เพลินตาเลิกลั่กหลังจากที่ตัวเองดันเผลอตกหลุมพรางคนเจ้าเล่ห์จนหลุดปากยอมรับไปได้ จึงได้ทำเป็นเบี่ยงหลบสายตาเฉไฉแล้วรีบแกะดึงฝ่ามือใหญ่ที่ยังคงตะปปเอาไว้ที่บริเวณหน้าท้องแบนราบของเธออยู่ออก
"ปล่อยเพลินนะคะพี่เต็ม แล้วก็เอาโทรศัพท์ของเพลินคืนมาด้วยค่ะเพลินจะกลับบ้าน"
"พี่ปล่อยแน่ แต่ต้องหลังจากที่เด็กนิสัยไม่ดีถูกลงโทษเสียก่อน"
"ลงโทษ นี่พี่เต็มหมายความว่ายังไง"
เพลินตาใจหายวาบและมีความตระหนกฉายชัดขึ้นในแววตา ราวกับว่าคำพูดของปฏิธานนั้นกำลังมีความหมายบางอย่างแอบแฝงและมันก็ยิ่งหน้าตกใจขึ้นเมื่อร่างของเธอถูกดันให้ถอยหลังไปอีกหน่อยจนชนเข้าติดกับตัวรถและเขาก็เปลี่ยนเป็นวางโทรศัพท์มือถือของเธอไว้ที่หลังรถ ก่อนจะกำสองมือของเธอตรึงไว้จนไม่สามารถขยับได้
"พี่เต็ม นี่พี่จะทำอะไร"
ปฏิธานยิ้มเท่ก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามากระซิบเบาๆที่ข้างใบหูขาว ทำเอาเพลินตานั้นขนลุกขึ้นเกลียวไปทั้งตัวและลมหายใจติดขัด หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ายระส่ำรุนแรง ยิ่งเขาขยับ กลิ่นน้ำหอมประจำกายก็ยิ่งโชยชัดเข้าจมูกจนต้องสูดมันเข้าไป
"ทำโทษ เพลินคงไม่รู้ใช่ไหมว่าเด็กดื้อต้องโดน..."
"อื้อ"
เพียงแค่เสียงกระซิบที่ข้างหูแผ่วเบาลง ริมฝีปากร้ายของคนตัวใหญ่ก็เลื่อนเข้ามาประกบ เพลินตารู้สึกช็อกกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่จนเหมือนกับว่าสรรพสิ่งรอบกายนั้นได้หยุดการเคลื่อนไหวลง ริมฝีปากเล็กถูกลิ้นร้ายชอนไชเปิดทางสะดวกเข้าไปภายในได้จนสำเร็จ ราวกับว่ามีกระแสไฟวิ่งแปลบปลาบไปทั่วทั้งร่าง จนแข้งขาที่เคยมีแข็งแกร่งนั้นพลันหมดเรี่ยวแรงลง
ปฏิธานกำลังจูบเธอ ผู้ชายร้ายๆที่เธอตั้งแง่รังเกียจในความเจ้าชู้กำลังใช้เรี่ยวแรงที่มีมากกว่าบังคับจูบเธอเอาเสียง่ายๆ เรียวลิ้นชื้นของคนตัวใหญ่ดูดรัดฟัดเกี่ยวไล่ต้อน ทำเอาคนที่ไร้ประสบการณ์ในด้านนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก รสสัมผัสที่แปลกใหม่ บวกกับฤทธิ์ของเหล่าเหล้ายาแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปนั้นยังเจืออยู่ ทำให้ร่างกายของหญิงสาวเกิดยากต่อการควบคุม ไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จนกระทั่งคนตัวใหญ่ค่อยๆปล่อยริมฝีปากเธอให้เป็นอิสระแล้วหยุดมองสบตา ดวงตากลมโตที่แสนสดใสนั้นก็ค่อยกลับมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ
"โดนจูบแค่นี้ถึงกับร้องไห้เลยหรือไงเพลิน"
"พี่เต็มทำแบบนี้กับเพลินทำไม"
"บอกแล้วไงว่าดื้อแบบเพลิน ต้องเจอแบบพี่"
"พี่มันทุเรศ ทำไมถึงได้กล้าทำอะไรบ้าๆแบบนี้"
"ไม่เอาน่า ทำอย่างกับว่าเพลินเสียจูบแรกให้พี่ไปได้"
ก็ใช่ไง นี่มันจูบแรกของเธอ ทำไมเธอถึงจะต้องเสียมันให้กับผู้ชายเจ้าชู้อย่างปฏิธานด้วย เขาไม่ได้คู่ควรเลยสักนิด
"เพลินเกลียดพี่ ไอ้คนสารเลว เมื่อตอนหัวค่ำยังจูบกับผู้หญิงอื่นอยู่เลย แหวะ จะอ้วก ฮือๆ"
"อยากจะแหวะจะอ้วกหรือว่าจะทำอะไรก็ตามสบายได้เต็มที่เลย แต่ว่าตอนนี้เพลินต้องขึ้นรถ พี่จะไปส่ง"
"ไม่! พี่เต็มปล่อยมือเพลินนะ เพลินไม่ไป"
"จะยอมให้พี่ขับไปส่งที่คอนโดดีๆ หรือว่าจะให้พี่ขับพาเพลินกลับไปส่งที่บ้าน"
ไปส่งที่บ้านงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ ขืนถูกพากลับไปส่งที่บ้านในสภาพแบบนี้ มีหวังเธอคงถูกคุณนายเพียงรดาผู้เป็นมารดาบ่นร่ายยาวเรื่องการแต่งตัวไปอีกสิบปีไม่มีวันจบ มารดาไม่เคยชอบเวลาที่เห็นว่าเธอแต่งตัวน้อยชิ้นแบบนี้ ไม่เหมือนกับผู้ที่เป็นพี่สาว รายนั้นน่ะสวยสง่ายิ่งกว่าผ้าที่ถูกจับจีบเอาไว้ งดงามสมกับการเป็นผู้ดีสมศักดิ์ศรีกับเป็นคุณหนูพราวมุก ได้ดั่งใจบิดามารดา
หลังจากถูกปฏิธานบังคับจูบไปจนร้องไห้ออกมาตาแดง เวลานี้เพลินตาก็ยังถูกเขาบังคับให้ขึ้นรถมาโดยที่มีเขาเป็นคนขับ รถยนต์สัญชาติยุโรปรุ่นใหม่ป้ายแดงที่บิดาพึ่งจะให้มาเป็นของขวัญในวันเกิดอายุครบรอบยี่สิบสองปี ถูกปฏิธานขับมันพาเธอทะยานมุ่งหน้ากลับสู่คอนโดมิเนียมหรูกลางใจเมือง ระหว่างทางเพลินตายังคงนั่งเงียบไร้การสื่อสาร สายตามองออกไปยังถนนด้านนอกที่เริ่มมีเม็ดฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนัก ภายในสมองเองก็คอยเอาแต่คิดถึงสิ่งที่พึ่งจะเกิดขึ้นไป ว่าเหตุใดปฏิธานถึงได้แกล้งเธอแรงแบบนี้
"คิดอะไร"
"เรื่องของเพลิน"
"หรือว่ากำลังคิดเรื่องที่ถูกพี่จูบ"
"พี่เต็ม!"
น้ำเสียงแข็งกร้าวและแววตาดุดันหันขวับกลับไปมองหน้าคนที่กำลังทำเป็นขับรถอย่างอารมณ์ดี หากแต่ว่าแอบมีรอยยิ้มกวนประสาทประดับไว้อยู่ที่มุมปากจนน่าหมั่นไส้ เพลินตาไม่เคยชอบรอยยิ้มนั่น ถึงแม้ว่ามันจะมีเสน่ห์และดูดีมากเพียงใด แต่ปฏิธานก็มอบแจกรอยยิ้มของเขาให้กับสาวๆทุกคน เพลินตารู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ในเมื่อปฏิธานคือว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวเธอ รอยยิ้มของเขาที่มีมันก็ควรที่จะเป็นของพี่สาวเธอคนเดียว ไม่ใช่มีไว้ให้กับผู้หญิงคนอื่น
"เดี๋ยวจอดส่งเพลินเสร็จแล้วพี่ขอยืมรถขับกลับบ้านหน่อยนะ พอดีเมื่อตอนหัวค่ำพี่มากับเพื่อน ก็เลยไม่ได้เอารถมา"
มากับเพื่อนหรือว่ามากับหญิงคะเอาดีๆ เพราะตั้งแต่ที่เธอเห็นเขาเดินกอดเอวกับผู้หญิงคนนั้นเดินกันเข้ามา เพลินตาก็ไม่เห็นว่าปฏิธานจะมีเพื่อนคนไหนอยู่แถวๆนั้นอย่างที่เขาว่าเลยสักคน
"เห็นทีว่าคงไม่ได้หรอกค่ะ รถเพลินไม่ใช่รถสาธารณะ แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้เช้าเพลินเองก็มีธุระให้ต้องไปทำด้วย เพลินจำเป็นต้องใช้รถ พี่เต็มเรียกรถแท็กซี่เอาเองสิคะ"
ก็อย่างที่บอกว่ารถคันนี้บิดาอุตส่าห์ซื้อให้มาเป็นของขวัญวันเกิด ถึงแม้ว่ารถที่ปฏิธานขับอยู่ปกติจะเป็นซุปเปอร์คาร์ที่แพงระยับกว่ารถเธอเป็นสิบยี่สิบเท่า แต่อยู่ดีๆเธอคงไม่ยอมปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ยืมรถที่บิดาซื้อให้ขับไปไหนต่อไหน หรือไม่ก็ขับไปรับใครในบรรดาจำพวกผู้หญิงของเขาหรอก คงอัปมงคลสิ้นดี
"พึ่งรู้นะว่าเพลินใจร้ายขนาดนี้ พี่อุตส่าห์เห็นว่าเพลินเมาก็เลยอาสาขับมาส่งให้ ข้างนอกฝนตกหนักขนาดนี้แท็กซี่ที่ไหนจะผ่านเข้ามา"
"สมัยนี้มีทั้งแกร็บทั้งอูเบอร์นะคะเผื่อว่าพี่เต็มไม่รู้"
"ใช่ พี่ไม่รู้ ถ้าเกิดว่าเพลินอยากให้พี่ใช้ก็เรียกให้สิ แต่ว่าตอนนี้ปวดฉี่ ขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำก่อน"
ว่าแล้วรถยนต์ของเธอก็ถูกปฏิธานขับเลี้ยวเข้าไปจอดยังที่จอดรถกลางแจ้งในขณะที่เม็ดฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างหนัก ทำเอาคนสองคนที่ต้องวิ่งตากฝนเข้ามาต่างก็พากันเนื้อตัวเปียกชื้น
"ชั้นไหน กดเร็วเข้าสิ"
ท่าทางลังเลกับท่าทีที่ดูเหมือนว่าไม่มั่นใจนั้นแสดงออกมาบนใบหน้าสวยอย่างเห็นได้ชัด เพลินตาค่อนข้างมั่นใจเลยว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้นั้นไม่ใช่สิ่งที่ถููก ถึงแม้ว่าระหว่างเธอและเขา ครอบครัวเราทั้งสองคนจะรู้จักกันมานาน แต่การที่เธอจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ลับตากับคนที่กำลังจะได้ชื่อว่าเป็น 'ว่าที่พี่เขย' นั้นย่อมเป็นสิ่งที่มันไม่ควร จริงอยู่ที่เธอไม่ใช่คนหัวโบราณ แต่ก็ประเมินเอาจากเหตุการณ์ที่เธอพึ่งถูกผู้ชายคนนี้จูบไปเมื่อตะกี้ว่ามันไม่สมควรอย่างแรง
"เพลินว่า.."
"อย่าบอกนะว่ากลัวพี่ ปกติเห็นเพลินเก่งออก หรือว่าพอโดนพี่จูบไปทีเดียว ก็เลยใจป๊อดไม่กล้าอยู่ใกล้พี่ขึ้นมา เพลินคงไม่ใช่สาวน้อยวัยใสที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักหรอกจริงไหม ถ้าใช่นี่น่าอายตายเลยนะพี่ว่า ปีนี้อายุตั้งยี่สิบสองแล้ว แต่ว่ายังขาดประสบการณ์เรื่องรักๆใคร่ๆ..."
หนอยแน่ะ อีตาบ้านี่ ดันมาทำเป็นอ่านใจเธอออกอีก ขืนถ้าบอกว่า ใช่ ก็คงจะเสียชื่อเพลินตาหมด รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเปรี้ยวจี๊ดแบบเธอ ถึงแม้ว่าจะปฏิเสธออกไปก็คงยากที่จะมีใครเชื่ออยู่ดี เพราะฉะนั้นยังไงเสียเธอก็จะไม่ยอมให้ปฏิธานหยามได้
"ไม่ใช่สักหน่อย เพลินไม่ได้กลัวอย่างที่พี่ว่าหรอก มันก็แค่.."
"แค่?"
"ก็แค่ ห้องเพลินมันรก ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีเวลาได้ทำความสะอาด ขืนเพลินให้พี่ขึ้นไปเห็น พี่ก็คงเอาเพลินไปล้อเสียๆหายๆก็แค่นั้น ส่วนเรื่องรักๆใคร่ๆ เพลินเองก็ผ่านมาหมดแล้ว ถึงได้ดูออกว่าเจ้าชู้อย่างพี่เต็มน่ะ ไม่เหมาะกับพี่พราวพี่สาวเพลินเลยสักนิด"
"อืมงั้นเหรอ ถ้าไม่กลัวก็ดี ตกลงว่าห้องเพลินอยู่ชั้นไหนล่ะ ขืนมันโอ้เอ้ช้าอีกหน่อยพี่คงต้องฉี่มันหน้าลิฟท์นี้แล้วล่ะ"
"โอ๊ยบอกก็ได้ค่ะ ชั้นสิบห้า รีบฉี่แล้วก็รีบกลับล่ะ พรุ่งนี้เช้าเพลินมีธุระต้องไปทำต่อ"
เพลินตารีบพูดตัดความรำคาญแล้วนิ้วมือเล็กก็กดจิ้มลงไปยังหมายเลขชั้นที่อยู่ด้านหน้า โดยที่ไม่ทันได้หันมาสังเกตเลยว่าคนที่ก้าวเท้าเดินตามเธอเข้าไปตามหลังนั้นผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาตรงมุมปาก
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก พิธีหมั้นหมายพร้อมพิธีแต่งงานที่แสนยิ่งใหญ่ของระหว่างสองตระกูลก็ถูกจัดเนรมิตขึ้นมาได้โดยทันตา สื่อทุกช่องต่างพากันประโคมข่าวเมื่อทายาทลูกสาวคนเล็กของเจ้าของสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับประธานหนุ่มสุดหล่อแห่ง SNG คนที่ใครๆต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจะเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวของเขาที่สุดนั้นได้ถูกจัดขึ้นมาอย่างใหญ่โตสมเกียรติ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าอำนาจเงินตราที่สามารถเนรมิตทุกสิ่งอย่างได้โดยทันใจ ในวันนี้ที่บนเวทีก็เลยมีทั้งหนุ่มหล่อและสาวสวยนั่งลงเคียงข้างกันเพื่อรอรับน้ำสังข์จากแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม เพลินตาไม่คิดเลยว่าเธอเองจะมีวันนี้กับผู้ชายคนนี้ พอลองได้นึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆที่ทำให้เธอกับเขาได้ลงเอยกันก็ได้แต่แอบนึกยิ้มขึ้นมาคนเดียวในใจ ภาพเหตุการณ์ที่เธอชอบแอบคอยตามสอดส่องว่าแต่ละคืนแต่ละวันนั้นปฏิธานไปอยู่ที่ไหน วันนี้เขาจะไปควงกับใครแล้วเธอก็จะไปตามขัดขวางนั้นย้อนคืนกลับมา ราวกับว่าสิ่งที่เธอทำลงไปทั้งหมดนั้นคือการทำไปเพื่อตัวเอง ที่คอยตามหึงตามหวง หรือจริงๆแล้วมันคือข้ออ้างในการอยากออกไปเจอเ
เพลินตาหันกลับไปมองที่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ พอทันทีที่บานประตูถูกผลักเข้ามา ก็เห็นว่าสีหน้าบิดานั้นมีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่รู้หรอกว่าบิดาและปฏิธานออกไปพูดคุยอะไรกัน ตอนกลับเข้ามาบิดาถึงได้มีสีหน้าดูเครียดขนาดนี้"ทำไมคุณพ่อทำหน้าดูเครียดจังคะ"เพลินตาถามเพียงสั้นๆ ทั้งที่ภายในใจอยากจะจับบิดามานั่งฟอกขาวเอาให้ละเอียดว่าออกไปคุยอะไรกับปฏิธานมา ใช่เรื่องของเธอหรือเปล่า แต่ดูสีหน้าของปฏิธานกลับไม่ได้มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย หากแต่ป็นบิดาของเธอเองเสียมากกว่าที่ดูเครียดๆ"แกแต่งงานแล้วเหรอยายพราว"ทำเอาทุกคนได้แต่อึ้งๆๆ นี่บิดาเธอพูดเรื่องอะไร แล้วทำไมถึงได้ถามพราวมุกไปแบบนั้น พราวมุกจะไปแต่งงานได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่องานพิธีหมั้นกว่าจะจัดก็ต้องเป็นเดือนหน้า"ทำไมคุณพ่อถึงถามพี่พราวแบบนั้นล่ะคะ งานหมั้นกว่าจะจัดก็ต้องเดือนหน้าแน่ะ แล้วพี่พราวจะไปแต่งงานแล้วได้ยังไงกัน" เพลินตาออกแรงเถียงแทนพี่สาวเบาๆเพราะภายในใจมันเจ็บเกินกว่าที่จะมีแรงพูดเสียงดังๆ"ค่ะคุณพ่อ พราวแต่งงานแล้วที่อเมริกา ส่วนสามีพราวชื่อเฮนรี่ เขาจะรีบตามพราวมาหาคุณพ่อกับคุณแม่ที่นี่หลังจากที่เสร็จงานแล้ว""ยะ
เป็นอันว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันมาอยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด มีเพียงคุณปู่ประวิทย์ที่อายุท่านมากแล้ว ลูกๆหลานๆจึงขอให้ท่านกลับบ้านไปก่อน ไม่ต้องรอเยี่ยมอาการคุณเพียงรดาเพลินตามาถึงพร้อมกับปฏิธาน ตอนนี้เธอไม่ได้กังวลว่าทุกคนจะสงสัยอะไรในความสัมพันธ์ แต่ตอนที่เธอไปถึงมารดาก็อาการดีขึ้นแล้ว คุณหมอให้ยาปฏิชีวนะให้น้ำเกลือและให้รอดูอาการหนึ่งคืนถึงจะให้กลับบ้านได้"คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะพี่พราว""ดีขึ้นแล้ว แต่ว่าพึ่งจะหลับไปเมื่อกี้นี่เอง คุณพ่อคุณแม่ของพี่เต็มกับพี่ปรานต์ก็พึ่งพากันกลับไปนะคะ ถ้าเพลินกับพี่เต็มจะพากันกลับไปทำงานต่อก็ได้ เดี๋ยวทางนี้พี่อยู่ดูแลคุณแม่เอง"เพลินตามองหน้าปฏิธานหากแต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกว่าเธอจะอยู่ดูแลมารดาต่อก็ได้แล้วเดี๋ยวเอาไว้เขาจะแวะมารับตอนที่เสร็จงานแล้ว ระหว่างที่คิดว่าเธอจะเอายังไงต่อ อยู่ๆบิดาก็เอ่ยความต้องการบางอย่างขึ้นมา"ถ้าคุณเต็มยังไม่ได้รีบมาก ผมอยากมีเรื่องจะขอคุยกับคุณหน่อยได้ไหมครับ"แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินออกไปคุยกันข้างนอก เพลินตาเห็นสีหน้าบิดาแล้วทำไมมันถึงได้นึกหวั่นๆขึ้นมาในใจอย่างไรไม่รู้ บิดามีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกับปฏิธา
เมื่อคืนทั้งคืนเพลินตาไม่ได้ถูกรับอนุญาตให้กลับมานอนที่ห้องพักของตัวเองเลย เธอถูกปฏิธานบังคับให้นอนอยู่ที่นั่นกับเขาจนถึงเช้า โดยที่เขาเฝ้ากอดก่ายเธอเอาไว้อยู่ทั้งคืน ปริ่มสุข ลุ่มหลง และมัวเมาอยู่ภายในความรู้สึกปลอมๆที่แอบสร้างขึ้น จนมันเริ่มที่จะถลำลึก"ตื่นแล้วเหรอครับเบบี๋""ค่ะ"ปฏิธานดึงเธอเข้าไปกอดกระชับเอาไว้จนแน่น เขาบอกว่าชอบความรู้สึกแบบนี้ที่ได้ตื่นขึ้นมาเจอเธอในตอนเช้า ไม่ใช่แค่เพียงเขา..แต่มันรวมไปถึงเธอด้วย เพลินตารีบกอดตอบกลับปฏิธานไปในทันที ในเมื่อพูดดีก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว หากแต่ปฏิธานก็ยังคงทำเป็นนิ่งเฉย หรือนี่มันจะคือสัญชาตญาณของคนที่เป็นนักล่า พอเธอยิ่งอยากหนีห่าง เขาก็ยิ่งอยากวิ่งตามแล้วถ้าหากว่าในตอนนี้เธอไม่ได้อยากที่จะวิ่งหนีแล้วล่ะ ปฏิธานจะทำยังไง ในเมื่อเขาอยากไม่ยอมปล่อยเธอไปดีนัก ถ้าอย่างงั้นเธอก็จะขอไม่ยอมปล่อยเขาไปดูบ้าง ลองดูสิคว่าถ้าเธอกลับไปเป็นคุณหนูเพลินตาตัวแสบ คนที่เอาแต่คอยตามตื้อตามรังควานเขา ปฏิธานจะยังคงอยากที่จะมีเธออยู่ข้างเขาอีกหรือเปล่า"พี่ชอบจังเวลาที่เพลินนอนอยู่ให้กอดจนถึงเช้าแบบนี้""เหรอคะ เพลินก็ชอบค่ะเวลาที่มีพี่เต็มอยู่ใกล้ๆ อยากต
สองชั่วโมงผ่านไป ปฏิธานขออนุญาตคุณปู่และทุกคนพาตัวเพลินตาที่อยู่ในฐานะพนักงานบริษัทคนหนึ่งออกมาจากสถานที่ตรงนั้น โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องกลับไปร่วมโต๊ะพูดคุยอะไรอีกหน่อยกับเหล่าบรรดาทีมงาน ไม่อยากให้พนักงานคิดว่าถูกทิ้งๆขว้างๆ แล้วเสร็จแล้วพรุ่งนี้ถึงจะได้มีเวลาได้อยู่พักผ่อนกับทุกคนในครอบครัว ทั้งคุณปู่ประวิทย์ บิดามารดาฝั่งของเขา รวมถึงทั้งฝั่งของตัวเธอเองด้วยต่างก็บอกว่าเข้าใจ ตอนนี้เพลินตาก็เลยได้แต่จำใจเดินตามเขาออกมาจากห้องรับประธานอาหารของที่นั่นระหว่างทางแม้ว่าจะเป็นคืนเดือนหงาย แต่ทางที่เดินเชื่อมเข้าหากันสองหาดก็ค่อนข้างมืด พอเดินออกมาได้เพียงแค่นิดเดียว ปฏิธานก็ตามเข้ามาฉุดข้อมือเธอเข้าไปจับเอาไว้ แน่นอนว่าเพลินตารีบสะบัดมันออกทันที"เลิกทำแบบนี้สักทีได้ไหมคะพี่เต็ม"เพลินตาหน้าเครียดในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูง ทั้งน้ำเสียง แววตา และท่าทางนั้นออกไปในทางเดียวกันหมด เพื่ออยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังโกรธแล้วจริงๆ"ทางมันมืด พี่ก็แค่กลัวว่าเพลินจะเดินสะดุดอะไรล้ม"จะว่าปลาบปลื้มมันก็รู้สึกได้ไม่เต็มที่ อารมณ์ที่มีตอนนี้มันช่างผสมผเสปนเปกันไปหมดจนก่อเกิดเป็นความโมโห ปฏิธานจะรู้บ้า
หลังจากที่ทั้งบิดามารดาและพี่สาวต่างก็ขอตัวกลับไปยังที่พักของตัวเองเพื่อให้ทั้งปฏิธานและเพลินตาได้ทำงานต่อ แล้วเอาไว้ค่อยมานัดเจอกันอีกทีในตอนเย็นๆพร้อมครอบครัวปฏิธาน ภายในหัวของเพลินตาก็ไม่สามารถหาคำว่าสมาธิในการทำงานเจอได้อีก เธอจดผิดๆถูกๆ บางทีบางเรื่องก็มักจะแวบเข้ามาภายในหัวทั้งที่พยายามเรียกสติตัวเองแล้ว จนมันคงจะเป็นที่น่าสังเกตของคนข้างๆเข้า"เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเพลินดูใจลอยไม่มีสมาธิในการทำงานมาตั้งนานแล้ว""เออะคือว่า เพลินขอโทษค่ะ""เหลือถ่ายอีกแค่เซ็ตเดียวก็เสร็จแล้ว อดทนเอาหน่อยแล้วกัน"เพลินตาพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะพยายามเรียกสติกลับมาให้มากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จสิ้น ปฏิธานบอกให้พนักงานมาทานมื้อเย็นด้วยกันอีกครั้งในตอนหนึ่งทุ่ม หากแต่ว่าตอนห้าโมง เขาคงจะต้องพาตัวเองไปหาคุณปู่และครอบครัวที่ต่างก็พากันยกโขยงตามมาก่อน แล้วกะว่าจะค่อยตามมาหาพนักงานจากนั้นเพลินตาก็เดินกลับมาถึงห้องพักตัวเองด้วยอาการเหม่อลอย นี่เธอกำลังเป็นอะไรไป จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังไม่พอ ร่างกายก็ยังทำราวกับว่าเรี่ยวแรงที่จะพาตัวเองให้เดินกลับมาจนถึงห้องพักก็ยังจะไม่มีอีก จากตอนแรก