คฤหาสน์ครอบครัววิคเตอร์
ร่างเล็กกะพริบตามองความใหญ่โตของบ้านครอบครัวคู่หมั้นผ่านรั้วสูง เธอว่าบ้านเธอใหญ่มากแล้ว แต่หลังนี้ทำบ้านสวยของเธอเป็นกระต๊อบหลังน้อยไปเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ถึงความร่ำรวยอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
ขณะที่กำลังลังเลสองจิตสองใจว่าควรเข้าไปดีหรือไม่ ประตูเหล็กหนาก็ขยับเลื่อนตัวออกราวกับรับรู้การมาถึงของหญิงสาว อันดามันสูดหายใจเรียกขวัญกำลังใจตัวเองอีกครั้ง วันนี้นอกจากมากินข้าวพร้อมครอบครัวฝ่ายชายแล้ว เธอก็อยากมาเจรจาบางอย่างกับชายหนุ่มด้วย
เธอรู้ว่าวิคเตอร์ก็ไม่เต็มใจหมั้นหมายเช่นกัน หากทั้งคู่พูดคุยตกลงกันได้ เธอก็เพียงนอนกระดิกเท้ารอเวลาเพื่อให้พ่อแม่กลับมา แล้วสัญญาหมั้นหมายทั้งคู่ก็จะสิ้นสุดลง
มือน้อยหักเลี้ยวพวงมาลัย นำรถสปอร์ตสีดำลูกรักเข้าไปจอดภายในพื้นที่รอบคฤหาสน์หลังใหญ่ ตลอดทางที่ขับผ่านรายล้อมไปด้วยสวนสวยสไตล์ยุโรป ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอีกประเทศ ร่างเล็กมองซ้ายมองขวาหาจุดจอดรถ จนมีลุงยามเดินมาโบกมือให้ไปจอดยังลานจอดรถข้างตัวบ้าน
"คุณอันดามันใช่ไหมครับ"
"อ๋อ ชะ...ใช่ค่ะ"
"คุณนายกับคุณท่านรออยู่ด้านในแล้วครับ เชิญเข้าไปได้เลย"
"ขอบคุณค่ะ" เธอค้อมศีรษะให้คนสูงวัยกว่า หยิบเพียงกระเป๋าถือใบเล็กติดมือลงมาเท่านั้น
หญิงสาวสำรวจไปทั่วอาณาบริเวณกว้างกว่า 3 ไร่ เดินไปตามทางเดินหินสีเทาเข้ม ผ่านประตูโค้งบานใหญ่เพื่อเข้าสู่ตัวคฤหาสน์ ด้านในถูกตกแต่งไว้อย่างวิจิตรบรรจง เครื่องเรือนและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนนำเข้าจากต่างประเทศ ฝาผนังก็เรียงรายด้วยภาพวาดสวยงาม แต่ประหลาดบ้าง ขณะยืนเก้ๆ กังๆ สำรวจภายในอยู่นั้น เสียงหวานทรงอำนาจก็เรียกสติหญิงสาวกลับมา
"สวัสดีอีกครั้งนะจ๊ะหนูอัน"
"สวัสดีค่ะน้าโซเฟีย" ร่างเล็กยกมือไหว้ พยายามรีดเร้นความทรงจำสมัยประถมตอนเรียนมารยาทผู้ดีเพื่อไหว้ให้นอบน้อมที่สุด "เรื่องเมื่อวานอันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำตัวเสียมารยาทลงไป"
"น้าอะไรกัน เรียกฉันว่าแม่ได้แล้ว อีกหน่อยก็จะมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว" ร่างสูงโปร่งฉีกยิ้มหวานให้ พลางเดินมาคล้องแขนสะใภ้ที่ตนหมายตา
"คะ...ค่ะ"
โซเฟีย แม้อายุจะเข้าสู่เลข 5 แล้ว แต่เธอก็ยังมีความสดสวยไม่เปลี่ยนแปลง กาลเวลาไม่อาจลดเลือนความงามเธอได้ ใบหน้าโฉบเฉี่ยว มั่นใจ ของสาวลูกครึ่งแสดงเด่นชัดบนหน้า จมูกโด่งเกินกว่าสาวชาวไทย ริมฝีปากหนาได้รูปเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสหรูสีขาวให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพบราชินีแสนใจดีแต่ทรงอำนาจ
คุณนายเจ้าของบ้านลอบมองอนาคตลูกสะใภ้ด้วยแววตาพึงพอใจ ขณะชวนคนตัวเล็กคุยระหว่างทางเดินไปห้องรับแขก ผลการเรียนอันดามันยอดเยี่ยม เป็นเด็กกิจกรรม และสิ่งที่โซเฟียชื่นชอบมากที่สุดก็คือสถานะครอบครัวที่ใกล้เคียงกัน บริษัทผลิตสื่อโฆษณาของสิมิลันก็เอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจครอบครัวเธอ อีกทั้งยังเป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยที่สนิทสนมกัน แม้คนตัวเล็กจะดื้อรั้นไปบ้างแต่ก็เป็นคนมีความสามารถ การหมั้นหมายครั้งนี้มีแต่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย เธอไม่มีทางปล่อยสาวคุณภาพแบบนี้ให้หลุดมือไปง่ายๆ แน่นอน
