“คุณก็หันมาทำธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสายดาร์กอีก โดยจ้างพวกเขาเป็นพนักงานบริษัท ให้พวกเขามีอาชีพสุจริตไงคะ หรือว่าคุณทำไม่ได้ ไม่เป็นไรค่ะ”“ได้ ๆ” เขารีบเชียว “ได้ ผมจะทำอย่างที่คุณบอก แต่ให้เวลาผมหน่อยนะ ผมจะพยายามเพื่อคุณ”“ขอบคุณค่ะ” คราวนี้เป็นเธอเองที่จูบปากเขา เขาได้ใจจึงจูบตอบอย่างดื่มด่ำ...บทส่งท้ายแสนหวานที่คฤหาสน์สีขาวริมทะเล...“ที่รัก...ผมต้องการคุณ” เขากับเธอกอดจูบกันอย่างเร่าร้อนรุนแรงขณะก้าวเข้าสู่ห้องนอนใหญ่บนชั้นสองของคฤหาสน์ ซึ่งหรูหราอลังการราวกับสวีตรูมของโรงแรมห้าดาว วิวนอกหน้าต่างราวภาพวาดของจิตกรชื่อดัง ภาพน้ำทะเสีฟ้าสดกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่มีเรือยอร์ชหลายลำลอยลำเหนือสันคลื่น“อือ....อื้อที่รัก” เมื่อประตูปิดสนิท เขาจัดการเลิกปลายกระโปรงของเธอขึ้น แล้วบดแก่นกายกลางลำตัวเข้าหารางนุ่มแนบชิด ตรึงร่างงามติดฝาผนัง รั้งวิญญาณเธอไว้ในวงแขนราวกับกลัวว่าเธอจะหนีหาย“อือ...ฉันก็ต้องการคุณค่ะ” สองลิ้นอุ่นจูบดูดดื่มแลกความหวานกันอย่างโหยหาคลั่งไคล้ ตวัดโรมรันราวกับหิวกระหายในรสสวาทแทบบ้า“อือ หอมเหลือเกินที่รัก” เสียงหอบหายใจกระสันผสมผสานกับเสียงครวญครางกระเ
“นี่ ทะลึ่ง!” เธอจะผละร่างออกไป แต่เขากลับกอดรั้งไว้แน่นกว่าเดิม บดความเป็นชายกระแทกเนินนิ่มคว่ำหน้าของเธออย่างทะเล้นซุกซน "คุณอัตต์!”“เรียกพี่นนท์เหมือนเดิมก็ได้” เขาทำเสียงอ้อน ก่อนจะก้มเข้าหาหน้าอกของเธอแล้วซบแนบความอบอุ่นที่โหยหา จูบหอมความอิ่มอวบอย่างทะนุถนอมอ่อนโยนละมุนละไม“ตกลงคุณยังจะแต่งงานกับยัยวีอยู่ใช่มั้ย?”เขาสะอึก เงยหน้ามองเธอด้วยสายตาวาว หากเขาเลือกผู้หญิงคนนั้น เขาต้องเสียผู้หญิงคนนี้ไปใช่มั้ย“การแต่งงานเป็นแค่ส่วนหนึ่งในแผน”“แต่ยัยวีไม่รู้อะไรด้วย คุณปล่อยยัยวีไม่ได้เหรอ อย่าทำอะไรยัยวีเลยนะ”เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบางอย่างได้“ถ้าผมยอมทำตามที่คุณบอก คุณจะยอมอยู่กับผมมั้ยล่ะ”เธออึ้งนิดหน่อย “หมายความว่า ฉันต้องอยู่กับคุณเพื่อแลกกับอิสรภาพของยัยวีอย่างนั้นเหรอ”แต่เขาอยากให้เธออยู่กับเขาเพราะอยากอยู่ เหมือนที่เขาอยากอยู่กับเธอ“ที่ผ่านมาผมทำผิดกับคุณมามาก ขอให้ผมได้ชดใช้ความผิดเถอะนะ อยู่กับผมนะมะลิ”“อยู่ในฐานะอะไรคะ เมียเก็บอย่างนั้นเหรอ”“ไม่ใช่อย่างนั้น”“ยัยวีจะคิดยังไง ถ้ารู้ว่าเราสองคนหักหลังเธอ”“ไม่รู้ล่ะ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้”“ทำไมคะ”“เพราะ...
