“พ่อแม่คิดยังไงหนูไม่สน หนูรักแดดดี้ค่ะ หนูอยากเป็นเมียแดดดี้ อยากเป็นที่รักของแดดดี้คนเดียว”
นาธานมองหน้าสาวน้อยด้วยใจสั่นพร่า ความรักก่อตัวในหัวใจจนเกินที่จะระงับไหวแล้ว “แต่หนูก็ยังเด็กมากนะคนดี หนูยังต้องเจอคนอีกมากมาย แด๊ดก็แค่คนแก่คนหนึ่ง แถมนิสัยไม่ดีด้วย”
“หนูไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นไง แต่ตอนนี้หนูรักแดดดี้มาก มากที่สุดในโลกเลย เพราะงั้น หนูไม่สนทั้งเรื่องสถานะ อายุ หรือแม้แต่ความผิดความถูกบ้าบออะไรทั้งนั้น หนูรักแดดดี๊มาตั้งแต่เกิดแล้ว แดดดี้ก็รู้”
“ถ้าพ่อหนูรู้ว่าแด๊ด...”
ริมฝีปากอ่อนนุ่มประกบปากเขาแล้วจูบอย่างอ่อนหวาน โหยหา “ถ้าแดดดี้ไม่สบายใจ เราแอบคบกันไปก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าหนูบรรลุนิติภาวะเมื่อไหร่ เราก็ค่อยบอกพ่อกับแม่ตอนนั้น โอเคมั้ยคะ”
ประธานใหญ่ของบริษัท แบดบอยด์ตัวพ่อ เสือร้ายที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนกำราบได้ แต่เขากลับพ่ายให้กับเด็กสาววัยสิบแปด เจ้าหล่อนสามารถควบคุมหัวใจของเขาได้ สามารถบงการเขาได้ทุกอย่าง
“อืม โอเคก็ได้ ตื๊อเก่งจริงนะเรา” เรียกว่า...แค่เห็นหน้าเขาก็ยอมเธอหมดแล้ว ถึงเจ้าหล่อนไม่ตื๊อ สักวันความรักที่เขามีต่อเธอจะต้องระเบิดออกมาอยู่ดี
“เราเป็นเนื้อคู่กันนะคะแดดดี้ เราอย่าฝืนพรหมลิขิตเลย”
เขายิ้มขำให้กับความช่างยั่ว “รู้ได้ไง”
“เพราะเรารักกันไงคะ”
“หนูษา”
“คืนนี้เรามีเซ็กส์กันนะคะ”
“หนูษา พูดอะไรเนี่ย แก่แดดจริง”
“พูดจริงค่ะ ก็เราเป็นแฟนกันแล้ว หนูอยากเป็นของแดดดี๊ ทั้งตัวและหัวใจ” สาวน้อยก้มลงจูบปากพ่อทูนหัวสุดที่รักอย่างเว้าวอน ออดอ้อนจนชายวัยห้าสิบต้านแรงรักแรงอ้อนไม่ไหว ขยับริมฝีปากจูบตอบอย่างเร่าร้อน กระหืดกระหายตามแรงเร้าในอารมณ์กระสันซ่าน “อืออ อือออ แดดดี้ขา...หนูรักแดดดี้ม๊ากมาก”
“โอววว” ทั้งคู่กอดจูบนัวเนียกันบนโซฟาอย่างสุขสมอารมณ์รัก ทั้งจูบหอมเคล้าคลอและบดเบียดเล้าโลมไปตามแรงเร้าของหัวใจปรารถนา “อ่า...แด๊ดขา”
“อือ หวานเหลือเกินเบบี๋” นาธานกระหน่ำจูบริมฝีปากอิ่มและแก้มแดงสวยพลางกระซิบกระซาบ “อย่าทำให้แด๊ดควบคุมตัวเองไม่อยู่นะ แด๊ดไม่อยากให้หนูเสียหาย...ที่รัก”
“แดดดี้ต้องเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวของหนูค่ะ เพราะงั้น ถึงไม่ใช่วันนี้ ก็ต้องวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้...”
นาธานอดใจไม่ไหว ก้มลงประกบปากจูบสาวน้อยอย่างคลั่งใคล้ ขมเม้มบดเคลื่อน แล้วทะล้วงลิ้นเข้าไปในโพรงปากฉอเลาะ ตวัดลิ้นพันพัวนัวเนีย ดูดดุนสูบซดความหวานของกันและกันอย่างโหยหา...
“คุณก็หันมาทำธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสายดาร์กอีก โดยจ้างพวกเขาเป็นพนักงานบริษัท ให้พวกเขามีอาชีพสุจริตไงคะ หรือว่าคุณทำไม่ได้ ไม่เป็นไรค่ะ”“ได้ ๆ” เขารีบเชียว “ได้ ผมจะทำอย่างที่คุณบอก แต่ให้เวลาผมหน่อยนะ ผมจะพยายามเพื่อคุณ”“ขอบคุณค่ะ” คราวนี้เป็นเธอเองที่จูบปากเขา เขาได้ใจจึงจูบตอบอย่างดื่มด่ำ...บทส่งท้ายแสนหวานที่คฤหาสน์สีขาวริมทะเล...“ที่รัก...ผมต้องการคุณ” เขากับเธอกอดจูบกันอย่างเร่าร้อนรุนแรงขณะก้าวเข้าสู่ห้องนอนใหญ่บนชั้นสองของคฤหาสน์ ซึ่งหรูหราอลังการราวกับสวีตรูมของโรงแรมห้าดาว วิวนอกหน้าต่างราวภาพวาดของจิตกรชื่อดัง ภาพน้ำทะเสีฟ้าสดกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่มีเรือยอร์ชหลายลำลอยลำเหนือสันคลื่น“อือ....อื้อที่รัก” เมื่อประตูปิดสนิท เขาจัดการเลิกปลายกระโปรงของเธอขึ้น แล้วบดแก่นกายกลางลำตัวเข้าหารางนุ่มแนบชิด ตรึงร่างงามติดฝาผนัง รั้งวิญญาณเธอไว้ในวงแขนราวกับกลัวว่าเธอจะหนีหาย“อือ...ฉันก็ต้องการคุณค่ะ” สองลิ้นอุ่นจูบดูดดื่มแลกความหวานกันอย่างโหยหาคลั่งไคล้ ตวัดโรมรันราวกับหิวกระหายในรสสวาทแทบบ้า“อือ หอมเหลือเกินที่รัก” เสียงหอบหายใจกระสันผสมผสานกับเสียงครวญครางกระเ
“นี่ ทะลึ่ง!” เธอจะผละร่างออกไป แต่เขากลับกอดรั้งไว้แน่นกว่าเดิม บดความเป็นชายกระแทกเนินนิ่มคว่ำหน้าของเธออย่างทะเล้นซุกซน "คุณอัตต์!”“เรียกพี่นนท์เหมือนเดิมก็ได้” เขาทำเสียงอ้อน ก่อนจะก้มเข้าหาหน้าอกของเธอแล้วซบแนบความอบอุ่นที่โหยหา จูบหอมความอิ่มอวบอย่างทะนุถนอมอ่อนโยนละมุนละไม“ตกลงคุณยังจะแต่งงานกับยัยวีอยู่ใช่มั้ย?”เขาสะอึก เงยหน้ามองเธอด้วยสายตาวาว หากเขาเลือกผู้หญิงคนนั้น เขาต้องเสียผู้หญิงคนนี้ไปใช่มั้ย“การแต่งงานเป็นแค่ส่วนหนึ่งในแผน”“แต่ยัยวีไม่รู้อะไรด้วย คุณปล่อยยัยวีไม่ได้เหรอ อย่าทำอะไรยัยวีเลยนะ”เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบางอย่างได้“ถ้าผมยอมทำตามที่คุณบอก คุณจะยอมอยู่กับผมมั้ยล่ะ”เธออึ้งนิดหน่อย “หมายความว่า ฉันต้องอยู่กับคุณเพื่อแลกกับอิสรภาพของยัยวีอย่างนั้นเหรอ”แต่เขาอยากให้เธออยู่กับเขาเพราะอยากอยู่ เหมือนที่เขาอยากอยู่กับเธอ“ที่ผ่านมาผมทำผิดกับคุณมามาก ขอให้ผมได้ชดใช้ความผิดเถอะนะ อยู่กับผมนะมะลิ”“อยู่ในฐานะอะไรคะ เมียเก็บอย่างนั้นเหรอ”“ไม่ใช่อย่างนั้น”“ยัยวีจะคิดยังไง ถ้ารู้ว่าเราสองคนหักหลังเธอ”“ไม่รู้ล่ะ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้”“ทำไมคะ”“เพราะ...
เมื่อทำงานมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง เธอจึงเลือกเช่าอพาร์ตเม้นต์เป็นที่อยู่แทน เพราะมันสะดวกและปลอดภัยกว่าบ้านเช่ามากบ้านหลังน้อยอยู่ในรั้วที่ล้อมรอบด้วยสวนผลไม้ ในละแวกใกล้เคียงกันมีบ้านของชาวสวนอีกหลายหลังตั้งอยู่อย่างกระจัดกระจายทว่า เมื่อรถจอดตรงหน้ารั้วบ้านแล้วได้เห็นสภาพของบ้านหลังน้อยอย่างเต็มตา เขาร้องเหวขึ้นด้วยความตกใจ และอึ้งกิมกี่ “อ้าว! บ้านคุณเหลือแต่ซากนี่นา!!”“ใช่ค่ะ หลังจากพ่อฉันเสีย ไฟก็ไหม้บ้าน ฉันถึงต้องย้ายไปอยู่บ้านญาติไง”เขาหน้าเสีย “แล้วหลักฐานที่คุณบอกล่ะ”“ก็อยู่ที่นี่แหละ” เธอเล่าเหมือนไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอะไร “พ่อฉันฝังหีบใบหนึ่งไว้ที่ใต้ต้นกระท้อนหลังบ้านน่ะ ฉันเพิ่งคิดเรื่องนี้ออกก็ตอนที่รู้เรื่องคุณนั่นแหละ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าคิดถูกรึเปล่า เราต้องลองพิสูจน์ดู บางทีอาจจะเป็นแค่...เพชรนิลจินดาหรือไม่ก็มรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ฉันก็ได้!”ใบหน้าสวยลุ้น ดูมีความหวัง แต่เขากลับถอนหายใจอย่างหนักหน่วง“อืม ลองดู เผื่อเซ้นต์คุณจะเป็นจริง ผมหมายถึงเรื่องหลักฐานนะ ไม่ใช่มรดก” เขาตั้งท่าจะลงจากรถ เธอร้องห้ามเสียงหลงจนเขาชะงัก“คุณ! เดี๋ยวก่อน!”“อะไรอีกเล่า”
เขาตาลุกวาว พลิกร่างเธอกลับมาเผชิญหน้ากับเขา สองสายตาประสานกันนิ่งนาน กว่าที่เขาจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “จริงเหรอ ที่ไหน บอกผมมาสิ”เธอพยายามปั้นหน้านิ่ง เพื่อไม่ให้ดูตื่นเต้นเกินไปเมื่อได้ใกล้ชิดกับเขาอีกครั้ง“อืม...เอาเป็นว่าฉันจะบอกคุณ หลังจากที่คุณปล่อยตัวฉันไปแล้ว”เขาหรี่ตามองเธออย่างสงสัย “แล้วผมจะแน่ใจได้ไงว่าคุณจะไม่หักหลังผม”“ถ้าฉันหักหลังคุณ การฆ่าฉันมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนี่นา มาเฟียอย่างคุณจัดการเรื่องแบบนี้ง่ายจะตาย”เขาคงจะฆ่าเธอหรอก เขาจะฆ่าผู้หญิงที่เขารักได้ยังไงกัน เธอมันไม่รู้อะไรเลย“แต่คุณยังไม่ควรปรากฏตัวตอนนี้ เอาไว้ให้ตำรวจออกหมายจับยัยคุณนายดารินซะก่อน ตอนนี้ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ คิดว่าไม่น่าจะเกินสองสามวันนี้แหละ”“คุณดารินโดนจับหรือคะ ข้อหาอะไรคะ”“ทุจริตคอรัปชั่น แล้วก็...จ้างวานฆ่า...คุณไม่ใช่คนแรกหรอกมะลิ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกว่าที่เราคิดเยอะ”“โอว ไม่อยากจะเชื่อเลย ชีวิตเธอสมบูรณ์แบบมาก เป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาคนหนึ่ง”“แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้ว”“ฉันเดาว่าคุณเป็นคนรวบรวมหลักฐานส่งให้ตำรวจใช่มั้ยคะ และคุณกำลังจะล้มใครบางคนด้วยวิธีการเดี
