Share

ตอนที่3 หาวิธีรับมือ

"นักเรียนเสิ่นเมี่ยว!" หวังเหว่ยส่งเสียงเรียกนักเรียนในปกครองของตนอีกครั้งอย่างสงสัยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกศิษย์ตัวน้อยของตนกัน เหตุใดเธอจึงดูเหมือนคนใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นกัน

"หนูขอโทษค่ะ ครู" เสิ่นเมี่ยวเอ่ยเสียงเศร้าหล่อนแสร้งก้มหน้าลงทำตัวสั่นคล้ายหวาดกลัวกับอะไรบางสิ่ง

"เธอเป็นอะไร! ครูแค่ถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเสิ่นหนานแค่นั้นเอง ยังไม่ได้ดุเธอเลย...แล้วทำไมเธอจะต้องตัวสั่นแบบนี้ด้วย" หวังเหว่ยขมวดคิ้วมองท่าทางหวาดกลัวเกินจริงของเด็กหญิงตรงหน้าอย่างพิจารณา

เสิ่นเมี่ยวเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตากลมโตที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาด ๆ เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง ปลายเสียงสั่นเครือเล็กน้อยราวกับกำลังรวบรวมความกล้าอย่างยากลำบาก

"ก็...ก็เรื่องนี้หากว่าย่าของหนูรู้" เธอเริ่มพูดแต่แล้วก็เหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ที่คอทำให้พูดต่อไม่ออก ได้แต่ก้มหน้างุด มองปลายนิ้วเท้าตัวเองที่อยู่ในรองเท้าแตะคู่เก่าขยับไปมา

หวังเหว่ยถอนหายใจแผ่วเบา น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อยถามต่ออย่างใจเย็น

"ย่าของเธอทำไม? ครูคิดว่าย่าของเธอน่าจะดีใจสิที่เห็นว่าหลานทำความดี" หวังเหว่ยเอ่ยตามความคิดตน

เสิ่นเมี่ยวอยากจะส่ายหน้าแรง ๆ แต่ทว่าเธอไม่อาจทำได้ดังนั้นจึงได้หลุบตามองพื้นรองเท้าแตะของตนต่อไป

ดีใจน่ะหรือ? หึ ถ้าเป็นเสิ่นหนานทำสิ ย่าคงป่าวประกาศไปทั่วหมู่บ้านแล้ว เธอคิดอย่างขมขื่นในใจ แต่สิ่งที่แสดงออกไปยังคงเป็นเด็กน้อยที่หวาดกลัว

"หนู...หนูไม่แน่ใจค่ะครู..." เสียงของเธอยังคงแผ่วเบา "บางที...ย่าอาจจะคิดว่าหนูทำเรื่องยุ่งยากให้ผู้ใหญ่..."

เธอกลั้นใจเงยหน้าขึ้นสบตาครูหวังอย่างแน่วแน่ แม้จะมีหยาดน้ำตาคลอหน่วยอยู่ก็ตาม ดวงตาคู่นั้นฉายแววของความมุ่งมั่นที่ขัดแย้งกับท่าทีหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด

"แต่...แต่หนูพูดความจริงนะคะ! หนูขอยืนยันอีกครั้ง ว่าหนูเป็นคนเจอห่อเงินนั่นจริง ๆ ในตอนนั้นหนูกลัวมาก ไม่รู้จะทำยังไง พอดีเจอคุณตำรวจเดินผ่านมาหนูก็เลยเอาไปส่งให้กับคุณตำรวจคนนั้น...เองกับมือเลยค่ะ!" น้ำเสียงของเธอหนักแน่นขึ้นในประโยคสุดท้าย ย้ำคำว่าเองกับมืออย่างชัดเจน

แววตาของครูหวังฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยที่เด็กหญิงยืนยันแบบนี้ (บางทีเด็กคนนี้อาจจะอยากให้เขารู้ว่าเป็นเธอที่เก็บได้มั้ง) เจ้าตัวคิดก่อนปล่อยผ่าน

เสิ่นเมี่ยวเห็นครูหวังนิ่งไปจึงรีบพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือมากกว่าเดิม ซึ่งคราวนี้เป็นความสั่นเครือที่เกิดจากความหวังและความกลัวระคนกัน

"คุณครู...คุณครูเชื่อหนูใช่ไหมคะ? ถ้า...ถ้าอย่างนั้น คุณครูช่วยเป็นพยานให้หนูได้ไหมคะ?"

