ซูหนิงจิงมองป้ายซอยตามที่เจ้าของบ้านบอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขับนำรถขนของไปจนกระทั่งถึงหน้าบ้านที่เจ้าของบ้านโบกมือรออยู่ รถสองคันจอดต่อกันก่อนที่ซูหนิงจิงจะลงจากรถพร้อมกระเป๋าสะพายเพื่อจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าและค่าประกันทั้งหมดสองหมื่นหยวน ซูหนิงจิงอ่านเอกสารก่อนจะเซ็นสัญญาเช่าบ้านให้เรียบร้อย
เจ้าของบ้านมอบกุญแจบ้านทั้งพวงให้กับซูหนิงจิง ก่อนจะขอตัวกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเช่นกัน
“พวกคุณขนของเข้าไปวางไว้ในบ้านได้เลยค่ะ ฉันจะโอนค่าใช้จ่ายให้บริษัทของคุณตามที่ตกลงกันเอาไว้”
“ครับ คุณผู้หญิง ขอบคุณมากครับ”
ชายทั้งสองช่วยกันยกกล่องทั้งหมดลงจากรถไปโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้น ซูหนิงจิงเห็นว่าพวกเขาทำงานดีก็มอบเงินให้พวกเขาคนละหนึ่งพันหยวนเป็นค่าตอบแทนที่พวกเขาช่วยยกของให้พวกเธอสองแม่ลูก
ชายทั้งสองกล่าวขอบคุณก่อนที่จะพากันขึ้นรถเพื่อขับกลับไปยังเมืองหลวงทันที พวกเขาคิดว่าน่าจะไปถึงตอนมืดแล้วเป็นแน่ เพราะระยะทางไกลไม่น้อย
“ลูกเข้าไปดูในบ้านก่อนสิว่าพอจะอยู่ได้สักสองเดือนไหม พรุ่งนี้แม่จะพาลูกไปหาที่เรียนแต่เช้า เราจะได้หาข้าวเช้ากินด้วย ถ้าออกไปซื้ออาหารตอนนี้น่าจะค่ำพอดี ลูกทนหิวได้ไหมหนิงเซียว”
“หนูทนได้ค่ะแม่ แม่รีบออกไปซื้อคีย์การ์ดกับ รปภ.ก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวจะค่ำไปมากกว่านี้”
“ได้ลูก ปิดประตูบ้านให้ดี ๆ ล่ะ เดี๋ยวแม่กลับมา”
“ได้ค่ะแม่ แม่ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูคิดว่าหมู่บ้านนี้ดูปลอดภัยดีค่ะ”
“จ๊ะลูก ถ้าอย่างนั้นแม่จะถาม รปภ.ดูดีกว่าว่ามีที่ไหนขายอาหารบ้าง ลูกจะได้ไม่หิว”
ซูหนิงจิงขึ้นรถขับออกไปหน้าหมู่บ้านอีกครั้งเพื่อซื้อคีย์การ์ดและอาหารให้กับเธอและลูกสาว เพราะอย่างไรหลังจากนี้อีกสองเดือน พวกเธอจะยังคงอยู่ที่หมู่บ้านนี้ก่อนที่จะหาทำเลเพื่อจะเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ สักที่หนึ่งในเมืองก้านโจว
ซูหนิงเซียวเห็นแม่ขับรถออกไปแล้วเธอก็ปิดประตูรั้วเอาไว้รอแม่กลับมาเธอค่อยออกมาเปิดให้แม่เอารถเข้ามาเก็บในบ้าน ซูหนิงเซียวเดินสำรวจรอบ ๆ บ้านก็เห็นว่าบ้านนี้ดูดีไม่น้อย แถมบรรยากาศในหมู่บ้านก็ยังสงบเงียบดีจริง ๆ ตอนแรกเธอคิดว่าจะต้องมาอยู่ในบ้านซอมซ่อกับแม่หลังจากที่แม่ต้องหย่ากับพ่อของเธอ เธอคิดมาตลอดว่าพ่อเป็นผู้นำในบ้านจึงมีงานต้องรับผิดชอบมากมายและไม่มีเวลาให้เธอกับแม่มาตลอดตั้งแต่จำความได้ แต่สุดท้ายแล้วเธอกลับมองเห็นความจริงว่าพ่อนั้นแอบมีอีกครอบครัวหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งอายุของพวกเขาก็ดูจะไม่ห่างจากเธอมากนัก ซูหนิงเซียวสะบัดความคิดเก่า ๆ ออกไป ตอนนี้เธอต้องรีบตรวจสอบว่าในบ้านนี้มีห้องอะไรบ้างจะได้เก็บข้าวของหลังจากที่แม่กลับมา
