Home / ระบบ / เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา / ตอนที่6 เจ้านาย! ลืมผมเหรอ

Share

ตอนที่6 เจ้านาย! ลืมผมเหรอ

"เรื่องนี้ฉันเห็นด้วยกับลูกสาวของฉันค่ะ" น้ำเสียงของเซี่ยอวิ๋นซือแม้จะไม่ดังมาก แต่ทว่าท่ามกลางความเงียบที่เข้าปกคลุมลานบ้านชั่วขณะทุกคนก็ต่างได้ยินเสียงของหล่อนอย่างชัดเจน

เธอยืนหยัดเคียงข้างสามี มือยังคงประคองแขนเขาไว้ดวงตาจ้องมองไปยังแม่สามีที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นอย่างไม่ลดละ คำประกาศนั้นราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจของนางจาง

หล่อนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อหู ลูกสะใภ้ที่นางคิดว่าควบคุมได้มาตลอดที่ปกติจะอ่อนน้อมยอมตามเธอเสมอ กล้าดียังไงมาเข้าข้างหลานสาวตัวแสบและลูกชายที่ไม่เอาไหนของนาง!

"แก! นังอวิ๋นซือ!" จางหลินแผดเสียงแหลมออกมาด้วยความโกรธจัดจนหน้าเขียว ชี้นิ้วสั่นเทาไปยังใบหน้าลูกสะใภ้คนรองก่อนจะผรุสวาทถ้อยคำหยาบคายออกมา

"แกมันนังลูกสะใภ้ไม่รักดี! เลี้ยงไม่เชื่อง! ฉันอุ้มชูแกมา ให้ที่ซุกหัวนอนแต่แกกลับเข้าข้างนังเด็กนี่กับผัวแกงั้นเหรอ! พวกแกมันพวกเดียวกันหมด! วางแผนกันจะฮุบสมบัติไล่แม่ผัวอย่างฉันกับพี่ใหญ่ออกจากบ้านใช่ไหม!"

คำกล่าวหาที่รุนแรงและบิดเบือนความจริงทำให้เซี่ยอวิ๋น ซือเม้มปากแน่น แต่เธอก็ไม่ได้โต้เถียงด้วยถ้อยคำหยาบคายตรงกันข้ามเธอกลับตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงมากกว่าเดิม

"คุณแม่คะ พวกเราไม่เคยคิดจะไล่ใคร แค่ต้องการความยุติธรรมค่ะ ตำแหน่งงานเป็นของสามีฉันที่ทำมาด้วยความสามารถ หนี้สินที่ติดค้างก็ควรต้องชำระคืน มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องไม่ใช่หรือคะ"

ทางด้านเสิ่นฉีและฟางหลานถึงกับหน้าถอดสี พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกไม่คิดว่าเซี่ยอวิ๋นซือจะกล้าแข็งข้อกับแม่สามีได้ถึงขนาดนี้ ฟางหลานเริ่มขยับถอยหลังเล็กน้อย ดึงแขนสามีเบา ๆ คล้ายจะส่งสัญญาณว่าควรพอได้แล้ว สถานการณ์มันไม่เป็นใจอย่างรุนแรง

ในขณะที่เสิ่นหานพอได้ยินภรรยาประกาศสนับสนุนอย่างชัดเจน ความลังเลและความเจ็บปวดในแววตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่

เขาสูดหายใจลึกยืดอกขึ้น และกล่าวกับมารดารวมถึงพี่ชายที่มักเอาเปรียบตนเองมาตลอดด้วยน้ำเสียงที่ดังและมั่นคงกว่าทุกครั้ง

"ผมเห็นด้วยกับภรรยาและลูกสาวครับแม่ ตำแหน่งงานนี้ผมไม่สละให้ใครทั้งนั้น และถ้าพี่ใหญ่กับแม่ยังอยากจะได้ตำแหน่งงานของผม ก็ควรจะคืนเงิน 500 หยวนที่ติดค้างเรามาก่อน หรืออย่างน้อยก็ควรจะพูดคุยกันถึงวิธีการชดเชยให้ครอบครัวของผมไม่ใช่มาใช้วิธีบังคับขู่เข็ญกันแบบนี้"

"ใช่!" เสิ่นเมี่ยวรีบเสริมทัพพ่อทันที "ตกลงย่ากับลุงจะคืนเงิน 500 หยวนไหมคะ? หรือว่าจะให้พวกเราแยกบ้านออกไปโดยนำสิ่งของบ้านใหญ่ที่มีมูลค่าเท่ากันออกไปดี ย่าเลือกมาเลยค่ะ" คำพูดเกินวัยของเด็กหญิงยิ่งทำให้บรรยากาศมาคุขึ้นอีก

เสียงฮือฮาของชาวบ้านดังขึ้นอีกคำรบ คราวนี้เต็มไปด้วยเสียงสนับสนุนครอบครัวเสิ่นหานอย่างเปิดเผย

"พูดถูก! ต้องแบบนี้สิเสิ่นหาน!" "แยกบ้านไปเลย! อยู่ไปก็มีแต่โดนเอาเปรียบ!" "คืนเงินเขาไปซะสิแม่เฒ่าจาง! ทำผิดก็ต้องยอมรับ!"

จางหลินตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ อับอาย และรู้สึกเหมือนถูกทุกคนรุมประณาม นางจ้องเขม็งไปยังเสิ่นเมี่ยว เสิ่นหาน และเซี่ยอวิ๋นซือสลับกันไปมา ก่อนจะกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง

"พวกแก! พวกแกมันอกตัญญู! เนรคุณ! ฉันไม่มีลูกชาย ไม่มีลูกสะใภ้ ไม่มีหลานแบบพวกแก!"

พูดจบนางก็พยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เสิ่นฉีรีบเข้าไปประคองแม่ ฟางหลานมองมาทางเสิ่นเมี่ยวด้วยแววตาเคียดแค้นชิงชัง ก่อนจะรีบเดินตามสามีและแม่สามีเข้าบ้านไป ปิดประตูเสียงดังปัง! เป็นการจบการเผชิญหน้าลงชั่วคราว ทิ้งไว้เพียงความเงียบและสายตาของชาวบ้านที่มองตามไปอย่างสมเพช

เสิ่นเมี่ยวยืนมองตามแผ่นหลังของทั้งสามคนไปด้วยแววตาเรียบเฉย...นี่เป็นเพียงยกแรกเท่านั้นเพราะสงครามที่แท้จริง...มันต่อจากนี้ต่างหาก

เจ้านาย! ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าการอยู่กับคุณจะได้สัมผัสเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นพวกนี้เลยจริง ๆ เรื่องของคุณนี่อย่างกับละครสั้นที่ฉายทางโซเชียลไม่มีผิด เสียงเล็กใสแจ๋วที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นในหัวของเสิ่นเมี่ยวทำให้เธอแสดงสีหน้าตกใจออกมา

"ใคร!?" เธอถามออกมาเสียงดังจนพ่อแม่และพี่ชายมองมาทางเธอด้วยความประหลาดใจระคนเป็นห่วง

"ลูกรัก เกิดอะไรขึ้น" เซี่ยอวิ๋นซือถามออกมาอย่างกังวล

"ปะ..เปล่าคะ หนูไม่ได้เป็นอะไร" เสิ่นเมี่ยวแก้ตัวพลางคิดว่าตัวเองอาจจะหูแว่ว

ทว่า... เจ้านาย! คุณคงไม่ได้ลืมผมไปแล้วหรอกนะ ช่างน่าน้อยใจเสียจริง ผมเป็นคนพาคุณมาที่นี่ยังไงล่ะครับ เสียงใสแจ๋วนั้นได้ทำให้เสิ่นเมี่ยวเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงขึ้นทันที

นายคือ เสี่ยวหม่าว

ก็ใช่นะสิครับ ผมเสี่ยวหม่าวเอไอสุดหล่อเอง ไม่อย่างนั้นจะใครล่ะ คำพูดแสนหลงตัวเองนี้ของเอไอในรูปลักษณ์ของแมวน้อยปุกปุยที่เสิ่นเมี่ยวสร้างมาเองกับมือทำให้เสิ่นเมี่ยวอดยิ้มให้กับความหลงตัวเองของสิ่งประดิษฐ์ของตนไม่ได้ออกมา

รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของเสิ่นเมี่ยวเพียงครู่เดียวก่อนจะเลือนหายไป เมื่อเธอตระหนักได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาขำขันกับความหลงตัวเองของเอไอคู่ใจ เธอรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับพ่อแม่และพี่ชายที่ยังคงมองมาด้วยความกังวล

"หนูไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะแม่ พ่อ พี่หยวน สงสัยเมื่อกี้หนูคงจะตกใจไปหน่อย เลยหูแว่วไปเอง" เธอบอกปัดพลางจับมือแม่เขย่าเบา ๆ

"หนูว่าพวกเรารีบเข้าบ้านกันเถอะค่ะ ยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นที่สนใจของคนอื่นเปล่า ๆ"

เซี่ยอวิ๋นซือมองลูกสาวอย่างพิจารณา แม้จะยังไม่คลายกังวลนักแต่เมื่อเห็นว่าลูกดูปกติดีแล้ว ประกอบกับสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่งผ่านไปเธอก็พยักหน้าเห็นด้วย

"จริงด้วย เข้าบ้านกันเถอะลูก" เซี่ยอวิ๋นซือตอบพลางเดินเข้าไปจับท่อนแขนของสามีที่ยังคงมีสีหน้าซับซ้อน ด้านเสิ่นหยวนก็เดินเข้ามาจับมือน้องสาวจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมา

ทั้งสี่คนเดินกลับเข้าสู่ส่วนพักอาศัยของตนเองในบ้านที่แยกตัวออกมาปลูกบนที่ดินผืนเดียวกัน บรรยากาศภายในห้องโถงขนาดเล็กที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายตามฐานะเต็มไปด้วยความเงียบงันที่ต่างจากความโกลาหลเมื่อครู่

ที่มีทั้งความโล่งใจที่เผชิญหน้ากับปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ แต่ก็มีความเหนื่อยล้าและความกังวลถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนอบอวลอยู่

เจ้านาย สรุปว่าบ้านนี้อยู่รวมกันหมดเลยเหรอครับ ทั้งย่า ลุง ป้า พ่อ แม่ พี่ แล้วก็เจ้านาย? แบบนี้มันไม่วุ่นวายแย่เหรอ เสียงใส ๆ ของเสี่ยวหม่าวเอไอแมวน้อยดังขึ้นในหัวเสิ่นเมี่ยวอีกครั้ง

ก็ใช่น่ะสิ ถึงได้วุ่นวายแบบนี้ไง เสิ่นเมี่ยวตอบในใจพลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้เก่าใกล้ตัวพร้อมเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก

สถานการณ์เมื่อกี้พิสูจน์แล้วว่าการอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับย่าและครอบครัวลุงต่อไปมีแต่จะสร้างปัญหาไม่รู้จบ พวกเขาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่เป็นครอบครัวจริง ๆ เห็นเป็นแค่เครื่องมือหาเงินและที่พึ่งพิงยามลำบากเท่านั้น พอมีโอกาสก็จ้องจะเอาเปรียบตลอด

ความทรงจำในชาติก่อนที่ครอบครัวของลุงใหญ่ค่อย ๆ เข้ามาควบคุมทุกอย่างหลังจากที่พ่ออ่อนข้อให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เสิ่นเมี่ยวตัวสั่นขึ้นมาด้วยความโกรธและความกลัวระคนกัน

ไม่ได้...จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นอีกไม่ได้เด็ดขาด! เธอตัดสินใจแน่วแน่ ทางเดียวที่จะปกป้องพ่อ แม่ และพี่หยวนได้ คือต้อง...แยกบ้าน!

แยกบ้านเหรอครับเจ้านาย? แต่ดูจากสภาพแล้ว ครอบครัวเจ้านายตอนนี้มีเงินพอจะไปหาที่อยู่ใหม่เหรอครับ? ไหนจะธรรมเนียมปฏิบัติอีกล่ะ การแยกบ้านออกไปทั้งที่พ่อแม่ ของพ่อเจ้านายยังอยู่อาจจะถูกคนครหาได้นะครับ เสี่ยวหม่าวตั้งข้อสังเกตตามข้อมูลที่ประมวลผลได้

ฉันรู้...มันไม่ง่าย เสิ่นเมี่ยวตอบในใจกัดริมฝีปากครุ่นคิด แต่ยังไงก็ต้องทำ! เรื่องเงิน...ฉันต้องหาทางให้พ่อกับแม่มีรายได้เพิ่ม หรือหาเงินก้อนแรกให้ได้ก่อน ส่วนเรื่องคำครหา...ถ้าเทียบกับการที่ต้องทนถูกกดขี่ข่มเหงไปตลอดชีวิต หรือลงเอยแบบชาติที่แล้ว การถูกนินทามันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!

เธอเริ่มคิดถึงลู่ทางต่าง ๆ ความรู้จากอนาคตที่เธอมี...มีอะไรบ้างที่พอจะนำมาใช้ในยุค 80 นี้ได้? การค้าขาย? การลงทุน? หรือความรู้ทางเทคโนโลยี?

เสี่ยวหม่าว นายช่วยตรวจสอบข้อมูลตลาดในเมืองนี้ตอนนี้ให้หน่อยได้ไหม มีอะไรที่พอจะทำเงินได้เร็ว ๆ บ้าง หรือมีช่องทางไหนที่พ่อพอจะหารายได้เสริมได้

รับทราบครับเจ้านาย! กำลังประมวลผลข้อมูลเศรษฐกิจท้องถิ่นปี 1980... กรุณารอสักครู่ครับ!

ขณะที่เสิ่นเมี่ยวกำลังวางแผนขั้นต้นอยู่ในใจโดยมีเอไอคู่หูเริ่มทำงานเบื้องหลัง...ในอีกฟากหนึ่งของบ้านใหญ่ ภายในห้องของจางหลินบรรยากาศกลับคุกรุ่นไปด้วยความโกรธแค้นและความไม่พอใจ

"บัดซบ! นังเด็กเปรตเสิ่นเมี่ยว! มันร้ายกาจจริง ๆ!" จางหลินทุบโต๊ะเสียงดัง ปากก็ด่าทอไม่หยุด "แล้วแกด้วยเสิ่นฉี! ไอ้ลูกไม่เอาไหน! ปล่อยให้น้องกับหลานมาหยามหน้าได้ยังไง!"

"แล้วแม่จะให้ผมทำยังไงล่ะ!?" เสิ่นฉีเถียงเสียงดังอย่างหัวเสีย "คนทั้งหมู่บ้านก็เห็นอยู่ว่านังเด็กนั่นมันพูดเข้าข้างพ่อมัน แถมชาวบ้านก็ยังเข้าข้างพวกมันอีก!"

"ใช่ค่ะแม่ เสิ่นหานกับเมียมันก็แข็งข้อขึ้นทุกวัน ขืนปล่อยไว้แบบนี้มีหวังพวกเราได้อดตายจริง ๆ แน่" ฟางหลานรีบเสริมสามีพยายามเบี่ยงเบนความโกรธของแม่สามีไปทางบ้านรอง

จางหลินหันขวับมามองลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ด้วยแววตาดุดัน "แล้วจะให้ฉันทำยังไง หากตอนนั้นแกทำตามที่ฉันบอกไม่แน่ว่าตำแหน่งหัวหน้างานนั่นนะก็คงจะเป็นของแกตั้งนานแล้วอาฉี!"

"เรื่องมันผ่านมาแล้ว อีกอย่างในตอนนั้นแม่เองก็พอใจกับงานที่ผมได้ไม่ใช่หรือครับ แล้วตอนนี้จะมาพูดเรื่องพวกนี้ทำไม" เสิ่นฉีแย้งด้วยสีหน้าบึ้งตึง

นางจางได้แต่นั่งเป็นบื้อใบเพราะใครจะคิดว่างานที่เคยคิดว่าเป็นชามข้าวเหล็กจะมาปิดตัวลงแบบนี้ อีกทั้งยังค้างจ่ายค่าแรงอีก ท่ามกลางความเงียบเสียงของฟางหลานก็ดังขึ้นอย่างร้อนใจ

"แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะคะแม่ ในเมื่อเสิ่นหานมันไม่ยอม แถมเมียมันก็ยังมาเข้าข้างมันอีก!"

พอได้ยินสะใภ้คนโตพูดแบบนี้แววตาของจางหลินก็วาวโรจน์ขึ้นมาอีก "หึ! เสิ่นหานมันไม่ยอม...ก็ต้องทำให้มันยอม! ตำแหน่งงานนั่น...ยังไงก็ต้องเป็นของเจ้าใหญ่ เราต้องหาทาง...บีบให้มันคายตำแหน่งออกมา!" หญิงชรากัดฟันกรอด      เริ่มวางแผนการร้ายอย่างเงียบงันในใจอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าหลานสาวตัวน้อยที่นางแสนชิงชังก็กำลังวางแผนรับมือและหาทางหนีจากวงจรอุบาทว์นี้อยู่เช่นกัน

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่52 กล้าไม่กล้า

    เสียงของนางจางไม่ได้เบาเลย จึงทำให้คนที่อาศัยอยู่ภายในตึกต้องโผล่หน้าออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นระคนสงสัย ว่าใครคือหัวขโมยที่หล่อนกล่าวถึง"นั่นใคร" คนที่พักอาศัยอยู่ในตึกที่เพิ่งกลับถึงบ้านบางคนถามขึ้นอย่างสงสัย เนื่องจากพวกเขาไม่เคยเห็นหน้านางจางมาก่อน"ไม่รู้สิ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นหน้าหล่อนเหมือนกัน" หญิงอีกคนตอบ ก่อนจะมีอีกเสียงแสดงความเห็นตามมา"จะเป็นญาติกับใครที่นี่หรือเปล่า....แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะเพราะหล่อนตะโกนว่าเด็กขี้ขโมย""เด็ก! ตึกเรามีเด็ก ๆ อยู่หลายคนเลยนะ อีกอย่างของอะไรของหล่อนหายอย่างนั้นเหรอ" เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้น ในระหว่างที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจกับละครโรงใหญ่ที่นางจางกับฟางหลานแสดง สองพี่น้องบ้านหลี่ก็เดินลงบันไดมาจากชั้นสองด้วยสีหน้าเรียบเฉยทันทีเมื่อนางจางเห็นหน้าเด็กสองคน หล่อนก็ปรี่เข้าไปหาคนทั้งคู่ "นังเด็กขี้ขโมย! พวกแกเอาเงินที่ขายของได้วันนี้มาให้ฉันเลยนะ" คำกล่าวหาอันร้ายแรงนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ในตึกต่างรู้สึกตกใจทั้งนี้เป็นเพราะชื่อเสียงของหลี่เมี่ยวนั้นค่อนข้างดี พวก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่55 ผมขอปฏิเสธ

    สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หมู่บ้านพักสวัสดิการของโรงงานทอผ้ากลับคืนสู่ความสงบเฉกเช่นปกติ แต่สำหรับครอบครัวหลี่และกลุ่มของอาเปียวแล้วบรรยากาศยังคงอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นจากวีรกรรมเมื่อสามวันก่อน และความหวังในอนาคตที่สดใสขึ้นหลี่หานใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงสามวันนี้ไปกับการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาจากตลาดใต้ดิน โดยเฉพาะตู้เย็นเครื่องใหญ่ที่เขามั่นใจว่าจะทำกำไรได้งดงามในขณะที่เขาซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ เจ้าตัวก็ได้สอนเทคนิคที่รู้ให้กู้ยวี่และหลี่หยวนที่เป็นลูกมือด้วย ทำให้ทั้งสองคนได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพิ่มเติมส่วนเงินก้อนใหญ่ที่ได้มาจากการขายของรอบแรกหลังจากที่เหลือจากซื้อของก็ถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี รอคอยการนำไปต่อยอดเช้าวันที่สี่หลังจากเหตุการณ์นั้น ขณะที่หลี่หานกำลังง่วนอยู่กับการไล่วงจรไฟฟ้าของตู้เย็นอยู่ที่ระเบียงโดยมีกู้ยวี่คอยช่วยหยิบเครื่องมือรวมถึงหลี่หยวนส่วนหลี่เมี่ยวกำลังวางแผนเรื่องชานมไข่มุกของตนอยู่ไม่ไกล จู่ ๆ อาเปียวก็วิ่งหน้าตื่นมาที่หน้าห้องของเขาพร้อมกับส่งเสียงดังโหวกเหวก"ลูกพี่หลี่ครับ! มีนายทหารมาหาครับ!" อาเปียวถือ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่51 ความหน้าหนาของนางจาง

    อีกด้านหนึ่งภายในหมู่บ้านชนบท ทันทีที่เท้าของฟางหลานก้าวเข้าไปในลานดินหน้าบ้าน หล่อนก็เห็นนางจางแม่สามี กำลังนั่งเอกเขนกอยู่บนม้านั่งเตี้ย ๆ ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่มือหนึ่งโบกพัดไปมา อีกมือก็หยิบเมล็ดแตงโมในจานขึ้นมาแทะอย่างสบายอารมณ์ ปากก็ขยับพูดคุยสัพเพเหระกับกลุ่มหญิงชราวัยเดียวกันอีกสองสามคนที่นั่งล้อมวงอยู่ด้วยกันอย่างออกรส"กลับมาแล้วก็รีบไปทำกับข้าวกับปลาซะ!" นางจางตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นลูกสะใภ้เดินเข้ามาโดยไม่สนใบหน้าของหล่อนที่กำลังทำหน้ามุ่ยฟางหลานทรุดตัวลงนั่งข้างแม่สามีทำหูทวนลม ก่อนที่หล่อนจะปั้นหน้าเหมือนมีเรื่องอัดอั้นตันใจ "แม่คะ ฉันมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง วันนี้ฉันเจอเด็กพวกนั้นที่หน้าสหกรณ์ร้านค้าด้วยละ เจ้าหลี่หยวนกับนังหลี่เมี่ยว ลูก ๆ ของนายหลี่หานน่ะค่ะ พวกมันกำลังตั้งแผงขายของกันใหญ่โตเลยนะคะ คนมุงซื้อกันเต็มไปหมด!""หา!" นางจางตบเข่าตัวเองดังฉาด! หยุดแทะเมล็ดแตงทันที "นังเด็กพวกนั้นน่ะรึ มันไปเอาปัญญาที่ไหนมาขายของกัน แล้วขายอะไรล่ะ ถึงได้มีคนมุงเยอะแยะ""ฉันได้ยินว่า ชานมไข่มุก อะไรสักอย่างนี่แหละค่ะแม่" ฟางหลานเบ้ปากก่อนจะพูดต่อ "

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่54 ช่วย (2)

    หลังจากสั่งการกับพวกอาเปียวเรียบร้อย หลี่หานก็มองไปยังทิศที่เรือของคนพวกนี้จอดอยู่"ส่วนฉันจะหาทางเข้าไปจัดการกับระบบของเรือลำนั้นเอง ทำให้มันออกทะเลไม่ได้แม้จะชั่วคราวก็ยังดี เสี่ยวกู้ นายคอยดูต้นทางและระวังหลังให้ฉันด้วย ส่วนสหายเฉินเฟิงในระหว่างนี้ผมว่าคุณจะต้องรีบหาทางส่งข่าวไปทางทีมของคุณโดยเร็วที่สุด ก่อนที่พวกมันจะไหวตัว"ทุกคนพยักหน้ารับแผนการอย่างพร้อมเพรียง ความตื่นเต้นและความตึงเครียดแผ่กระจายไปทั่วทั้งกลุ่ม กลุ่มของหลี่หานเริ่มเคลื่อนไหวตามแผน อาเปียวและลูกน้องอีกสามสี่คนเดินตรงไปยังบริเวณใกล้ท่าเรือเก่าแล้วเริ่มทำทีเป็นทะเลาะวิวาทกันเสียงดังโหวกเหวก มีการผลักอก ชี้หน้า และด่าทอกันด้วยถ้อยคำหยาบคาย สร้างความสนใจให้กับยามและกลุ่มคนที่กำลังเตรียมขนย้ายเหยื่อได้อย่างดีเยี่ยม พวกมันหลายคนหันมามองด้วยความรำคาญและสงสัย ทำให้การทำงานชะงักไปชั่วขณะในช่วงเวลาแห่งความสับสนนั้นเอง หลี่หานก็ลอบเข้าไปใกล้เรือประมงดัดแปลงขนาดกลางที่จอดเทียบท่าอยู่ โชคดีที่ว่าเวลานี้แสงอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปครู่หนึ่งแล้วสองตาของชายหนุ่ม เห็นคนงานหลายคนกำลังลำเลียง