เธอกำชายเสื้อนักเรียนเก่าต่อจากญาติผู้พี่ของตัวเองแน่น มองครูหวังด้วยแววตาอ้อนวอน

"แล้วก็...ถ้าเป็นไปได้...คุณครูช่วยตามคุณตำรวจคนที่รับห่อเงินจากหนูเมื่อวาน...ให้เขามายืนยันได้ไหมคะว่าหนูเป็นคนเอาไปให้จริง ๆ ไม่ใช่พี่เสิ่นหนาน"

งานนี้คงต้องวัดใจครูหวังแล้วละ ถ้าครูยอมช่วยตามพยานคนสำคัญมา เรื่องทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่...ฉันคงต้องหาวิธีอื่น แต่ยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้ไอ้เสิ่นหนานนั้นได้ประโยชน์อย่างเด็ดขาด เธอคิดพลางจ้องมองปฏิกิริยาของครูประจำชั้น

หวังเหว่ยเลิกคิ้วสูงขึ้นอย่างประหลาดใจ ไม่ใช่แค่การยืนกรานแต่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้กลับกล้าเสนอให้หาพยานบุคคลมายืนยันความจริง นี่ไม่ใช่เรื่องที่เด็กขี้กลัวหรือเด็กที่โกหกจะกล้าพูดออกมา

"เธอบอกครูได้ไหมว่าทำไมต้องพูดถึงเสิ่นหนาน จะว่าไปเขาก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้" หวังเหว่ยรู้สึกกังขาดังนั้นเจ้าตัวจึงได้เอ่ยถามออกมาทันที

"ครูคะ เอาไว้ครูทำตามที่หนูบอกครูก็จะรู้เองค่ะ เรื่องในบ้านบางครั้งหนูก็พูดมากไม่ได้ แต่หนูรับรองได้ว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้ครูก็จะเข้าใจทั้งหมดเอง" เสิ่นเมี่ยวตอบคำถามโดยไม่หลบเลี่ยงสายตาของครูที่กำลังมองเธอด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยวผิดแผกจากทุกครั้ง

หวังเหว่ยถอนหายใจยาว มองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกซับซ้อน แต่กระนั้นเขาก็รับปากเพราะถึงอย่างไรเสิ่นเมี่ยวก็เป็นนักเรียนของตน

"เอาละ...ครูจะลองสอบถามไปทางสถานีตำรวจดูว่าใครเป็นคนเข้ารับแจ้งเรื่องนี้เมื่อวาน แล้วจะลองเชิญเขามาที่โรงเรียนเพื่อยืนยันเรื่องนี้อีกที"

รอยยิ้มกว้างอย่างแท้จริงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสิ่นเมี่ยวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เธอฟื้นคืนสติขึ้นมา

"ขอบคุณค่ะครู!" เธอประสานมือค้อมตัวลงให้ครูตรงหน้าอย่างนอบน้อมซ้ำ ๆ ด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด

"อืม ๆ กลับบ้านไปได้แล้วและอย่าลืมทำการบ้านด้วยล่ะ" หวังเหว่ยบอกแม้จะยังรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเล็กน้อยก็ตาม

"ค่ะ! ลาก่อนค่ะครูหวัง" เสิ่นเมี่ยวตอบรับเสียงใสก่อนจะวิ่งออกจากห้องพักครูไปด้วยหัวใจพองโต...ก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

หวังว่าแผนการของฉันจะสำเร็จไปด้วยดี เธอคิดอย่างร่าเริง พลางวิ่งไปตามโถงทางเดินและมุ่งไปทางประตูโรงเรียนด้วยหัวใจเปี่ยมสุขระคนคาดหวัง

ในระหว่างที่เธอกำลังวิ่งโดยไม่ได้มองใครอยู่นั้นเพราะใจของเธอกำลังจดจ่ออยู่กับการกลับบ้าน บ้านที่มีพ่อแม่และพี่ชายแม้ว่าบ้านหลังนั้นจะเปรียบดั่งรังงู ถ้ำหมาป่าก็ตาม

"น้องสาว!" เสียงเรียกนี้ทำให้เท้าของเสิ่นเมี่ยวชะงักงันอยู่กับที่ หัวใจดวงน้อยที่กำลังเต้นรัวด้วยความสุขและความหวัง กระตุกวูบอย่างรุนแรง

เสียงทุ้มนุ่มอันคุ้นเคยที่แฝงความอ่อนโยนนั้น... เสียงที่เธอคิดว่าจะไม่มีวันได้ยินอีกแล้วในชีวิตนี้... เสียงของพี่ชายที่เธอรักสุดหัวใจ

ราวกับต้องมนตร์สะกด ร่างเล็ก ๆ ของเธอแข็งค้างอยู่กับที่ ความร่าเริงก่อนหน้าจางหายไปทันที ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาจนจุกอก ทั้งตกใจ ดีใจเหลือล้น และไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกเพราะกลัวว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงภาพลวงตา การกระทำของเธอคล้ายเนิ่นนานราวกับเวลาทั้งโลกหยุดหมุน ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างเมื่อเธอเห็นใครคนหนึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก

ใต้ร่มเงาของต้นแปะก๊วยใหญ่หน้าประตูโรงเรียน ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวซีดจางแต่สะอาดสะอ้านกับกางเกงขายาวสีดำกำลังยืนโดดเด่นอยู่ตรงนั้น

ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังเจือเค้าความเยาว์วัยแต่แฝงแววสุขุมและอบอุ่นเกินตัวกำลังประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง...รอยยิ้มที่เหมือนแสงตะวันในวันที่มืดมนที่สุด รอยยิ้มที่เธอจดจำได้ทุกรายละเอียด...รอยยิ้มของเสิ่นหยวนพี่ชายบุญธรรมของเธอ

มือข้างหนึ่งของเขากำลังโบกให้เธออย่างที่ชอบทำ ดวงตาเรียวคมทอประกายอ่อนโยนและเอ็นดูอย่างเต็มเปี่ยม

"หยวนเกอ!" เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากเล็ก ๆ นั้นแทบจะไร้สุ้มเสียง มันสั่นเครือและแผ่วเบาราวกระซิบ กำแพงความอดทนและความเข้มแข็งที่เธอพยายามก่อขึ้นพังทลายลงในเสี้ยววินาที

หยาดน้ำใสเอ่อรื้นขึ้นมาในดวงตาอีกครั้ง บดบังภาพตรงหน้าจนพร่ามัว ไม่ใช่ความฝัน! หยวนเกอยังอยู่! เขายังมีชีวิต! เขายืนยิ้มรอเธออยู่ตรงนั้น

ความตื้นตันใจอย่างสุดซึ้ง ความโล่งอกอย่างมหาศาล พุ่งเข้ากระแทกหัวใจดวงน้อยอย่างรุนแรง ขาของเธอออกตัววิ่งสุดฝีเท้าพุ่งตรงไปยังร่างสูงโปร่งที่เปรียบเสมือนหลักยึดเพียงหนึ่งเดียวในความทรงจำอันแสนโหดร้ายหลังจากการลาจากของพ่อแม่

"พี่!"

เสียงตะโกนดังลั่นออกมาจากลำคอพร้อมกับน้ำตาที่ทะลักราวกับทำนบแตก ร่างเล็ก ๆ พุ่งเข้าปะทะอกของเสิ่นหยวนอย่างแรงจนเขาส่งเสียงร้อง "โอ๊ะ!" ออกมาและเซถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

สองแขนสั้น ๆ ของเสิ่นเมี่ยวโอบกอดรอบเอวสอบของพี่ชายไว้แน่นเท่าที่จะทำได้ พลางซบใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกลงบนเสื้อของเขาอย่างไม่คิดจะอายใคร เสียงสะอื้นไห้ดังระงมจนตัวสั่นโยน

เสิ่นหยวนตกใจกับท่าทีที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของน้องสาว เขายืนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่วงแขนแข็งแรงจะโอบกอดร่างของเธอที่สั่นเทานั้นเอาไว้แน่น ลูบแผ่นหลังบางอย่างอ่อนโยนและปลอบประโลม

"เมี่ยวเมี่ยว! ใจเย็น ๆ ก่อน เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นหรือโดนใครรังแกรีบบอกพี่มา" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตกใจระคนเป็นห่วงอย่างแท้จริง

เสิ่นเมี่ยวไม่ได้ตอบ เธอทำเพียงแค่กอดเขาแน่นขึ้นไปอีก สูดดมกลิ่นกายอันคุ้นเคย กลิ่นแดดจาง ๆ ผสมกับกลิ่นสบู่ราคาถูกที่พี่ชายใช้เป็นประจำ...กลิ่นของความจริง กลิ่นของชีวิต กลิ่นที่ยืนยันว่าทุกอย่างยังไม่สายเกินไป

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่52 กล้าไม่กล้า

    เสียงของนางจางไม่ได้เบาเลย จึงทำให้คนที่อาศัยอยู่ภายในตึกต้องโผล่หน้าออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นระคนสงสัย ว่าใครคือหัวขโมยที่หล่อนกล่าวถึง"นั่นใคร" คนที่พักอาศัยอยู่ในตึกที่เพิ่งกลับถึงบ้านบางคนถามขึ้นอย่างสงสัย เนื่องจากพวกเขาไม่เคยเห็นหน้านางจางมาก่อน"ไม่รู้สิ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นหน้าหล่อนเหมือนกัน" หญิงอีกคนตอบ ก่อนจะมีอีกเสียงแสดงความเห็นตามมา"จะเป็นญาติกับใครที่นี่หรือเปล่า....แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะเพราะหล่อนตะโกนว่าเด็กขี้ขโมย""เด็ก! ตึกเรามีเด็ก ๆ อยู่หลายคนเลยนะ อีกอย่างของอะไรของหล่อนหายอย่างนั้นเหรอ" เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้น ในระหว่างที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจกับละครโรงใหญ่ที่นางจางกับฟางหลานแสดง สองพี่น้องบ้านหลี่ก็เดินลงบันไดมาจากชั้นสองด้วยสีหน้าเรียบเฉยทันทีเมื่อนางจางเห็นหน้าเด็กสองคน หล่อนก็ปรี่เข้าไปหาคนทั้งคู่ "นังเด็กขี้ขโมย! พวกแกเอาเงินที่ขายของได้วันนี้มาให้ฉันเลยนะ" คำกล่าวหาอันร้ายแรงนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ในตึกต่างรู้สึกตกใจทั้งนี้เป็นเพราะชื่อเสียงของหลี่เมี่ยวนั้นค่อนข้างดี พวก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่55 ผมขอปฏิเสธ

    สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หมู่บ้านพักสวัสดิการของโรงงานทอผ้ากลับคืนสู่ความสงบเฉกเช่นปกติ แต่สำหรับครอบครัวหลี่และกลุ่มของอาเปียวแล้วบรรยากาศยังคงอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นจากวีรกรรมเมื่อสามวันก่อน และความหวังในอนาคตที่สดใสขึ้นหลี่หานใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงสามวันนี้ไปกับการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาจากตลาดใต้ดิน โดยเฉพาะตู้เย็นเครื่องใหญ่ที่เขามั่นใจว่าจะทำกำไรได้งดงามในขณะที่เขาซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ เจ้าตัวก็ได้สอนเทคนิคที่รู้ให้กู้ยวี่และหลี่หยวนที่เป็นลูกมือด้วย ทำให้ทั้งสองคนได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพิ่มเติมส่วนเงินก้อนใหญ่ที่ได้มาจากการขายของรอบแรกหลังจากที่เหลือจากซื้อของก็ถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี รอคอยการนำไปต่อยอดเช้าวันที่สี่หลังจากเหตุการณ์นั้น ขณะที่หลี่หานกำลังง่วนอยู่กับการไล่วงจรไฟฟ้าของตู้เย็นอยู่ที่ระเบียงโดยมีกู้ยวี่คอยช่วยหยิบเครื่องมือรวมถึงหลี่หยวนส่วนหลี่เมี่ยวกำลังวางแผนเรื่องชานมไข่มุกของตนอยู่ไม่ไกล จู่ ๆ อาเปียวก็วิ่งหน้าตื่นมาที่หน้าห้องของเขาพร้อมกับส่งเสียงดังโหวกเหวก"ลูกพี่หลี่ครับ! มีนายทหารมาหาครับ!" อาเปียวถือ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่51 ความหน้าหนาของนางจาง

    อีกด้านหนึ่งภายในหมู่บ้านชนบท ทันทีที่เท้าของฟางหลานก้าวเข้าไปในลานดินหน้าบ้าน หล่อนก็เห็นนางจางแม่สามี กำลังนั่งเอกเขนกอยู่บนม้านั่งเตี้ย ๆ ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่มือหนึ่งโบกพัดไปมา อีกมือก็หยิบเมล็ดแตงโมในจานขึ้นมาแทะอย่างสบายอารมณ์ ปากก็ขยับพูดคุยสัพเพเหระกับกลุ่มหญิงชราวัยเดียวกันอีกสองสามคนที่นั่งล้อมวงอยู่ด้วยกันอย่างออกรส"กลับมาแล้วก็รีบไปทำกับข้าวกับปลาซะ!" นางจางตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นลูกสะใภ้เดินเข้ามาโดยไม่สนใบหน้าของหล่อนที่กำลังทำหน้ามุ่ยฟางหลานทรุดตัวลงนั่งข้างแม่สามีทำหูทวนลม ก่อนที่หล่อนจะปั้นหน้าเหมือนมีเรื่องอัดอั้นตันใจ "แม่คะ ฉันมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง วันนี้ฉันเจอเด็กพวกนั้นที่หน้าสหกรณ์ร้านค้าด้วยละ เจ้าหลี่หยวนกับนังหลี่เมี่ยว ลูก ๆ ของนายหลี่หานน่ะค่ะ พวกมันกำลังตั้งแผงขายของกันใหญ่โตเลยนะคะ คนมุงซื้อกันเต็มไปหมด!""หา!" นางจางตบเข่าตัวเองดังฉาด! หยุดแทะเมล็ดแตงทันที "นังเด็กพวกนั้นน่ะรึ มันไปเอาปัญญาที่ไหนมาขายของกัน แล้วขายอะไรล่ะ ถึงได้มีคนมุงเยอะแยะ""ฉันได้ยินว่า ชานมไข่มุก อะไรสักอย่างนี่แหละค่ะแม่" ฟางหลานเบ้ปากก่อนจะพูดต่อ "

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่54 ช่วย (2)

    หลังจากสั่งการกับพวกอาเปียวเรียบร้อย หลี่หานก็มองไปยังทิศที่เรือของคนพวกนี้จอดอยู่"ส่วนฉันจะหาทางเข้าไปจัดการกับระบบของเรือลำนั้นเอง ทำให้มันออกทะเลไม่ได้แม้จะชั่วคราวก็ยังดี เสี่ยวกู้ นายคอยดูต้นทางและระวังหลังให้ฉันด้วย ส่วนสหายเฉินเฟิงในระหว่างนี้ผมว่าคุณจะต้องรีบหาทางส่งข่าวไปทางทีมของคุณโดยเร็วที่สุด ก่อนที่พวกมันจะไหวตัว"ทุกคนพยักหน้ารับแผนการอย่างพร้อมเพรียง ความตื่นเต้นและความตึงเครียดแผ่กระจายไปทั่วทั้งกลุ่ม กลุ่มของหลี่หานเริ่มเคลื่อนไหวตามแผน อาเปียวและลูกน้องอีกสามสี่คนเดินตรงไปยังบริเวณใกล้ท่าเรือเก่าแล้วเริ่มทำทีเป็นทะเลาะวิวาทกันเสียงดังโหวกเหวก มีการผลักอก ชี้หน้า และด่าทอกันด้วยถ้อยคำหยาบคาย สร้างความสนใจให้กับยามและกลุ่มคนที่กำลังเตรียมขนย้ายเหยื่อได้อย่างดีเยี่ยม พวกมันหลายคนหันมามองด้วยความรำคาญและสงสัย ทำให้การทำงานชะงักไปชั่วขณะในช่วงเวลาแห่งความสับสนนั้นเอง หลี่หานก็ลอบเข้าไปใกล้เรือประมงดัดแปลงขนาดกลางที่จอดเทียบท่าอยู่ โชคดีที่ว่าเวลานี้แสงอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปครู่หนึ่งแล้วสองตาของชายหนุ่ม เห็นคนงานหลายคนกำลังลำเลียง

