ้าพี่พราวได้เห็นเต็มๆ แบบนี้แล้วจะว่ายังไง"
ถ้อยคำสบถถูกพ่นออกมาพร้อมกับข้อเท้าที่กระทืบลงไปบนพื้นถนนอย่างแรง กำปั้นน้อยบีบกำเป็นหมัดเข้าหากัน ริมฝีปากงามกัดแน่นจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงเข้าไปแล้วจัดการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา น้ำเสียงมุ่งมาดบวกกับร่างกายที่เริ่มจะโงนเงนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำเอาเพลินตาเดินเซเล็กน้อยไปข้างหน้า สมาร์ทโฟนในมือถูกยกขึ้นมาชูไว้ก่อนจะจิ้มกดปุ่มลงไป พร้อมทั้งแสงแฟลชที่สว่างวาบขึ้นมา
"ว้าย มีคนแอบถ่ายรูปเราค่ะ"
เสียงร้องของผู้หญิงที่กำลังถูกบดบังเอาไว้ด้วยอ้อมกอดของคนตัวใหญ่นั้นร้องดังขึ้น พร้อมทั้งที่ตัวเธอก็รีบหันหน้าหนียกมือขึ้นปิดบังใบหน้าแล้วโผซบเข้าที่กลางอกนั่น ก่อนที่คนทั้งสองคนจะผละแยกออกจากกัน แล้วต่างก็มองมายังตรงจุดที่เพลินตายืนอยู่
แน่นอนว่าเธอเห็นมันแล้ว ว่าสายตาที่สองคนนั้นมองมายังเธอนั้นเป็นอย่างไร ปฏิธานคงน่าจะหัวเสียน่าดูในขณะที่ยกมือขึ้นไปบีบขมับ ส่วนผู้หญิงคนนั้นจิกจ้องมองมายังเธอราวกับว่าอยากจะกรีดร้องลั่นใส่หน้าเพราะว่าถูกเธอเข้ามาขัดจังหวะ แต่ก็อย่างที่บอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้ และไม่ว่าคืนนี้จะเป็นยังไง สองคนนี้ก็จะไม่มีทางได้ไปต่อกันแน่ๆ
"อีกแล้วเหรอเพลิน"
เสียงแว่วที่ได้ยินมาบอกว่าฝ่ายนั้นกำลังเบื่อหน่ายหลังจากกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับผู้หญิงตรงหน้าจนฝ่ายนั้นยอมจากไปแล้วปฏิธานก็มุ่งหันหน้ามาทางเธอ
เรือนร่างสูงใหญ่ในส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตรก้าวเดินตรงใกล้มาหา ในขณะที่ตัวเธอเองสูงเพียงแค่ไหล่อันแสนกว้างใหญ่ของเขาเท่านั้น ก่อนที่ใบหน้าเคร่งขรึมเมื่อสักครู่นั้นจะเปลี่ยนไป เหลือไว้แค่เพียงใบหน้าและน้ำเสียงที่ยียวนกวนประสาทเท่านั้น
"นึกว่าใครที่ไหนที่ตามแอบมาถ่ายรูปพี่ ที่แท้ก็คุณหนูเพลินตาคนเก่ง แฟนคลับเบอร์หนึ่งของพี่นี่เอง"
"นี่พี่เต็มพูดบ้าอะไร พี่หมายถึงใครไม่ทราบ"
ปฏิธานยิ้มเท่ก่อนจะยิ่งขยับเดินชิดเข้ามาใกล้อีกจนเพลินตาต้องขยับถอยหนี เมื่อจมูกได้สูดเอากลิ่นกายของบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่ถูกคลุกเคล้าเจือปนไปกับกลิ่นบุหรี่ ยามที่ตัวเขาถูกสายลมพัดปะทะเข้ามาหา
"เอ้าถามแปลก พี่ก็หมายถึงน้องเพลินไง ถ้าไม่ใช่ พี่จะเห็นน้องเพลินคอยตามมาแอบถ่ายรูปพี่บ่อยๆ ไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเหรอ ใช่ไหมครับ"
"เพลินเปล่า"
"กล้าเปิดโทรศัพท์ให้พี่ดูหรือเปล่าล่ะ"