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่53 ช่วย (1)

    หลี่เมี่ยวเมื่อเห็นว่าหากปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อคงไม่เป็นการดี ดังนั้นเธอจึงได้ขยี้ซ้ำลงมาอีก"ว่ายังไงคะ...คุณจางตกลงว่าพวกเราจะไปสถานีตำรวจกันเลยไหม" คำพูดของลูกสาวตัวเล็กทำให้เซี่ยอวิ๋นซือตกใจ ทั้งนี้เพราะหล่อนยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุทั้งหมดกระนั้นหญิงสาวก็ยังแสดงท่าทางนิ่งเฉยเพราะเชื่อในตัวลูกทั้งสองคน คำท้าอันเฉียบขาดของหลี่เมี่ยวและแววตาที่ไม่ยอมอ่อนข้อของเซี่ยอวิ๋นซือทำให้นางจางถึงกับพูดไม่ออกหล่อนมองไปรอบ ๆ และเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนบ้านที่มองมาอย่างรอคอยบทสรุป หล่อนรู้ดีว่าถ้าไปสถานีตำรวจจริง เรื่องโกหกของตนจะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอนเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นใจและตนเองกำลังจะจนมุม นางจางก็ไม่รอช้าหล่อนรีบหันหลังแล้วเดินแกมวิ่งหนีออกจากบริเวณนั้นไปทันทีทิ้งให้ฟางหลานที่ทำตัวไม่ถูก ได้แต่วิ่งตามหลังแม่สามีไปอย่างทุลักทุเลท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าเพื่อนบ้าน"อ้าว! หนีไปซะแล้ว!" "แค่นี้ก็รู้แล้วละว่าใครกันแน่ที่เป็นขี้ขโมยใส่ร้ายคนอื่น!"เมื่อสองแม่ลูกตระกูลเสิ่น

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   ตอนที่50 เข้าสู่หนทางอันตราย

    ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังลงมือหาเงิน คนเป็นพ่อกับพรรคพวกทั้งหมดก็ได้ออกเดินทางตามเส้นทางที่อาเฟิงเป็นผู้ชี้แนะ เป้าหมายของพวกเขาคือตลาดใต้ดินแหล่งรวมของเก่าที่อาเฟิงกล่าวอ้างว่าทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยโอกาสอาเฟิงนำทางพวกเขาออกจากย่านที่อยู่อาศัยพลุกพล่าน ลัดเลาะไปตามตรอกซอยที่ซับซ้อนและเงียบสงัดจนกระทั่งมาถึงบริเวณท่าเรือเก่าที่ถูกทิ้งร้างมานานหลายปี บรรยากาศโดยรอบดูอึดอัดและชวนหวาดหวั่นที่แห่งนี้มีโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่และเล็กที่เคยรุ่งเรืองในอดีต บัดนี้ยืนตระหง่านอยู่ในสภาพทรุดโทรม ผนังอิฐผุกร่อน หน้าต่างกระจกแตกละเอียด มีเถาวัลย์เลื้อยพันอยู่ทั่วไป กลิ่นอับชื้นของน้ำทะเลและสนิมเหล็กคละคลุ้งอยู่ในอากาศ"ที่นี่นะหรือ ตลาดใต้ดิน?" อาเปียวถามขึ้นเสียงเบา มองไปรอบ ๆ อย่างไม่แน่ใจนัก "มันดูไม่เหมือนตลาดเลยสักนิด ออกจะเหมือน...รังโจรมากกว่า" ลูกน้องของเขาหลายคนก็พยักหน้าเห็นด้วย แววตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง"ตลาดที่ว่ามันไม่ได้ตั้งอยู่กลางแจ้งให้ใครเห็นง่าย ๆ หรอกครับพี่อาเปียว" อาเฟิงอธิบาย "มันซ่อนอยู่ในโกดังร้างพวกนี้แหละครับ แล้วก็อย่างที่ผมเคยบอก...ที่

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status