“ฉันก็ไม่รู้หรอก ตอนนั้นฉันยังเด็ก”“แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าเป็นฝีมือใคร”“ไม่รู้สิคะ ฉันจะไปรู้ได้ไง ไม่ได้สนใจงานของพ่อเลย ไม่เคยรู้อะไรเลย”เขามีสีหน้ากังวล “งั้นมีสิ่งที่คุณต้องรู้ไว้อย่าง ส่วนหนึ่งที่คุณต้องมาอยู่ที่นี่ มันเป็นเพราะพ่อคุณ”“พ่อฉัน? หมายความว่าไงคะ”“เพราะพ่อคุณคือหนึ่งในคนร้ายที่เข้าไปสังหารครอบครัวของผมน่ะสิ”เธอไม่อยากจะเชื่อเลย “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”“พ่อคุณทำงานให้ใคร คิดดูสิ”แต่เธอไม่อยากจะคิด “หรือว่าผู้บงการคือ?”“เป็นไง ตอนนี้คงรู้แล้วสินะว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันคือเรื่องของ...เวรกรรม!”หลังจากโต้เถียงกันในครั้งนั้น เขาก็หายตัวไปเกือบสัปดาห์ โดยทิ้งคำสั่งให้ปลดกุญแจมือและโซ่ตรวนออกจากตัวเธอ แล้วกักตัวเธอไว้ในบริเวณบ้าน ห้ามเธอออกนอกเขตบ้านเด็ดขาดนับจากวันนั้น เธอก็ไม่ได้ข่าวและไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเขาอีกเลย เมื่อถามกับทรงกลดก็ได้คำตอบเหมือนเดิมนั่นคือ..“บอสยังติดงานอยู่ที่ฝั่งครับ”งานอะไรล่ะ...คงหนีไม่พ้นการแก้แค้นพวกที่ทำกับครอบครัวของเขาไว้นั้นล่ะ“ฉันอยากคุยกับเขาค่ะ พอจะติดต่อได้มั้ย”“ขอโทษด้วยครับคุณมะลิ บอสบอกว่าไม่อยากคุยกับคุณครับ”เธอห
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอคือยัยมะลิซ้อน เด็กสาวอ้วนกลมลูกสาวของดาบมงคล อดีตตำรวจที่มีส่วนร่วมในการสังหารคนในครอบครัวของเขาเมื่อยี่สิบปีก่อน คนที่มาเจอที่ซ่อนตัวของเขาแล้วลากตัวเขาออกไปทางสวนมะพร้าวด้านหลังบ้าน เพื่อหลบจากสายตาของคนในทีมฆ่า แล้วผลักเขาเข้าไปในป่ารกชัฏ“หนีไปซะ ไปให้ไกล แล้วอย่ากลับมาอีก” เขาจำประโยคนั้นได้ดี และยังจำขึ้นใจจนถึงตอนนี้อัตต์ยอมรับว่ารู้สึกผิดนิดหน่อยเมื่อได้รู้ความเป็นมาของเธอ แต่กระนั้นเขาก็แอบคิดว่าอย่างไรบิดาของเธอก็มีส่วนร่วมด้วย แม้จะไม่ได้ลงมือฆ่าใครเลยสักคนเดียว เขาก็ยังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ดี“ทำไมถึงช่วยเรานะ” อาจเป็นเพราะลึก ๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นคนชั่ว หรือไม่ก็เกิดนึกเวทนาสงสารเด็กขึ้นมาจึงทำไม่ลง ว่าแต่ลูกสาวของเขาล่ะ เธอจะรู้รึเปล่านะ ว่าบิดาเคยทำเรื่องร้ายแรงเอาไว้“เอาไป”เมื่อกลับมาถึงเกาะ เขาตรงไปหาเธอที่ห้องทันที แล้วโยนถุงใส่เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ให้เธออย่างหยาบหยามทำเหมือนไม่ใส่ใจ ทั้งที่ตั้งใจซื้อหามาให้เธอและคิดถึงเธอตลอดทั้งคืนที่หายไปเธอหยิบถุงใส่ของมาดู แล้วเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ฉันถามคุณจริง ๆ เถอะ คุณทำแบบนี้ทำไม ฉัน