เย็นวันนี้ระหว่างทานอาหาร ซูหนิงเซียวเอาแต่บอกว่าอยากได้อะไรบ้างในห้องนอนใหม่ของเธอที่ตึกใหม่ ซูหนิงจิงกินไปด้วยพร้อมกับรับปากลูกสาวว่าเธอจะจัดการห้องให้ลูกสาวอย่างดีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันกับลูกก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรพวกเธอยังได้พักในชั้นเดียวกันอยู่แล้ว กระทั่งกินข้าวเสร็จ ซูหนิงจิงบอกให้ลูกรีบขึ้นไปอาบน้ำทำการบ้านแล้วรีบนอนเสีย ส่วนเธอยังคงเก็บครัวเช่นเคย คืนนี้ซูหนิงจิงยังทบทวนรายการในบัญชีแต่ละเล่มว่าเธอหลงลืมสิ่งใดไปบ้างหรือไม่ ก่อนที่จะนอนในเวลาเกือบห้าทุ่ม
วันต่อมาหลังส่งซูหนิงเซียวเข้าโรงเรียนแล้ว ซูหนิงจิงก็ขับรถวนหาร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างร้านใหญ่ในเมืองก้านโจว เธอเห็นหลายร้านที่ดูจะมีคนเข้าบ้าง หลังจากตัดสินใจดูอยู่พักหนึ่ง ซูหนิงจิงจึงจอดรถเอาไว้ข้างทางแล้วเดินไปสอบถามเจ้าของร้านเรื่องที่ทางร้านพอจะมีช่างรับจ้างทำงานให้กับเธอบ้างหรือไม่ นับว่าดวงของซูหนิงจิงยังคงดีอยู่ ด้วยร้านนี้มีผู้รับเหมาเป็นของตัวเองแต่แรก ซูหนิงจิงจึงขอปรึกษาเรื่องการปรับปรุงร้านของเธอทันที
เจ้าของร้านเรียกลูกชายที่รับผิดชอบเรื่องรับเหมาและออกแบบตกแต่งงานก่อสร้างของร้านมาคุยกับซูหนิงจิง เมื่อเธอบอกความต้องการทุกอย่างแล้ว ลูกชายของเจ้าของร้านก็ร่างภาพออกมาให้ซูหนิงจิงดูว่าใช่แบบตามที่เธอต้องการหรือไม่ เมื่อซูหนิงจิงมองภาพรวมของแต่ละชั้นแล้วพบว่าเป็นไปตามที่เธอต้องการแล้ว เธอจึงสอบถามเรื่องราคาและระยะเวลาการปรับปรุง ส่วนอุปกรณ์ตกแต่งบ้านพวกโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เตียง ต่าง ๆ ที่นี่ยังมีบริการให้ด้วยราคาไม่แพงเท่ากับเธอไปซื้อที่ห้างเองอีกด้วย ซูหนิงจิงจึงมัดจำเงินเอาไว้หนึ่งส่วน แล้วค่อยจ่ายตามที่ร้านเรียกอีกสองครั้งก่อนจบงาน ซึ่งทางร้านกะระยะเวลาการปรับปรุงทั้งตึกประมาณไม่เกินหนึ่งเดือน เพราะพวกเขาต้องสั่งเฟอร์นิเจอร์ที่ลูกค้าต้องการมารอไว้เสียก่อน
ซูหนิงจิงหลังจากโอนเงินมัดจำงวดแรกแล้วก็มอบกุญแจตึกให้กับลูกชายเจ้าของร้านที่เป็นคนรับผิดชอบงานตกแต่งตึกใหม่ของเธอทันที เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรที่เธอจะสอบถามอีก ซูหนิงจิงจึงขอตัวกลับออกจากร้านพร้อมรอยยิ้ม เพราะพรุ่งนี้ทีมช่างของร้านจะเข้าไปวัดขนาดก่อนปรับปรุงร้านให้กับเธอ ซึ่งซูหนิงจิงจะปล่อยให้พวกเขาทำงานได้ตามสบาย ส่วนเธอจะคอยไปตรวจดูตามระยะเวลาเท่านั้น เพื่อที่งานจะได้ออกมาดีตามที่เธอต้องการ
เมื่อกลับถึงรถแล้ว ซูหนิงจิงก็จดค่าใช้จ่ายงวดแรกที่เธอโอนไปลงในบัญชีการปรับปรุงร้านสำหรับทำบัญชีต้นทุนคาเฟ่ของเธอ ก่อนที่จะเห็นว่าตอนนี้เที่ยงกว่าแล้ว ซูหนิงจิงจึงหาร้านอาหารแถวนั้นนั่งกินแล้วไปที่การไฟฟ้าและการประปาเพื่อเปลี่ยนชื่อเจ้าของมิเตอร์ กว่าที่จะเสร็จเรื่องที่สำนักงานทั้งสองก็เกือบถึงเวลาเลิกเรียนของซูหนิงเซียวแล้ว ซูหนิงจิงจึงรีบไปรับลูกที่โรงเรียนทันที
วันนี้ซูหนิงจิงเล่าให้ลูกสาวฟังเรื่องที่เธอได้ผู้รับเหมาตกแต่งตึกให้แล้ว และรอเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากนี้ พวกเธอสองแม่ลูกก็จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ร้านใหม่กันแล้ว ซูหนิงเซียวดีใจที่เห็นแม่ของเธอมีความสุขกับเรื่องนี้ เธอเต็มใจที่จะช่วยแม่ทำร้านให้ดีที่สุด ถึงแม้จะช่วยอะไรไม่ได้มากนักก็ตาม
ระหว่างที่ช่างทำการตกแต่งร้านอยู่นั้น ซูหนิงจิงก็ตามหาคนทำขนมในเมืองก้านโจวจนพบกับร้านขนมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่รสชาติไม่เลว ซูหนิงจิงจึงสั่งขนมจากที่ร้านเอาไว้ก่อนที่เธอจะเริ่มเปิดร้านคาเฟ่ในอีกหนึ่งเดือนโดยมีการทำสัญญาการจัดส่งขนมไปให้ที่ตึกของเธอทุกวันวันละ 100 ชิ้นก่อน ซูหนิงจิงยังวางเงินมัดจำเอาไว้และแลกเปลี่ยนเบอร์โทรเพื่อบอกพวกเขาล่วงหน้าว่าร้านจะเปิดเมื่อไหร่ด้วย
เมื่อเสร็จเรื่องขนมที่เธอกังวลแล้ว ซูหนิงจิงก็เริ่มไปเดินห้างบ่อย ๆ เพื่อหาดูผ้าม่านและอุปกรณ์ตกแต่งร้านให้น่ารักสมวัยกับเด็ก ๆ ที่จะเข้ามานั่งทานขนมที่ร้านตามที่ลูกสาวของเธอแนะนำ ส่วนเรื่องการทำชานมไข่มุกก็ไม่ยากสำหรับเธอเช่นกัน ซูหนิงจิงเพียงแค่ซื้อเครื่องปิดฝาถ้วยชานมไข่มุกเพิ่มเท่านั้น ส่วนการชงเธอก็หัดชงและทดลองชิมเอาจากวัตถุดิบหลายอย่างที่เธอซื้อมาทำ ซูหนิงจิงทดลองหลายครั้งจนได้รสชาติที่คิดว่าไม่หวานและไม่จืดมากเกินไป ส่วนเม็ดไข่มุกเธอก็ซื้อสำเร็จมาต้มใส่กับน้ำที่ชงเอาไว้แล้ว ซึ่งเวลาเปิดร้าน ซูหนิงจิงก็จะต้มน้ำแต่ละรสชาติเอาไว้เท่า ๆ กัน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาชง เพียงแค่ใส่ไข่มุก น้ำแข็งและน้ำชงเข้าไปแล้วปิดฝาก็สามารถนำไปเสิร์ฟให้กับลูกค้าได้แล้ว
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ร้านใหม่ของซูหนิงจิงปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเป็นไปตามแบบที่เธอต้องการทั้งหมด ส่วนชุดโต๊ะกับเก้าอี้ก็เป็นแบบที่เธอต้องการด้วย ซูหนิงจิงเดินขึ้นไปดูที่ห้องนอนซึ่งมีชุดเตียง ตู้ โต๊ะครบทั้งหมดตามที่คุยกันเอาไว้ ซูหนิงจิงจึงเดินลงมาเซ็นเอกสารรับงานและโอนจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้กับลูกชายเจ้าของร้านที่ทำงานให้เธอออกมาเป็นอย่างดี
หลังจากร้านปรับปรุงเสร็จ ซูหนิงจิงก็หาแม่กุญแจใหม่มาติดที่หน้าประตูทันที ก่อนที่เธอจะบอกข่าวดีกับลูกสาวว่าให้ลูกเริ่มเก็บของลงกล่องเอาไว้ ส่วนเธอหลังจากส่งลูกไปโรงเรียนแล้วจึงจะทยอยเก็บของออกจากบ้านเช่าไปไว้ที่ตึกใหม่ เพราะตอนนี้ซูหนิงจิงยังไม่ได้ไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นอื่น ๆ นอกจากแอร์ที่สั่งให้ผู้รับเหมาติดตั้งให้ในชั้นล่างและชั้นสองสองห้องเท่านั้น
ซูหนิงเซียวรับปากแม่ว่าเธอจะเก็บของลงกล่องเอาไว้ให้แม่และจะเหลือบางส่วนสำหรับใส่ไปโรงเรียนก่อนที่แม่จะขนของไปหมดค่อยเก็บอีกครั้งหนึ่ง ซูหนิงจิงสอบถามลูกสาวว่าอยากได้ผ้าม่านในห้องนอนสีอะไร เพราะเธอให้ช่างทำราวผ้าม่านเอาไว้ให้แต่แรกแล้ว อีกทั้งห้องทั้งสองยังมีระเบียงสำหรับเปิดออกไปนั่งรับลมได้ โดยซูหนิงจิงให้พวกเขาติดมุ้งลวดกันยุงในห้องทั้งสองด้วย