ซูหนิงจิงหลังจากซื้อคีย์การ์ดเข้าออกหมู่บ้านสองใบแล้ว รปภ.ก็บอกเธอว่าที่ฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านมีตลาดอยู่ ซูหนิงจิงจึงกล่าวขอบคุณก่อนจะขับรถออกจากหมู่บ้านไปทันที เมื่อถึงตลาดแล้ว เธอรีบลงไปซื้ออาหารกับถ้วยชามมาเผื่อเอาไว้เพราะก่อนออกมานั้นเธอไม่ได้ดูเลยว่าในบ้านมีถ้วยชามให้พวกเธอแม่ลูกใช้หรือไม่
หลังซื้อของในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซูหนิงจิงก็รีบขับรถกลับบ้านทันที เธอเป็นห่วงที่ลูกสาวที่ต้องอยู่ในบ้านคนเดียว เธอใช้เวลาขับรถไม่นานก็เข้าไปถึงหน้าบ้านเช่าแล้ว ซูหนิงเซียวที่ได้ยินเสียงรถก็รีบออกมาเปิดประตูให้แม่เอารถเข้าบ้าน
“ลูกมายกของกินกับถ้วยชามเข้าไปช่วยแม่ก่อนนะลูก แม่ซื้อของกินมาเผื่อเอาไว้อุ่นกินพรุ่งนี้เช้าด้วย” ซูหนิงจิงเปิดกระจกรถคุยกับลูกสาวก่อนจะลงไปปิดประตูรั้ว
“ได้ค่ะแม่” ซูหนิงเซียวตัวน้อยหยิบถุงอาหารมาครึ่งหนึ่งจนเต็มสองมือ ก่อนจะยกเข้าไปในบ้าน ที่เหลือซูหนิงจิงก็มาช่วยลูกยกเข้าไปด้วยเช่นกัน
หลังจากวางของทั้งหมดบนโต๊ะในห้องครัวแล้ว ซูหนิงจิงก็เดินเอากระเป๋าไปวางไว้ที่ห้องรับแขก ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องครัวเพื่อล้างถ้วยชามสำหรับกินอาหารมื้อเย็นเอาไว้ก่อน
“แม่คะ บ้านนี้มีสองห้องนอนพอดี หนูจะนอนในห้องเล็กนะคะ แม่นอนห้องใหญ่นะ เดี๋ยวหนูจะทยอยยกกล่องขึ้นไปไว้ที่ห้องนะคะ”
“ได้จ๊ะลูก ส่วนกล่องของแม่เดี๋ยวแม่ยกเองนะลูก ลูกจะได้ไม่ต้องเหนื่อย อย่าลืมลงมาทานอาหารเย็นล่ะ อีกไม่นานก็จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว”
“ค่ะแม่ ถ้าอย่างนั้นหนูรีบขนของขึ้นไปไว้ก่อนนะคะ”
ซูหนิงจิงพยักหน้ารับคำลูกสาวพร้อมรอยยิ้ม เธอรีบคว่ำถ้วยชามที่ซื้อมาเอาไว้ให้สะเด็ดน้ำก่อนที่จะเดินไปยกกล่องของตนเองไปยังอีกห้องหนึ่งที่ลูกสาวเธอบอกเอาไว้เช่นกัน
สองแม่ลูกใช้เวลาไม่นานนักก็พากันยกกล่องของตนเองขึ้นห้องไปจนหมด ซูหนิงจิงเห็นว่าได้เวลาอาหารแล้วจึงชวนลูกสาวลงไปกินข้าวก่อนค่อยมาจัดของออกจากกล่องทีหลัง ซูหนิงเซียวเดินตามแม่ลงไปชั้นล่างเพื่อกินข้าวอย่างเชื่อฟัง
หลังจากซูหนิงจิงแกะอาหารใส่ถ้วยชามเสร็จก็นั่งลงกินข้าวกับลูกสาวพร้อมกับคุยเรื่องที่จะต้องไปทำกันในวันพรุ่งนี้
“พรุ่งนี้แม่จะพาลูกไปหาที่เรียนนะหนิงเซียว ถ้าได้ที่เรียนแล้วแม่จะพาไปซื้อของสักหน่อย ส่วนกล่องของที่ลูกไม่จำเป็นต้องใช้ก็ยังไม่ต้องแกะออกมานะ รอแม่หาตึกสักหลังสำหรับทำร้านอาหารเล็ก ๆ ได้ก่อนเราก็จะต้องย้ายบ้านกันอีกรอบ”
“ได้ค่ะแม่ ถ้าอย่างนั้นหนูจะแกะแต่กล่องเสื้อผ้าออกมาไว้ใช้ในช่วงสองเดือนนี้ก่อนก็แล้วกันค่ะ ส่วนหนังสือเรียนหนูคิดว่าทางโรงเรียนน่าจะให้ซื้อใหม่ เพราะโรงเรียนเก่าของหนูน่าจะสอนไม่เหมือนกันกับที่นี่นะคะ”
“จ๊ะลูก ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะ แม่ยังมีเงินมากพอที่จะดูแลลูกได้อีกหลายปี”
“หนูรู้ค่ะแม่ แต่อะไรประหยัดได้หนูก็อยากประหยัดช่วยแม่บ้าง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจลูกนะ แต่สิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อลูกก็บอกแม่มาก็แล้วกัน อย่าทำให้ตัวเองลำบากรู้ไหม”
“หนูรู้ค่ะแม่ ขอบคุณแม่มากนะคะที่ไม่ทิ้งหนูเอาไว้กับพ่อ”
“เฮ้อ แม่ก็มีแต่ลูกคนเดียวนี่แหละหนิงเซียว แล้วจะให้แม่ปล่อยลูกเอาไว้กับคนพวกนั้นได้ยังไงกันลูก รีบกินเถอะ จะได้ไปจัดของแล้วอาบน้ำนอนกัน”
“ได้ค่ะแม่ แม่กินเยอะ ๆ หน่อยนะคะ หนูอยากให้แม่มีน้ำมีนวลมากกว่านี้”
“ฮ่า ฮ่า เด็กโง่ แม่ก็กินเท่าที่แม่อิ่มเท่านั้นแหละ ลูกนั่นแหละที่ต้องกินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ”
“หนูรู้ค่ะแม่ ฮิ ฮิ”
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว ซูหนิงจิงบอกให้ลูกสาวขึ้นไปเก็บของแล้วอาบน้ำนอนแต่หัวค่ำ ส่วนเธอยังคงทำความสะอาดและนำอาหารที่เหลือเก็บเอาไว้ในตู้เย็น ดีที่บ้านนี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้ด้วย ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องซื้อของเข้ามาอีกมากแค่ไหน
ซูหนิงจิงทำความสะอาดและเก็บของเข้าตู้เย็นเสร็จก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อนำเสื้อผ้าออกมาแขวนเอาไว้สำหรับใส่ในช่วงสองเดือนนี้ ดีที่บ้านนี้มีห้องน้ำในตัวทั้งสองห้อง ทำให้เธอไม่ต้องลำบากออกไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่าง
คืนนี้สองคนแม่ลูกต่างหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง พรุ่งนี้ยังมีสิ่งที่พวกเธอสองแม่ลูกต้องทำอีกมาก ถึงแม้จะแปลกที่สักหน่อยแต่พวกเธอก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันต่อมา ซูหนิงจิงรีบลงไปเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้เธอกับลูกก่อนที่จะออกไปทำธุระข้างนอก ซูหนิงเซียวเองก็เตรียมเอกสารที่โรงเรียนเก่าเพื่อนำไปยื่นสมัครเรียนในโรงเรียนใหม่วันนี้เช่นกัน
ซูหนิงเซียวถือซองเอกสารและกระเป๋าสตางค์ที่แม่ซื้อให้สะพายลงมาแล้ววางของเอาไว้ที่ห้องรับแขก ก่อนที่จะเข้าไปดูว่าแม่ของเธอมีอะไรให้ช่วยในครัวหรือไม่
“แม่มีอะไรให้หนูช่วยมั้ยคะ”
“ไม่มีแล้วลูก แม่อุ่นอาหารเสร็จแล้ว ลูกไปนั่งเถอะ”
“ค่ะแม่”
ซูหนิงจิงนำอาหารและข้าววางเอาไว้บนโต๊ะอาหารในห้องครัว จากนั้นจึงบอกให้ลูกสาวรีบกินข้าวจะได้ออกไปขับรถหาโรงเรียนดี ๆ สักแห่งในก้านโจว
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก