LOGINขวัญข้าวหญิงสาวจากต่างจังหวัด นั่งรอพี่เสือมารับ ตั้งแต่สิบสี่นาฬิกาสี่สิบนาที จนกระทั่งเวลานี้ใกล้สิบเจ็ดนาฬิกาเต็มทีแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขานั้นจะมารับเธอ หญิงสาวมองไปรอบๆ ผู้คนมากมาย แต่เธอนั้นกลับไม่รู้จักใครเลย
Rrrr!!! เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นถี่ๆ หลายครั้ง จนในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจกดปุ่มรับ เพราะกลัวว่ามารดานั้นจะเป็นกังวล
"ฮัลโหล...สวัสดีค่ะแม่" ขวัญข้าวพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด เพราะเวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเริ่มมีน้ำใสๆ คลอหน่วย เนื่องจากความคิดถึงมารดา และน้อยใจในโชคชะตาที่กำลังเผชิญ
"ไปถึงหรือยังลูกเป็นยังไงบ้าง พออยู่ได้ไหม" คำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากหญิงสูงวัยนั้น กำลังจะทำให้ขวัญข้าวสะอื้นออกมา ซึ่งน้ำตาของเธอเริ่มไหลเป็นทาง แม้หญิงสาวจะพยายามกะพริบตาให้มันหยุดไหล แต่ความอัดอั้นตันใจที่มีอยู่เต็มอกนั้น ไม่สามารถหักห้ามให้มันหยุดไหลลงมาได้
"อยู่ได้ค่ะแม่สบายมาก ไม่ต้องห่วงขวัญนะคะ แบตโทรศัพท์ขวัญจะหมดแล้วค่ะแม่ ต้องไปชาร์ตก่อนแล้วจะวิดีโอคอลหานะคะ" หญิงสาวรีบพูดตัดบทมารดา พร้อมกับเอานิ้วชี้และนิ้วกลางไขว้ไว้ที่ด้านหลัง เมื่อพูดปด และยังไม่อยากสนทนามารดาในเวลานี้ เพราะกลัวว่านางนั้นจะถามถึงพี่เสือ และเธอคงหาคำตอบให้กับมารดาไม่ได้แน่
"เอาไปชาร์ตแบตก่อนเลยจ้า เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่ดูแลตัวเองด้วย แม่รักหนูนะ"
"หนูก็รักแม่ค่ะ สวัสดีค่ะแม่ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ" พูดจบประโยคขวัญข้าวก็รีบตัดสาย พร้อมกับนั่งร้องไห้จนตัวโยนอย่างไม่อายใคร เมื่อหญิงสาวมีความคิดถึงผู้เป็นมารดายิ่งกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้
เสือหรืออัครเดชเดินทางมาถึงสนามบิน ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปทั่วทั้งที่เก้าอี้นั่งพักผู้โดยสาร แต่ก็ไม่พบกับขวัญข้าว จนกระทั่งเขารู้สึกคุ้นๆ กับเรือนร่างอรชรที่เอาแต่นั่งก้มลงต่ำ โดยใช้มือทั้งสองข้างกุมไปที่ใบหน้าเอาไว้ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับก้มมองลงแล้วเอ่ยถามออกมา
"ขอโทษนะครับ ใช่ขวัญข้าวหรือเปล่า" เสียงทุ้มที่ดังขึ้น กำลังทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นเธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา ทั้งสองต่างก็ตกตะลึงในกันและกัน ชายหนุ่มนั้นไม่คิดว่าหญิงสาวจะสวยและดูดีได้ถึงเพียงนี้ เค้าโครงใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เด็กหญิงกะโปโลที่เขาเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน กลายเป็นสาวสวยที่มองยังไงก็ไม่รู้เบื่อ ใบหน้าที่ไร้เมคอัพของเธอยังสวยสะดุดตาเขาได้ถึงเพียง และถ้าเธอทำผมแต่งหน้าทาปากคงจะสวยมากกว่านี้หลายเท่า แต่เขาชอบมองหน้าสดของเธอแบบนี้มากกว่า
ขณะที่ขวัญข้าวเองก็ได้ตกอยู่ในภวังค์ เมื่อได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มในระยะกระชั้นชิดแบบนี้ ซึ่งหลายปีแล้วที่เธอไม่ได้พบกับเขา และไม่คิดว่าวันนี้พี่เสือของเธอเขาจะเป็นหนุ่มหล่อ เท่สมาร์ตและดูดีกว่าในรูปหลายเท่า
"เอ่อ...สวัสดีค่ะพี่เสือ" ขวัญข้าวตั้งสติแล้วรีบทักเขาออกไปในทันที ภายในใจลึกๆ ของเธอนั้นรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ได้ชอบเธอเลยสักนิด
"อืม... เอากระเป๋ามาสิ มีแค่นี้เหรอ" อัครเดชถามออกมาด้วยความสงสัยเธอจะมาทำงาน หรือมาพักแรมเข้าค่ายลูกเสือกันแน่ เพราะมีเพียงกระเป๋าเป้ใบเดียวและกล่องกระดาษที่ใส่ของฝากมาด้วย
"ใช่ค่ะ แค่นี้เองเดี๋ยวขวัญถือเองก็ได้" ขวัญข้าวพูดออกมาด้วยท่าทางที่เกรงใจ
"อืม... ไปสิรถจอดอยู่ทางโน้น" พูดจบอัครเดชก็เดินนำหน้าขวัญข้าวออกไป ส่วนตัวหญิงสาวนั้นพยายามเดินช้าๆ เพราะเธอนั้นไม่กล้าเดินเคียงคู่ออกไปกับเขา เมื่อสายตาของทุกคนบริเวณนั้น ต่างก็จับจ้องมาที่ชายหนุ่มราวกับว่าเขานั้นเป็นซูเปอร์สตาร์
"พี่เสือ พี่เสือใช่ไหมคะ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยค่ะ" มีกลุ่มวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยสาวสวย วิ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกับขอถ่ายรูปด้วย ขณะที่ขวัญข้าวเองก็ได้ยืนมองเขาอยู่ห่างๆ
"ได้สิครับแต่ขอแป๊บเดียวนะ" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กับบรรดาสาวๆ แต่ทว่าสายตาคมของเขากลับจ้องมองไปที่ขวัญข้าว เธอทำราวกับว่าไม่รู้จักกัน แถมยืนอยู่ไกลออกไปจากเขามาก ใบหน้าของเธอช่างดูเรียบเฉย ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ กับใครทั้งสิ้น จนเขานั้นไม่สามารถเดาความรู้สึกของเธอได้ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะโวยวายไปแล้ว ที่เขานั้นมาเลทตั้งหลายชั่วโมง แถมตอนนี้เธอยังต้องยืนรอเขาถ่ายรูปกับสาวๆ อีก
"ขอบคุณนะคะพี่เสือ หล่อและใจดีอีกต่างหาก พวกเราเป็นแฟนคลับของพี่นะคะ" หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับกล่าวขอบคุณเขา ซึ่งเวลานี้อัครเดชก็ไม่ต่างจากซูเปอร์สตาร์คนหนึ่ง เพราะเขานั้นได้เป็นแชมป์เปี้ยน แข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบตั้งหลายสมัย
"ด้วยความยินดีครับ ขอบคุณนะที่ติดตามเชียร์พี่ ขอตัวก่อนนะ" เมื่อพูดกับสาวๆ กลุ่มนั้นจบประโยค ชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังรถ โดยมีขวัญข้าวเดินตามมาห่างๆ เหมือนเดิมเช่นเคย สักพักรถสปอร์ตคันหรูก็ขับเคลื่อนออกจากสนามบินตรงไปยังบ้านหลังงามของอัครเดช
"หิวไหม" นั่นคือประโยคแรกที่ดังขึ้น ในระหว่างที่คนทั้งคู่นั่งรถมาด้วยกัน
"นิดหน่อยค่ะ" คำตอบของขวัญข้าวทำให้ชายหนุ่มถึงกับกระตุกยิ้มที่มุมปาก เธอช่างแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบเจอมา "ตอนนี้ที่บ้านของฉัน กลุ่มเพื่อนๆ กำลังจัดปาร์ตี้ คงมีบาร์บีคิวกินได้ใช่ไหม" คำบอกเล่าของชายหนุ่มกำลังทำให้ใบหน้าของขวัญข้าวนั้นมีความกังวล เธอไม่ชอบคนวุ่นวาย และมันคงเสียงดังมาก ถ้าเกิดว่ามีการจัดปาร์ตี้ขึ้น