ซูหนิงเซียวบอกความต้องการของตัวเองให้แม่รู้เสร็จก็ขึ้นไปทำการบ้านหลังกินข้าวเย็น ซูหนิงจิงเก็บล้างห้องครัวก่อนจะรีบไปจดรายการที่ลูกสาวต้องการเอาไว้กันลืม เธอตั้งใจที่จะไปเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ ที่เธอเคยไปเดินดูก่อนหน้านี้มาไว้ในตึกใหม่ของเธอ แน่นอนว่าซูหนิงจิงจะเลือกบริการส่งของของห้างที่เธอเคยสอบถามมาก่อนหน้าแล้ว เพราะสิ่งของใหญ่ๆ เธอคงไม่สามารถยกขึ้นไปบนชั้นสองและชั้นสามได้ด้วยตัวเองเป็นแน่
สองสัปดาห์ต่อมาสิ่งของเครื่องใช้ทุกอย่างก็ถูกวางเอาไว้ในตึกใหม่เรียบร้อยหมดแล้ว ซูหนิงจิงจึงบอกให้ลูกสาวเก็บของให้หมดจะได้ไปพักที่ตึกใหม่ในวันพรุ่งนี้เลย ส่วนเธอก็จะทำเรื่องคืนบ้านและรับเงินมัดจำคืนจากเจ้าของบ้านเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะเหลือเวลาอีกเกือบสองสัปดาห์กว่าที่จะครบกำหนดเช่า แต่ซูหนิงจิงก็ไม่ได้เสียดายเงินเล็กน้อยเหล่านั้น เธออยากให้ลูกปรับตัวกับบ้านใหม่ก่อนที่เธอจะเริ่มเปิดร้านคาเฟ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ซูหนิงจิงจัดการเรื่องบ้านเช่าเสร็จหลังจากขนของของลูกสาวไปไว้ที่ตึกใหม่ทั้งหมดแล้ว เธอโทรติดต่อร้านขนมระหว่างที่กำลังไปซื้อวัตถุดิบการทำชานมว่าเธอจะเปิดร้านในวันมะรืนนี้ ขอให้ทางร้านนำขนมมาส่งช่วงแปดโมงถึงเก้าโมงเช้าในวันนั้น ซึ่งทางร้านก็รับปากกับซูหนิงจิงเป็นอย่างดี กว่าที่ร้านเล็ก ๆ ของพวกเขาจะมีลูกค้าที่สั่งของมากขนาดนี้ก็ใช้เวลาหลายปี พวกเขาจึงอยากทำทุกอย่างให้ดีเพื่อที่จะได้ไม่เสียลูกค้ารายใหญ่ไป
ซูหนิงเซียวที่แม่เดินไปรับกลับตึกในวันนี้ก็ยิ้มหวานให้กับแม่ของเธออย่างดีใจ หลังจากนี้เธอก็สามารถข้ามถนนมายังโรงเรียนด้วยตัวเองได้แล้ว สองแม่ลูกเดินข้ามถนนตามทางม้าลายไปไม่นานนักก็ไปถึงตึกใหม่ ซูหนิงเซียวได้แต่ร้องว้าว อย่างตกตะลึง เธอไม่คิดว่าแม่จะตกแต่งร้านได้น่ารักขนาดนี้ ในร้านมีตุ๊กตาน่ารักมากมายวางอยู่ตามมุมต่าง ๆ อีกทั้งชุดโต๊ะ เก้าอี้ก็ทำออกมาอย่างน่ารัก เหมือนค่าเฟ่ในฝันของซูหนิงเซียวที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด เธอได้แต่เงยหน้าบอกแม่ว่าจะช่วยแม่ส่งข่าวให้กับรุ่นพี่ที่โรงเรียนได้มาลองทานก่อนกลับบ้านกัน
ซูหนิงจิงได้แต่พยักหน้ายิ้มรับคำลูกสาว พร้อมกับบอกให้ลูกเอากระเป๋าไปเก็บก่อนจะลงมาทานข้าวเย็นที่เธอเตรียมเอาไว้ก่อนไปรับลูกสาว ซูหนิงเซียวรีบขึ้นไปชั้นสองทันที พอเห็นห้องใหม่ของเธอเข้า ซูหนิงเซียวก็ตกหลุมรักกับบรรยากาศสบาย ๆ และดูอบอุ่นตามโทนสีที่เธอขอแม่เอาไว้ ซูหนิงเซียวรีบวางกระเป๋าแล้วลงไปขอบคุณซูหนิงจิงที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวทันที ทั้งสองคนแม่ลูกต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุขที่บ้านใหม่ของพวกเธอได้รับการตกแต่งเป็นอย่างดี
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก