สีหน้าของเซียวเป่ยเปลี่ยนไป ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้: “คุณพูดถูก เรื่องที่ผมรู้ศาสตร์ทางการแพทย์ ผมปิดบังคุณจริงๆ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนี้ ผมแค่อยากจะ...”“พอเถอะ คุณไม่ต้องอธิบายแล้ว”ซูหว่านพูดอย่างเย็นชา พร้อมกับเหน็บผมที่อยู่ข้างหู“คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ฉันฟัง พวกเราหย่ากันแล้ว หากคุณอยากจะอธิบายจริงๆ คุณก็ควรจะอธิบายให้ฉันฟังเมื่อสามปีก่อน!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเป่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และถอนหายใจเขารู้ว่า ซูหว่านยังโกรธอยู่“หากผมอธิบาย คุณจะเชื่อผมไหมล่ะ?”เซียวเป่ยถามกลับ สายตามองไปที่ซูหว่านอย่างจริงจังใจของซูหว่านเต้นรัว หันศีรษะไป จ้องเซียวเป่ยแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าฉันจะไม่เชื่อคุณเหรอ?”เซียวเป่ยไม่ตอบ ท่าทีที่เย็นชา ได้ชี้ขาดคำตอบของเขาแล้ว“เซียวเป่ย! ทำไมคุณถึงได้คิดว่าฉันจะไม่เชื่อคุณ? ถ้าหาก ถ้าหากนะ คุณบอกฉันเมื่อสามปีก่อน ฉันจะไม่เชื่อคุณเลยเหรอ?”“คุณไม่คิดว่า สถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะฝีมือของคุณเหรอ?”“ฉันเป็นภรรยาของคุณ คุณมีความลำบากใจอะไรเหรอ ถึงต้องปิดบังฉันถึงสามปี!”ยิ่งพูดซูหว่านก็ยิ่งตื้นตัน ยิ่ง
“ผลงานของเซียวเป่ยในคืนนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะตัวเขาเอง ไม่ใช่เพราะฉัน” กู้โย่เสวี่ยยิ้มอย่างงดงามเมื่อซูหว่านได้ยินดังนี้ คิ้วที่สวยงามก็ขมวดเข้าหากัน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “จริงเหรอ? งั้นฉันหวังว่าในเกมการแข่งขันครั้งต่อไป เขาจะสามารถพิสูจน์ตนเองแบบนี้ได้”“เขาทำได้แน่นอน” กู้โย่เสวี่ยกล่าวพร้อมเหน็บผมข้างหูทันทีที่ทั้งสี่คนแยกทางกันเซียวเป่ยก็รู้สึกเหนื่อยเช่นกัน จึงขอให้กู้โย่เสวี่ยส่งตนกลับไปที่ร้านขายของชำของชายชราผู้แปลกประหลาดกู้โย่เสวี่ยนั่งสักพัก ก็จากไปในร้านขายของชำ เซียวเป่ยกำลังนอนอยู่บนเตียง แต่ยังไม่ได้หลับในสมอง นึกถึงแต่สิ่งที่ซูหว่านพูดกับตนเองในคืนนี้ทางด้านของซูหว่าน ก็นอนอยู่บนเตียงในวิลล่า และยังไม่ได้หลับเช่นเดียวกัน เธอนึกถึงสิ่งที่เซียวเป่ยพูดกับตนเองในคืนนี้ และภาพเหตุการณ์ระหว่างเขากับกู้โย่เสวี่ย ที่อยู่บนเวทียิ่งคิด ซูหว่านก็ยิ่งเป็นทุกข์ และยิ่งรู้สึกโกรธอยู่ในใจมากขึ้นเท่านั้นไอ้คนสารเลว!หลังจากนั้น ซูหว่านก็ลุกขึ้น แล้วลากหลงเสี่ยวหานไปดื่มเป็นเพื่อนตนที่ห้องนั่งเล่นพอดื่มมากเข้า ซูหว่านก็พูดความคิดที่อยู่ก้นบึ้งของหัวใจออกมาทั้งห
พอเห็นบัตรธนาคาร สีหน้าของเซียวเป่ยก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “คุณซุนครับ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมกับโย่เสวี่ยอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่...”“เงินน้อยเกินไปเหรอ?”ซุนอี๋หัวเราะอย่างเย็นชา ราวกับว่ามองเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายของเซียวเป่ยออก จึงพูดอย่างประชดประชันว่า: “พูดมา นายต้องการเท่าไหร่ถึงจะยอมไปจากลูกสาวของฉัน”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนโดนจาบจ้วงเล็กน้อย“ในสายตาของคุณ การที่มีคนคบกับลูกสาวของคุณ ก็แค่เพื่อเงินเท่านั้นเหรอ?”เซียวเป่ยถามอย่างไม่พอใจซุนอี๋ทำอย่างกับว่าได้ยินเรื่องตลก จึงกล่าวเยาะเย้ยว่า: “เซียวเป่ยใช่ไหม ฉันเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน ใจของนายคิดอะไรอยู่ ฉันรู้ทุกอย่าง”“ฉันรู้ว่าลูกสาวของฉันชอบนาย แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้นายมีทุนทรัพย์และความมั่นใจที่จะพูดกับฉันแบบนี้”“วันนี้ฉันสามารถนั่งเผชิญหน้ากับนาย เพื่อหารือและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ เพราะไม่อยากทำให้โย่เสวี่ย ต้องโกรธหรือเสียใจเพราะนาย”เซียวเป่ยเลิกคิ้ว แล้วถามด้วยรอยยิ้มที่สงบนิ่งว่า: “แล้วไงครับ?”“เอาเงินไป แล้วไปจากลูกสาวฉันซะ”“ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันก็มีวิธี ที่จะทำให้นายเสียใจภายหลัง!”ซุนอี
“และสามารถทำให้ชื่อเสียงของนายป่นปี้ กลายเป็นหนูข้างถนน ที่ทุกคนดุด่าทุบตีได้เลย!”พูดจบ ซุนอี๋ก็หันหลังกลับแล้วจากไปสีหน้าของเซียวเป่ยเปลี่ยนไป คิ้วขมวด ดูซุนอี๋ขึ้นรถแล้วจากไปด้วยความจนใจ เซียวเป่ยจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาทางปาก แล้วออกจากร้านค่าเฟ่ไป...........ในขณะเดียวกันในโรงพยาบาลประชาราษฎร์หลังจากที่หลี่เซียงเหลียนรู้ว่าหานตงถิงลูกชายของตนถูกคนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จนทำให้นกเขาไม่สามารถใช้งานได้ ก็บินตรงกลับมาจากต่างประเทศทันทีที่รู้ข่าว“เพียะ!”ในห้องคนไข้ หลี่เซียงเหลียนที่มีบุคลิกเย็นชา ทั้งตัวเต็มไปด้วยแบรนด์เนม ตบหน้าหานเทียนซานด้วยความโกรธ แล้วพูดอย่างเกรี้ยวโกรธว่า:“เศษสวะ! แม้แต่ลูกชายก็ไม่สามารถปกป้องได้ ตอนนั้นฉันช่างตาบอดจริงๆที่แต่งงานกับคุณ!”หานเทียนซานยืนอยู่กับที่ ก้มศีรษะลง ไม่กล้าแม้แต่จะหืออือแม้ว่าหานเทียนซานจะมีฉายาหนึ่งในห้าเสือของบริษัททางการแพทย์และเภสัช ในแวดวงธุรกิจเมืองเจียงจง แต่ทว่า ต่อหน้าหลี่เซียงเหลียนภรรยาของตน เขาไม่มีอะไรดีสักอย่าง!เพราะว่า หลี่เซียงเหลียนเป็นถึงบุตรสาวคนที่สามของตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวง!ตระกูลหลี่แห่
“ครับ คุณหนู”คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ตอบกลับหลังจากที่หลี่เซียงเหลียนวางสายแล้ว ก็มองหานเทียนซานที่มีสีหน้าที่ย่ำแย่ด้วยความเย็นชา แล้วพูดด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งว่า: “หานเทียนซาน คุณนี่ยิ่งใช้ชีวิตก็ยิ่งขี้ขลาดมากขึ้นจริงๆ!”หานเทียนซานเอ่ยปากพูดว่า: “ที่รัก อย่าหุนหันพลันแล่น ซูหว่านเป็นถึงอดีตภรรยาของปรมาจารย์เซียวเลยนะ หากจับกุมเธอ แล้วปรมาจารย์เซียวโกรธขึ้นมา ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมากนะ”“เรื่องนี้ ผมจะจัดการเอง โอเคไหม?”เมื่อหลี่เซียงเหลียนได้ยินดังนี้ ก็ตะคอกด้วยความโกรธทันทีว่า: “ปรมาจารย์เซียวอะไรกัน?หานเทียนซาน คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ลูกชายของคุณถูกทุบตีจนเป็นแบบนี้ นอกจากคุณจะไม่อยากแก้แค้นแล้ว ยังจะมาเกลี้ยกล่อมไม่ให้ฉันหุนหันพลันแล่นอีก?”“ที่รัก.....”หานเทียนซานอยากจะอธิบายแต่ว่า หลี่เซียงเหลียนกลับจ้องเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “เรื่องนี้ คุณไม่ต้องเข้ามาแทรกแซง ฉันจะจัดการเอง!”“ปรมาจารย์เซียวบ้าบออะไรกัน กล้าแตะต้องลูกชายของฉันหลี่เซียงเหลียน ฉันจะทำให้เขาตายทั้งเป็น!”พูดจบ หลี่เซียงเหลียนก็เหลือบมองหานตงถิงที่ยังคงนอนหมดสติอยู่บน
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือ ก็หล่นลงบนพื้นเช่นกันชายหน้าบากที่อยู่ในชุดสูทสีเทาคนนั้น ก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ยกเท้าขึ้น และเหยียบโทรศัพท์มือถือจนแหลกเป็นชิ้นๆ!ซูหว่านตื่นตระหนก รีบก้าวไปข้างหน้า โน้มตัวลง แล้วตะโกนว่า: “เลขาหลี่ เลขาหลี่...”“ไอ้สารเลว! พวกแกเป็นใครกันแน่? คิดที่จะทำอะไร?”ซูหว่านเงยหน้าขึ้น ตะโกนพร้อมจ้องมองกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยวชายหน้าบากที่อยู่ในชุดสูทสีเทาคนนั้น ยิ้มอย่างดุร้าย ตวัดมือ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาตัวไป!”พูดจบ ชายร่างกำยำในชุดสูทสีดำสองคน ก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หิ้วปีกซูหว่านแล้วลากเธอออกไปจากห้องประชุมซูหว่านดิ้นรนสุดฤทธิ์แล้วกล่าวว่า: “พวกคุณคิดที่จะทำอะไร? ถึงได้ลักพาตัวกลางวันแสกๆ ทำอย่างกับว่าบ้านไม่มีขื่อไม่มีแป?”“แจ้งตำรวจ! พวกคุณรีบแจ้งตำรวจเร็ว!”ซูหว่านตะโกนใส่ผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นที่ตกใจกลัวจนตัวแข็งทื่อเหล่านั้นในเวลานี้ คนเหล่านี้ถึงตั้งสติขึ้นมาได้บางคนก็รีบลุกขึ้น แล้วพุ่งเข้าไปขวางคนกลุ่มนี้เอาไว้บางคนรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมา หมายจะแจ้งตำรวจแต่ทว่าปังปัง!ชายหน้าบากที่อยู่ใ
เซียวเป่ยวางสายโทรศัพท์ หันกลับมา แล้วนั่งแท็กซี่ ตรงไปที่โกลเด้นฟีนิกซ์คลับ!แม้ว่าจะหย่ากับซูหว่านแล้ว แต่ฟังจากที่หลี่เซียวลี่พูด เพราะตนเองอีกฝ่ายถึงพุ่งเป้าไปที่ซูหว่านไม่ว่ายังไงก็ตาม จะให้ซูหว่านได้รับอันตรายเพราะตนไม่ได้!เป็นคนของตระกูลเซียวเหรอ?หรือว่าเป็นคนอื่น...เซียวเป่ยใจร้อนรุ่มดั่งไฟเผาในเวลานี้ ภายในโกลเด้นฟีนิกซ์คลับซูหว่านตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง และพบว่าตนเองนอนอยู่บนพื้น ตรงมุมหน้าผาก ก็ยังมีรอยเลือดอยู่สายตาของเธอมองไปรอบๆด้วยความมึนงง ก็เห็นชายหน้าบากที่อยู่ในชุดสูทสีเทาก่อนหน้านี้ นั่งอยู่บนโซฟาตรงกลางห้องส่วนตัว จิบวิสกี้ และจ้องมาที่ตนด้วยสายตาที่ชั่วร้ายบริเวณรอบๆ ยังมีชายในชุดสูทสีดำเจ็ดถึงแปดคนอยู่ด้วย ทุกคนล้วนมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดุร้าย“พวกคุณเป็นใครกันแน่? ต้องการที่จะทำอะไร? ฉันไม่เคยทำให้พวกคุณขุ่นเคืองใจเลยนะ...”ซูหว่านหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง แล้วกล่าวถามเธอต้องรู้ให้แน่ชัดก่อนว่าทำไมอีกฝ่ายถึงจับเธอมา ถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ชายหน้าบากเยาะเย้ยเย้าแหย่อยู่ครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “ประธานซู หยุดลองเชิงได้แล้ว พวก
“ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะ...”ซูหว่านร้องขอความเมตตาอย่างอ่อนแรงชายหน้าบากกล่าวเยาะเย้ยว่า:“ยังขอความเมตตาได้อีกเหรอ ดูเหมือนว่าจะยังเฆี่ยนไม่พอ เฆี่ยนต่อไป!”“ครับ!”ชายในชุดสูทสีดำขานรับต่อมา ก็เฆี่ยนตีอย่างแรงอีกสักระยะเสียงกรีดร้องในห้องส่วนตัว ดังก้องไปทั่วทั้งคลับ ทำให้ผู้คนที่ได้ฟังแล้ว สั่นสะท้านไปทั้งตัวการเฆี่ยนตีแบบนี้ กินเวลานานกว่าสิบนาที จนกระทั่งซูหว่านเหลือเพียงแค่ลมหายใจที่รวยระรินทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของชายหน้าบากก็ดังขึ้นเขาเหลือบมองเบอร์ผู้โทรเข้า ก็รีบลุกขึ้นยืนด้วยความเคารพทันที รับสาย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณหนู มีอะไรจะกำชับเหรอครับ?”“คนล่ะ?”น้ำเสียงที่โหดเหี้ยมเย็นชาของหลี่เซียงเหลียน ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์“กำลังเฆี่ยนอยู่ครับ”ชายหน้าบากรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งสัญญาณให้ลูกน้องเฆี่ยนตีอีกสักสองสามครั้งซูหว่านกรีดร้องอีกสองสามครั้ง แล้วก็หมดสติไปหลังจากหลี่เซียงเหลียนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ได้ยินดังนี้ ก็พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยความพึงพอใจว่า “จำไว้ว่า อย่าทำให้ถึงตาย!”“อีกอย่าง กรีดหน้าของเธอให้ฉันด้วย!”“นังจิ้งจอก