เย็นวันนั้น
บ้านของอันดามันก็เหมือนมีพายุร้ายโหมกระหน่ำ ทันทีที่หญิงสาวตื่นขึ้นมาคิดว่าทุกอย่างคงไม่มีอะไรแล้ว ก็ต้องเจอกับอารมณ์เกรี้ยวกราดของบิดา ทำทั้งคู่ทะเลาะถกเถียงต่ออีกยกใหญ่
"แกนี่มันจะทำให้ฉันโมโหไปถึงไหน!"
"อะไรของพ่ออีกเนี่ย เรื่องตั้งแต่เช้าแล้ว เลิกไปขุดคุ้ยขึ้นมาได้ไหม"
"คิดว่าฉันอยากพูดนักหรือไง พฤติกรรมแกนี่มันเกินจะเยียวยา มีอย่างที่ไหนลุกหนีขึ้นไปนอนทั้งที่บ้านนั้นยังไม่กลับ! เขาจะมองว่าบ้านเราไม่อบรมสั่งสอน แล้วไอ้ที่หาวหวอดตอนอยู่ในพิธีอีก!"
"โอ๊ยอะไรนักหนา อันก็ยอมทำตามแล้วไง ยังจะอะไรอีก!" หญิงสาวเริ่มมีน้ำโหบ้าง เธออุตส่าห์ไม่หนีหรือทำอะไรขายหน้ากว่านี้แล้ว แค่นั่งหาวกับหนีไปนอนมันก็ไม่ได้ร้ายแรง ยังไงก็หมั้นเสร็จแล้ว
"ยังจะมีเถียงฉันอีก แก แก!" ปลายนิ้วคนสูงวัยชี้ตรงมาทางเธอ สั่นเทาด้วยความโกรธ จนสิมิลันต้องเข้าไปช่วยพูด
"คุณ ใจเย็นๆ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว คุณว่าไปตั้งเยอะลูกเข้าใจแล้วค่ะ ใช่ไหมอัน"
"ค่ะ" หญิงสาวกลอกตาตอบกลับอย่างเสียไม่ได้ แม้ความจริงจะไม่ได้รู้สึกเข้าใจอะไรสักนิดก็ตาม
"ดูมัน! ทำหน้าทำตาแบบนั้น เข้าใจอะไรที่ไหน ฉันนี่พูดจนปากเปียกปากแฉะ ดีแค่ไหนที่บ้านนั้นไม่เอาเรื่อง!" วีรศักดิ์หันไปชี้ให้ผู้เป็นภรรยาดูพฤติกรรมกระด้างกระเดื่องของลูกสาว
"อัน แม่ไม่อยากจะซ้ำเติมหรอกนะ แต่สิ่งที่แกทำวันนี้มันแย่จริงๆ พ่อแม่ขายหน้ามาก นึกว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว แต่แกกลับทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เลย"
"..." พอได้ฟังคำตำหนิจากมารดาพร้อมสายตาตัดพ้อก็ทำเธอรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆ จนได้แต่ก้มหน้าเขี่ยอาหารในจาน
"ขอโทษค่ะ" เธอเอ่ยออกไปเสียงเบา หน้าจ๋อยลง
"รู้ว่าผิดก็ดีแล้ว ครั้งหน้าเจอบ้านพี่โซเฟียต้องไปขอโทษอีกครั้งด้วยเข้าใจไหม"
"ค่ะ"
"เอาเถอะครับ พ่อก็อย่าอารมณ์เสียบ่อยเลย พรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้ว" พีพีหันไปส่งยิ้มให้บิดา ออกปากช่วยพูดอีกแรงเพื่อไม่ให้บรรยากาศในบ้านมันแย่ไปมากกว่านี้
"ถ้ายัยอันดีได้สักครึ่งของแก ฉันคงไม่ปวดหัวขนาดนี้"
"..."
