HAPPY CONDO
“เสร็จยังคะหม่ามี๊ น้ามุกคงรอฮันนี่แย่แล้ว”
“เสร็จแล้วค่ะ ดูในกระจกสิคะ สวยมั้ยเอ่ย”คุณแม่ยังสาวบอกลูกน้อยพร้อมให้เธอเดินไปดูตัวเองในกระจก หลังจากที่ตนเองแต่งตัวให้ลูกตัวน้อยเสร็จ
หนูน้อยฮันนี่ที่ตอนนี้อยู่ในชุดเจ้าหญิงที่เธอชอบพร้อมผูกผมดังโงะเผยให้เห็นแก้มกลมๆ ขาวๆ ยิ้มอย่างชอบใจ
“สวยจังเลยค่ะ สวยเหมือนหม่ามี๊ขาเลย”
หนูน้อยฮันนี่พูดออกมาแล้วยิ้มแก้มปริ พร้อมเอ่ยชมแม่ของเธออย่างปากหวาน
“อย่าดื้ออย่าซนกับน้ามุกนะคะ แล้วจำที่หม่ามี๊สอนได้ไหม”
“จำได้ค่า ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ไปไหนกับคนแปลกหน้า ถ้าหาน้ามุกไม่เจอให้เอาเบอร์ที่หม่ามี๊ใส่ไว้ในกระเป๋าให้คนอื่นโทรให้ค่า”หนูน้อยตอบออกมาในสิ่งที่คุณแม่เคยสอนไว้
หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างพอใจ เธอโชคดีที่ฮันนี่เป็นเด็กฉลาดและค่อนข้างเชื่อฟัง
“งั้นเราลงไปหาน้ามุกกันดีกว่าค่ะ”เธอกับแพรมุกพักกันคนละที่แต่ไม่ไกลกันมากนัก แพรมุกเธออยู่บ้านที่พ่อแม่ให้ไว้ ส่วนเธอซื้อคอนโดห้องขนาดกลางอยู่กับลูกสาวสองคนและที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ระบบความปลอดภัยก็ดี
“เย่ ไปค่า” สาวน้อยจูงมือคุณแม่ของเธอลงไปหาน้าสาวทันที
“ว้าวว เจ้าหญิงที่ไหนคะเนี่ย ทำไมน่ารักอย่างนี้” เมื่อแพรมุกเห็นสาวน้อยฮันนี่ก็เอ่ยทักขึ้นพร้อมยิ้มกว้างทันที
“เจ้าหญิงของหม่ามี๊กับน้ามุกไงคะ คิกๆ ” หนูน้อยเอ่ยขึ้น พลางหัวเราะชอบใจ
“พร้อมไปเที่ยวกันยังคะ”
“พร้อมมากค่า”
“งั้นไปกันเล้ย”
แพรมุกจูงมือหลานสาวสุดที่รักขึ้นรถเก๋งสีขาวของตนพร้อมขับออกไปทันที
เมื่อส่งลูกสาวตัวน้อยเสร็จ หญิงสาวก็เตรียมตัวไปเปิดร้านเบเกอรี่เช่นเดียวกัน
H.SUPERMARKET
เมื่อน้าสาวและหลานตัวน้อยมาถึงห้างสรรพสินค้าก็มุ่งหน้าไปยังบ้านของเล่นทันที หนูน้อยชอบที่นี่มาก เธอมีเพื่อนเล่นหลายคนและนานๆครั้งจะได้มาเพราะคุณแม่ของเธอต้องดูแลร้านเบเกอรี่
แต่ยังมีน้าสาวคนสวยที่หาโอกาสพาหนูน้อยมาแทน เธอเล่นอย่างสนุกสนานมีทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ จู่ๆ แพรมุกรู้สึกไม่สบายท้องคงเพราะส้มตำปูปลาร้าเมื่อคืนเป็นแน่ เธอจึงไปหาหลานพร้อมบอกว่าตนจะไปเข้าห้องน้ำอย่าหายไปไหนให้รอเธอและเล่นของเล่นไปก่อน เด็กน้อยรับปากและเล่นกับเพื่อนๆ ต่อ
ชายหนุ่มที่เดินสำรวจห้างสรรพสินค้าเดินมายังโซนเด็กเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยพลันสายตาไปสะดุดกับหนูน้อยคนหนึ่งที่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ เพราะเด็กคนอื่นเป็นคนไทย แต่หนูน้อยคนนี้ดูแล้วเหมือนเด็กต่างชาติ พอดูดีๆ เธอน่าจะเป็นลูกครึ่งมากกว่า ชายหนุ่มที่มาพร้อมเลขาคนสนิทหยุดดูอยู่ครู่หนึ่งจนเลขาแปลกใจจึงมองไปยังสิ่งที่เจ้านายเขากำลังมองอยู่
“ทำไมเหรอครับนาย”