"ที่บ้านของพี่มีไข่ไหมคะ" หญิงสาวถามออกไปแบบนั้น เพราะเธอไม่คิดที่จะเข้าไปวุ่นวาย ในงานปาร์ตี้ของพี่ชายอย่างแน่นอน
"น่าจะมี ฉันไม่ค่อยได้ทำอาหารกินเองหรอกส่วนมากจะกินนอกบ้าน" ชายหนุ่มตอบขวัญข้าวออกไป ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าในตู้เย็นยังมีอาหารสดอะไรหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า
"คุณแม่ฝากแคบหมูแล้วก็น้ำพริกหนุ่มมาให้พี่ด้วยนะคะอยู่ในถุงกระดาษ" หญิงสาวพูดออกมาพร้อมกับกะพริบตาถี่ๆ เมื่อนึกถึงมารดา ในเวลาที่ต้องห่างไกลกันไปนานเช่นนี้ แม้หญิงสาวจะพยายามทำให้น้ำเสียงดูเป็นปกติ แต่อัครเดชก็สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่สั่นเครือเบาๆ ในลำคอของเธอได้
"อืม...แม่บอกแล้ว" ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ และที่สำคัญมารดาเขาก็ได้บอกด้วยว่าน้ำพริกหนุ่มนั้น เป็นฝีมือของขวัญข้าวไม่ได้หาซื้อมาจากไหน แต่เขานั้นต้องแปลกใจที่เธอไม่ปริปากพูด หรือแสดงตัวว่าเป็นคนลงมือทำน้ำพริกเอง
หลายปีผ่านไป อัครเดชและขวัญข้าวได้แต่งงานกันที่ไร่ ทั้งสองไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไรมากมาย แขกที่มาร่วมเป็นสักขีพยานก็ล้วนเป็นคนที่สนิทกัน แต่นั่นมันไม่ใช่ส่วนสำคัญในชีวิตของคนทั้งคู่ เพราะทั้งสองไม่ได้มีความปรารถนาที่จะให้งานแต่งใหญ่โตมโหฬาร ขอแค่มีสักขีพยานมาร่วมแสดงความยินดีในวันงานก็เพียงพอ ตอนนี้อัครเดชได้ลูกสาวสมใจ เมื่อขวัญข้าวได้ให้กำเนิดลูกคนที่สอง ซึ่งเป็นลูกสาวมีชื่อว่าน้องแพนด้า ส่วนเจ้าสิงโตกันยาและตุลานั้นได้เข้าเรียนเตรียมอนุบาลเรียบร้อยแล้ว "ทำอะไรเหรอคะพี่ฮันน่า" ขวัญข้าวอุ้มลูกสาว เดินตรงมาที่เรือนหลังเล็ก ซึ่งอัครเดชได้ปลูกไว้ให้ฮันน่าและลูกๆ ของเธอได้อาศัย เพราะเขาเข้าใจดีว่าหญิงสาวคงต้องการใช้ชีวิตส่วนตัว "พี่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ การทำร้านดอกไม้ ขวัญว่าพี่จะขายได้ไหม แต่รอให้เด็กๆ โตอีกสักหน่อยพี่อาจต้องย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ" ฮันน่าพูดกับขวัญข้าว แต่ดวงตาของเธอกลับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อหญิงสาวมีความปรารถนา อยากจะเปิดร้านดอกไม้ เพื่อเลี้ยงชีพและส่งลูกๆเรียน เพราะเงินในบัญชีที่เก็บเอาไว้ก็เริ่มจ
"ขอแย่งเจ้าสิงโตชิมสักวันนะครับคนดี" น้ำเสียงของชายหนุ่มช่างออดอ้อน ขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงละเลียดชิมอมแล้วดูดที่เม็ดบัวอย่างมูมมาม ราวกับว่าจะไม่เหลือมันไว้ให้กับลูกชายเลยสักหยด"อุ๊ย! พี่เสือ" หญิงสาวร้องครางออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเจ้ามังกรยักษ์ที่แข็งเป็นลำตั้งชันขึ้นทิ่มหน้าท้องของเธอไปมา จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะแอ่นสะโพกขึ้นไปท้าทายกับท่อนเอ็นลำใหญ่หัวแดงบานเบ่ง ที่มันพร้อมจะเข้ามาสำรวจในถ้ำของเธอเต็มที "อืม...ขวัญ...ทำไมเมียพี่ถึงได้เซ็กซี่จัง" เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มเอ่ยชมผู้เป็นภรรยาออกมา เข้าอ้อยอิ่งละเลียดชิมอมแล้วดูดอยู่ที่สองเต้าเป็นนานสองนาน ก่อนจะก้มลงไปจับเจ้ามังกรยักษ์สอดเข้าไปในช่องแคบของเธอพรึบ!!! "อืมพี่เสือ...อ๊า" เมื่อชายหนุ่มดันเจ้ามังกรยักษ์เข้าไปในถ้ำของเธอ ทำให้หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความคับแน่น จนเธอร้องครางออกมา แต่ทว่ามันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดเลยสักนิด เมื่อความเสียวซ่านกำลังเกิดขึ้นภายในช่องแคบ เมื่อสามี
"เดี๋ยวก็รู้ตามพี่มา" อัครเดชจูงแขนภรรยาของเขาเดินเข้าไปในไร่กุหลาบ ส่วนฮันน่าและลูกๆ ของเธอได้นั่งเล่นที่สนาม โดยมีเอื้องคำเป็นพี่เลี้ยง หญิงสาวแอบอมยิ้มตามภาพของพ่อแม่ลูกที่ดูอบอุ่น เพราะเธอแน่ใจว่าบอสหนุ่มคงกำลังจะมีเซอร์ไพรส์ภรรยา อัครเดชพาขวัญข้าวเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงซุ้มกุหลาบที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม มันถูกออกแบบโดยชายหนุ่ม เมื่อเขาอยากจะขอภรรยาแต่งงาน และนั่นก็ทำให้ขวัญข้าวถึงกับน้ำตาคลอ เพราะไม่คิดว่าเขาจะมีมุมที่อ่อนโยน แล้วโรแมนติกขนาดนี้มาก่อน "นั่งตรงนี้ก่อนครับคนดี" เขาจัดแจงให้ภรรยานั่งลงที่ขอนไม้ จากนั้นชายหนุ่มได้คุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาว โดยที่เขายังคงอุ้มเจ้าสิงโตเอาไว้ แล้วค่อยๆ หยิบแหวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง "แต่งงานกับพี่นะครับ" "พี่เสือ..." ขวัญข้าวเรียกชื่อผู้เป็นสามีออกมา ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจเพราะเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่า เขาจะขอเธอแต่งงาน เมื่อหญิงสาวไม่เคยคาดหวังที่จะมีโมเม้นต์แบบนี้ "ขอให้เจ้าสิงโตเป็นพยาน พี่จะรักและซื่
จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี ตอนนี้ก็ครบหนึ่งปีแล้ว ที่ขวัญข้าวใช้ชีวิตร่วมกับอัครเดชด้วยความผาสุก ชีวิตคู่ของเขาและเธอนั้น มีอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ขวัญข้าวนึกไม่ถึง โดยเฉพาะสิ่งที่ชายหนุ่มทำให้เธอ มันเป็นมากกว่าคำว่ารัก ที่เขายืนยันพูดกับเธอซ้ำๆ ในทุกคืนวัน เพราะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนไหนผ่านเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ไม่เคยชายตาแลเลยสักครั้ง เขายังคงทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีให้กับเจ้าสิงโตได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนฮันน่าได้คลอดลูกแฝด หลังจากที่ขวัญข้าวคลอดเจ้าสิงโตได้หนึ่งเดือน ที่สำคัญเธอสามารถคลอดเองแบบธรรมชาติได้ และที่น่าแปลกก็คือลูกสาวของเธอคลอดเวลาเกือบเที่ยงคืน ของคืนวันที่สามสิบกันยายน ห่างจากลูกชายเพียงแค่ไม่กี่นาที แต่ทำให้ลูกอีกคนของเธอนั้นต้องแจ้งเกิดเป็นเดือนตุลาคม และนั่นก็คือที่มาของชื่อกันยาและตุลา ส่วนเจ้าสิงโตลูกของขวัญข้าวกับอัครเดชนั้นเกิดในเดือนสิงหาคม ช่างเหมาะเจาะกับชื่อสิงโต และทั้งสามคงจะเติบโตไปด้วยกัน อย่างไม่มีวันเหงาแน่นอน "สิงโตกลับบ้านได้แล้วลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกับกันยาและตุลาใหม่นะครับ" ขวั
สักพักอัครเดชก็เดินเข้ามาในห้องคลอด โดยมีคุณหมอและพยาบาลยืนข้างๆ เตียง ที่มีขวัญข้าวนอนหายใจเข้าถี่ ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เมื่อหญิงสาวพยายามเบ่งคลอดหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ และดูเหมือนว่าเธอนั้นเริ่มจะหมดแรง "ขวัญ...ขวัญต้องอดทนนะครับคนดี เพื่อลูกของเรา อีกไม่กี่นาทีเจ้าสิงโตก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว พี่รู้ว่าขวัญเจ็บมาก อดทนไว้นะครับ""คุณพ่อมาให้กำลังใจแล้ว คุณแม่หายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งนะคะ แล้วเตรียมเบ่ง หายใจเข้าลึกๆ ค่ะ หนึ่ง สอง สาม เบ่งค่ะ...อื้ดดด!!" คุณหมอและนางพยาบาลต่างก็ช่วยกันให้กำลังใจขวัญข้าว เมื่อปากมดลูกของเธอเริ่มเปิดสิบเซนติเมตรพร้อมคลอดเต็มทีแล้ว กรี๊ด!!! หญิงสาวร้องกรี๊ดออกมาจนสุดแรงเกิด แม้ว่าคุณหมอจะบอกให้เก็บเสียง แต่ในเวลานี้คงไม่มีคุณแม่คนไหนเก็บอาการเจ็บปวดปางตายนี้ไว้ได้ ใบหน้าของหญิงสาวฉายแววความเจ็บปวดออกมาอย่างทรมาน จนอัครเดชนั้นถึงกับน้ำตาซึมเพราะสงสารภรรยา"อูเว้! อูเว้! อูเว้! " เสียงทารกน้อยดังขึ้น พร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยของขวัญข้าว ที่ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำลังหมดเรี่ยวแรงพอดี แต่รอยยิ
"ทำไมอ้อนแบบนี้ครับ ถ้าพี่อดใจไม่ไหวจะให้ทำยังไง...หื้ม"คำพูดและแววตาของชายหนุ่มฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วโอบกอดหญิงสาวร่างอวบเอาไว้หลวมๆ แต่ขวัญข้าวก็เชื่อว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่ากอด เพราะตั้งแต่กลับมาที่ไร่ก็ทำให้เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ มีมุมอ่อนโยน และเขาก็ทะนุถนอมห่วงใยเธอมาก จนมองข้ามความต้องการของตัวเองออกไป ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วหากเขาจะทำอะไรในแบบที่พูดออกมาก็ย่อมทำได้ "พี่เสือ... ขวัญขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ" ขวัญข้าวพลิกตัวตะแคงข้างเข้าหาชายหนุ่ม พร้อมกับ สบตากับเขา "ไหนบอกว่าง่วงไง ทำไมตาแป๋วเลยตอนนี้ จะถามอะไรพี่ละครับ...หื้ม...จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! " ดวงหน้ากลมของภรรยาที่ดูอวบอิ่มเพราะการตั้งครรภ์ ทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว ที่จะจุ๊บลงไปที่เรียวปากของเธอหลายที ก่อนจะเอามือปัดปอยผมออกจากแก้ม แล้วยิ้มแฉ่งให้กับความน่ารักของเธอ ขณะที่ขวัญข้าวก็ยิ้มร่าให้กับความรักที่ผู้เป็นสามีมอบให้มาด้วยความสุขใจ







