ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี

last updateLast Updated : 2025-10-31
Language: Thai
goodnovel16goodnovel
Not enough ratings
6Chapters
0views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาในร่างสะใภ้ยุค 80 ก็คิดว่าจะได้สโลว์ไลฟ์ดูแลลูกเลี้ยงและแม่สามีเป็นนางเอกนิยายแสนดี แต่เธอกลับมีความสามารถใหม่ ทั้งยังต้องรีบหาเงินหนีไปซื้อบ้านให้ไกล ก่อนที่ฆาตกรต่อเนื่องคนดังจะลงมือ

View More

Chapter 1

บทนำ ไทยมุง

โปรยเนื้อหา

       รสาบัณฑิตใหม่วัย 21 ปี ไปเที่ยวส่งท้ายก่อนกลับไทยในหมู่บ้านชาวนาที่ขุดเจอศพผู้หญิงเกือบร้อยเมื่อเดือนก่อน เธอผู้เป็นสาวกพอดแคสต์ฆาตกรต่อเนื่องจะพลาดโอกาสมาเป็นไทยมุงในสถานที่จริงได้ยังไงกัน แต่แล้วจู่ๆ รสาก็ฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ ‘ว่านเฟยเฟิ่ง’ ลูกคุณหนูวัย 18 ปีที่ร้ายกาจจนแม่เลี้ยงและปู่ส่งมาแต่งงานในหมู่บ้านชนบทปี 1980 เพื่อกำจัดให้พ้นหูพ้นตา

        ทีแรกเธอหลงดีใจคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์เป็นนางเอกทะลุมิติแบบนิยายที่ชอบอ่าน จากนางร้ายปลายแถวสู่นางเอกครบเครื่องทุกความเก่งกาจอะไรเถือกนั้น แต่มันกลับไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะเธอดันมาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับที่ขุดเจอศพเหล่านั้น

       นอกจากจะค้นพบว่าความสามารถตัวเองไม่ใช่ระดับนางเอกแมรี่ซู ความฉลาดก็งั้นๆ สกิลการสืบสวนก็ไม่มี ไหนจะลูกเลี้ยงและแม่สามี แถมยังต้องแบ่งเวลาไปช่วยผีที่คอยตามมาขอความช่วยเหลือถึงบ้านอีก ทางเดียวที่จะมีชีวิตแบบไม่ห่วงหน้าพะวงหลังคือรีบหาเงิน แล้วกล่อมสามีที่ยังไม่เคยเจอหน้าให้ไปซื้อบ้านไกลๆ  ก่อนฆาตกรจะเริ่มลงมือ 

“ตอนเป็นไทยมุงก็สนุกดีอยู่แหละ แต่เป็นผู้ประสบภัยแบบนี้ ใครไหวก็ไปก่อนเลย”

บทนำ ไทยมุง

“โอ๊ยเจ็บนะ ป้าจะดันฉันมาทำไม” รสาโวยวายออกไปเพราะความทรงจำล่าสุดนั้น ตนเองกำลังถูกดันมาจากด้านหลังจนล้มลงกับพื้น

       เธอพยายามดันตัวลุกขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล จึงปรือตาขึ้นพบกับความมืดมิด มีเพียงแสงดาวบนฟ้าที่พอส่องให้เห็นสิ่งรอบกายบ้างเล็กน้อย

“อลินา ป้าซี ทิ้งฉันไว้แบบนี้ได้ยังไง! กลับมานะ!” 

        เสียงตะโกนของรสาไม่มีผู้ใดตอบรับมีเพียงเสียงลม และแมลงที่ร้องคลอสร้างบรรยากาศ รสาที่ยันตัวขึ้นได้สำเร็จหันมองรอบกาย ไม่มีผู้คน ไม่มีไฟถนน ไม่มีเต็นท์ขาว ไม่มีเจ้าหน้าที่หมกมุ่นทำงานอย่างเมื่อตอนกลางวัน

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้…

“แกถ่ายรูปไปให้เยอะๆ เลยนะ เผื่อเราจะเอาไปเล่าแล้วดังได้เป็นพอดแคสเตอร์บ้าง” รสาพูดพลางเอากล้องติดไว้กับศีรษะของตนเอง หันมองรอบกายเป็นที่โล่งแจ้ง รวงข้าวเหลืองทองไปทั่วบริเวณ

“โห แกดูนั่นสิ เป็นเดือนแล้วยังขุดไม่หมดเลย” อลินาหันไปบอกเพื่อนเมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ยังคงขุดหาร่างอย่างต่อเนื่อง และมีการตั้งเต็นท์เพื่อรวบรวมโครงกระดูกที่พบ และทำงานในสถานที่เกิดเหตุ

“แกว่าสุดท้ายแล้วตัวเลขจะทะลุร้อยไหม แค่ตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในฆาตกรที่มีเหยื่อมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีนแล้ว” รสากล่าวด้วยความตื่นเต้น “คนทำทั้งหมดนี่ ถ้ายังอยู่ลินาว่าเขาจะยังฆ่าคนอยู่ไหม”

“แค่นี้ก็หลอนจะแย่ ยังจะไปจินตนาการว่าเขามีชีวิตอยู่อีก ไม่รู้แกจะพาฉันมาเป็นไทยมุงดูเขาหาคนตายกันทำไม” อลินาบ่นอุบนึกว่าหลังสอบเสร็จการไปเที่ยวส่งท้ายจะเป็นการถ่ายรูปในสถานที่สวยๆ แต่กลับต้องมาแอบถ่ายโครงกระดูกให้เพื่อนสนิท

“นั่นสิคงจะดีกว่าถ้าได้อยู่ตอนฆาตกรออกล่า ฉันจะได้รู้เรื่องแบบติดขอบเวที”

“รสาพูดจาเลอะเทอะ อย่างแกเนี่ยกว่าจะรู้ว่าใครเป็นฆาตกรถ้าไม่โดนจับก็ตอนจะโดนฆ่าเองนั่นแหละ”

“อ้าวทำไมพูดงี้อ่า แกว่าฉันโง่เหรอ” รสาอ้าปากหวอ “ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นสักหน่อย”

“ไม่โง่ แต่ไม่มีสัญชาตญาณการเอาตัวรอด คนอะไรโจรขึ้นหอดันนึกว่าตัวเองเข้าห้องผิด” อลินาส่ายหน้าแหงนขึ้นมองพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวันแล้วถอนหายใจออกมา

“เถอะน่า เราอยู่ที่นี่สามวัน หลังจากนี้แกจะไปไหนฉันตามใจแกทุกอย่างเลย”

       รสาเป็นฝ่ายชวนอลินามาแอบดูสถานที่ที่มีการขุดเจอโครงกระดูก เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ขุดพบไม่ใช่เพียงสิบชีวิตอย่างที่เคยอ่านเจอครั้งแรก เพราะอีกสองสัปดาห์ถัดมามีการพบเพิ่ม จนตอนนี้ผ่านมาหนึ่งเดือนยอดตัวเลขโครงกระดูกเพิ่มเป็นแปดสิบสองชีวิต และยังมีวี่แววว่าจะยังมีส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่อีก

“นี่…หนูมาดูเขาหาศพกันใช่มั้ย หลานชายป้าเป็นคนเจอกระดูกคนแรกเองแหละ ไม่คิดว่าจะมีฝังอยู่มากขนาดนี้” คุยป้าคนหนึ่งเดินเข้ามาทักรสาและอลินา 

“วันนี้อากาศร้อนหนูซื้อน้ำป้าสิ ป้าจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลย”

“เอาคนละขวดก็ได้ค่ะ” อลินาหันไปตอบ

“ยี่สิบหยวนจ้ะ” 

“โหคุณป้า เห็นพวกเราเป็นต่างชาติเลยโก่งราคาใช่ไหมเนี่ย น้ำแบบนี้หกหยวนก็ได้กำไรแล้ว” รสาโวยวายออกมา

“ค่าน้ำหกหยวน ที่เหลือค่าเล่าให้ฟัง จะเอาไม่เอา” คุณป้าที่ถูกกลุ่มเด็กผู้หญิงที่คิดว่าควรจะหลอกได้ก็เริ่มรู้สึกขุ่นมัว

“เอาก็ได้ค่ะ ป้าชื่ออะไรพวกเราจะได้เรียกถูก” รสาตอบพยักหน้าให้อลินายื่นเงินให้คุณป้า

“ป้าแซ่ซี ชื่อซูลี่ เรียกป้าซีก็ได้ นี่น้ำจ้ะ” รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าของซูลี่ก่อนจะยื่นน้ำให้กับเด็กทั้งสองเตรียมจะเดินหนีไป แต่ก็ถูกรสารั้งไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวก่อนป้าซี ป้าเล่ามาเลยนะหลานชายป้าไปเจอได้ยังไง” 

“คือแบบนี้…”

       ป้าซีซูลี่เริ่มเล่าว่าหลานชายของตนจะกลับมาเปิดมินิมาร์ท และทำการเกษตรแนวตั้งในหมู่บ้านนอกเขตเมืองแห่งนี้ แต่ระหว่างที่กำลังก่อสร้างคนงานเจอโครงกระดูกคนนับสิบ จึงต้องหยุดยั้งการก่อสร้างและเรียกเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ 

“ทีแรกพวกเราคิดว่าคงสร้างทับสุสานโบราณ แต่หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอายุของโครงกระดูกก็ต้องเปลี่ยนความคิด เพราะกระดูกพวกนี้เพิ่งถูกฝังเมื่อสามสิบถึงสี่สิบปีก่อน ตอนนั้นที่ตรงนี้เป็นแค่ป่าธรรมดาเท่านั้น ป้ายืนยันเรื่องนี้ได้เพราะตอนนั้นป้าก็อยู่ในหมู่บ้านนี้เนี่ยแหละ”

       ป้าซีเล่าต่อว่าสัปดาห์ต่อมาเกิดฝนตกจนน้ำทำลายหน้าดินเจอเข้ากับโครงกระดูกในบริเวณใกล้เคียงเพิ่มอีก จึงมีการค้นหาอย่างจริงจังแบบที่เห็นอยู่ในตอนนี้

“สี่สิบปีที่แล้ว แปลว่าเริ่มฆ่าคนช่วงแปดห้า ป้าซีแน่ใจใช่ไหมคะ ยังไม่มีใครออกมายืนยันเลยว่าศพพวกนี้ถูกฝังมานานแค่ไหน”

“แน่ใจสิ ป้ามาทุกวัน แอบฟังพวกที่มาดูกระดูกคุยกันตลอด เขาประมาณไว้ว่าสี่สิบแต่ก็ยังไม่ได้ตรวจละเอียดครบหรอก ปิดหมดแบบนี้ของที่หลานป้าลงทุนก็คอยมาขายให้คนทำงานนี่แหละ” ป้าซีเล่าไปยกน้ำสลับกับเรียกลูกค้าที่มาคอยมุงดูการขุดค้นหา

“แล้วทำไมถึงมีข่าวลือออกไปว่าเป็นการฆาตกรรมต่อเนื่องล่ะคะ การเจอกระดูกไม่ได้ยืนยันอะไรนี่นา” รสาถามด้วยความสงสัย

“เอ…เรื่องนี้ ป้าก็ไม่แน่ใจ ไปแอบฟังกันดีไหมล่ะ มีจุดที่แอบเข้าไปดูใกล้ๆ ได้อยู่ ป้าจะพาไป”

“กี่หยวนคะบริการนี้” รสาเหน็บแนมออกไป

“อันนี้ไม่คิดเงิน เพราะป้าก็อยากรู้เหมือนกัน” 

.

.

.

