"แหะๆ อาเล็กไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครเขาเข้ามาหรอก คุณวางใจได้เลยนะ!"เมื่อเห็นถังรั่วเสวี่ยเดินเข้ามา หลินเฟยก็เผยรอยยิ้มที่แสนจะเจ้าเล่ห์ออกมา"พอดีเลยครับ พี่สะใภ้ดูเหมือนจะไม่ไหวแล้ว อาเล็ก เดี๋ยวต้องรบกวนคุณด้วยนะครับ!"ถังรั่วเสวี่ยรู้ดีว่า สิ่งที่หลินเฟยเรียกว่าการรบกวนนั้นมันคืออะไรจากนั้นเธอก็ถ่มน้ำลายด้วยความเขินอายขึ้นมาทันที"ถุย ฝันไปเถอะ"แม้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่ผู้หญิงสองคนนั้นกลับถูกหลินเฟยพาเข้าไปในคลินิกอย่างนุ่มนวลในที่สุดจากนั้นก็ปิดประตูเอาไว้อย่างแน่นหนาหลินเฟยปิดกั้นพานเสี่ยวเหลียนและถังรั่วเสวี่ยเอาไว้ด้านในและถังรั่วเสวี่ยก็ไม่รู้สึกละอายอีกต่อไป ตั้งแต่ได้ต่อสู้พร้อมกับพานเสี่ยวเหลียนและหลินเฟยในครั้งก่อนมาแล้วในทางตรงกันข้าม เธอก็กลับรู้สึกเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก"แหะๆ ไม่ว่าจะยังไงวันนี้พวกคุณสองคนก็ออกไปไม่ได้อยู่แล้ว"หลินเฟยนำชุดชั้นในเซ็กซี่ออกมาอย่างรวดเร็ว"อาเล็ก คุณก็เปลี่ยนด้วยสิ"ถังรั่วเสวี่ยฮึมฮัมออกมา ดูเหมือนจะไม่เต็มใจแต่ก็กลับยอมจำนนในชะตากรรม ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอของเพื่อนสนิทของเธอ เธอกับหลินเฟยก็คงไม่มีอะไรเกี่ยว
"อะไรนะ?"หลินเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้ตอบสนองกลับมาได้เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ซูเสี่ยวโหรวจะถามคำถามแบบนี้กับเขาขึ้นมารอยยิ้มได้ผุดขึ้นมาจากมุมปากของหลินเฟย พร้อมกับพูดอย่างภาคภูมิใจขึ้นมาว่า"ไม่เหนื่อยหรอก เรื่องนี้จะเหนื่อยได้ยังไง ต่อให้ต้องต่อสู้สิบวันสิบคืน ผมก็ไม่รู้สึกเหนื่อยหรอกนะ"ซูเสี่ยวโหรวปิดปากเล็กๆ ของเธอด้วยความตื่นตระหนก"มัน…มันเป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง"สำหรับเรื่องนี้แล้ว ผู้ชายมักจะคุยโวโอ้อวดอยู่เสมอๆและในเรื่องนี้ ซูเสี่ยวโหรวก็เข้าใจดี เพียงแต่ว่าเธอได้ยินความเคลื่อนไหวมากับหูของตัวเองเท่านั้นหลินเฟยยังคงดูกระตือรือร้น และกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมากเห็นได้ชัดว่าหลินเฟยยังคงมีพละกำลังในการต่อสู้มาก เขาน่าจะไม่ได้คุยโวโอ้อวดอย่างที่คิดเอาไว้แต่นั่นมันน่ากลัวเกินไป และดูโอเว่อร์เกินไปด้วยเมื่อมองเห็นรอยคล้ำใต้ตาที่หนักหน่วงของซูเสี่ยวโหรว หลินเฟยก็ได้พูดเตือนขึ้นมาว่า"จริงดูสิพี่เสี่ยวโหรว ตอนนี้จ้าวลู่ลู่ยังไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอาเล็กและพี่สะใภ้""ดังนั้น รบกวนคุณอย่าได้พูดออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าพูดหลุดปาก ให้ลู่ลู่รู้ได้ล่ะ"
การที่นักธุรกิจระดับซูไห่เทาจะสุภาพกับหลินเฟยได้ขนาดนี้ มันก็เป็นเรื่องยากด้วยเช่นกันเกรงว่าคงไม่ใช่เพียงเพราะกู้เหวินปี้รู้วิธีการและความแข็งแกร่งของหลินเฟยเท่านั้น แต่เบื้องหลังนั้น น่ากลัวว่าคงเป็นผลมาจากคำยกยอปอปั้นเขาของซูเฉี่ยนเสวี่ยที่มีต่อพ่อของเธออย่างแน่นอนไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ซูเฉี่ยนเสวี่ยก็ถือได้ว่าเคยนอนกับหลินเฟยมาแล้วสำหรับมารยาทที่ซูไห่เทามีให้ เขาก็ต้องตอบสนองกลับไปด้วยเช่นกันใบหน้าของหลินเฟยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับพูดอย่างถ่อมตัวขึ้นมาว่า"ฮ่าฮ่า พี่ซูกับคุณกู้ก็พูดเกินไปครับ ท่านประธานซูอย่าได้ใส่ใจเลยนะครับ"เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ซูไห่เทาก็ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้สึกตัวและดูเหมือนว่า เขาจะเชื่อใจคำพูดของหลินเฟยจริงๆซึ่งซูเฉี่ยนเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็ลุกขึ้นมาทันที พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า"ไม่ได้พูดเกินไปเลยนะ เห็นได้ชัดว่าคุณมีพลังมาก!"ซูเฉี่ยนเสวี่ยยังคงเชื่อใจหลินเฟยเป็นอย่างมาก และดวงตาของเธอก็มีความอบอุ่นเล็กน้อยเมื่อมองมาที่เขา"หลินเฟย หากเราทำกำไรได้มากในครั้งนี้ คุณวางใจได้ เราจะตอบแทนคุณงามๆ อย่างแน่นอน ไม่ให้คุณกลับบ้านไปมือเปล่าหรอกนะ"หลินเฟย
ด้วยการยืนกรานของซูไห่เทา หลินเฟยก็ไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป พร้อมกับตอบตกลงในที่สุดหลินเฟยกำลังจะเข้าร่วมในการประชุมซื้อขายหินหยกหยาบนี้แทนซูไห่เทา ซึ่งมันทำให้กู้เหวินปี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเขากำหมัดเอาไว้แน่น พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า"ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ คุณหลินสามารถออกมารับมือได้แบบนี้ ผมยังสามารถเรียนรู้ทักษะได้อีกด้วย มันช่างเป็นโอกาสการเรียนรู้ที่หาได้ยากเสียจริงๆ"โดยซูไห่เทาก็มีความตั้งใจเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน"วางใจได้ ฉันจะให้โอกาสพวกนายแน่นอน หลังจากเริ่มการซื้อขายแล้ว เสี่ยวเสวี่ยและเหวินปี้ก็เข้าไปเป็นเพื่อนคุณหลินด้วยสิ"ซึ่งกู้เหวินปี้และซูเฉี่ยนเสวี่ยจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน ทั้งสองพยักหน้าตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกันภายใต้การนำพาของซูไห่เทาหลินเฟยก็ได้เข้าไปในสถานที่ประชุมซื้อขายหินหยกหยาบพื้นที่จัดงานมีขนาดใหญ่มากตั้งอยู่บนจัตุรัสอันกว้างใหญ่ภายในงานปูพรมแดง และจัดให้มีที่นั่งสบายๆ จำนวนมากและเหล่าบรรดาแขกเหรื่อที่มาซื้อขายหินหยกหยาบนั้นต่างก็มาจากทั่วทุกสารทิศภายในนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่คับคั่ง ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมากการประชุมซื้อขายในครั้งนี้มีขนาดใหญ่มาก
คนกลุ่มนี้อยู่ในสภาพที่น่าอนาถเป็นอย่างมาก หากไม่ได้สวมเสื้อผ้าสีสันสดใส ไม่อย่างนั้นแล้ว ใครเขาคงคิดว่าพวกนั้นบาดเจ็บสาหัสและเพิ่งออกมาจากสนามรบอย่างแน่นอนโดยมีเพียงชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเย็นชาที่หลินเฟยไม่เคยพบเจอมาก่อน ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความสงบซึ่งจมูกจะงอยนกอินทรีและดวงตาที่แหลมคมนั้น ราวกับดวงตาสามเหลี่ยมที่สามารถมองทะลุทุกสิ่งได้ พร้อมกับฉายแววออกมาเป็นครั้งเป็นคราวและเขาก็กวาดสายตามาที่หลินเฟยอย่างไม่รู้ตัวโดยสายตานั้นได้แสดงความเมินเฉยออกมาอย่างเห็นได้ชัดและเขาก็คือหลี่เฉวียนเฟิงผู้ประเมินราคาหินหยกที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการเชื้อเชิญมาจากจางเฉวียนเซิ่งนั่นเองซึ่งนั่นก็คือไพ่เด็ดและที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ของเขาไปโดยปริยายหลังจากที่หลี่เฉวียนเฟิงได้ชำเลืองไปเห็นหลินเฟยแล้วนั้น เขาก็หันกลับและไม่มองอีกต่อไป เพียงแต่ส่งเสียงเหยียดหยาม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มอย่างหลินเฟยจะเทียบความสามารถกับเขาได้ฉินฟางใส่อุปกรณ์ดามคอเอาไว้ และทำได้เพียงหันไปข้างๆ เล็กน้อยเท่านั้นแต่เธอก็สามารถจำหลินเฟยได้ในทันทีและเธอก็พูดอย่างตื่นตระหนกขึ้นมาว่า "ให้ตายเถอะ นั่นเด็ก
"มันเนี่ยนะ? ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่น มีปัญหาดูหินด้วย? นี่มันจะตลกกันไปใหญ่ละ"จางซื่อเฉวียนพูดด้วยสีหน้าที่เมินเฉย"ฉันไม่สนใจหรอกนะว่า แกพาไอ้เด็กนี่มาที่นี่ทำไม ต่อให้นายจะพามันมารับใช้นาย ฉันก็จะไม่ห้าม แต่เรื่องระหว่างฉันกับมัน ถ้าวันนี้มันไม่มาคุกเข่าขอโทษฉัน เรื่องวันนี้จะไม่จบลงง่ายๆ อย่างแน่นอน"จางซื่อเฉวียนก้าวร้าวเป็นอย่างมาก แต่ให้จะเป็นซูไห่เทามาห้ามเอาไว้ มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นหลินเฟยตะคอกอย่างเย็นชาออกมาพร้อมกับกำหมัดเอาไว้แน่น"เมื่อวานถูกกระทืบยังไม่พอใช่ไหม? เมื่อวานยังขอโทษอยู่เลย วันนี้จะมาหาเรื่องกันอีกแล้ว หรือว่าพวกแกเริ่มที่จะคันอีกแล้ว?"ดวงตาของหลินเฟยมีประกายของความอันตรายแวบเข้ามาคนพวกนี้ยังกล้ามาสร้างปัญหาที่นี่อีกเหรอ? ดูเหมือนว่าบทเรียนที่เขาสั่งสอนเมื่อวานยังไม่สาแก่ใจงั้นสิ!เมื่อต้องเผชิญกับการคุกคามของหลินเฟย มุมปากของจางซื่อเฉวียนและฉินฟางก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อยโดยที่ตอนนี้บาดแผลของพวกเขายังคงเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยแต่วันนี้พวกเขากลับได้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วขณะที่ทั้งฝ่ายกำลังปะทะฝีปากกันอยู่ และดูเหมือนว่าจะลงไม้ลง
ด้วยเงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียมกันขนาดนี้ แต่ซูเฉี่ยนเสวี่ยกลับตอบตกลงได้ สิ่งนี้ทำให้ซูไห่เทารู้สึกประหลาดใจ จึงมองไปที่หลินเฟย พร้อมกับถามขึ้นมาว่า "น้องหลิน คุณว่ายังไงล่ะ?"หลินเฟยพยักหน้า"ผมไม่มีข้อคิดเห็นอะไรหรอก เพราะถึงอย่างไรเราก็ไม่แพ้อยู่แล้ว ผมก็อยากให้กบในกะลาพวกนี้ได้เปิดตาดูเหมือนกัน"การที่สามารถเอาชนะเงินสองพันห้าร้อยล้านบาทเพิ่มเติมจากจางซื่อเฉวียนได้นั้น ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ หลินเฟยก็ต้องตอบรับเป็นธรรมดาอยู่แล้วในเมื่อทั้งสองฝ่ายมีความเห็นที่ตรงกันการเดิมพันจึงมีผลไปโดยปริยาย"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…"จางซื่อเฉวียนและฉินฟางมีความสุขมาก พร้อมกับหัวเราะเสียงดังออกมา"โอเค ซูไห่เทา ครั้งนี้นายต้องแพ้แน่ๆ เพราะนายเลือกไอ้ขยะนี้มา แม้แต่จะเลียรองเท้าของคุณหลี่ก็ยังไม่คู่ควร รอให้ฉันได้ดูแลลูกสาวสุดที่รักของนาย ฉันจะส่งวิดีโอให้ดูนะ ฮ่าฮ่าฮ่า…"จางซื่อเฉวียนทำแบบนี้อย่างเปิดเผยต่อหน้าทุกคน โดยไม่ละอายใจเลยแม้แต่น้อยเมื่อมองดูท่าทางที่สูงส่งและเย็นชา รวมถึงรูปร่างที่เพรียวบางของซูเฉี่ยนเสวี่ยแบบนั้นแล้ว แทบจะเรียกได้ว่าสวยหยาดฟ้าได้เลยทีเดียว แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่
สำหรับหลี่เฉวียนเฟิง หลินเฟยก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยเช่นกันซูไห่เทาและกู้เหวินปี้ที่อยู่ข้างๆ ก็พูดสมทบขึ้นมาว่า"นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ด้วยความสามารถของน้องหลิน ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นหลี่เฉวียนเฟิงก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย"กู้เหวินปี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า"แม้ว่าหลี่เฉวียนเฟิงจะมีชื่อเสียงอยู่ในแวดวง แต่กลับทำตัวเหนือชั้น เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากกว่าความสามารถ ด้วยวิธีการของคุณหลินแล้ว ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการเดิมพันหรอก แค่ทำตามปกติก็เหลือเฟือแล้วล่ะ"เห็นได้ชัดว่าทั้งสองมีความมั่นใจในตัวของหลินเฟยมากซูเฉี่ยนเสวี่ยมองไปที่หลินเฟยและเมื่อหลินเฟยสังเกตเห็นการจ้องมองของซูเฉี่ยนเสวี่ย เขาก็ยิ้มปลอบโยนอีกฝ่ายไปด้วยเช่นกันซูเฉี่ยนเสวี่ยส่งยิ้มจางๆ โดยสนับสนุนหลินเฟยอยู่ในใจอย่างหนักแน่นเมื่อได้ยินหลินเฟยคุยโวโอ้อวดอย่างเปิดเผยเช่นนั้น จู่ๆ จางซื่อเฉวียนก็หัวเราะออกมาทันที"ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงเวลานั้นพวกคุณจะต้องร้องไห้อย่างแน่นอน คอยดูเถอะ"……รอประมาณครึ่งชั่วโมงผู้จัดการจ้าวก็หยิบไมโครโฟนแล้วประกาศอยู่บนเวทีว่า"การประชุมซื้อขายหินหยกหยาบในครั้งนี้ ได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว"ห