Share

ตอนที่2 ไม่มีวัน

"อยากสิ! แม้จะให้ฉันถูกมีดแทงอีกครั้งก็ได้" เสียงกระซิบแผ่วเบาราวลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหยุดลง ก่อนที่ทุกสิ่งจะดับวูบแสงสว่างจ้ากลืนกินความมืดมิด ความรู้สึกเจ็บปวดมลายหายไปราวกับเป็นเพียงความฝันอันเลือนราง

ภายในห้องเรียนของชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ในขณะที่ครูหน้าชั้นกำลังดำเนินการสอนของตน ป็อก! เสียงดังของชอล์กสีขาวได้ดังขึ้นข้างศีรษะเล็ก ๆ ของเด็กหญิงที่กำลังซบลงกับโต๊ะไม้เนื้อหยาบ

ผมเปียสองข้างคลายตัวเล็กน้อยทาบทับอยู่บนหนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เปิดค้างอยู่ ดวงตาเล็ก ๆ ปิดสนิทราวกับกำลังหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวายรอบข้าง

เสียงกระซิบกระซาบของเพื่อนร่วมชั้น เสียงครูสอนที่หน้ากระดานดำราวกับอยู่ไกลแสนไกล ชอล์กสีขาวแท่งนั้นกลิ้ง หลุน ๆ ตกจากขอบโต๊ะไปกระแทกกับพื้นไม้

"เสิ่นเมี่ยว!" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างไม่พอใจหลังจากเขาส่งชอล์กในมือออกไปก่อนล่วงหน้า

เด็กหญิงเจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตยังคงงัวเงียเล็กน้อยมองไปยังครูสอนคณิตศาสตร์ที่ยืนเท้าเอวมองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"นี่เธอ! หลับในชั่วโมงเรียนอีกแล้วนะนักเรียนเสิ่นเมี่ยว" ครูหวังเอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมมากกว่าปกติชอล์ก สีขาวอีกแท่งในมือถูกเคาะเบา ๆ กับฝ่ามือ

เสิ่นเมี่ยวขยี้ตาเล็กน้อยมองไปรอบห้อง เพื่อน ๆ ต่างหันมามองเธอด้วยความตกใจบ้าง ขำขันบ้าง แทนที่เธอจะรู้สึกเขินแต่ทว่ากลับกลายเป็นตกใจแทนเสียอย่างนั้น

มือเล็ก ๆ ของเสิ่นเมี่ยวยกขึ้นกุมหน้าอกแน่น หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวราวจะทะลุออกจากอก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มองสำรวจไปรอบห้องอย่างตื่นตระหนก

'นี่มัน...อะไรกัน?' ความคิดสับสนวุ่นวายอยู่ในหัว ภาพกองขยะ สายฝน ความเจ็บปวดจากคมมีดยังคงติดตรึงราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่

แล้วที่นี่...ห้องเรียน? โต๊ะไม้เก่าเก้าอี้ตัวเล็กเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังมองมาด้วยความสงสัย ครูหวังที่ยืนเท้าเอวมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ

'ฉันตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?' ความทรงจำสุดท้ายคือความเย็นเยียบที่ลามเลียไปทั่วสรรพางค์กายและเสียงของระบบเอไอที่ชวนให้เริ่มต้นใหม่ แล้วนี่คืออะไร? โลกหลังความตายเป็นแบบนี้หรือ? หรือว่า...ทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน? ฝันที่สมจริงจนน่าตกใจ

เสิ่นเมี่ยวก้มลงมองมือตัวเอง มือเล็กแสนบอบบางมือของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบไม่ใช่มือที่กร้านจากการทำงานหนักในภพก่อน ไม่ใช่มือที่กำมีดแน่นเพื่อหวังจะแก้แค้น

'นี่ฉัน...กลับมาเป็นเด็กอีกครั้งจริง ๆ เหรอ?' ความตกใจแล่นริ้วไปทั่วร่างราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อต วิญญาณของเธอ...จากร่างที่กำลังจะดับสูญกลับมาอยู่ในร่างเล็ก ๆ ในห้องเรียนนี้ได้อย่างไร? มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจ

"เสิ่นเมี่ยว! ครูถามว่าเธอเป็นอะไร ทำไมถึงทำหน้าตกใจแบบนั้น?" เสียงครูหวังดังขึ้นอีกครั้งดึงสติของเสิ่นเมี่ยวให้กลับมา

เด็กหญิงเงยหน้ามองครูวัยกลางคน ดวงตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความสับสนและความไม่เชื่อ

"ครูคะ...ตอนนี้ปีอะไรวันที่เท่าไหร่หรือคะ" คำถามนี้ทำให้หวังเหว่ยมองเด็กหญิงตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

"นักเรียนเสิ่นเมี่ยว หลังเลิกเรียนเธอไปพบครูที่ห้องพักด้วยนะ" สิ้นเสียงของเขาสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนก็ดังขึ้น

และในขณะที่เสิ่นเมี่ยวยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่นั้น เสียงเล็ก ๆ ของเอไอที่เธอไม่เคยลืมก็ได้ดังขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง

โฮสต์ คุณพอใจไหม

เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนยังคงดังสนั่นแต่เสิ่นเมี่ยวยังคงยืนงงงันอยู่กับที่ ความสับสนในหัวยังคงตีรวนราวกับพายุ อีกทั้งเสียงเอไอที่เธอยังไม่ได้ตอบคำถามก็ยังคงดังขึ้นอีกอย่างต้องการคำตอบ

พอใจมาก แต่นี่มันเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ เธอยังคงครุ่นคิดตลอดการเดินไปที่ห้องพักครู

หวังเหว่ยกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โต๊ะ ใบหน้าของเขายังคงฉายแววไม่พอใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ของเด็กหญิงตรงหน้าที่กำลังเดินมาหาตน

"เสิ่นเมี่ยว แม้ว่าเธอจะไม่ตั้งใจเรียน แต่การที่เธอถามครูว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ มันไม่เกินไปหน่อยหรือ " น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่ารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก

เสิ่นเมี่ยวเงยหน้ามองครูหวัง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและ...ความหวังเล็ก ๆ หากสิ่งที่เธอคิดเป็นจริง ปีนี้ย่อมเป็นปี 1980 เป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินไป

"หนู...หนูแค่ไม่ค่อยสบายค่ะคุณครู หนูจำอะไรไม่ค่อยได้" เสิ่นเมี่ยวโกหกออกไปอย่างไม่เต็มเสียงนัก

ครูหวังถอนหายใจ "ไม่สบายก็ต้องบอกครูสิ นี่เล่นหลับในชั่วโมงเรียน แถมยังถามอะไรแปลก ๆ อีก พรุ่งนี้เช้าให้ผู้ปกครองของเธอมาพบครูที่ห้องพักด้วยนะ มีเรื่องต้องคุยกัน"

คำว่าผู้ปกครองราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจเสิ่นเมี่ยว น้ำตาร้อนผ่าวเอ่อล้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพใบหน้าของพ่อและแม่ในภพก่อนผุดขึ้นมาในความคิด ความสูญเสียที่เธอต้องเผชิญเมื่ออายุสิบเจ็ดปี ความเหงาและความโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจ

หยาดน้ำตาหยดแรกร่วงหล่นจากดวงตาสัมผัสแก้มใสราวกับหยาดฝน ครูหวังชะงักไป มองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยความคาดไม่ถึง

"นักเรียนเสิ่นเมี่ยว! เธอเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?" หวังเหว่ยถามด้วยความตกใจระคนมึนงง น้ำเสียงที่เคยแข็งกร้าวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนถูกความกังวลเข้าแทนที่

เสิ่นเมี่ยวไม่ตอบ เพียงสะอื้นออกมาเบา ๆ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในจิตใจ ทั้งความสับสน ความหวัง และความเศร้าโศกที่ฝังลึก

"นักเรียนเสิ่นเมี่ยว เธอหยุดร้องก่อน" ครูวัยกลางคนรีบปลอบประโลมเด็กหญิงตัวเล็กที่ยังคงน้ำตาไหลอาบแก้ม

"ครูไม่ได้ตั้งใจจะเรียกผู้ปกครองของเธอมาเพื่อตำหนินะ แต่จะเรียกมาชมเชยต่างหาก" คำพูดของครูตรงหน้าทำให้น้ำตาของเด็กหญิงหยุดลงคงเหลือเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบา

"เรื่องอะไรหรือคะ" น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยถาม เสิ่นเมี่ยวนึกไม่ออกว่าในช่วงเวลานี้เธอมีเรื่องดี ๆ ใดให้ครูคนนี้กล่าวชมกัน

"เรื่องที่เธอเก็บห่อเงินได้ยังไงล่ะ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งคนมาแจ้งกับครูใหญ่เมื่อสักพักนี่เอง" หวังเหว่ยรีบเปลี่ยนเรื่อง    ทั้งที่ความจริงเจ้าตัวก็อยากจะตำหนิเด็กหญิงอีกสักสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นว่าเธอมีสภาพแบบนี้กอปรกับเรื่องการทำความดีของเธอทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียง ดังนั้นเขาจะทำเป็นปิดตาข้างลืมตาข้างก็แล้วกัน เจ้าตัวคิด

ในระหว่างนี้น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเสิ่นเมี่ยวค่อย ๆ แห้งเหือดไปเพราะได้ถูกความงุนงงเข้ามาแทน เธอพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ครูหวังกล่าวถึง ห่อเงิน...เรื่องอะไรกัน? ความทรงจำในตอนนั้นของเธอเลือนรางราวกับภาพวาดสีจาง

เด็กหญิงพยายามนึกก่อนที่จะมีภาพในอดีตค่อย ๆ ผุดขึ้นมาอย่างไม่ชัดเจนนัก...เหมือนจะมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นจริง ในตอนนั้นเธอจำได้ว่ามีคนทำเงินหล่นหายและมีคนเก็บได้...ใช่แล้ว! เป็นเธอที่เก็บได้!

ความทรงจำเริ่มชัดเจนขึ้นเล็กน้อย เธอยังจำความรู้สึกตอนที่เจอห่อเงินตกอยู่บนพื้น จำความตกใจและความไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ที่จำได้แม่นยำกว่านั้นคือ...หลังจากครูบอกกับคนที่บ้าน

เป็นย่า! ย่าที่เข้ามาจัดการเรื่องนี้ และสุดท้ายคำชมเชยจากเจ้าหน้าที่ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงอย่างเด่นชัดและชาวบ้านทั้งหมด รวมถึงเกียรติบัตรที่โรงเรียนมอบให้กลับตกเป็นของเสิ่นหนาน ลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าเธอหนึ่งปี

ความรู้สึกไม่ยุติธรรมแล่นปราดเข้ามาในหัวใจดวงน้อยในทันที ในภพก่อนเธอเป็นเด็กที่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าเรียกร้องอะไร ได้แต่เก็บความน้อยใจไว้ในอก แต่ครั้งนี้...มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

เพราะในยุคนี้ใบประกาศเกียรติคุณไม่ได้เป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียว แต่ทว่ามันคือเครื่องการันตีความดี ความประพฤติ และยังเป็นใบเบิกทางในการเข้าศึกษาต่อ หรือแม้กระทั่งโอกาสการทำงานในอนาคต เธอจะไม่ยอมให้ใครมา ฉกฉวยความดีความชอบของเธอไปง่าย ๆ อีกแล้ว

"ครูหวังคะ..." เสิ่นเมี่ยวเงยหน้ามองครูวัยกลางคน ดวงตาเล็ก ๆ แน่วแน่ขึ้น "หนู...หนูเป็นคนเก็บห่อเงินนั้นได้จริง ๆ ค่ะ"

น้ำเสียงของเด็กหญิงเต็มไปด้วยความหนักแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้หวังเหว่ยเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

"ครูรู้ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าคนที่นำไปส่งมอบเป็นเธอไม่อย่างนั้นครูจะเรียกเธอมาและให้ไปบอกผู้ปกครองทำไม ว่าแต่ทำไมเธอต้องดูกังวลมากขนาดนั้น" หวังเหว่ยแสดงออกถึงความสงสัยระคนขบขัน

"คือ...คือว่าตอนที่หนูเก็บได้นั้นเสิ่นหนานเองก็เห็นค่ะ"