       หนึ่งหญิงวัยกลางคนสองเด็กสาวลัดเลาะไปยังด้านหลังชายป่าสุดเขตที่ถูกติดเทปป้องกันไม่ให้คนนอกเข้า และหากเดินขึ้นเนินต่อก็จะมองเห็นการทำงานได้ชัดเจน และโชคดีที่ใกล้บริเวณนั้นมีเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานกำลังนั่งพักอยู่พอดี

“บนกระดูกหน้าผากมีสัญลักษณ์เดียวกันแบบนี้ยังไงก็ใช่” เจ้าหน้าที่คนแรกกล่าวออกมา

“ยังไงก็ยังสรุปไม่ได้ อาจจะร่วมมือกันเป็นกระบวนการก็ได้ คนเดียวจะฆ่าคนได้มากขนาดนี้โดนไม่มีใครสงสัยได้ยังไงกัน” เจ้าหน้าที่อีกคนส่ายหน้า ก่อนจะรู้สึกเหมือนว่าถูกแอบมองจึงหันขึ้นมองไปยังกลุ่มของรสา

“นั่นใคร! พวกคุณเข้ามาใกล้ไม่ได้นะ”

“ตายแล้ว ถอยๆๆๆ ถอยสิ” ป้าซีโวยวายออกมาพร้อมกับเริ่มก้าวถอยหลังดันให้ลูกค้าทั้งสองหลบไปก่อนเจ้าหน้าที่จะออกมาเจอ

“ป้าอย่าดัน ป้าซีหยุดก่อน” รสาร้องห้ามในขณะที่ตนเองเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าก้าวขาไม่ทัน และกำลังขาดที่วางเท้าอย่างมั่นคง เพราะบนพื้นมีหินจำนวนมากทำให้เสียการทรงตัว

“หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่นะ ป้าซี กรี๊ด”

       รสาเท้าพลิกจนตัวล้มลงทับกับอลินา แต่โชคร้ายที่เมื่ออลินาดันออกมากลับมีแรงน้ำหนักมากพอให้รสากลิ้งลงเนินที่ลัดเลาะกันมาเมื่อครู่ ร่างกายของรสารู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว จนกระทั่งชนกับหินใหญ่ก้อนหนึ่งเข้าเต็มแรง เธอได้ยินเสียงกึกดังมาจากภายในร่างกายตนเอง นั่นคือเสียงของกระดูกคอที่หักออก ความเจ็บแปล๊บแล่นไปทั่วร่าง ก่อนที่จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดในร่างกายอีกต่อไป  ไม่นานนักภาพจากสายตาก็ดับวูบลง

เกิดอะไรขึ้นกันแน่

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
6 Chapters
บทนำ ไทยมุง
โปรยเนื้อหา รสาบัณฑิตใหม่วัย 21 ปี ไปเที่ยวส่งท้ายก่อนกลับไทยในหมู่บ้านชาวนาที่ขุดเจอศพผู้หญิงเกือบร้อยเมื่อเดือนก่อน เธอผู้เป็นสาวกพอดแคสต์ฆาตกรต่อเนื่องจะพลาดโอกาสมาเป็นไทยมุงในสถานที่จริงได้ยังไงกัน แต่แล้วจู่ๆ รสาก็ฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ ‘ว่านเฟยเฟิ่ง’ ลูกคุณหนูวัย 18 ปีที่ร้ายกาจจนแม่เลี้ยงและปู่ส่งมาแต่งงานในหมู่บ้านชนบทปี 1980 เพื่อกำจัดให้พ้นหูพ้นตา ทีแรกเธอหลงดีใจคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์เป็นนางเอกทะลุมิติแบบนิยายที่ชอบอ่าน จากนางร้ายปลายแถวสู่นางเอกครบเครื่องทุกความเก่งกาจอะไรเถือกนั้น แต่มันกลับไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะเธอดันมาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับที่ขุดเจอศพเหล่านั้น นอกจากจะค้นพบว่าความสามารถตัวเองไม่ใช่ระดับนางเอกแมรี่ซู ความฉลาดก็งั้นๆ สกิลการสืบสวนก็ไม่มี ไหนจะลูกเลี้ยงและแม่สามี แถมยังต้องแบ่งเวลาไปช่วยผีที่คอยตามมาขอความช่วยเหลือถึงบ้านอีก ทางเดียวที่จะมีชีวิตแบบไม่ห่วงหน้าพะวงหลังคือรีบหาเงิน แล้วกล่อมสามีที่ยังไม่เคยเจอหน้าให้ไปซื้อบ้านไกลๆ ก่อนฆาตกรจะเริ่มลงมือ “ตอนเป็นไทยมุงก็สนุกดีอยู่แหละ แต่เป็นผู้ประสบภัยแบบนี้ ใครไหวก็ไ
last updateLast Updated : 2025-10-31
Read more
บทที่ 1 สับสนมึนงง
บทที่ 1 สับสนมึนงงกลับมาปัจจุบัน…“เจ็บหัวชะมัด ไปไหนกันหมด” รสาลุกขึ้นยืนจากพื้นดินเย็นเฉียบที่ตนเองนอนอยู่พยายามปัดฝุ่นก็ต้องแปลกใจ เพราะชุดที่เธอกำลังสวมใส่ไม่ใช่ชุดเดียวกันกับที่ใส่มาวันนี้ แต่มันกลับเป็นกระโปรงยาวลายดอก ผ้าคุณภาพดีเยี่ยมผิดกับเสื้อผ้าที่จะเจอได้ตามร้านฟาสแฟชั่น ด้านข้างมีกระเป๋าเดินทางที่ทำขึ้นมาจากผ้าไม่ใช่พลาสติกแบบที่คุ้นเคยแล้วตอนนั้นเสียงอะไร คอหักแต่ไม่ตาย ฉันเป็นคนอยู่ไหมเนี่ย เมื่อทรงตัวได้ที่แล้วก็ยังรู้สึกเจ็บหลังศีรษะอยู่ รสาจึงได้เอื้อมมือไปจับดูก็พบว่ามีเลือดออกเต็มไปหมด “หัวแตก! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”“รำคาญ! เงียบๆ ไปสักทีคนจะหลับจะนอน” เสียงตะโกนดังออกมาจากบ้านฝั่งตรงข้าม ส่วนตัวรสาที่มองหันกลับไปก็เห็นว่าตนเองล้มลงภายในรั้วบ้านจึงคิดเอาเองว่าคนในบ้านหลังนี้คงช่วยเหลือตนเองเอาไว้ โดยที่ยังแปลกใจไม่หายที่เพื่อนสนิทไม่พาเธอไปหาหมอ แต่กลับเปลี่ยนชุดให้แล้วพามาฝากไว้บ้านใครก็ไม่รู้อย่างตอนนี้ รสาถือวิสาสะเปิดกระเป๋าที่ตัวเองสะพายอยู่ก็พบกับเอกสารประจำตัวที่ระบุว่าเป็นของว่านเฟยเฟิ่ง ส่วนที่อยู่เธอพยายามสอดส่องสายตาหาคำที่รู้จักก