อันดามันกัดปากหลังฟังคำค่อนแคะของบิดาจบ ยิ่งเมื่อถูกเปรียบเทียบเธอยิ่งรู้สึกน้อยใจ แต่ก็หยุดปากตัวเองไม่ให้โต้กลับ นั่งทานอาหารต่อด้วยท่าทางเซื่องซึม
เช้าวันต่อมา
ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแอบใจหายขึ้นมาเล็กน้อย ขณะยืนกอดอกมองน้องชายช่วยบิดามารดาขนกระเป๋าสัมภาระขึ้นท้ายรถยนต์
สิมิลันหิ้วกระเป๋าถือลงมาจากตัวบ้าน คนตัวเล็กก็เบือนหน้าหนีไปอีกทาง หลังถูกจับได้ว่ามาแอบมองอยู่
"ทำไมทำหน้าแบบนั้น" เธอขมวดคิ้วถามลูกสาว
"แม่ต้องไปวันนี้เลยเหรอ"
"ใช่ ลูกค้านัดคุยอาทิตย์หน้าก็จริง แต่ก็ต้องไปเตรียมตัวอีก"
"ต้องไปนานแค่ไหน"
"ยังไม่มีกำหนด คุยธุระเสร็จก็อยากอยู่เที่ยวกันก่อน ทำไมวิญญาณลูกสาวตัวน้อยเข้าสิงหรือไง ถึงมาอ้อนเอาป่านนี้" สิมิลันยกยิ้มเอ่ยแซว เห็นท่าทางของเธอก็รู้ว่าลูกสาวตัวแสบคงไม่อยากให้เธอไปเท่าไหร่
"ไม่ใช่สักหน่อย อันอยู่ได้แม่ไม่ต้องห่วง ให้อันอยู่บ้านตัวเองก็ได้นะ สบายกว่าเยอะ" อันดามันเชิดหน้าตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เธอเป็นสาวแกร่งไม่มางอแงเรื่องไร้สาระอยู่แล้ว
"ยัยอัน เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ" มารดาหรี่ตาเอ่ยย้ำเสียงจริงจัง ซึ่งลูกสาวก็ได้แต่ถอนหายใจรับคำ
"ค่า~ รู้แล้วน่า"
"แม่ต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก มีอะไรก็โทรหาแม่ได้ตลอด"
คนเป็นแม่ตรงเข้าสวมกอดลูกสาวที่ยืนตัวแข็ง ปั้นหน้าไม่ค่อยถูกเนื่องจากไม่ค่อยมีโมเมนต์ปกติดีๆ กับมารดาเท่าไหร่ ทุกทีก็จะถกเถียง ถูกบ่นมากกว่า แต่สุดท้ายมือเล็กก็ยกกอดตอบ ใจดวงน้อยแกว่งแปลกๆ ขอบตาร้อนขึ้นมา ต้องรีบกะพริบตาถี่ๆ ไม่ให้หยดน้ำตาไหลออกมาจนถูกแซวอีก
"แม่ก็ดูแลตัวเองด้วยค่ะ ดูพ่อด้วยนะ ยิ่งไม่เคยออกไปไหนอยู่"
"หึ เป็นห่วงพ่อเหมือนกันเหรอเรา เห็นเอาแต่ทะเลาะกัน"
"พูดมากอ่าแม่ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็ตกเครื่องพอดี" เธอโวยวายกลบเกลื่อนร้องเร่งมารดาแทน
สิมิลันส่งยิ้มเอ็นดูให้ลูกสาวพร้อมหอมแก้มเธออีกครั้ง อันดามันยิ่งเก้อเขินประหม่าเข้าไปใหญ่ ต้องหลุบตามองทางอื่นแทน พลางเดินไปสมทบกับน้องชายที่ยืนรอส่งคนทั้งคู่ขึ้นรถ
สายตาของหญิงสาวประสานสบมองคนเป็นพ่อ ทั้งคู่ต่างทำท่าเหมือนมีเรื่องอยากจะพูด แต่สุดท้ายทิฐิของสองพ่อลูกหัวแข็งก็ทำให้ต่างฝ่ายต่างหันหน้าหนีแล้วขึ้นรถไป
"ฝากดูพี่ด้วยนะพี" สิมิลันหันมาบอกน้องชายตัวสูง พลางเดินเข้าไปสวมกอดลูกชายคนเล็ก
"ครับ ไม่ต้องห่วง เจ๊แกถึกขนาดนี้ ถึงแก่ง่ายแต่ตายยากนะครับ"
"ไอ้พี!"
"พอๆ หยุดเถียงกันสักวันเถอะ แม่ปวดหัว... อันอย่าลืมวันนี้พี่โซเฟียชวนไปกินข้าวที่บ้าน แกก็เตรียมเก็บกระเป๋าได้แล้ว"
"รู้แล้วค่ะ" แม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็พยักหน้ารับคำมารดาไปอยู่ดี
"เดินทางดีๆ นะครับ"
"จ้ะๆ รู้แล้ว สองพี่น้องก็ดูแลตัวเองด้วย ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน หวังว่าจะไม่มีใครสร้างปัญหาจนพ่อกับแม่ต้องกลับก่อนกำหนดนะ"
"ถ้ามีก็ไม่ใช่พีแน่นอนครับ" พีพีส่งสายตาล้อเลียนมาทางพี่สาว ซึ่งเธอก็จิ๊ปากตอบกลับ
ทั้งคู่ร่ำลามารดาอีกครั้ง ก่อนจะมองรถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวออกจากบ้าน หัวใจเธอวูบโหวงราวกับสิ่งสำคัญได้หายไปจากชีวิต แม้จะชอบทะเลาะกับพ่อแม่ตลอด แต่นี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ต้องห่างคนทั้งคู่พร้อมกัน
"อะไร หงอยเลยเหรอแค่พ่อแม่ไปต่างประเทศ"
"หุบปาก หงอยบ้าบออะไร!"
"เห็นทำหน้าจ๋อยเหมือนลูกหมาโดนทิ้ง ไอ้ผมก็เป็นห่วง โอ๊ย! อีเจ๊เตะมาได้!"
พีพีลูบก้นตัวเองหลังจากถูกคนเป็นพี่ใช้เป็นกระสอบทราย เตะเข้ามาเต็มแรง
"ก็แกมากวนตีนฉันก่อน"
"เจ๊แม่งชอบใช้ความรุนแรงว่ะ"
"คนแบบแกพูดดีด้วยได้ที่ไหน ต้องให้ต้องลงมือลงไม้" อันดามันเถียงกลับกอดอกจ้องน้องชายตาแข็ง
"ไม่คุยกับเจ๊แล้ว ไอ้เจ๊ใจร้าย ไปไหนก็ไปเลยผมไม่สนแล้ว!"
"เดี๋ยวดิ! จะทิ้งฉันแบบนี้เลยเหรอ ไอ้พีกลับมาคุยกันก่อน"
ร่างเล็กตะโกนร้องเรียกชื่อน้องชาย แต่เหมือนอีกฝ่ายจะงอนเธอไปแล้ว เดินตุ๊บป่องกลับเข้าบ้าน หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะเดินคอตกด้วยความเซ็งเข้าบ้านเช่นกัน
อันดามันมองกระเป๋าเสื้อผ้าสามใบใหญ่ที่วางเรียงบนพื้นอย่างปลงตก แม้ใจเธอจะไม่ต้องการย้ายไปอยู่กับคู่หมั้น แต่เมื่อรับปากมารดาไปแล้วก็ไม่อยากถูกคนเป็นแม่ค่อนแคะภายหลัง ยิ่งถูกบ่นว่าทำตัวเหมือนเด็กเธอก็ยิ่งทนไม่ได้ ต้องยอมจัดกระเป๋าตามคำสั่ง
ในขณะที่ง่วนกับการหยิบเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น หญิงสาวขมวดคิ้วมองเบอร์แปลกด้วยความลังเล ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย
"สวัสดีค่ะ"
(หนูอันดามันใช่ไหม) น้ำเสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากปลายสาย ทำให้หญิงสาวยิ่งสับสน
"เอ่อ ใช่ค่ะ นั่นใครเอ่ย"
(แม่โซเฟียเอง สิมิลันบอกหนูแล้วใช่ไหม ว่าเย็นนี้แม่นัดกินข้าว)
"อ๋อค่ะ คุณแม่บอกไว้แล้ว"
(โอเค ตอนเย็นจะให้เจ้าวิคเตอร์ไปรับที่บ้านไหม)
"มะ...ไม่ต้องค่ะ อันไปเองได้"
(จ้าๆ งั้นเดี๋ยวแม่ส่งโลเคชั่นไปให้นะจ๊ะ เจอกันตอนเย็น)
"ค่ะ สวัสดีค่ะ"
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ระบายความอึดอัด แม้จะเคยเจออีกฝ่ายมาแล้วแต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกันอยู่ดี วันนี้ยังต้องไปเผชิญหน้าครอบครัวนั้นตัวคนเดียวอีก ถึงจะเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงเธอก็แอบเกร็งขึ้นมาเหมือนกัน
"ไม่อยากไปเลยโว้ยยยย~"
"อยากอยู่บ้านนนนนน~ อยากเมา~ เหล้าจ๋าาาา~"
ร่างเล็กทิ้งตัวนอนเกลือกกลิ้งบนพื้นอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์ใดๆ ยืดแขนบิดกายดีดดิ้นไปมา ก่อนที่จะถูกขัดจังหวะอีกครั้งโดยฝีมือพีพีที่เปิดประตูเข้ามากะทันหัน
"เอ้าเจ๊! ลงไปนอนทำอะไร"
ตุบ!
ปฏิกิริยาตอบกลับไวกว่าความคิดเสมอ มือน้อยคว้ากองเสื้อผ้าใกล้มือปาใส่คนที่ถือวิสาสะเปิดเข้ามา ชายหนุ่มหน้ามุ่ยแต่ก็รับเสื้อตัวดังกล่าวไว้ได้ก่อนมันจะกระทบหน้า พร้อมปาคืนใส่คนเป็นพี่ที่นอนกองกับพื้น
"มือไวฉิบหาย"
"แกก็วุ่นวายมากเหมือนกัน"
"ก็เจ๊เล่นร้องโวยวายลั่นบ้าน ผมก็หวังดีอุตส่าห์เดินมาดู" ร่างสูงส่ายหัวเดินดุ่มๆ เข้ามานั่งบนเก้าอี้นวมใกล้เตียงไม่ใกล้จากจุดที่พี่สาวนอน
"พี เย็นนี้ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ" ร่างเล็กหยุดดีดดิ้น ลุกพรึ่บขึ้นมานั่งจ้องหน้าน้องชายด้วยสายตาเว้าวอน
"ไม่ ทางนั้นเขาอยากคุยกับลูกสะใภ้ จะเอาผมไปด้วยทำไม อีกอย่างเย็นนี้มีนัดแล้ว"
"อย่าทิ้งกันดิไอ้พีน้องรัก นะ ไปด้วยกันเถอะ" เธอคลานมาเกาะขาน้องชาย พลางเอาใบหน้าถูไถต้นขาอีกฝ่ายไปด้วย เหมือนลูกหมาตัวเล็กพยายามอ้อนเจ้านาย แต่คนเป็นน้องก็รีบยกขาหนี ส่ายหน้าพรืด
"ไม่เอาโว้ย เอาหน้าไปไกลๆ ขนลุก"
"ใจร้ายกับฉันได้ลงคอเหรอ"
"ทีงี้ทำมาขอความช่วยเหลือ ทุกทีก็ใช้ผมเป็นกระสอบทรายตลอด ไม่เอาอะ เรื่องของเจ๊จัดการเองเหอะ" ร่างสูงย้ำหนักแน่นคำเดิม ทำให้หญิงสาวหน้าบึ้งเบะปากมองกลับด้วยสายตาตัดพ้อ
"ไม่อยากไปอ่า"
"พูดอะไรตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ขอให้กลับมาครบ 32 แล้วกัน"
"หมายความว่าไง"
"ก็ไอ้คู่หมั้นเจ๊ดูจะร้ายใช่เล่น เมื่อวานตอนเจ๊หนีขึ้นบ้านก็ดูหงุดหงิดจนใครก็เข้าหน้าไม่ติดเลย"
"อ๋อไอ้เถื่อนนั่นน่ะเหรอ" เธอร้องขึ้นมา พลางนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวาน แต่เอาจริงเธอก็จดจำอะไรบนใบหน้านั้นไม่ได้มาก รู้แค่ดูหล่อเลว แต่ก็เถื่อนๆ รอยสักเต็มตัวเหมือนพวกมาเฟีย พร้อมพ่นลมออกจมูกอย่างไม่สะทกสะท้าน "เฮอะ น้ำหน้าแบบนั้นจะทำอะไรฉันได้ นี่เจ๊อันดามันนะโว้ย"
"ตัวเท่าลูกหมาแล้วยังปากเก่ง ไอ้คู่หมั้นนั่นสูงใหญ่อย่างกับพวกนักมวยปล้ำ เจ๊มีหวังถูกจับหักสองท่อนง่ายๆ"
"เขาเรียกจิ๋วแต่แจ๋วโว้ย ฉันพลิ้วจะตาย ลองทำอะไรสิ แม่จับทุ่มฟาดพื้นแน่"
"ก็เป็นเสียแบบนี้ หัดกลัวอะไรบ้างเหอะ" คนเป็นน้องส่ายหัวระอากับความปากแจ๋วของพี่สาว พร้อมเตือนด้วยความเป็นห่วง "วันนี้ก็อย่าไปสร้างเรื่องวุ่นวายอะไรอีกล่ะ ผมว่าบ้านนั้นไม่ธรรมดาหรอก"
"อะไรของแก ฉันว่าก็ปกติ ครอบครัวเรายังดูประหลาดกว่าตั้งเยอะ"
"เอาเถอะ ถือว่าผมเตือนแล้วนะ"
"เออๆ" อันดามันรับคำตัดรำคาญ ก่อนจะคลานกลับไปจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าต่อด้วยความเบื่อหน่าย
พีพีได้แต่มองตามพี่สาวด้วยความเป็นห่วง ครอบครัวนักธุรกิจใหญ่แบบนั้นคงต้องมีเขี้ยวเล็บอะไรซ่อนไว้บ้างแหละ เขาผู้ซึ่งได้แอบสังเกตมาตลอดวันก็ยังรู้สึกได้ ทั้งพ่อแม่ฝ่ายชายดูแผ่รังสีกดดันบางอย่างออกมาตลอด แม้โซเฟียจะยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่สายตาคู่นั้นกลับเย็นเฉียบ คู่หมั้นพี่สาวก็ดูขี้โมโหดุดัน แถมน้องชายบ้านนั้นก็ยังดูเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้วางใจอีก ไม่รู้ว่าชีวิตต่อจากนี้ของอันดามันจะเป็นอย่างไร หวังว่าจะไม่ถูกโขกสับเหมือนลูกสะใภ้ตามละครหลังข่าวที่เคยดูหรอกนะ