พอเธอปฏิเสธ เขาก็รีบสวนกลับ เพลินตายังคงทำเป็นว่าไม่รู้ไม่ชี้และไม่คิดที่จะยอมรับง่ายๆ เพราะถึงยังไงเสียนาทีนี้ปฏิธานก็คงจะไม่ยอมที่จะปล่อยให้เธอวิ่งหนีกลับบ้านไปได้ง่ายๆ อยู่แล้ว ก็เลยยังยืนกรานปฏิเสธแบบกระต่ายขาเดียวไปก่อน
"กรุณาอย่ามาแสดงอำนาจแถวนี้นะคะ เพราะว่าวันนี้มันไม่ใช่เวลาทำงาน เพลินก็แค่ออกมาเที่ยวกับเพื่อนเฉยๆ แล้วก็กำลังจะกลับกันแล้ว รบกวนพี่เต็มถอยไปด้วยค่ะ"
"ถอยก็ได้ แต่ว่าเพลินจะต้องลบรูปที่แอบถ่ายพี่ไปเมื่อตะกี้ก่อน"
หนอยแน่ะ กลัวล่ะสิถึงได้รีบตามมา มันก็แหงอยู่แล้วล่ะ ถูกเธอถ่ายได้แบบคาหนังคาเขาขนาดนั้น ปฏิธานคงจะกลัวว่าเธอจะเอารูปที่ถ่ายได้ไปส่งให้กับพราวมุกพี่สาวของเธอ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นที่คู่หมั้นของตัวเองและกำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่อังกฤษแน่ๆ
"ทำไมคะ หรือว่าพี่เต็มกลัวว่าเพลินจะเอารูปที่พึ่งถ่ายได้เมื่อตะกี้ส่งให้พี่พราวดู"
"พี่ไม่ได้กลัวว่าเพลินจะเอามันไปส่งให้ใครดู แต่พี่แค่ไม่อยากให้รูปนี้หลุดไป เพราะมันอาจจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนเอาได้"
"เอ..ว่าแต่ไอ้ 'คนอื่น' ที่พี่เต็มว่านี่ ใช่หมายถึงนางเอกเบอร์หนึ่งของช่องสีฟ้าที่ตอนนี้กำลังมีข่าวกับคู่จิ้นพระเอกลูกครึ่งอยู่หรือเปล่านะคะ แถมละครเรื่องใหม่ก็กำลังใกล้ที่จะออนแอร์แล้วด้วย ขืนรูปภาพพวกนี้หลุดไป มีหวังดับฝันชาวจิ้นจนเรตติ้งละครหลุดฮวบแน่ๆ เลยค่ะ"
เพลินตายังคงแกล้งพูดวกวนเพื่อยียวนกวนประสาทต่อ และดูเหมือนว่าเธอเองจะยังไม่ได้รับรู้ว่าความอดทนของคนตรงหน้านั้นใกล้จะหมดลงเต็มที
"ตกลงว่าเพลินจะลบ หรือไม่ลบ"
"เสียใจด้วยนะคะ พอดีว่าวันนี้เป็นเย็นวันศุกร์ ไม่ใช่เวลาทำงาน เห็นทีว่าเพลินคงจะไม่สามารถทำตามคำสั่งความต้องการของพี่เต็มได้ เอาไว้ถ้าถึงวันจันทร์แล้วพี่เต็มอยู่ในสถานะเจ้านาย ถึงเวลานั้นค่อยมาสั่งเพลินใหม่นะคะ ตอนนี้ ขอตัวค่ะ"
หลังจากปล่อยทิ้งปฏิธานเอาไว้ตรงนั้นโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมอง เพลินตาก็กลับเข้ามานั่งดื่มเม้าท์มอยถึงสิ่งที่พึ่งทำลงไปกับมินตราต่อ จนกระทั่งเห็นว่าดึกดื่นจึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่ต่างคนต่างกลับ
ทันทีที่กลับขึ้นมานั่งในรถ โทรศัพท์มือถือก็ถูกหยิบขึ้นมาเปิดไปยังแอพพลิเคชั่นหนึ่งที่ใช้ติดต่อสื่อสาร ก่อนจะจัดการกดอัพโหลดรูปส่งไปถึงพี่สาวที่อยู่แดนไกลทันที จากนั้นก็รีบกดลบรูปภาพทั้งหมดนั่นทิ้งไป แล้วก็ยิ้มร้ายหัวเราะคิกคักชอบใจเมื่อปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ โดยไม่ทันได้สังเกตว่าตรงด้านข้างตัวรถนั้นได้มีใครบางคนยืนมอง
"ว้าย!"
