#อาทิตย์ต่อมา
ฉันไปเรียนได้แล้วหลังจากที่หยุดเกือบอาทิตย์ พอได้อยู่กับเพื่อนก็ทำให้อาการซึมน้อยลงแต่พออยู่คนเดียวก็เป็นเหมือนเดิม ได้แต่คิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข… “พี่เสือใจ๋ขอขี่หลังหน่อย” “โตขนาดนี้แล้วยังจะขอขี่หลังเป็นเด็ก” “เร็วๆ สิ” “เด็กดื้อ” ฉันกระโดดขึ้นหลังของพี่เสือ ถึงแม้จะถูกบ่นแต่ก็ยอมย่อตัวเพื่อรับฉันไว้ไม่ให้ตก จำได้ตราตรึงในหัวใจเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ในตอนนี้แม้แต่หน้ายังแทบไม่ได้เจอกัน พูดคุยสักคำก็ไม่มี ฉันส่งแชตไปทุกวันแต่พี่เสือไม่เคยเปิดอ่านเลย ไทเกอร์บอกให้ฉันรอ จนมาถึงตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร การที่จะตัดใครสักคนออกจากชีวิตสำหรับพี่เสือมันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ “คุณหนูคะคุณท่านเรียกพบค่ะ” “ค่ะ” ฉันที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมาพบคุณพ่อตามคำสั่งที่ห้องทำงาน “พ่อเรียกใจ๋มามีอะไรหรือเปล่าคะ” “พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า” “ใจ๋มีนัดกับยี่หวาค่ะ ทำไมหรอคะ” พรุ่งนี้ฉันนัดไปดูหนังกับยี่หวาที่ห้าง “ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน” “คะ? พ่อจะพาใจ๋ไปไหน” “พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองชุดที่จะใส่งานหมั้นกับเสือ” “ดะ ได้วันแล้วหรอคะ” ฉันกำมือแน่น พอพ่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมามันก็รู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก “อืม ฤกษ์เดือนหน้า” “ระ เร็วจังเลยค่ะ” “พรุ่งนี้เสือจะไปรอลูกที่ร้าน” “พี่เสือรับปากกับพ่อหรอคะ” “อืม พ่ออยากให้มารับลูกที่บ้านแต่เห็นว่ามีงานที่มหาวิทยาลัยต้องเคลียร์ก่อน ก็เลยให้ลูกไปรอที่ร้าน” “อ๋อค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบพลางเม้มปากแน่น คงไม่มีงานอะไรมากหรอกพี่เสือแค่อ้างก็เท่านั้น เหตุผลก็มีแค่ข้อเดียวคือหลบหน้าฉัน#วันต่อมา
เมื่อคืนมัวแต่คิดว่าวันนี้จะได้เจอพี่เสือมันทำให้นอนแทบไม่หลับ เพราะกังวลกลัวทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง หรือควรจะเงียบไม่พูดไม่จาแค่ลองชุดให้เสร็จก็แยกย้าย ฉันคิดมากจริงๆ คนขับรถที่บ้านมาส่งที่ร้านลองชุด พนักงานของร้านออกมาต้อนรับอย่างเป็นมิตร พ่อคงจะจัดการให้แล้วเพราะมาถึงไม่ได้พูดอะไรพวกพี่ๆ พนักงานต่างก็หยิบชุดมาให้ดูว่าชอบแบบไหน “ชุดนี้ก็ดูเหมาะกับน้องใจ๋นะคะ” “เดี๋ยวใจ๋รอเลือกพร้อมพี่เสือดีกว่าค่ะ” ฉันยิ้มให้พยักงานอย่างเขินอาย การมาเลือกชุดคนเดียวมันค่อนข้างแปลกๆ ใช่ไหม รอพี่เสือมาเลือกพร้อมกันดีกว่า ผ่านไปสองชั่วโมง ฉันนั่งรอพี่เสืออยู่ที่เดิมพลางเล่นโทรศัพท์แก้เบื่อ พร้อมกับชะเง้อมองที่หน้าประตูร้านเป็นระยะๆ เพื่อแอบมองว่าคนที่รอมาถึงหรือยัง สี่ชั่วโมงผ่านไป จนถึงตอนนี้พี่เสือก็ยังไม่มาที่ร้าน พยักงานเดินมาถามแล้วว่าอยากจะลองชุดก่อนไหม แต่ฉันก็ยังบอกว่าจะรอ ฉัน: พี่เสือออกมาที่ร้านหรือยังคะ ใจ๋รออยู่ ฉัน: รับปากคุณพ่อว่าจะมาแล้วไม่มาหรอคะ ฉัน: แค่เจอหน้าใจ๋ก็ไม่ได้เลยหรอ ฉัน: ใจ๋จะรอเลือกชุดพร้อมพี่เสือนะคะ ฉันพิมพ์ข้อความส่งไปบอกถึงแม้เจ้าของห้องแชตจะไม่เคยอ่านข้อความเลยก็ตาม ตอนนี้ฉันเริ่มคิดแล้วว่าคนที่กำลังรออยู่อาจจะไม่มา พี่เสือคงแค่รับปากพ่อเพื่อปัดๆ ไปก่อนแต่ไม่ได้ตั้งใจจะมาจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากรอ “น้องใจ๋คะร้านใกล้จะปิดแล้ว” “อะ อ๋อค่ะ งะ งั้นเดี๋ยวใจ๋นัดวันมาดูชุดใหม่อีกครั้งนะคะ” “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้พี่เอาชุดไปให้ลองที่บ้านดีไหมคะ” “…แบบนั้นก็ได้ค่ะ” ฉันยิ้มให้กับพนักงาน เธอคงสงสัยว่าว่าที่คู่หมั้นของฉันหายไปไหนทำไมทิ้งให้รอตั้งหลายชั่วโมงแบบนี้ มันน่าอายจริงๆ อยากจะร้องไห้แต่คนเยอะ วันนี้ฉันรู้สึกเจ็บปวดกว่าเดิมอีกแล้ว เมื่อกำลังจะเดินออกจากร้านก็เห็นคนตัวสูงที่ฉันรอมาทั้งวันเปิดประตูร้านแล้วเดินเข้ามา สายตาคมจ้องมองฉันอย่างไร้ความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้รอหลายชั่วโมง“ทะ ทำไมถึงมาเอาป่านนี้ละคะ ใจ๋รอตั้งหลายชั่วโมงรู้ไหม”
“ใครขอให้รอ” “แต่นี่มัน….งานหมั้นของเรานะ” “เธอก็แค่เลือกส่วนของตัวเองไป เกี่ยวอะไรกับฉัน” “จะ ใจ๋อยากให้พี่เสือช่วยเลือกนี่คะ” “จำเป็นต้องทำแบบนั้น?” “ใจร้ายกับใจ๋เกินไปไหมคะ” รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่เต็มใจแต่ฉันนี่สิ ชอบพูดชวนให้อีกฝ่ายหงุดหงิดอยู่เรื่อย อยากให้เขาเข้าใจว่าตัวฉันเองถึงแม้จะรู้สึกดีมากแค่ไหนที่เราจะได้หมั้นกันแต่มันก็ไม่มีความสุขเลย หากสามารถยกเลิกได้คงทำไปแล้ว วันนั้นเป็นฉันเองที่คิดน้อยไปแต่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว “ใจร้าย? หึ!! ฉันร้ายได้มากกว่านี้อีกถ้าเธอยังอยากจะไปต่อ” หมับ!! จู่ๆ พี่เสือก็กระชากแขนฉันอย่างแรง ก่อนจะถามพยักงาน “ห้องลองชุดอยู่ไหนครับ ผมจะพาว่าที่คู่หมั้นเข้าไปลอง….ชุดซักหน่อย” “พะ พี่เสือ” “รอฉันมาเลือกชุดให้ไม่ใช่หรือไง” “…….” “แต่คงเหนื่อยหน่อยนะ…เพราะต้องถอดเปลี่ยนหลายครั้งเลยกว่าฉันจะถูกใจ”หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป