เช้าวันต่อมา
คุณแม่ยังสาวที่วุ่นอยู่กับการอบขนมตั้งแต่เช้าเพราะวันนี้ออเดอร์ค่อนข้างมาก ส่วนแพรมุกก็ออกไปส่งขนมตั้งแต่เช้า วันนี้จึงออกจะวุ่นวาย หนูน้อยที่ถือลูกบอลยางเหลือบไปเห็นผีเสื้อแสนสวยกำลังเกาะดอกไม้อยู่ในกระถางด้านนอกร้าน
เธอจึงเปิดประตูออกไปอย่างลืมตัวเพราะผู้เป็นแม่เคยสอนเธอไว้ว่าห้ามออกนอกร้านเด็ดขาดเพราะด้านหน้าเป็นถนนในเขตชุมชนแม้รถจะไม่เยอะแต่ก็มีรถสี่ล้อเช่นกัน
เธอเอามือข้างหนึ่งยื่นไปจับผีเสื้อ เจ้าผีเสื้อน้อยก็บินหนีทันที หนูน้อยไม่ยอมแพ้จึงปล่อยลูกบอลในมือพลางวิ่งไล่ตามเจ้าผีเสื้อตัวนั้นไป
ด้านชายหนุ่มที่มาถึงหน้าร้านพอดีเห็นหนูน้อยกำลังไล่จับผีเสื้ออยู่ประจวบกับมีรถยนต์ขับผ่านมาด้วยความเร็วสูง จิตสำนึกสั่งให้เขารีบวิ่งไปคว้าหนูน้อยทันที แต่กลับคว้าไว้แต่ความว่างเปล่า
เอี๊ยด โครม ปัง!!
เด็กน้อยร่างบางปลิวไปตามแรงกระแทกของรถทันที ตอนนี้เด็กน้อยที่นอนอยู่บนพื้นมีเลือดไหลออกมาค่อนข้างมาก ชายหนุ่มเห็นดังนั้นหัวใจดวงน้อยสั่นวูบ เขาจึงรีบอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนพลางพาไปที่รถโดยเร็วพร้อมให้เคนขับออกไปทันที
‘หนูอย่าเป็นอะไรนะ’ เขาคิดในใจพร้อมดวงตาที่สั่นไหวและร้อนผ่าวขึ้นมา
ด้านคุณแม่ยังสาวที่ออกมาหน้าร้านแล้วไม่เห็นลูกน้อยก็ตกใจเป็นอย่างมากจึงออกมานอกร้านทันที ก็พบลูกบอลยางที่เห็นก็จำได้ทันทีว่าเป็นของลูกตน ตอนนี้หัวใจหญิงสาวกระตุกวูบ
เธอเดินไปเรื่อยๆ ก็พบกับชาวบ้านที่ยืนคุยกันว่ามีเด็กถูกรถชนและเธอเหลือบไปเห็นกองเลือดแล้วตัวชาขอบตาเริ่มร้อนผ่าว เธอรู้ว่าต้องเป็นลูกสาวตัวน้อยของเธอแน่นอน เมื่อตั้งสติได้ดังนั้นหญิงสาวรีบขับรถออกไปยังโรงพยาบาลทันทีเพราะแถวนี้มีโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดแค่แห่งเดียวเท่านั้น
หญิงสาวขับรถไปร้องไห้ไปจนใจเธอจะขาดอยู่แล้ว เธอเป็นห่วงลูกสาวปานจะขาดใจ เธอผิดเองเธอประมาทเกินไป เธอเป็นแม่ที่ไม่เอาไหนเลย ถ้าลูกเธอเป็นอะไรไปเธอจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด หญิงสาวร้องไห้พลางก่นด่าตัวเองในใจตลอดทาง...
เมื่อหนูน้อยมาถึงโรงพยาบาลก็ถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที ชายหนุ่มตอนนี้สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด ส่วนเคนเองก็มีสีหน้ากังวลไม่ต่างกัน ภาพที่หนูน้อยลอยขึ้นพร้อมตกลงมากระแทกพื้นยังติดตาพวกเขา
“ฮันนี่ต้องปลอดภัยครับนาย” เคนพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองเงียบกันมานาน
“ฉันขอไปล้างหน้าหน่อยนะ” เจ้านายหนุ่มบอกเลขาพลางไปห้องน้ำทันที
หญิงสาวที่ตอนนี้ถึงโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วรีบวิ่งไปยังเคาน์เตอร์เพื่อถามหาลูกสาวและรู้ว่าลูกสาวเธอถูกนำตัวไปยังห้องฉุกเฉิน หญิงสาวปล่อยโฮอีกครั้งแล้วรีบมาหน้าห้องฉุกเฉิน เมื่อเธอมาถึงก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ เธอไม่รอช้าถามถึงลูกสาวอย่างร้อนรน
“คุณคะ ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้าง”
เมื่อเคนเห็นหญิงสภาพตาบวมคราบน้ำตาเปรอะหน้าก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นแม่ของหนูน้อยเป็นแน่จึงตอบไป
“คุณหมอยังไม่ออกมาเลยครับ” เมื่อเคนพูดจบพอดีกับที่ห้องฉุกเฉินเปิดออกมา คุณหมอเดินตรงมายังหญิงสาว
“คุณแม่ใช่ไหมครับ ตอนนี้ลูกของคุณเสียเลือดค่อนข้างมาก เราต้องการเลือดด่วนและเลือดในระบบของเราไม่มีเลือดกรุ๊ปนี้แล้วเพราะเป็นเลือดที่ค่อนข้างหายากไม่ทราบว่าคุณแม่เลือดกรุ๊ปเดียวกับลูกสาวไหมครับ”
หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดไปอีกเพราะเธอกับลูกสาวเลือดคนละกรุ๊ปกัน หนูน้อยได้กรุ๊ปเลือดของพ่อเขามา
“ดิฉันกรุ๊ปเลือดคนละกรุ๊ปกับลูกสาวค่ะเขากรุ๊ปเลือดเหมือนพ่อเขา ฮึก”
หญิงสาวพูดพร้อมร้องไห้อีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่สามารถช่วยอะไรลูกน้อยได้เลย
“แล้วตอนนี้พ่อของเด็กอยู่ไหนครับ เราต้องการเลือดด่วนจริงๆ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอันตรายต่อลูกของคุณได้”
“ตอนนี้เขาอยู่ต่างประเทศค่ะ” หญิงสาวตอบไปตามความจริง
“เด็กต้องการเลือดกรุ๊ปอะไรครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมเดินมาข้างหลังเธอ เขาได้ยินบทสนทนาพอดี
“กรุ๊ปB- ครับ”
“ผมเลือดกรุ๊ปนี้ เอาของผมไป” ชายหนุ่มพูดขึ้นทันที
หญิงสาวที่จะหันไปขอบคุณเขาเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มก็ตกใจมาก เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน ผู้ชายที่เธอหนีเขามาและไม่เคยเจอกันตั้งแต่วันนั้น
ด้านชายหนุ่มก็ตกใจไม่แพ้กันที่เห็นหญิงสาวที่เขาเฝ้านึกถึงมาหลายปีตอนนี้กลับอยู่ตรงหน้าเขาและอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ นี่มันอะไรกัน
“ยังไงขอเชิญคุณเข้าห้องบริจาคเลยครับ”
ชายหนุ่มที่เก็บความสงสัยทั้งหมดไว้ในใจรีบทำตามที่หมอบอกเพราะตอนนี้ชีวิตของเด็กน้อยสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
เมื่อชายหนุ่มบริจาคเลือดให้เด็กน้อยเสร็จเขาก็มานั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินดังเดิม ตอนนี้บรรยากาศชวนอึดอัดมากจนเคนยังรู้สึกได้
“ฉันขอบคุณมากนะคะที่ช่วยลูกสาวฉันไว้ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”หญิงสาวพูดพลางยกมือไหว้ขอบคุณ
ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าที่ดูเปล่งปลั่งและสวยขึ้นมากแม้ตอนนี้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยน้ำตาก็ตาม เมื่อสี่ปีก่อนว่าสวยแล้วแต่ตอนนี้กลับดูสวยยิ่งกว่าและดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น อาจจะเพราะมีลูกแล้วรึเปล่านะ
“ผมได้ยินคุณบอกว่าพ่อของลูกอยู่ต่างประเทศ” ชายหนุ่มเปิดประเด็นทันที เขาคิดว่าสิ่งที่เขาคิดอาจจะเป็นจริงก็ได้
“ค่ะ” หญิงสาวตอบเพียงสั้นๆ
“เคน ฉันขอเวลาส่วนตัวหน่อย” ชายหนุ่มบอกเลขาคนสนิททันที
“ครับ” เคนตอบรับพร้อมเดินออกไป
พลั่ก!! ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมาอีกครั้ง
“ตอนนี้ลูกของคุณปลอดภัยแล้วครับ เดี๋ยวทางเราจะย้ายไปห้องพักครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว หมอขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” หญิงสาวตอบออกไปพลางใจชื้นขึ้น อย่างน้อยตอนนี้ลูกสาวเธอก็ปลอดภัย เมื่อหมอเดินออกไปชายหนุ่มก็เปิดประเด็นอีกครั้ง
“คุณมีครอบครัวตอนไหน”
“แล้วทำไมฉันต้องตอบคุณ”
“ทำไมเมื่อสี่ปีก่อนคุณถึงหนีผมไป”
“มันเป็นแค่ความสัมพันธ์คืนเดียวและฉันก็ไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่แรก”
“แล้วคุณวางเงินให้ผมทำไม คุณหยามผมมากเลยนะ”
“ก็ฉันเห็นข้าวของในห้องเสียหายกลัวคุณจะต้องจ่ายค่าเสียหายหลายบาท ฉันก็เลยช่วยออกไง” หญิงสาวตอบออกตามที่เธอคิด เธอช่วยเขาออกเงินแล้วจะมาโกรธอะไรเธออีก
"หึ!" ชายหนุ่มแค่นหัวเราะออกมาพลางมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อในสิ่งที่เธอพูด
“ผมจะจ่ายทำไมในเมื่อผมเป็นเจ้าของที่นั่น”
“ห้ะ” หญิงสาวอุทานขึ้นอย่างตกใจ
“ฟังนะ ผมเป็นเจ้าของที่นั่นและผมมีห้างสรรพสินค้าที่นี่ ถ้าผมไม่มาที่ไทยก็คงไม่ได้เห็นอะไร อะไร ที่คุณกำลังปิดบังผมอยู่”
“ก็ใครจะไปรู้” หญิงสาวพึมพำออกมาเบาๆ
“เรื่องนั้นเคลียร์นะ มาคุยเรื่องฮันนี่กัน” ชายหนุ่มเปิดประเด็นต่อ
“ฮันนี่ทำไม แล้วคุณไปรู้จักลูกฉันได้ยังไงแล้วมาที่นี่ได้ยังไง” หญิงสาวรัวคำถามทันที ปกติฮันนี่ไม่คุยกับคนแปลกหน้าทำไมครั้งนี้ลูกสาวเธอจึงคุยและคนคนนั้นกลับเป็นเขา
“ผมเจอฮันนี่ที่ห้างเมื่อวาน เธอบอกว่าคุณแม่เธอเปิดร้านขนม ผมเลยแวะมาและไม่คิดว่าฮันนี่จะกำลังวิ่งจับผีเสื้ออยู่ริมถนน คุณเลี้ยงลูกประสาอะไร คุณเป็นแม่ภาษาอะไรปล่อยให้ลูกได้รับอันตราย ถ้าผมพาไม่เห็นและพาเธอมาโรงพยาบาลช้ากว่านี้ คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มตำหนิหญิงสาวทันที
“ฉันผิดเอง ฉันผิดจริงๆ ฉันประมาทเกินไปถ้าฉันเลี้ยงลูกให้ดีกว่านี้ลูกก็คงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ฮึก” หญิงสาวพูดออกมาพลางสะอื้นไห้จนชายหนุ่มที่เป็นคนตำหนิในตอนแรกเห็นแล้วก็แอบสงสาร
เมื่อเสียงสะอื้นสงบลงชายหนุ่มลองทบทวนคำพูดของเธอ พ่อของฮันนี่อยู่ต่างประเทศ เขาเลือดกรุ๊ปเดียวกับฮันนี่และฮันนี่หน้าคล้ายๆ เขาอย่างชัดเจน ถ้าเขาคิดไม่ผิดฮันนี่อาจจะเป็นลูกของเขา ถ้าเป็นแบบนั้นจริงทำไมหญิงสาวตรงหน้าต้องปิดบังเขาด้วย
“ผมคงไม่ต้องตรวจ DNA ผมกับฮันนี่อีกรอบใช่มั้ย”
“DNA อะไร ฮันนี่เป็นลูกของฉันแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“ผมจะคุยกับคุณดีๆ คุณจะตอบความจริงหรือจะให้ผมทำในสิ่งที่ผมควรทำ คุณควรตอบความจริงนะ ในเมื่อผมยังใจดีและคุณยังมีโอกาสที่จะพูด”
เมื่อหญิงสาวฟังคำขู่ของชายหนุ่มตรงหน้าก็ค่อนข้างกังวลในเมื่อเขารู้เรื่องลูกแล้วเขาอาจจะทำในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงได้ทุกเมื่อและเธอกลัวเขาจะพาฮันนี่ไป เธอจึงลอบกลืนน้ำลายและพูดความจริงออกมา
“ฮันนี่เป็นลูกของคุณ” หญิงสาวจำใจตอบออกไป
สามเดือนผ่านไป(เซนต์พีทบีช,ฟลอริด้า)กลิ่นอายของทะเลและลมร้อนจากแสงแดดปะทะผิวหน้าของหญิงสาวที่สวมชุดคลุมท้องสีขาวสะอาดตาดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากจากการตั้งครรภ์ ตอนนี้อายุครรภ์ของเธอเข้าสู่เดือนที่สี่แล้วเธอมองวิวทะเลตรงหน้าพลางนึกถึงชีวิตที่ผ่านมาที่แสนมีความสุขของเธอ หลังจากเธอออกจากโรงพยาบาลเพื่อนสาวที่เธอรักก็มาหาพร้อมบอกข่าวดีว่าจะย้ายมาอยู่อเมริกากับเธอส่วนร้านเบเกอรี่ก็ปิดลงแล้วมาเปิดที่นี่แทนทำให้เธอมีความสุขมากๆ เพราะทั้งคู่ชอบการทำขนมเป็นที่สุดและยิ่งได้มาอยู่ด้วยกันแล้วยิ่งดีไปใหญ่ส่วนฮันนี่ลูกสาวของเธอนั้นมีความสุขมากกว่าใคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่น้าสาวย้ายมาอยู่ด้วยหรือการที่เด็กน้อยจะมีน้องอีกคนไว้เป็นเพื่อนเล่น ฮันนี่มักจะมาคุยกับน้องในท้องอยู่บ่อยๆ จนผู้เป็นพ่อเอ่ยแซวว่าหนูน้อยเห่อน้องจนลืมพ่อคนในครอบครัวทุกคนต่างยินดีที่มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคน มัมกับแด๊ดบอกว่ายิ่งมีหลานเยอะยิ่งดีท่านจะได้ไม่เหงาและดูฤกษ์แต่งงานไว้ให้ทั้งคู่แล้วแต่ต้องรอรสาคลอดลูกก่อนส่วนฮิลล์หลังจากแพรมุกย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านก็จะเห็นคู่นี้กัดกันเป็นประจำจนคนในบ้านเอ่ยแซวว่าลูกคงจะดกหากสองคนนี้ลงเอยกัน
ช่วงบ่ายของวันเดียวกันรสาตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนหลับไปอย่างยาวนานเพราะความรู้สึกขมในคอพร้อมน้ำลายเหนียวหนืดเหมือนจะอาเจียนและความมึนหัวที่มาพร้อมๆกัน เธอจึงลุกขึ้นนั่งเพื่อไล่ความรู้สึกที่มีออกไปเผื่อว่าจะดีขึ้นแต่กลับรู้สึกถึงก้อนบางอย่างในลำคอที่ทำให้อยากอาเจียนออกมา“อึก...”เธอรีบวิ่งไปยังห้องน้ำแล้วโก่งคออาเจียนลงชักโครกอย่างหนักหน่วง“อึก..อ้วก อ้วก”เธออาเจียนออกมาจนร่างกายไร้เรี่ยวแรงเพราะวันนี้เธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เธอนั่งอาเจียนจนรู้สึกหน้ามืดแต่ไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้น จึงนั่งในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ด้านชายหนุ่มที่กลับมาจากทำงานเห็นลูกสาวเล่นอยู่กับพี่เลี้ยงจึงถามหาเมียของตนก็รู้ว่าเธอยังหลับอยู่และยังไม่ลงมาตั้งแต่เช้า มีแม่บ้านที่คอยเข้าไปดูเรื่อยๆ แต่ไม่อยากปลุกเพราะคิดว่าเธอต้องการพักผ่อนเมื่อทักทายพูดคุยกับลูกสาวเสร็จเขาก็รีบขึ้นไปหาเธอทันทีเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เจอหญิงสาวบนเตียงจึงเดินไปหาในห้องน้ำก็เห็นเธอฟุบนั่งอยู่หน้าชักโครกโดยมีอาการอ่อนแรงและหน้าตาซีดเซียว“คุณไม่สบายเหรอสา เป็นอะไรหรือเปล่า”เขาถามอย่างกังวล“ฉันเวียนหัว”เธอพูดด้วยเสียงอ่อนล้าแล้วโก่งคออาเจ
รุ่งเช้าหญิงสาวลืมตาขึ้นมาพร้อมดูเวลาก็เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้า เมื่อมองหาคนข้างกายก็พบแต่ความว่างเปล่าเธอจึงลงไปด้านล่างเพราะคิดว่าเขาน่าจะอยู่ห้องฟิตเนสอีกตามเคยเธอเดินเข้าไปก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่ไม่ได้สวมเสื้อเผยให้เห็นกล้ามและซิคแพกที่หน้าท้องพร้อมเหงื่อไหลลงมาน่ามอง เมื่อเขาเห็นหญิงสาวที่เดินเข้ามาพร้อมชุดนอนตัวบางจ้องมองเขาตาไม่กะพริบก็ถามขึ้น“อยากออกกำลังกายกับผมไหม”“ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นคุณ เลยลงมาดู”“คิดว่าผมหนีไปไหนเหรอ ฮึ เรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันหน่อยไหม”พูดจบฮาร์ฟก็เดินเข้ามาจนร่างของเขาและเธอแนบชิดกัน แม้เขาจะมีเหงื่อแต่เมื่อผสมกับฟีโรโมนในตัวชายกลับหอมอย่างน่าอัศจรรย์จากนั้นเขาก้มหน้าลงไปใกล้หญิงสาวพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“เอ่อ..เดี๋ยวมีใครมาเห็น”“ไม่ต้องกลัว”ฮาร์ฟว่าพลางกดปิดม่านและล็อกประตูทันทีแล้วรั้งเอวหญิงสาวแนบชิดร่างกำยำเขาอีกครั้งพร้อมก้มหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นสัมผัสกันและกัน“เช้าๆ มาออกกำลังกายกันเถอะ”เขาพูดเสียงแหบพร่าพร้อมกัดติ่งหูของหญิงสาวจนเธอขนลุกซู่จากนั้นริมฝีปากหนาก็ประกบจูบปากอวบอิ่มของเธออย่างหิวกระหาย ควานหาควา
“น้องเหรอคะ ฮันนี่อยากมีน้องค่ะแด๊ดดี้” หนูน้อยพูดออกมาอย่างตื่นเต้นทันที“ไม่แน่นายกำลังจะมีลูกอีกคนก็ได้นะครับ”เคนที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นมาสมทบฮาร์ฟเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมีความหวังพร้อมตื่นเต้น เขาอยากมีน้องให้ฮันนี่ตั้งนานแล้วเขาอยากมีลูกอีกสักคนเพื่อเป็นเพื่อนเล่นให้กับลูกสาว เขาคงต้องถามเธอเรื่องนี้แล้ว ชายหนุ่มคิดอย่างตื่นเต้นเมื่อฮาร์ฟรับประทานอาหารและพาฮันนี่เข้านอนเสร็จก็ยกอาหารขึ้นไปให้รสาพร้อมเรื่องที่อยากจะถามเธอหญิงสาวยังคงหลับอยู่เขาจึงปลุกเธอทันที รสาตื่นขึ้นมาพร้อมความงัวเงีย“ทานข้าวก่อนครับ”“ฉันไม่หิวค่ะ”“แต่คุณต้องทาน เอ่อ..สาครับผมถามอะไรหน่อย คุณท้องรึเปล่า”ฮาร์ฟถามออกไปอย่างตื่นเต้นพร้อมรอฟังคำตอบ หญิงสาวเมื่อได้ยินคำถามของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อยพลางครุ่นคิด“ไม่หรอกค่ะ ประจำเดือนฉันมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว” รสาตอบออกไป แต่ค่อนข้างแปลกที่มาแค่สองวันและมาน้อยมาก เธอจึงไม่คิดว่าตัวเองจะท้องไว้รอดูอีกสักพักแล้วกัน เธอไม่อยากให้ความหวังชายหนุ่มจึงตอบไปแบบนั้นฮาร์ฟเมื่อได้ยินดังนั้นก็ใจแป้วทันที เขานึกว่าฮันนี่จะมีน้องเสียแล้ว แต่ไม่เป็นไรยังไงสักวันก็ต้องมีอย
สามอาทิตย์ผ่านไปหลังจากรสาเคลียร์กับฮาร์ฟในคืนนั้นนี่ก็ผ่านมาสามอาทิตย์แล้ว เขาทำตัวดีขึ้นเรื่อยๆ กลับบ้านเร็วขึ้นและพาลูกเข้านอนเองทุกคืนจนฮันนี่ยิ้มแก้มปริทุกวันเธอดีใจที่แด๊ดดี้ของเธอมีเวลาให้แล้วช่วงนี้คุณปู่คุณย่าของหนูน้อยก็ไม่อยู่บ้านเพราะทั้งคู่ต้องไปทำธุระที่ต่างประเทศวันนี้เธอกับลูกสาวนัดกันว่าจะปลูกต้นไม้และดอกไม้ในสวนหลังบ้านเพราะอยากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์“ฮันนี่คะ ลูกต้องใส่ดินให้เต็มกระถางค่ะ ไม่งั้นต้นไม้จะไม่โตน๊า” รสาบอกลูกสาวเมื่อเห็นเธอใส่ดินไปแค่ครึ่งเดียว“ฮันนี่รับทราบค่า” หนูน้อยจึงตักดินใส่กระถางจนเต็มแล้วถามแม่เธอต่อ“หม่ามี๊ขา ต้นนี้คือต้นอะไรเหรอคะ”“อันนั้นเป็นดอกไม้ค่ะ ชื่อดอกทิวลิป”“มีความหมายไหมคะ”“อือออ..ดอกทิวลิปหมายถึงการตกหลุมรัก หลงใหลพร้อมที่จะปกป้องค่ะ”“ความหมายดีจังเลยค่ะ ฮันนี่ชอบ” หนูน้อยพูดเสียงเจื้อยแจ้ว“ดอกทิวลิปเปรียบเสมือนสิ่งที่แม่มอบให้ฮันนี่นะลูก แม่รักหนูตั้งแต่ที่รู้ว่ามีหนูอยู่ในท้องแล้วก็อยากปกป้องหนูในทุกๆเรื่อง เข้าใจไหมคะ”“ฮันนี่รักหม่ามี๊จังค่ะ รักแด๊ดดี้ด้วยรักคุณปู่คุณย่ารักทุกคนเลย” หนูน้อยพูดพลางตั้งใจปลูกต้นไม้ข
จากนั้นบดขยี้ริมฝีปากพร้อมส่งลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากนุ่ม ทั้งสองดูดดึงลิ้นกันอย่างไม่รู้จักเบื่อสร้างความร้อนรุ่มได้ดี“อื้มส์...อาส์”เสียงครางของเธอเร้าอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี เขาอยากจะกลืนกินเธอให้หมดทั้งตัว เมื่อหาความหวานในโพรงปากกันจนพอใจเขาเริ่มจัดการเสื้อผ้าของตนเองและหญิงสาวออกจนหมด บัดนี้ทั้งคู่ไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายแล้วเขาไล่มองใบหน้าที่งดงามลำคอเรียวสวยผิวกายขาวสะอาดเรียบเนียนของเธออย่างหลงใหล เธอเองก็มองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้าพร้อมหุ่นกำยำอย่างรักใคร่ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่งต่างฝ่ายต่างแสดงความรู้สึกผ่านสายตาให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกที่หลากหลาย ชายหนุ่มเริ่มลูบขาอ่อนเธอจนขนกายลุกซู่อีกครั้งแล้วโน้มตัวลงไปยังซอกคอหอมพร้อมนัวเนียขบกัดอย่างหยอกล้อเลื่อนลงมายังหน้าอกที่ขนาดล้นมือแล้วเคล้าคลึงจนหญิงสาวใต้ร่างซาบซ่านพร้อมหยอกล้อเม็ดไตที่ชูชัน“อาส์..อืมมม..”เสียงครางเล็ดลอดออกจากริมฝีปากบาง กระตุ้นอารมณ์เขาเป็นอย่างดี จากนั้นเขาเลื่อนมือลงมายังเอวคอดกิ่วผ่านหน้าท้องแบนราบไปยังเนินอวบอูมที่ปกคลุมด้วยเส้นไหมนุ่มสีดำแล้วลูบเคล้นจนฉ่ำแฉะ“ซี๊ด”แล้วส่งนิ