เมื่อทำงานมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง เธอจึงเลือกเช่าอพาร์ตเม้นต์เป็นที่อยู่แทน เพราะมันสะดวกและปลอดภัยกว่าบ้านเช่ามากบ้านหลังน้อยอยู่ในรั้วที่ล้อมรอบด้วยสวนผลไม้ ในละแวกใกล้เคียงกันมีบ้านของชาวสวนอีกหลายหลังตั้งอยู่อย่างกระจัดกระจายทว่า เมื่อรถจอดตรงหน้ารั้วบ้านแล้วได้เห็นสภาพของบ้านหลังน้อยอย่างเต็มตา เขาร้องเหวขึ้นด้วยความตกใจ และอึ้งกิมกี่ “อ้าว! บ้านคุณเหลือแต่ซากนี่นา!!”“ใช่ค่ะ หลังจากพ่อฉันเสีย ไฟก็ไหม้บ้าน ฉันถึงต้องย้ายไปอยู่บ้านญาติไง”เขาหน้าเสีย “แล้วหลักฐานที่คุณบอกล่ะ”“ก็อยู่ที่นี่แหละ” เธอเล่าเหมือนไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอะไร “พ่อฉันฝังหีบใบหนึ่งไว้ที่ใต้ต้นกระท้อนหลังบ้านน่ะ ฉันเพิ่งคิดเรื่องนี้ออกก็ตอนที่รู้เรื่องคุณนั่นแหละ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าคิดถูกรึเปล่า เราต้องลองพิสูจน์ดู บางทีอาจจะเป็นแค่...เพชรนิลจินดาหรือไม่ก็มรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ฉันก็ได้!”ใบหน้าสวยลุ้น ดูมีความหวัง แต่เขากลับถอนหายใจอย่างหนักหน่วง“อืม ลองดู เผื่อเซ้นต์คุณจะเป็นจริง ผมหมายถึงเรื่องหลักฐานนะ ไม่ใช่มรดก” เขาตั้งท่าจะลงจากรถ เธอร้องห้ามเสียงหลงจนเขาชะงัก“คุณ! เดี๋ยวก่อน!”“อะไรอีกเล่า”
เขาตาลุกวาว พลิกร่างเธอกลับมาเผชิญหน้ากับเขา สองสายตาประสานกันนิ่งนาน กว่าที่เขาจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “จริงเหรอ ที่ไหน บอกผมมาสิ”เธอพยายามปั้นหน้านิ่ง เพื่อไม่ให้ดูตื่นเต้นเกินไปเมื่อได้ใกล้ชิดกับเขาอีกครั้ง“อืม...เอาเป็นว่าฉันจะบอกคุณ หลังจากที่คุณปล่อยตัวฉันไปแล้ว”เขาหรี่ตามองเธออย่างสงสัย “แล้วผมจะแน่ใจได้ไงว่าคุณจะไม่หักหลังผม”“ถ้าฉันหักหลังคุณ การฆ่าฉันมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนี่นา มาเฟียอย่างคุณจัดการเรื่องแบบนี้ง่ายจะตาย”เขาคงจะฆ่าเธอหรอก เขาจะฆ่าผู้หญิงที่เขารักได้ยังไงกัน เธอมันไม่รู้อะไรเลย“แต่คุณยังไม่ควรปรากฏตัวตอนนี้ เอาไว้ให้ตำรวจออกหมายจับยัยคุณนายดารินซะก่อน ตอนนี้ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ คิดว่าไม่น่าจะเกินสองสามวันนี้แหละ”“คุณดารินโดนจับหรือคะ ข้อหาอะไรคะ”“ทุจริตคอรัปชั่น แล้วก็...จ้างวานฆ่า...คุณไม่ใช่คนแรกหรอกมะลิ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกว่าที่เราคิดเยอะ”“โอว ไม่อยากจะเชื่อเลย ชีวิตเธอสมบูรณ์แบบมาก เป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาคนหนึ่ง”“แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้ว”“ฉันเดาว่าคุณเป็นคนรวบรวมหลักฐานส่งให้ตำรวจใช่มั้ยคะ และคุณกำลังจะล้มใครบางคนด้วยวิธีการเดี
“ฉันก็ไม่รู้หรอก ตอนนั้นฉันยังเด็ก”“แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าเป็นฝีมือใคร”“ไม่รู้สิคะ ฉันจะไปรู้ได้ไง ไม่ได้สนใจงานของพ่อเลย ไม่เคยรู้อะไรเลย”เขามีสีหน้ากังวล “งั้นมีสิ่งที่คุณต้องรู้ไว้อย่าง ส่วนหนึ่งที่คุณต้องมาอยู่ที่นี่ มันเป็นเพราะพ่อคุณ”“พ่อฉัน? หมายความว่าไงคะ”“เพราะพ่อคุณคือหนึ่งในคนร้ายที่เข้าไปสังหารครอบครัวของผมน่ะสิ”เธอไม่อยากจะเชื่อเลย “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”“พ่อคุณทำงานให้ใคร คิดดูสิ”แต่เธอไม่อยากจะคิด “หรือว่าผู้บงการคือ?”“เป็นไง ตอนนี้คงรู้แล้วสินะว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันคือเรื่องของ...เวรกรรม!”หลังจากโต้เถียงกันในครั้งนั้น เขาก็หายตัวไปเกือบสัปดาห์ โดยทิ้งคำสั่งให้ปลดกุญแจมือและโซ่ตรวนออกจากตัวเธอ แล้วกักตัวเธอไว้ในบริเวณบ้าน ห้ามเธอออกนอกเขตบ้านเด็ดขาดนับจากวันนั้น เธอก็ไม่ได้ข่าวและไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเขาอีกเลย เมื่อถามกับทรงกลดก็ได้คำตอบเหมือนเดิมนั่นคือ..“บอสยังติดงานอยู่ที่ฝั่งครับ”งานอะไรล่ะ...คงหนีไม่พ้นการแก้แค้นพวกที่ทำกับครอบครัวของเขาไว้นั้นล่ะ“ฉันอยากคุยกับเขาค่ะ พอจะติดต่อได้มั้ย”“ขอโทษด้วยครับคุณมะลิ บอสบอกว่าไม่อยากคุยกับคุณครับ”เธอห
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอคือยัยมะลิซ้อน เด็กสาวอ้วนกลมลูกสาวของดาบมงคล อดีตตำรวจที่มีส่วนร่วมในการสังหารคนในครอบครัวของเขาเมื่อยี่สิบปีก่อน คนที่มาเจอที่ซ่อนตัวของเขาแล้วลากตัวเขาออกไปทางสวนมะพร้าวด้านหลังบ้าน เพื่อหลบจากสายตาของคนในทีมฆ่า แล้วผลักเขาเข้าไปในป่ารกชัฏ“หนีไปซะ ไปให้ไกล แล้วอย่ากลับมาอีก” เขาจำประโยคนั้นได้ดี และยังจำขึ้นใจจนถึงตอนนี้อัตต์ยอมรับว่ารู้สึกผิดนิดหน่อยเมื่อได้รู้ความเป็นมาของเธอ แต่กระนั้นเขาก็แอบคิดว่าอย่างไรบิดาของเธอก็มีส่วนร่วมด้วย แม้จะไม่ได้ลงมือฆ่าใครเลยสักคนเดียว เขาก็ยังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ดี“ทำไมถึงช่วยเรานะ” อาจเป็นเพราะลึก ๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นคนชั่ว หรือไม่ก็เกิดนึกเวทนาสงสารเด็กขึ้นมาจึงทำไม่ลง ว่าแต่ลูกสาวของเขาล่ะ เธอจะรู้รึเปล่านะ ว่าบิดาเคยทำเรื่องร้ายแรงเอาไว้“เอาไป”เมื่อกลับมาถึงเกาะ เขาตรงไปหาเธอที่ห้องทันที แล้วโยนถุงใส่เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ให้เธออย่างหยาบหยามทำเหมือนไม่ใส่ใจ ทั้งที่ตั้งใจซื้อหามาให้เธอและคิดถึงเธอตลอดทั้งคืนที่หายไปเธอหยิบถุงใส่ของมาดู แล้วเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ฉันถามคุณจริง ๆ เถอะ คุณทำแบบนี้ทำไม ฉัน