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่53 ช่วย (1)

    หลี่เมี่ยวเมื่อเห็นว่าหากปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อคงไม่เป็นการดี ดังนั้นเธอจึงได้ขยี้ซ้ำลงมาอีก"ว่ายังไงคะ...คุณจางตกลงว่าพวกเราจะไปสถานีตำรวจกันเลยไหม" คำพูดของลูกสาวตัวเล็กทำให้เซี่ยอวิ๋นซือตกใจ ทั้งนี้เพราะหล่อนยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุทั้งหมดกระนั้นหญิงสาวก็ยังแสดงท่าทางนิ่งเฉยเพราะเชื่อในตัวลูกทั้งสองคน คำท้าอันเฉียบขาดของหลี่เมี่ยวและแววตาที่ไม่ยอมอ่อนข้อของเซี่ยอวิ๋นซือทำให้นางจางถึงกับพูดไม่ออกหล่อนมองไปรอบ ๆ และเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนบ้านที่มองมาอย่างรอคอยบทสรุป หล่อนรู้ดีว่าถ้าไปสถานีตำรวจจริง เรื่องโกหกของตนจะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอนเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นใจและตนเองกำลังจะจนมุม นางจางก็ไม่รอช้าหล่อนรีบหันหลังแล้วเดินแกมวิ่งหนีออกจากบริเวณนั้นไปทันทีทิ้งให้ฟางหลานที่ทำตัวไม่ถูก ได้แต่วิ่งตามหลังแม่สามีไปอย่างทุลักทุเลท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าเพื่อนบ้าน"อ้าว! หนีไปซะแล้ว!" "แค่นี้ก็รู้แล้วละว่าใครกันแน่ที่เป็นขี้ขโมยใส่ร้ายคนอื่น!"เมื่อสองแม่ลูกตระกูลเสิ่น

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่50 เข้าสู่หนทางอันตราย

    ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังลงมือหาเงิน คนเป็นพ่อกับพรรคพวกทั้งหมดก็ได้ออกเดินทางตามเส้นทางที่อาเฟิงเป็นผู้ชี้แนะ เป้าหมายของพวกเขาคือตลาดใต้ดินแหล่งรวมของเก่าที่อาเฟิงกล่าวอ้างว่าทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยโอกาสอาเฟิงนำทางพวกเขาออกจากย่านที่อยู่อาศัยพลุกพล่าน ลัดเลาะไปตามตรอกซอยที่ซับซ้อนและเงียบสงัดจนกระทั่งมาถึงบริเวณท่าเรือเก่าที่ถูกทิ้งร้างมานานหลายปี บรรยากาศโดยรอบดูอึดอัดและชวนหวาดหวั่นที่แห่งนี้มีโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่และเล็กที่เคยรุ่งเรืองในอดีต บัดนี้ยืนตระหง่านอยู่ในสภาพทรุดโทรม ผนังอิฐผุกร่อน หน้าต่างกระจกแตกละเอียด มีเถาวัลย์เลื้อยพันอยู่ทั่วไป กลิ่นอับชื้นของน้ำทะเลและสนิมเหล็กคละคลุ้งอยู่ในอากาศ"ที่นี่นะหรือ ตลาดใต้ดิน?" อาเปียวถามขึ้นเสียงเบา มองไปรอบ ๆ อย่างไม่แน่ใจนัก "มันดูไม่เหมือนตลาดเลยสักนิด ออกจะเหมือน...รังโจรมากกว่า" ลูกน้องของเขาหลายคนก็พยักหน้าเห็นด้วย แววตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง"ตลาดที่ว่ามันไม่ได้ตั้งอยู่กลางแจ้งให้ใครเห็นง่าย ๆ หรอกครับพี่อาเปียว" อาเฟิงอธิบาย "มันซ่อนอยู่ในโกดังร้างพวกนี้แหละครับ แล้วก็อย่างที่ผมเคยบอก...ที่

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status