last updateLast Updated : 2025-10-31
Read more
บทที่ 2 ไม่น่าไว้ใจ
บทที่ 2 ไม่น่าไว้ใจ“น้าหัวเราะอะไร” “เปล่านะ เอ่อคือ…ปกติน้าอยู่ห้องไหน”“ห้องใหญ่” เด็กน้อยชี้ไปยังประตูแรกด้านขวามือ เฟยเฟิ่งนำกระเป๋าไปวางไว้ด้านใน แล้วก็รีบออกมาหน้าห้องพบว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กกำลังยืดคอมองสอดส่องอยู่“ไปเรียกพี่ชายออกมาหน่อย น้ามีเรื่องต้องคุยด้วย” เมื่อมากันพร้อมหน้าแล้วก็มีการจ้องตากันอย่างแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย เด็กทั้งสองดูอย่างไรก็ไม่กล้าขยับกายเข้าใกล้สตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยง ตัวเฟยเฟิ่งจึงย่อเข่าลงมาให้สายตาตนเองอยู่ระดับเดียวกันกับเด็กทั้งสอง“น้าล้มหัวฟาดพื้น จำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เรื่องนี้ห้ามบอกใครตกลงไหม” เฟยเฟิ่งเริ่มพูดก่อน“ทำไมห้ามบอก” ผู้เป็นพี่ชายสอบถามขึ้นก่อน“เพราะถ้าต่อไปเราจะซื้อของ หรือขอแลกอะไรจะถูกเอาเปรียบได้” “น้านั่นแหละเอาเปรียบ ให้พวกเราหากินกันเอง ทั้งที่น้ามีเงินติดตัวมาตั้งมากมาย” “เงินส่วนนั้นเป็นสินเดิมใช่ไหม” เฟยเฟิ่งถาม“ใช่ น้าเคยตะโกนว่าอย่ายุ่งกับสินเดิมของน้า ตีแรงหลายทีเลย” เด็กหญิงกล่าวขึ้นบ้างเพราะเคยถูกดุด่าที่ไปสนใจสร้อยไข่มุกของว่านเฟยเฟิ่ง“ถ้าเป็นสินเดิมก็ไม่แปลกอะไร เพราะนั่นเป็นของส่วน
last updateLast Updated : 2025-10-31
Read more
บทที่ 3 ผู้(เกือบ)ประสบภัย
บทที่ 3 ผู้(เกือบ)ประสบภัย ว่านเฟยเฟิ่งคิดไปถึงชีวิตเก่าของตนเองที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าอยากรู้เรื่องแบบติดขอบเวที แม้ใจจะรักแค่ไหนแต่หากต้องมาเสี่ยงเข้าจริงเธอก็คงไม่เอา “น้าจะไปไหน” จื่อซวานเรียกตามหลังเมื่อเห็นคุณน้าคนสวยวิ่งออกไปจากบ้าน สองเท้าสลับสับเปลี่ยน เฟยเฟิ่งสังเกตไปรอบตัวพยายามหาทิศทางว่ามีความคล้ายคลึงใดกับภพเดิมบ้าง แต่แล้วที่สุดสายตาก็เห็นเนินที่ป้าซูพาแอบลัดเลาะขึ้นไปฟังเจ้าหน้าที่“ปากพาซวย พาซวยจริงๆ”“น้าวิ่งมาทำไม” จื่อซวานถามอย่างตกใจ“ย้ายบ้านเราต้องย้ายบ้าน ต้องย้ายจริงๆ”“ย้ายไม่ได้ นี่บ้านพ่อ สุดท้ายน้าก็จะไปเหมือนคนอื่นๆ ไม่น่าทำแผลให้เลยจริงๆ” ซีจื่อซวานกำมือแน่นดึงน้องสาวเข้ามากอดไว้ท่าทีต้องการปกป้อง“จื่อซวาน ซูลี่กลับไปบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวน้าตามไป”“ตามจริงนะ ซูลี่อยากกินข้าวถั่วอีก” ซีซูลี่ที่ดูจะเปิดใจยอมรับความอบอุ่นอันเล็กน้อยได้เร็วกว่าวิ่งเข้ามากอดขาคุณน้าที่มีผิวเนียนนุ่มกว่าใครที่เคยรู้จักในชีวิตไว้แน่น“ตามจริง ที่บอกว่าย้ายบ้านก็หมายถึงย้ายไปกันทุกคน ไปเถอะไปพร้อมกันก็ได้” เฟยเฟิ่งใช้มือข้างหนึ่งจูงซูลี่ ส่วนอีกข้างหนึ่งนวดขมับของตน
last updateLast Updated : 2025-10-31
Read more
บทที่ 4 ฉันนิสัยไม่ดีมากเหรอ
บทที่ 4 ฉันนิสัยไม่ดีมากเหรอ“จื่อซวานรู้รึเปล่าว่าทำไมรอบนี้พ่อเธอถึงให้แต่น้า แม่ตัวเองทำไมไม่แบ่งให้” เมื่อออกมาพ้นรั้วบ้านเฟยเฟิ่งก็เริ่มล้วงข้อมูลในทันที“รอบก่อนลุงเข่อเอาเงินเดือนมาให้ย่าแล้ว วันที่น้ามาวันแรกนั่นแหละ ถ้าบ้านอันไม่มาขอไป…เจ็บใจนัก” เด็กชายวัยเจ็ดปีที่ดูพูดจาเกินวัยตามประสาคนที่ต้องรีบเติบโตกล่าวออกมา“อืม…นึกไม่ออกเลยสักนิด” เฟยเฟิ่งพยายามค้นความทรงจำก็เจอเพียงภาพเฟยเฟิ่งคนเก่ายืนกระทืบเท้าอยู่ในห้อง“น้าอย่าไปเดินกลางถนน มาเดินกับซูลี่” “จริงด้วย น้าคิดเพลินไปหน่อย เด็กๆ รู้เรื่องเข้ามหาวิทยาลัยกันไหม” ว่านเฟยเฟิ่งตัดสินใจถามออกไป“คืออะไร” จื่อซวานหยุดเดินเงยหน้ามองแม่เลี้ยงของตัวเอง“คือที่เรียนหนังสือเหมือนโรงเรียน แต่ทุกคนที่เข้าไปเรียนจะต้องเรียนจบมาจากโรงเรียนก่อนแล้ว ต้องสอบแข่งกันเข้าไป พอไปเรียนจบออกมาก็จะหางานไม่ต้องเหนื่อยแรงกาย”“ลูกชาวนาแค่ทำนาเป็นก็พอแล้ว” ซูลี่ยิ้มออกมาอย่างมุ่งมั่น“คิดแบบนี้ไม่ได้ ถ้าซูลี่พูดแบบนี้อีก น้าจะให้ยืนขาเดียวจับหูตัวเองนะ”“น้ากลับมาดุแล้ว ไม่เอา!” ซูลี่สะบัดมือเฟยเฟิ่งทิ้งแล้วไปเกาะแขนพี่ชายที่ยังขมวดคิ้วไม่เลิกแท
last updateLast Updated : 2025-10-31
Read more
บทที่ 5 เข้าตลาด
บทที่ 5 เข้าตลาด“เอาเถอะ เรามาซื้อของเอาเงินมาให้ คงไม่มีใครผูกใจเจ็บนานหรอก” ว่านเฟยเฟิ่งจูงมือซูลี่แล้วเดินตามจื่อซวานที่มุ่งตรงไปร้านขายของแห้งและเครื่องปรุง แต่ก่อนก้าวขาเข้าร้านเฟยเฟิ่งเผอิญได้ยินว่ามีเด็กสาววัยสิบหกปีหายตัวออกไปจากหมู่บ้านซานต้งเมื่อคืน เธอเลยเปลี่ยนแผนดึงจื่อซวานให้ถอยหลังและหันไปฟังข่าวนี้อย่างตั้งใจ“จะได้แต่งกับทหารแล้วแท้ๆ เชียว” เสียงแม่ค้าประจำแผงที่กำลังเล่าเรื่องดังขึ้น“แม่ค้ารู้ไหมว่าเขาหายไปไหน” เฟยเฟิ่งตัดสินใจถามออกไป“ถอยออกไป ร้านผักของฉัน ไม่ต้อนรับพวกหัวสูง” แม่ค้าคนนั้นหันมาด่า “เลิกมายืนแอบฟังได้แล้ว ออกไป๊!”“ก่อนหน้านี้ฉันทำอะไรให้แม่ค้าเจ็บช้ำน้ำใจฉันต้องขอโทษจริงๆ ฉันแค่ยังปรับตัวไม่ได้ก็เท่านั้น” เฟยเฟิ่งก้มหัวขออภัย นึกโกรธที่ร่างเก่าเลือกเป็นศัตรูกับใครไม่เป็น ดันมาเลือกตัวกระจายข่าวของชุมชนเสียได้ “ด่าว่าร้านฉันขายของสกปรกชั้นต่ำแล้วคิดว่าแค่ขอโทษแล้วฉันจะให้อภัยเหรอ ไม่มีทางซะหรอก ออกไปได้แล้ว คนในตลาดเขารอฟังเรื่องกันต่อ” ว่านเฟยเฟิ่งที่ได้ยินอย่างนั้นก็ทำสีหน้าไม่ถูกด้วยไม่เห็นว่าร้านนี้จะสกปรกที่ตรงไหน ข้าวของก็ถูก
last updateLast Updated : 2025-10-31
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status