“นายว่าเด็กคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ ไหม”
“เอ่อ...ก็คุ้นๆ นะครับ เหมือนเคยเห็นที่ไหน”
“ฉันก็ว่าฉันเคยเห็นที่ไหนนะ” ชายหนุ่มพูดพลางครุ่นคิดแล้วมองหน้าเลขา
“ผมนึกออกแล้วครับ”
“นายเคยเห็นที่ไหน”
“ก็ตรงหน้าผมไง” เลขาคนสนิทบอกพร้อมมองหน้าเจ้านาย จะว่าไปหน้าเจ้านายเขาก็คล้ายๆเด็กน้อยคนนั้นนะ
“แกพูดบ้าไรเคน จะเหมือนฉันได้ยังไงตลกละ” ชายหนุ่มเหวใส่เคนทันที
“นายว่าผมตลกเหรอ” เคนหันไปมองหน้าเจ้านายทันที ให้รับรู้ว่าเขาจริงจัง
เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็คิดว่าแล้วทำไมเขาต้องมาหยุดสนใจเด็กน้อยน่ารักคนนี้ด้วย ปกติเขาชอบเด็กเสียที่ไหนเล่า แต่เด็กคนนี้กลับสะดุดตาเขาตั้งแต่แรกเห็นเขาจึงเดินเข้าไปหาทันที
เฮ้!! เขาทักทายขึ้น ตอนแรกเด็กน้อยก็ไม่มีทีท่าจะสนใจจนเขาเรียกอีกครั้งเธอจึงเดินมาหาเขาอย่างระวังตัว
“หนูมากับใครเหรอ”
“มากับน้ามุกค่า” เด็กน้อยตอบออกไปอย่างไม่ไว้ใจ
“แล้วน้ามุกไปไหน”
“น้ามุกไปห้องน้ำค่ะ” สาวน้อยตอบพลางเอียงคอมองหน้าชายหนุ่มอย่างสงสัย
“คุณลุงมีอะไรเหรอคะ หม่ามี๊บอกว่าไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้าค่ะ”สาวน้อยตอบออกไปอย่างใสซื่อพร้อมมองชายหนุ่มตาแป๋ว
ไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า แต่น้าตัวดีดันปล่อยให้หลานอยู่คนเดียวเนี่ยนะ ถึงแม้ห้างของเขาจะเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยและยิ่งโซนเด็กจะเพิ่มความปลอดภัยเป็นสองเท่าก็เถอะ ยังไงก็ไม่ควรประมาทอยู่ดี
ชายหนุ่มคิดในใจพลางมองหน้าหนูน้อยอีกครั้ง นัยน์ตาสีเฮเซลนัทที่หายากทำให้เขานึกถึงสีตาของตนเอง เราช่างมีอะไรคล้ายๆ กันจัง แล้วเขารู้สึกถูกชะตากับหนูน้อยคนนี้ยิ่งนัก อยากจะหอมแก้มกลมๆ นั้นสักฟอดสองฟอด
“หนูไปกินเค้กมั้ย ลุงพาไป” ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้เขาถามไปแบบนั้น
“ไม่ค่ะ หนูกินเค้กจนเบื่อแล้ว หม่ามี๊กับน้ามุกเปิดร้านขนมด้วยค่ะ”
“จริงเหรอ ชื่อร้านอะไรล่ะ”
“หอมกรุ่นเบเกอรี่ค่ะ หม่ามี๊ทำขนมอร่อยที่สุดเลยค่ะ” เด็กน้อยพูดพลางยกนิ้วโป้งขึ้นมาเป็นเครื่องหมายว่าสุดยอด พร้อมยิ้มอย่างถูกใจ
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเผลอยิ้มตามอย่างลืมตัว
“ไว้ลุงจะไปอุดหนุนนะ แล้วนี่เราคุยกันตั้งนานแล้วยังไม่รู้จักชื่อกันเลย”
“หนูชื่อฮันนี่ค่ะ คุณลุงชื่ออะไรเหรอคะ”
“อ่า ลุงชื่อฮาร์ฟแล้วนี่ก็ลุงเคน” ชายหนุ่มว่าพลางบอกทั้งชื่อเขาและชื่อเลขาคนสนิทให้กับหนูน้อย เธอมองตามและพยักหน้ารับรู้
“ถ้างั้นฮันนี่ขอไปเล่นต่อนะคะ บายๆๆ”
เด็กน้อยบอกแล้วรีบวิ่งไปเล่นกับเพื่อนทันที ชายหนุ่มมองตามพร้อมความรู้สึกหลากหลาย
“พรุ่งนี้ตารางงานว่างใช่ไหม เคน”
“ครับนาย”
“เราไปร้านที่ฮันนี่บอกกัน”
“ได้ครับ” เลขาคนสนิทตอบรับพร้อมความแปลกใจ เจ้านายเขาคงไม่ได้อยากกินขนมหรอก...
สามเดือนผ่านไป(เซนต์พีทบีช,ฟลอริด้า)กลิ่นอายของทะเลและลมร้อนจากแสงแดดปะทะผิวหน้าของหญิงสาวที่สวมชุดคลุมท้องสีขาวสะอาดตาดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากจากการตั้งครรภ์ ตอนนี้อายุครรภ์ของเธอเข้าสู่เดือนที่สี่แล้วเธอมองวิวทะเลตรงหน้าพลางนึกถึงชีวิตที่ผ่านมาที่แสนมีความสุขของเธอ หลังจากเธอออกจากโรงพยาบาลเพื่อนสาวที่เธอรักก็มาหาพร้อมบอกข่าวดีว่าจะย้ายมาอยู่อเมริกากับเธอส่วนร้านเบเกอรี่ก็ปิดลงแล้วมาเปิดที่นี่แทนทำให้เธอมีความสุขมากๆ เพราะทั้งคู่ชอบการทำขนมเป็นที่สุดและยิ่งได้มาอยู่ด้วยกันแล้วยิ่งดีไปใหญ่ส่วนฮันนี่ลูกสาวของเธอนั้นมีความสุขมากกว่าใคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่น้าสาวย้ายมาอยู่ด้วยหรือการที่เด็กน้อยจะมีน้องอีกคนไว้เป็นเพื่อนเล่น ฮันนี่มักจะมาคุยกับน้องในท้องอยู่บ่อยๆ จนผู้เป็นพ่อเอ่ยแซวว่าหนูน้อยเห่อน้องจนลืมพ่อคนในครอบครัวทุกคนต่างยินดีที่มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคน มัมกับแด๊ดบอกว่ายิ่งมีหลานเยอะยิ่งดีท่านจะได้ไม่เหงาและดูฤกษ์แต่งงานไว้ให้ทั้งคู่แล้วแต่ต้องรอรสาคลอดลูกก่อนส่วนฮิลล์หลังจากแพรมุกย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านก็จะเห็นคู่นี้กัดกันเป็นประจำจนคนในบ้านเอ่ยแซวว่าลูกคงจะดกหากสองคนนี้ลงเอยกัน
ช่วงบ่ายของวันเดียวกันรสาตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนหลับไปอย่างยาวนานเพราะความรู้สึกขมในคอพร้อมน้ำลายเหนียวหนืดเหมือนจะอาเจียนและความมึนหัวที่มาพร้อมๆกัน เธอจึงลุกขึ้นนั่งเพื่อไล่ความรู้สึกที่มีออกไปเผื่อว่าจะดีขึ้นแต่กลับรู้สึกถึงก้อนบางอย่างในลำคอที่ทำให้อยากอาเจียนออกมา“อึก...”เธอรีบวิ่งไปยังห้องน้ำแล้วโก่งคออาเจียนลงชักโครกอย่างหนักหน่วง“อึก..อ้วก อ้วก”เธออาเจียนออกมาจนร่างกายไร้เรี่ยวแรงเพราะวันนี้เธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เธอนั่งอาเจียนจนรู้สึกหน้ามืดแต่ไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้น จึงนั่งในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ด้านชายหนุ่มที่กลับมาจากทำงานเห็นลูกสาวเล่นอยู่กับพี่เลี้ยงจึงถามหาเมียของตนก็รู้ว่าเธอยังหลับอยู่และยังไม่ลงมาตั้งแต่เช้า มีแม่บ้านที่คอยเข้าไปดูเรื่อยๆ แต่ไม่อยากปลุกเพราะคิดว่าเธอต้องการพักผ่อนเมื่อทักทายพูดคุยกับลูกสาวเสร็จเขาก็รีบขึ้นไปหาเธอทันทีเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เจอหญิงสาวบนเตียงจึงเดินไปหาในห้องน้ำก็เห็นเธอฟุบนั่งอยู่หน้าชักโครกโดยมีอาการอ่อนแรงและหน้าตาซีดเซียว“คุณไม่สบายเหรอสา เป็นอะไรหรือเปล่า”เขาถามอย่างกังวล“ฉันเวียนหัว”เธอพูดด้วยเสียงอ่อนล้าแล้วโก่งคออาเจ
รุ่งเช้าหญิงสาวลืมตาขึ้นมาพร้อมดูเวลาก็เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้า เมื่อมองหาคนข้างกายก็พบแต่ความว่างเปล่าเธอจึงลงไปด้านล่างเพราะคิดว่าเขาน่าจะอยู่ห้องฟิตเนสอีกตามเคยเธอเดินเข้าไปก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่ไม่ได้สวมเสื้อเผยให้เห็นกล้ามและซิคแพกที่หน้าท้องพร้อมเหงื่อไหลลงมาน่ามอง เมื่อเขาเห็นหญิงสาวที่เดินเข้ามาพร้อมชุดนอนตัวบางจ้องมองเขาตาไม่กะพริบก็ถามขึ้น“อยากออกกำลังกายกับผมไหม”“ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นคุณ เลยลงมาดู”“คิดว่าผมหนีไปไหนเหรอ ฮึ เรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันหน่อยไหม”พูดจบฮาร์ฟก็เดินเข้ามาจนร่างของเขาและเธอแนบชิดกัน แม้เขาจะมีเหงื่อแต่เมื่อผสมกับฟีโรโมนในตัวชายกลับหอมอย่างน่าอัศจรรย์จากนั้นเขาก้มหน้าลงไปใกล้หญิงสาวพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“เอ่อ..เดี๋ยวมีใครมาเห็น”“ไม่ต้องกลัว”ฮาร์ฟว่าพลางกดปิดม่านและล็อกประตูทันทีแล้วรั้งเอวหญิงสาวแนบชิดร่างกำยำเขาอีกครั้งพร้อมก้มหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นสัมผัสกันและกัน“เช้าๆ มาออกกำลังกายกันเถอะ”เขาพูดเสียงแหบพร่าพร้อมกัดติ่งหูของหญิงสาวจนเธอขนลุกซู่จากนั้นริมฝีปากหนาก็ประกบจูบปากอวบอิ่มของเธออย่างหิวกระหาย ควานหาควา
“น้องเหรอคะ ฮันนี่อยากมีน้องค่ะแด๊ดดี้” หนูน้อยพูดออกมาอย่างตื่นเต้นทันที“ไม่แน่นายกำลังจะมีลูกอีกคนก็ได้นะครับ”เคนที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นมาสมทบฮาร์ฟเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมีความหวังพร้อมตื่นเต้น เขาอยากมีน้องให้ฮันนี่ตั้งนานแล้วเขาอยากมีลูกอีกสักคนเพื่อเป็นเพื่อนเล่นให้กับลูกสาว เขาคงต้องถามเธอเรื่องนี้แล้ว ชายหนุ่มคิดอย่างตื่นเต้นเมื่อฮาร์ฟรับประทานอาหารและพาฮันนี่เข้านอนเสร็จก็ยกอาหารขึ้นไปให้รสาพร้อมเรื่องที่อยากจะถามเธอหญิงสาวยังคงหลับอยู่เขาจึงปลุกเธอทันที รสาตื่นขึ้นมาพร้อมความงัวเงีย“ทานข้าวก่อนครับ”“ฉันไม่หิวค่ะ”“แต่คุณต้องทาน เอ่อ..สาครับผมถามอะไรหน่อย คุณท้องรึเปล่า”ฮาร์ฟถามออกไปอย่างตื่นเต้นพร้อมรอฟังคำตอบ หญิงสาวเมื่อได้ยินคำถามของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อยพลางครุ่นคิด“ไม่หรอกค่ะ ประจำเดือนฉันมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว” รสาตอบออกไป แต่ค่อนข้างแปลกที่มาแค่สองวันและมาน้อยมาก เธอจึงไม่คิดว่าตัวเองจะท้องไว้รอดูอีกสักพักแล้วกัน เธอไม่อยากให้ความหวังชายหนุ่มจึงตอบไปแบบนั้นฮาร์ฟเมื่อได้ยินดังนั้นก็ใจแป้วทันที เขานึกว่าฮันนี่จะมีน้องเสียแล้ว แต่ไม่เป็นไรยังไงสักวันก็ต้องมีอย
สามอาทิตย์ผ่านไปหลังจากรสาเคลียร์กับฮาร์ฟในคืนนั้นนี่ก็ผ่านมาสามอาทิตย์แล้ว เขาทำตัวดีขึ้นเรื่อยๆ กลับบ้านเร็วขึ้นและพาลูกเข้านอนเองทุกคืนจนฮันนี่ยิ้มแก้มปริทุกวันเธอดีใจที่แด๊ดดี้ของเธอมีเวลาให้แล้วช่วงนี้คุณปู่คุณย่าของหนูน้อยก็ไม่อยู่บ้านเพราะทั้งคู่ต้องไปทำธุระที่ต่างประเทศวันนี้เธอกับลูกสาวนัดกันว่าจะปลูกต้นไม้และดอกไม้ในสวนหลังบ้านเพราะอยากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์“ฮันนี่คะ ลูกต้องใส่ดินให้เต็มกระถางค่ะ ไม่งั้นต้นไม้จะไม่โตน๊า” รสาบอกลูกสาวเมื่อเห็นเธอใส่ดินไปแค่ครึ่งเดียว“ฮันนี่รับทราบค่า” หนูน้อยจึงตักดินใส่กระถางจนเต็มแล้วถามแม่เธอต่อ“หม่ามี๊ขา ต้นนี้คือต้นอะไรเหรอคะ”“อันนั้นเป็นดอกไม้ค่ะ ชื่อดอกทิวลิป”“มีความหมายไหมคะ”“อือออ..ดอกทิวลิปหมายถึงการตกหลุมรัก หลงใหลพร้อมที่จะปกป้องค่ะ”“ความหมายดีจังเลยค่ะ ฮันนี่ชอบ” หนูน้อยพูดเสียงเจื้อยแจ้ว“ดอกทิวลิปเปรียบเสมือนสิ่งที่แม่มอบให้ฮันนี่นะลูก แม่รักหนูตั้งแต่ที่รู้ว่ามีหนูอยู่ในท้องแล้วก็อยากปกป้องหนูในทุกๆเรื่อง เข้าใจไหมคะ”“ฮันนี่รักหม่ามี๊จังค่ะ รักแด๊ดดี้ด้วยรักคุณปู่คุณย่ารักทุกคนเลย” หนูน้อยพูดพลางตั้งใจปลูกต้นไม้ข
จากนั้นบดขยี้ริมฝีปากพร้อมส่งลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากนุ่ม ทั้งสองดูดดึงลิ้นกันอย่างไม่รู้จักเบื่อสร้างความร้อนรุ่มได้ดี“อื้มส์...อาส์”เสียงครางของเธอเร้าอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี เขาอยากจะกลืนกินเธอให้หมดทั้งตัว เมื่อหาความหวานในโพรงปากกันจนพอใจเขาเริ่มจัดการเสื้อผ้าของตนเองและหญิงสาวออกจนหมด บัดนี้ทั้งคู่ไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายแล้วเขาไล่มองใบหน้าที่งดงามลำคอเรียวสวยผิวกายขาวสะอาดเรียบเนียนของเธออย่างหลงใหล เธอเองก็มองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้าพร้อมหุ่นกำยำอย่างรักใคร่ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่งต่างฝ่ายต่างแสดงความรู้สึกผ่านสายตาให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกที่หลากหลาย ชายหนุ่มเริ่มลูบขาอ่อนเธอจนขนกายลุกซู่อีกครั้งแล้วโน้มตัวลงไปยังซอกคอหอมพร้อมนัวเนียขบกัดอย่างหยอกล้อเลื่อนลงมายังหน้าอกที่ขนาดล้นมือแล้วเคล้าคลึงจนหญิงสาวใต้ร่างซาบซ่านพร้อมหยอกล้อเม็ดไตที่ชูชัน“อาส์..อืมมม..”เสียงครางเล็ดลอดออกจากริมฝีปากบาง กระตุ้นอารมณ์เขาเป็นอย่างดี จากนั้นเขาเลื่อนมือลงมายังเอวคอดกิ่วผ่านหน้าท้องแบนราบไปยังเนินอวบอูมที่ปกคลุมด้วยเส้นไหมนุ่มสีดำแล้วลูบเคล้นจนฉ่ำแฉะ“ซี๊ด”แล้วส่งนิ