เสียงร้องดังขึ้นด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆ ประตูรถฝั่งที่เธอนั่งอยู่ก็ถูกดึงเปิดออกแบบไม่ทันตั้งตัว เพลินตาตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาทำอะไรแบบนี้ เนื่องจากว่าที่นี่มีแต่ลูกค้าระดับวีไอพี รถที่เข้ามาจอดที่นี่แต่ละคันจึงมีมูลค่ามากจนต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ส่วนคนที่จะเข้าออกต้องมี คาร์การ์ด ที่ทางคลับมอบให้ตอนเข้ามาจอดรถไว้เท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ จนกระทั้งเห็นว่าใครคือคนที่เปิดประตูรถเธอเข้ามาแย่งเอามือถือเธอไป อาการตกใจจึงได้เปลี่ยนเป็นโมโหเเทนจนใบหน้าสวยยับยุ่งคิ้วขมวดราวกับว่าพร้อมที่จะเอาเรื่องสุดๆ
"พี่เต็ม เอามือถือของเพลินคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำแบบนี้เขาเรียกว่า ไม่มีมารยาท"
"หืม มารยาท? นี่เพลินรู้จักคำนี้ด้วยเหรอ ปกติพี่เห็นแต่เพลินชอบแอบตามถ่ายรูปพี่โดยที่พี่ไม่เคยอนุญาติเพลินเลยสักครั้ง อย่างกับพวกปาปารัสซี่อะไรอย่างนั้น พี่ก็เลยนึกว่าเพลินเองก็ ไม่มี"
"พี่เต็มไม่ต้องมายอกย้อนเลยค่ะ ส่งมือถือเพลินคืนมาให้เพลินเดี๋ยวนี้"
เพลินตาโมโหเสียงแข็งเมื่อคนที่ถูกเธอกล่าวหาว่าทำตัวไม่มีมารยาทนั้นยังคงยืนกดเลื่อนสไลด์ไปตามหน้าจอเพื่อเปิดดูรูปในโทรศัพท์มือถือเธอ และดูเหมือนว่าเขานั้นไม่ได้มีท่าทีที่มันสะทกสะท้านเลยสักนิด นิ้วเรียวยาวเลื่อนไถมือถือของเธอขึ้นเลื่อนลงอย่างตามแต่ใจ จนเพลินตาทนไม่ไหวพุ่งตัวเข้าไปหมายจะแย่งกระชาก
"บอกแล้วไงว่าเอาคืนมา ว้าย!"
ทันทีที่เธอพุ่งตัวเข้าใส่ ปฏิธานก็เบี่ยงโทรศัพท์มือถือหนีแล้วใช้แขนข้างหนึ่งรวบเข้าที่เอวเล็กคอดของคนตัวเล็กในชุดมินิกระโปรงยีนต์ตัวสั้นกับเสื้อกล้ามสายเดี่ยวเอวลอยมากอดเอาไว้ กลิ่นน้ำหอมประจำกายบุรุษลอยเข้ามาปะทะใบหน้าของทั้งสองแนบชิดจนเพลินตานิ่งเฉยราวกับตกอยู่ในภวังค์ ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะเผยให้เห็นรอยยิ้มร้ายอันทรงเสน่ห์ เพลินตาถึงได้ละสายตาแล้วใช้มือพยายามแกะปลอกแขนเหล็กนั่นออก แต่ว่าก็ไม่สามารถทำได้
"ชอบพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ปล่อยเพลินนะ นี่พี่เต็มพูดถึงเรื่องอะไร"
"ก็ในมือถือเพลินนี่ไง เห็นมีแต่รูปแอบถ่ายพี่เต็มไปหมด ทำแบบนี้ถ้าไม่เรียกว่า 'ชอบ' แล้วจะเรียกว่าอะไร เพราะว่าเพลินเองก็คงไม่ใช่พวกสต๊อกเกอร์โรคจิตอะไรแบบนั้นหรอกใช่ไหม"
"ไม่จริง เพลินไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ว่า พี่เต็มอย่าหลงตัวเองมากเกินไปหน่อยเลย ที่เพลินถ่ายพี่ ก็เพื่อจะได้เก็บเอาไว้ส่งไปให้พี่พราวดูต่างหาก"