เสิ่นเมี่ยวพยายามเกริ่นเข้าเรื่อง หากเป็นเมื่อชาติก่อนหลังจากกลับบ้านพอเธอพูดเรื่องนี้ออกไปเสิ่นหนานเจ้าเด็กคนนั้นก็โพล่งว่าตนเองก็อยู่ด้วย ดังนั้นย่าผู้มีใจลำเอียงรักบ้านของบุตรชายคนโตก็เลยจัดการเปลี่ยนแปลงความดีของเธอยกให้คนอื่น เสิ่นเมี่ยวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดจนแน่นหน้าอกไปหมด

'โชคดีที่ตอนนี้ฉันได้มีโอกาสกลับมา ฉันจะไม่ยอมให้เหตุการณ์ร้ายซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว...ไม่มีวัน' เธอเอ่ยสาบานเงียบ ๆ ในใจ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่52 กล้าไม่กล้า

    เสียงของนางจางไม่ได้เบาเลย จึงทำให้คนที่อาศัยอยู่ภายในตึกต้องโผล่หน้าออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นระคนสงสัย ว่าใครคือหัวขโมยที่หล่อนกล่าวถึง"นั่นใคร" คนที่พักอาศัยอยู่ในตึกที่เพิ่งกลับถึงบ้านบางคนถามขึ้นอย่างสงสัย เนื่องจากพวกเขาไม่เคยเห็นหน้านางจางมาก่อน"ไม่รู้สิ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นหน้าหล่อนเหมือนกัน" หญิงอีกคนตอบ ก่อนจะมีอีกเสียงแสดงความเห็นตามมา"จะเป็นญาติกับใครที่นี่หรือเปล่า....แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะเพราะหล่อนตะโกนว่าเด็กขี้ขโมย""เด็ก! ตึกเรามีเด็ก ๆ อยู่หลายคนเลยนะ อีกอย่างของอะไรของหล่อนหายอย่างนั้นเหรอ" เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้น ในระหว่างที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจกับละครโรงใหญ่ที่นางจางกับฟางหลานแสดง สองพี่น้องบ้านหลี่ก็เดินลงบันไดมาจากชั้นสองด้วยสีหน้าเรียบเฉยทันทีเมื่อนางจางเห็นหน้าเด็กสองคน หล่อนก็ปรี่เข้าไปหาคนทั้งคู่ "นังเด็กขี้ขโมย! พวกแกเอาเงินที่ขายของได้วันนี้มาให้ฉันเลยนะ" คำกล่าวหาอันร้ายแรงนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ในตึกต่างรู้สึกตกใจทั้งนี้เป็นเพราะชื่อเสียงของหลี่เมี่ยวนั้นค่อนข้างดี พวก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่55 ผมขอปฏิเสธ

    สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หมู่บ้านพักสวัสดิการของโรงงานทอผ้ากลับคืนสู่ความสงบเฉกเช่นปกติ แต่สำหรับครอบครัวหลี่และกลุ่มของอาเปียวแล้วบรรยากาศยังคงอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นจากวีรกรรมเมื่อสามวันก่อน และความหวังในอนาคตที่สดใสขึ้นหลี่หานใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงสามวันนี้ไปกับการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาจากตลาดใต้ดิน โดยเฉพาะตู้เย็นเครื่องใหญ่ที่เขามั่นใจว่าจะทำกำไรได้งดงามในขณะที่เขาซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ เจ้าตัวก็ได้สอนเทคนิคที่รู้ให้กู้ยวี่และหลี่หยวนที่เป็นลูกมือด้วย ทำให้ทั้งสองคนได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพิ่มเติมส่วนเงินก้อนใหญ่ที่ได้มาจากการขายของรอบแรกหลังจากที่เหลือจากซื้อของก็ถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี รอคอยการนำไปต่อยอดเช้าวันที่สี่หลังจากเหตุการณ์นั้น ขณะที่หลี่หานกำลังง่วนอยู่กับการไล่วงจรไฟฟ้าของตู้เย็นอยู่ที่ระเบียงโดยมีกู้ยวี่คอยช่วยหยิบเครื่องมือรวมถึงหลี่หยวนส่วนหลี่เมี่ยวกำลังวางแผนเรื่องชานมไข่มุกของตนอยู่ไม่ไกล จู่ ๆ อาเปียวก็วิ่งหน้าตื่นมาที่หน้าห้องของเขาพร้อมกับส่งเสียงดังโหวกเหวก"ลูกพี่หลี่ครับ! มีนายทหารมาหาครับ!" อาเปียวถือ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่51 ความหน้าหนาของนางจาง

    อีกด้านหนึ่งภายในหมู่บ้านชนบท ทันทีที่เท้าของฟางหลานก้าวเข้าไปในลานดินหน้าบ้าน หล่อนก็เห็นนางจางแม่สามี กำลังนั่งเอกเขนกอยู่บนม้านั่งเตี้ย ๆ ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่มือหนึ่งโบกพัดไปมา อีกมือก็หยิบเมล็ดแตงโมในจานขึ้นมาแทะอย่างสบายอารมณ์ ปากก็ขยับพูดคุยสัพเพเหระกับกลุ่มหญิงชราวัยเดียวกันอีกสองสามคนที่นั่งล้อมวงอยู่ด้วยกันอย่างออกรส"กลับมาแล้วก็รีบไปทำกับข้าวกับปลาซะ!" นางจางตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นลูกสะใภ้เดินเข้ามาโดยไม่สนใบหน้าของหล่อนที่กำลังทำหน้ามุ่ยฟางหลานทรุดตัวลงนั่งข้างแม่สามีทำหูทวนลม ก่อนที่หล่อนจะปั้นหน้าเหมือนมีเรื่องอัดอั้นตันใจ "แม่คะ ฉันมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง วันนี้ฉันเจอเด็กพวกนั้นที่หน้าสหกรณ์ร้านค้าด้วยละ เจ้าหลี่หยวนกับนังหลี่เมี่ยว ลูก ๆ ของนายหลี่หานน่ะค่ะ พวกมันกำลังตั้งแผงขายของกันใหญ่โตเลยนะคะ คนมุงซื้อกันเต็มไปหมด!""หา!" นางจางตบเข่าตัวเองดังฉาด! หยุดแทะเมล็ดแตงทันที "นังเด็กพวกนั้นน่ะรึ มันไปเอาปัญญาที่ไหนมาขายของกัน แล้วขายอะไรล่ะ ถึงได้มีคนมุงเยอะแยะ""ฉันได้ยินว่า ชานมไข่มุก อะไรสักอย่างนี่แหละค่ะแม่" ฟางหลานเบ้ปากก่อนจะพูดต่อ "

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่54 ช่วย (2)

    หลังจากสั่งการกับพวกอาเปียวเรียบร้อย หลี่หานก็มองไปยังทิศที่เรือของคนพวกนี้จอดอยู่"ส่วนฉันจะหาทางเข้าไปจัดการกับระบบของเรือลำนั้นเอง ทำให้มันออกทะเลไม่ได้แม้จะชั่วคราวก็ยังดี เสี่ยวกู้ นายคอยดูต้นทางและระวังหลังให้ฉันด้วย ส่วนสหายเฉินเฟิงในระหว่างนี้ผมว่าคุณจะต้องรีบหาทางส่งข่าวไปทางทีมของคุณโดยเร็วที่สุด ก่อนที่พวกมันจะไหวตัว"ทุกคนพยักหน้ารับแผนการอย่างพร้อมเพรียง ความตื่นเต้นและความตึงเครียดแผ่กระจายไปทั่วทั้งกลุ่ม กลุ่มของหลี่หานเริ่มเคลื่อนไหวตามแผน อาเปียวและลูกน้องอีกสามสี่คนเดินตรงไปยังบริเวณใกล้ท่าเรือเก่าแล้วเริ่มทำทีเป็นทะเลาะวิวาทกันเสียงดังโหวกเหวก มีการผลักอก ชี้หน้า และด่าทอกันด้วยถ้อยคำหยาบคาย สร้างความสนใจให้กับยามและกลุ่มคนที่กำลังเตรียมขนย้ายเหยื่อได้อย่างดีเยี่ยม พวกมันหลายคนหันมามองด้วยความรำคาญและสงสัย ทำให้การทำงานชะงักไปชั่วขณะในช่วงเวลาแห่งความสับสนนั้นเอง หลี่หานก็ลอบเข้าไปใกล้เรือประมงดัดแปลงขนาดกลางที่จอดเทียบท่าอยู่ โชคดีที่ว่าเวลานี้แสงอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปครู่หนึ่งแล้วสองตาของชายหนุ่ม เห็นคนงานหลายคนกำลังลำเลียง

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่53 ช่วย (1)

    หลี่เมี่ยวเมื่อเห็นว่าหากปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อคงไม่เป็นการดี ดังนั้นเธอจึงได้ขยี้ซ้ำลงมาอีก"ว่ายังไงคะ...คุณจางตกลงว่าพวกเราจะไปสถานีตำรวจกันเลยไหม" คำพูดของลูกสาวตัวเล็กทำให้เซี่ยอวิ๋นซือตกใจ ทั้งนี้เพราะหล่อนยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุทั้งหมดกระนั้นหญิงสาวก็ยังแสดงท่าทางนิ่งเฉยเพราะเชื่อในตัวลูกทั้งสองคน คำท้าอันเฉียบขาดของหลี่เมี่ยวและแววตาที่ไม่ยอมอ่อนข้อของเซี่ยอวิ๋นซือทำให้นางจางถึงกับพูดไม่ออกหล่อนมองไปรอบ ๆ และเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนบ้านที่มองมาอย่างรอคอยบทสรุป หล่อนรู้ดีว่าถ้าไปสถานีตำรวจจริง เรื่องโกหกของตนจะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอนเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นใจและตนเองกำลังจะจนมุม นางจางก็ไม่รอช้าหล่อนรีบหันหลังแล้วเดินแกมวิ่งหนีออกจากบริเวณนั้นไปทันทีทิ้งให้ฟางหลานที่ทำตัวไม่ถูก ได้แต่วิ่งตามหลังแม่สามีไปอย่างทุลักทุเลท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าเพื่อนบ้าน"อ้าว! หนีไปซะแล้ว!" "แค่นี้ก็รู้แล้วละว่าใครกันแน่ที่เป็นขี้ขโมยใส่ร้ายคนอื่น!"เมื่อสองแม่ลูกตระกูลเสิ่น

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่50 เข้าสู่หนทางอันตราย

    ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังลงมือหาเงิน คนเป็นพ่อกับพรรคพวกทั้งหมดก็ได้ออกเดินทางตามเส้นทางที่อาเฟิงเป็นผู้ชี้แนะ เป้าหมายของพวกเขาคือตลาดใต้ดินแหล่งรวมของเก่าที่อาเฟิงกล่าวอ้างว่าทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยโอกาสอาเฟิงนำทางพวกเขาออกจากย่านที่อยู่อาศัยพลุกพล่าน ลัดเลาะไปตามตรอกซอยที่ซับซ้อนและเงียบสงัดจนกระทั่งมาถึงบริเวณท่าเรือเก่าที่ถูกทิ้งร้างมานานหลายปี บรรยากาศโดยรอบดูอึดอัดและชวนหวาดหวั่นที่แห่งนี้มีโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่และเล็กที่เคยรุ่งเรืองในอดีต บัดนี้ยืนตระหง่านอยู่ในสภาพทรุดโทรม ผนังอิฐผุกร่อน หน้าต่างกระจกแตกละเอียด มีเถาวัลย์เลื้อยพันอยู่ทั่วไป กลิ่นอับชื้นของน้ำทะเลและสนิมเหล็กคละคลุ้งอยู่ในอากาศ"ที่นี่นะหรือ ตลาดใต้ดิน?" อาเปียวถามขึ้นเสียงเบา มองไปรอบ ๆ อย่างไม่แน่ใจนัก "มันดูไม่เหมือนตลาดเลยสักนิด ออกจะเหมือน...รังโจรมากกว่า" ลูกน้องของเขาหลายคนก็พยักหน้าเห็นด้วย แววตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง"ตลาดที่ว่ามันไม่ได้ตั้งอยู่กลางแจ้งให้ใครเห็นง่าย ๆ หรอกครับพี่อาเปียว" อาเฟิงอธิบาย "มันซ่อนอยู่ในโกดังร้างพวกนี้แหละครับ แล้วก็อย่างที่ผมเคยบอก...ที่

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status