อันดามันแอบขนลุกวาบอย่างไม่มีสาเหตุกับสายตามาดมั่นของมารดาคู่หมั้น เหมือนตัวเองกำลังจะตกเป็นเหยื่อของเธอยังไงไม่รู้
"หนูอันนั่งเล่นในห้องนี้ก่อนสักครู่นะจ๊ะ แม่ขอไปดูความเรียบร้อยอีกหน่อย"
"ได้ค่ะ"
วันนี้คนตัวเล็กพยายามวางตัวให้เรียบร้อยที่สุด ไม่ใช่เพื่อประจบเอาใจอีกฝ่าย แต่เธอมีบางอย่างอยากจะเจรจากับโซเฟียด้วย
เธอนั่งรออยู่ในห้องรับแขกกว้าง พื้นบ้านปูด้วยหินอ่อนอย่างดีช่วยให้ตัวบ้านรู้สึกเย็นสบายแม้ไม่เปิดแอร์ ภายในประดับด้วยงานศิลปะทั้งรูปภาพ งานปั้น แจกันดอกไม้รูปทรงแปลกๆ บ่งบอกถึงรสนิยมเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี ขณะที่กำลังชื่นชมการแต่งบ้านอยู่นั้น สายตาก็เหลือบเห็นร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งเดินผ่านกระจกระเบียงนอกบ้านที่เปิดอ้าไว้ ร่างบางไม่รอช้าลุกพรวดกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไปทันที
"นี่! นี่เดี๋ยวนายน่ะ! คุยกันก่อน" เธอตะโกนร้องเรียกอีกฝ่ายไปด้วย
ร่างสูงใหญ่ชะงักฝีเท้าหมุนตัวกลับมา ขมวดคิ้วแปลกใจที่เห็นคนตัวเล็กเดินป้วนเปี้ยนในบ้านของตน
เธอใช้มือป้องตากันแสงแดดที่ส่องตรงเข้ามา แหงนหน้ามองคนตัวสูง แดดยามเย็นสีส้มจัดเป็นฉากหลังทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มมืดจนมองรายละเอียดได้ไม่ชัด แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ รีบพูดสิ่งที่ต้องการออกไปทันที
"นี่ ฉันรู้นะว่านายไม่เต็มใจหมั้น และฉันเองก็ด้วย เลยอยากมาคุยให้รู้เรื่องก่อน"
"อ่าฮะ ว่าไง"
ร่างสูงกระตุกยิ้ม ล้วงกระเป๋าพยักหน้ารับโดยดี ท่าทางว่าง่าย ขี้เล่นทำให้หญิงสาวตงิดใจขึ้นมา แต่เธอปัดข้อสงสัยทิ้งไป มองจากรูปร่างสูงใหญ่ก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายคือคู่หมั้นตนแน่นอน
"เราสองคนจะไม่วุ่นวายก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ต่างคนต่างอยู่ หลังแม่ฉันกลับมาจะถอนหมั้นทันที เข้าใจ๊?"
"เธอนี่น่ารักกว่าที่คิด"
"ฮะ?" ร่างเล็กขมวดคิ้ว ไม่สบอารมณ์กับคำชมที่ได้รับ
"แต่เรื่องถอนหมั้นคงไม่ง่ายแบบนั้น อย่าดูถูกแม่ของฉันเชียว"
"เดี๋ยวแม่ฉันจัดการเอง เธอรับปากฉันไว้แล้ว ระหว่างนี้นายก็อยู่ให้ห่างฉันด้วยแล้วกัน ถ้าไม่อยากถูกหักกระดูก"
"เอาจริงดิ ตัวแค่นี้?"
ร่างสูงโน้มกายลงมาใกล้ เพื่อสำรวจร่างกายคนตัวเล็ก อันดามันถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ถึงรู้ว่าเขาไม่ใช่วิคเตอร์คู่หมั้นของเธอ
"เอ๊ย! นายเป็นใครเนี่ย" เธอกระเด้งกายถดหนีมองใบหน้าเจ้าเล่ห์อย่างหวาดระแวง
"อะไรกัน ที่เขาลือว่าเมื่อวานเธอแฮงก์หนักคือเรื่องจริงสินะ ถึงไม่ได้สังเกตอะไรในงานเลย"
"แล้วมันเกี่ยวอะไร"
"งั้นขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ฉันคาเตอร์ น้องชายไอ้วิคเตอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก"
"..."
ร่างเล็กอยากจะทุบหัวตัวเองจริงๆ ที่ดันปล่อยไก่ทำเรื่องหน้าแตกตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้าน ระบายลมหายใจก่อนจะมองมือที่ถูกส่งมาทักทายด้วยความลังเล
แต่ในขณะที่กำลังเอื้อมไปจับ น้ำเสียงฉุนเฉียวก็ขัดจังหวะเสียก่อน
"มายืนทำอะไรกันตรงนี้!"
เธอหันกลับมาก็พบร่างหนาสูงใหญ่ราวกำแพงหินยืนหน้านิ่วกอดอกจ้องมาด้วยแววตากดดันอยู่ด้านหลัง ส่วนหนุ่มอีกคนที่เธอคุยด้วยก็ยกยิ้มอารมณ์ดีตอบกลับให้แทน
"ทักทายพี่สะใภ้อยู่ ตัวเล็กน่ารักน่าฟัดไปหมดเลย" เขาพูดพลางยิ้มกว้างจนตาหยี
"กวนตีนแล้ว... ส่วนเธอหยุดอ่อยน้องชายฉันด้วย"
"ไอ้นี่! ใครอ่อยวะ อย่ามาพูดหมาๆ" คำสบประมาทของคู่หมั้นหนุ่มทำเธอควันออกหู กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายลงมาเตรียมเอาเรื่องเต็มที่
วิคเตอร์ตกใจเล็กน้อยกับเรี่ยวแรงของเธอ แต่ก็คิดว่าเพราะตนเองคงไม่ทันระวังตัวมากกว่า แอบหงุดหงิดกับคำพูดและท่าทางห้าวๆ เหมือนนักเลง สองสายตาสบประสานอย่างไม่มีใครยอมใคร จนคาเตอร์ต้องมาช่วยแยกทั้งคู่ออกก่อนจะได้ลงมือลงไม้กันจริงๆ
"แหม พี่ชายหึงคู่หมั้นเหรอเนี่ย หัดพูดจาดีๆ กับผู้หญิงหน่อยสิ"
"ไม่ต้องเสือก เอาเรื่องตัวเองให้รอดเถอะ" วิคเตอร์ตอบ แล้วปัดมือบางออกจากคอเสื้อ ยืดกายยืนเต็มความสูง ทำให้เห็นว่าหญิงสาวมีความสูงไม่ถึงอกเข้าด้วยซ้ำ ยิ่งมองเธอก็ยิ่งขัดใจไปหมด
"หึ กูก็อุตส่าห์หวังดี งั้นคุยกันเอง อย่าตีกันก่อนอาหารแล้วกัน" คาเตอร์ยักไหล่ไม่สนใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปตามจุดหมายแรกก่อนถูกอันดามันรั้งตัวไว้
วิคเตอร์หลุบมองคนตัวเล็กทิ้งท้ายอย่างไม่ชอบใจ เตรียมเดินเข้าบ้าน แต่เธอก็กระชากแขนเอาไว้ก่อน
"ฉันยังไม่จบเรื่องกับนาย!"
"เพิ่งรู้ว่าเธอมีสิทธิ์ออกคำสั่งใส่ฉัน" ร่างสูงแสยะยิ้มร้ายพร้อมสะบัดแขนออกจากการจับกุม ส่งสายตาท้าทายมาให้
"ฉันจะคุยเรื่องการหมั้น"
"ว่ามาสิ"
"ระหว่างที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ห้ามนายมาวุ่นวายหรือคิดล่วงเกินฉันเด็ดขาด"
"ฉันมากกว่าที่ต้องพูดคำนั้น เธอต้องย้ายมาอยู่กับฉันเป็นเดือน อย่าหลงเสน่ห์ฉันก็แล้วกัน... แล้วเลิกมั่นหน้าได้แล้ว เธอไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด" ร่างสูงว่าพร้อมกวาดสายตาประเมินคนตัวเล็กอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า
วันนี้เธอสวมกางเกงขายาวห้าส่วนสีน้ำตาลเข้ม เสื้อด้านในสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อสูทตัวใหญ่สีน้ำตาลลายตารางดูเป็นทางการ ขับเน้นภาพลักษณ์สาวห้าวเด่นชัด ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มแสนยั่วยวนบึ้งตึงดูอารมณ์เสียไม่ใช่น้อย ความประทับใจในตัวคู่หมั้นติดลบ
"เหอะ! ไม่แน่ก็ไม่ต้องไปอยู่"
"ทำได้?" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามกลับในท่ากวนประสาท
"แม่นายดูใจดีออก ฉันจะคุยเรื่องนี้กับเธอเอง แล้วถ้าฉันไม่ต้องย้ายไปอยู่ด้วย ต่อไปก็อย่าโผล่หน้าให้เห็นก็แล้วกัน ฉันแค่รอแม่ฉันกลับก็จะถอนหมั้นทันที"
"หึ ประเมินแม่ฉันต่ำไปหน่อยหรือเปล่า"
"..."
ใจเธอแกว่ง เริ่มไม่มั่นใจเมื่อเห็นรอยยิ้มร้ายกาจของชายหนุ่ม เพราะในความรู้สึกเธอ โซเฟียก็ดูเป็นคนใจดีน่าเคารพและเอ็นดูเธอมากทีเดียว การเจรจาต่อรองจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา
"แล้ววันนี้ก็อย่าได้ตามฉันกลับคอนโดแล้วกัน"
วิคเตอร์สบประมาททิ้งท้ายและเดินจากไป ปล่อยให้คนตัวเล็กยืนกระฟัดกระเฟียดตามลำพัง จนแม่บ้านเดินมาตามให้ไปรับประทานอาหารเย็นได้แล้ว