"เหรอครับ งั้นแสดงว่าตอนนี้เพลินก็ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าตามแอบถ่ายพี่จริงๆ"
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก พิธีหมั้นหมายพร้อมพิธีแต่งงานที่แสนยิ่งใหญ่ของระหว่างสองตระกูลก็ถูกจัดเนรมิตขึ้นมาได้โดยทันตา สื่อทุกช่องต่างพากันประโคมข่าวเมื่อทายาทลูกสาวคนเล็กของเจ้าของสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับประธานหนุ่มสุดหล่อแห่ง SNG คนที่ใครๆต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจะเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวของเขาที่สุดนั้นได้ถูกจัดขึ้นมาอย่างใหญ่โตสมเกียรติ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าอำนาจเงินตราที่สามารถเนรมิตทุกสิ่งอย่างได้โดยทันใจ ในวันนี้ที่บนเวทีก็เลยมีทั้งหนุ่มหล่อและสาวสวยนั่งลงเคียงข้างกันเพื่อรอรับน้ำสังข์จากแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม เพลินตาไม่คิดเลยว่าเธอเองจะมีวันนี้กับผู้ชายคนนี้ พอลองได้นึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆที่ทำให้เธอกับเขาได้ลงเอยกันก็ได้แต่แอบนึกยิ้มขึ้นมาคนเดียวในใจ ภาพเหตุการณ์ที่เธอชอบแอบคอยตามสอดส่องว่าแต่ละคืนแต่ละวันนั้นปฏิธานไปอยู่ที่ไหน วันนี้เขาจะไปควงกับใครแล้วเธอก็จะไปตามขัดขวางนั้นย้อนคืนกลับมา ราวกับว่าสิ่งที่เธอทำลงไปทั้งหมดนั้นคือการทำไปเพื่อตัวเอง ที่คอยตามหึงตามหวง หรือจริงๆแล้วมันคือข้ออ้างในการอยากออกไปเจอเ
เพลินตาหันกลับไปมองที่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ พอทันทีที่บานประตูถูกผลักเข้ามา ก็เห็นว่าสีหน้าบิดานั้นมีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่รู้หรอกว่าบิดาและปฏิธานออกไปพูดคุยอะไรกัน ตอนกลับเข้ามาบิดาถึงได้มีสีหน้าดูเครียดขนาดนี้"ทำไมคุณพ่อทำหน้าดูเครียดจังคะ"เพลินตาถามเพียงสั้นๆ ทั้งที่ภายในใจอยากจะจับบิดามานั่งฟอกขาวเอาให้ละเอียดว่าออกไปคุยอะไรกับปฏิธานมา ใช่เรื่องของเธอหรือเปล่า แต่ดูสีหน้าของปฏิธานกลับไม่ได้มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย หากแต่ป็นบิดาของเธอเองเสียมากกว่าที่ดูเครียดๆ"แกแต่งงานแล้วเหรอยายพราว"ทำเอาทุกคนได้แต่อึ้งๆๆ นี่บิดาเธอพูดเรื่องอะไร แล้วทำไมถึงได้ถามพราวมุกไปแบบนั้น พราวมุกจะไปแต่งงานได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่องานพิธีหมั้นกว่าจะจัดก็ต้องเป็นเดือนหน้า"ทำไมคุณพ่อถึงถามพี่พราวแบบนั้นล่ะคะ งานหมั้นกว่าจะจัดก็ต้องเดือนหน้าแน่ะ แล้วพี่พราวจะไปแต่งงานแล้วได้ยังไงกัน" เพลินตาออกแรงเถียงแทนพี่สาวเบาๆเพราะภายในใจมันเจ็บเกินกว่าที่จะมีแรงพูดเสียงดังๆ"ค่ะคุณพ่อ พราวแต่งงานแล้วที่อเมริกา ส่วนสามีพราวชื่อเฮนรี่ เขาจะรีบตามพราวมาหาคุณพ่อกับคุณแม่ที่นี่หลังจากที่เสร็จงานแล้ว""ยะ
เป็นอันว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันมาอยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด มีเพียงคุณปู่ประวิทย์ที่อายุท่านมากแล้ว ลูกๆหลานๆจึงขอให้ท่านกลับบ้านไปก่อน ไม่ต้องรอเยี่ยมอาการคุณเพียงรดาเพลินตามาถึงพร้อมกับปฏิธาน ตอนนี้เธอไม่ได้กังวลว่าทุกคนจะสงสัยอะไรในความสัมพันธ์ แต่ตอนที่เธอไปถึงมารดาก็อาการดีขึ้นแล้ว คุณหมอให้ยาปฏิชีวนะให้น้ำเกลือและให้รอดูอาการหนึ่งคืนถึงจะให้กลับบ้านได้"คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะพี่พราว""ดีขึ้นแล้ว แต่ว่าพึ่งจะหลับไปเมื่อกี้นี่เอง คุณพ่อคุณแม่ของพี่เต็มกับพี่ปรานต์ก็พึ่งพากันกลับไปนะคะ ถ้าเพลินกับพี่เต็มจะพากันกลับไปทำงานต่อก็ได้ เดี๋ยวทางนี้พี่อยู่ดูแลคุณแม่เอง"เพลินตามองหน้าปฏิธานหากแต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกว่าเธอจะอยู่ดูแลมารดาต่อก็ได้แล้วเดี๋ยวเอาไว้เขาจะแวะมารับตอนที่เสร็จงานแล้ว ระหว่างที่คิดว่าเธอจะเอายังไงต่อ อยู่ๆบิดาก็เอ่ยความต้องการบางอย่างขึ้นมา"ถ้าคุณเต็มยังไม่ได้รีบมาก ผมอยากมีเรื่องจะขอคุยกับคุณหน่อยได้ไหมครับ"แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินออกไปคุยกันข้างนอก เพลินตาเห็นสีหน้าบิดาแล้วทำไมมันถึงได้นึกหวั่นๆขึ้นมาในใจอย่างไรไม่รู้ บิดามีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกับปฏิธา
เมื่อคืนทั้งคืนเพลินตาไม่ได้ถูกรับอนุญาตให้กลับมานอนที่ห้องพักของตัวเองเลย เธอถูกปฏิธานบังคับให้นอนอยู่ที่นั่นกับเขาจนถึงเช้า โดยที่เขาเฝ้ากอดก่ายเธอเอาไว้อยู่ทั้งคืน ปริ่มสุข ลุ่มหลง และมัวเมาอยู่ภายในความรู้สึกปลอมๆที่แอบสร้างขึ้น จนมันเริ่มที่จะถลำลึก"ตื่นแล้วเหรอครับเบบี๋""ค่ะ"ปฏิธานดึงเธอเข้าไปกอดกระชับเอาไว้จนแน่น เขาบอกว่าชอบความรู้สึกแบบนี้ที่ได้ตื่นขึ้นมาเจอเธอในตอนเช้า ไม่ใช่แค่เพียงเขา..แต่มันรวมไปถึงเธอด้วย เพลินตารีบกอดตอบกลับปฏิธานไปในทันที ในเมื่อพูดดีก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว หากแต่ปฏิธานก็ยังคงทำเป็นนิ่งเฉย หรือนี่มันจะคือสัญชาตญาณของคนที่เป็นนักล่า พอเธอยิ่งอยากหนีห่าง เขาก็ยิ่งอยากวิ่งตามแล้วถ้าหากว่าในตอนนี้เธอไม่ได้อยากที่จะวิ่งหนีแล้วล่ะ ปฏิธานจะทำยังไง ในเมื่อเขาอยากไม่ยอมปล่อยเธอไปดีนัก ถ้าอย่างงั้นเธอก็จะขอไม่ยอมปล่อยเขาไปดูบ้าง ลองดูสิคว่าถ้าเธอกลับไปเป็นคุณหนูเพลินตาตัวแสบ คนที่เอาแต่คอยตามตื้อตามรังควานเขา ปฏิธานจะยังคงอยากที่จะมีเธออยู่ข้างเขาอีกหรือเปล่า"พี่ชอบจังเวลาที่เพลินนอนอยู่ให้กอดจนถึงเช้าแบบนี้""เหรอคะ เพลินก็ชอบค่ะเวลาที่มีพี่เต็มอยู่ใกล้ๆ อยากต
สองชั่วโมงผ่านไป ปฏิธานขออนุญาตคุณปู่และทุกคนพาตัวเพลินตาที่อยู่ในฐานะพนักงานบริษัทคนหนึ่งออกมาจากสถานที่ตรงนั้น โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องกลับไปร่วมโต๊ะพูดคุยอะไรอีกหน่อยกับเหล่าบรรดาทีมงาน ไม่อยากให้พนักงานคิดว่าถูกทิ้งๆขว้างๆ แล้วเสร็จแล้วพรุ่งนี้ถึงจะได้มีเวลาได้อยู่พักผ่อนกับทุกคนในครอบครัว ทั้งคุณปู่ประวิทย์ บิดามารดาฝั่งของเขา รวมถึงทั้งฝั่งของตัวเธอเองด้วยต่างก็บอกว่าเข้าใจ ตอนนี้เพลินตาก็เลยได้แต่จำใจเดินตามเขาออกมาจากห้องรับประธานอาหารของที่นั่นระหว่างทางแม้ว่าจะเป็นคืนเดือนหงาย แต่ทางที่เดินเชื่อมเข้าหากันสองหาดก็ค่อนข้างมืด พอเดินออกมาได้เพียงแค่นิดเดียว ปฏิธานก็ตามเข้ามาฉุดข้อมือเธอเข้าไปจับเอาไว้ แน่นอนว่าเพลินตารีบสะบัดมันออกทันที"เลิกทำแบบนี้สักทีได้ไหมคะพี่เต็ม"เพลินตาหน้าเครียดในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูง ทั้งน้ำเสียง แววตา และท่าทางนั้นออกไปในทางเดียวกันหมด เพื่ออยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังโกรธแล้วจริงๆ"ทางมันมืด พี่ก็แค่กลัวว่าเพลินจะเดินสะดุดอะไรล้ม"จะว่าปลาบปลื้มมันก็รู้สึกได้ไม่เต็มที่ อารมณ์ที่มีตอนนี้มันช่างผสมผเสปนเปกันไปหมดจนก่อเกิดเป็นความโมโห ปฏิธานจะรู้บ้า
หลังจากที่ทั้งบิดามารดาและพี่สาวต่างก็ขอตัวกลับไปยังที่พักของตัวเองเพื่อให้ทั้งปฏิธานและเพลินตาได้ทำงานต่อ แล้วเอาไว้ค่อยมานัดเจอกันอีกทีในตอนเย็นๆพร้อมครอบครัวปฏิธาน ภายในหัวของเพลินตาก็ไม่สามารถหาคำว่าสมาธิในการทำงานเจอได้อีก เธอจดผิดๆถูกๆ บางทีบางเรื่องก็มักจะแวบเข้ามาภายในหัวทั้งที่พยายามเรียกสติตัวเองแล้ว จนมันคงจะเป็นที่น่าสังเกตของคนข้างๆเข้า"เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเพลินดูใจลอยไม่มีสมาธิในการทำงานมาตั้งนานแล้ว""เออะคือว่า เพลินขอโทษค่ะ""เหลือถ่ายอีกแค่เซ็ตเดียวก็เสร็จแล้ว อดทนเอาหน่อยแล้วกัน"เพลินตาพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะพยายามเรียกสติกลับมาให้มากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จสิ้น ปฏิธานบอกให้พนักงานมาทานมื้อเย็นด้วยกันอีกครั้งในตอนหนึ่งทุ่ม หากแต่ว่าตอนห้าโมง เขาคงจะต้องพาตัวเองไปหาคุณปู่และครอบครัวที่ต่างก็พากันยกโขยงตามมาก่อน แล้วกะว่าจะค่อยตามมาหาพนักงานจากนั้นเพลินตาก็เดินกลับมาถึงห้องพักตัวเองด้วยอาการเหม่อลอย นี่เธอกำลังเป็นอะไรไป จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังไม่พอ ร่างกายก็ยังทำราวกับว่าเรี่ยวแรงที่จะพาตัวเองให้เดินกลับมาจนถึงห้องพักก็ยังจะไม่มีอีก จากตอนแรก