LOGINเมื่อรถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาในบ้านที่หลังไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ความรู้สึกของหญิงสาวที่มีในเวลานี้ บ้านหลังนี้มันคือที่แปลกใหม่สำหรับเธอ กับชายหนุ่มข้างๆ ที่ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคย แต่ความเป็นจริงแล้วเปล่าเลย เธอกับเขานั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับกันและกัน
"ถึงบ้านแล้วก็ลงไปสิ นั่งบื้ออยู่ทำไมล่ะ" ประโยคที่ได้ยินจากชายหนุ่ม ช่างทำให้เธอนั้นไม่อยากจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาเอาเสียเลย แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว คงถอยหลังกลับไปไม่ได้
"ทำไมเสียงดังจังเลยค่ะ" เมื่อลงจากรถได้ขวัญข้าวก็ถามอัครเดชออกมาในทันที ถ้าเธอเป็นบ้านหลังข้างๆ จะแจ้งตำรวจมาจับปรับให้เข็ดเลย พวกที่ชอบทำเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านแบบนี้
"ถือของตามเข้ามา อย่าถามมาก ก็บอกแล้วไงว่ามีปาร์ตี้ไม่ได้เดินจงกรมทำสมาธินะถึงจะเงียบได้" ชายหนุ่มพูดออกมาก่อนจะเดินนำหน้าขวัญข้าวเข้าไปในบ้าน เสียงดังของเครื่องเสียง ผสมผสานกับน้ำเสียงของหญิงชายกระเซ้าเย้าแหย่กันไปมาอย่างสนุกสนาน คงดังมาจากบริเวณข้างสระน้ำของบ้าน
พอเข้ามาในบ้านหญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาจัดบ้านได้น่าอยู่กว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก มีมุมนั่งเล่นกับเก้าอี้ตัวเล็กๆ จัดตกแต่งเอาไว้ถัดไปจากห้องรับแขกด้วย ซึ่งมีไม้ประดับหลายชนิด วางเรียงรายกันเอาไว้อย่างสวยงาม
"เอาถุงน้ำพริกวางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันจะเก็บเอง ส่วนเธอตามฉันขึ้นมาบนบ้านเดี๋ยวจะบอกห้องของเธออยู่ตรงไหน"
หญิงสาวไม่ตอบโต้ใดๆ ออกไป เธอเพียงแค่ทำตามที่เขาสั่งเท่านั้น พร้อมกับเดินตามอัครเดชขึ้นไปบนบ้าน ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดประตูห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเขา
"นี่ห้องของเธอ ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็เรียกฉันได้ ห้องฉันอยู่ตรงข้ามกับเธอนี่เอง อ้อ... เธอจะกินอะไรไหม เพื่อนฉันน่าจะย่างบาร์บีคิวเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะใส่จานมาให้ แล้วไม่ต้องเสนอหน้าเข้าไปในงานปาร์ตี้นะ ฉันไม่ชอบให้คนนอกเข้าไปวุ่นวาย"
ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่คนฟังนั้นกลับรู้สึก เหมือนกับว่าโดนตบมาที่ใบหน้าอย่างแรง เมื่อเขาเห็นเธอเป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วเขาก็พูดออกมาได้อย่างถูกต้อง เธอเป็นแค่กาฝากที่มารดาของเขาเก็บมาชุบเลี้ยง แต่ทว่านางนั้นกลับมีจิตใจโอบอ้อมอารีให้กับเธอ ซึ่งตรงกันข้ามกับเขาที่ทำตัวห่างเหิน เพราะนางทั้งรักและฟูมฟักเลี้ยงดูขวัญข้าวเป็นอย่างดีราวกับลูกในอุทร
"ฉันรู้ฐานะของตัวเองดี ขอบคุณนะคะ พี่ไม่ต้องลำบากหาอะไรมาให้ฉันทานหรอก เดี๋ยวฉันหาทานเองขอตัวนะคะ"
ปึง!! หญิงสาวพูดออกมา พร้อมกับปิดประตูใส่หน้าชายหนุ่มอย่างแรง จนเขารู้สึกและสัมผัสได้ ถึงความน้อยใจในตัวเธอ แต่ที่อัครเดชพูดออกไปแบบนั้น ก็เพราะว่าไม่อยากตอบคำถามของเพื่อน โดยเฉพาะพวกผู้ชายคงเห็นเธอเป็นเพียงแค่กระต่ายน้อย ที่พร้อมจะขย้ำหญิงสาวมาเป็นเหยื่อ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงต้องรู้สึกหวงแหนเธออย่างบอกไม่ถูก จนเผลอพูดอะไรแรงๆ ออกไปแบบนั้น
เมื่อปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยขวัญข้าวได้วางกระเป๋าลงที่เตียงนอน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดไฟฉายหาปุ่มสวิตช์เปิดไฟ จากนั้นเธอได้เดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดผ้าม่านออก ที่ริมสระน้ำเต็มไปด้วยสาวสวยหุ่นเซ็กซี่และหนุ่มหล่อ ทุกคนต่างเฮฮาปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน
"ต่อให้พี่ไม่ห้าม ขวัญก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปเหยียบในงานแบบนั้นหรอกค่ะ" ขวัญข้าวพูดพึมพำออกมาคนเดียว จากนั้นเธอจึงเดินมารูดซิปกระเป๋าเป้แล้วหยิบชุดออกมาแขวนไว้ในตู้ ซึ่งมันมีไม่กี่ชุดเอง ก่อนจะตัดสินใจหยิบชุดนอนเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวสีชมพูลายมุ้งมิ้งน่ารักพร้อมกับผ้าเช็ดตัว เข้าไปในห้องน้ำ เธอต้องแปลกใจเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าพี่เสือของเธอนั้น เขาได้เตรียมการเอาไว้สำหรับเธออย่างเรียบร้อย เพราะในห้องน้ำมีทั้งแปรงฟันยาสีฟัน ครีมอาบน้ำ รวมทั้งโฟมล้างหน้า ที่เธอนั้นยังแปลกใจว่าทำไมเขาถึงรู้ถึงยี่ห้อที่เธอเคยใช้ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้ท้องร้องจ๊อกๆ หิวข้าวจะแย่แล้ว หญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัว เพื่อจะได้ไปหาอะไรกินในครัว
ในขณะที่อัครเดชกำลังนั่งกับเพื่อนๆ ที่ริมสระ โดยมีหญิงสาวมากหน้าหลายตา สวยๆ หุ่นเซ็กซี่ทั้งนั้น เพราะเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ที่มาในงานปาร์ตี้นี้ด้วย พวกหล่อนมักจะส่งสายตายั่วยวนมาที่ชายหนุ่มบ่อยครั้ง จนเดียน่านั้นถึงกับหน้าบึ้ง บอกบุญไม่รับเลยทีเดียว
"ไอ้เควินมึงลดเสียงลงหน่อยสิ เกรงใจชาวบ้านเขาบ้างเดี๋ยวเขาก็โยนรองเท้าเข้ามาในบ้านกูหรอก รองเท้าไม่เท่าไหร่แต่ถ้าลูกปืน พวกมึงบังให้กูด้วย" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับนั่งจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลงคออย่างช้าๆ ภายในใจของเขานั้นเขากำลังจดจ่ออยู่แต่ภายในบ้าน เมื่อชายหนุ่มกำลังเป็นห่วงว่าขวัญข้าวเธอจะได้ทานข้าวหรือยัง
"ไอ้เชี้ย! ไหนมึงบอกว่าเคลียร์แล้วไง จ่ายให้ทุกบ้าน แล้วพวกเขายังกล้ามีปัญหากับมึงอีกเหรอ" ชาร์ลพูดออกมาเสียงดัง เมื่อเขานั้นกำลังกลัวว่าเพื่อนบ้าน จะทำในสิ่งที่อัครเดชพูดออกมาจริงๆ
"เออน่า...กูเคลียร์แล้วแต่ช่วยลดเสียงเบาลงกว่านี้ก่อนเหอะ" เควินยอมทำตามที่เพื่อนบอกอย่างว่าง่าย ในขณะที่เขานั้นไม่เข้าใจว่าทำไม อัครเดชถึงมาแปลกจากทุกครั้ง ทั้งที่วันนี้เสียงของเพลงนั้น ก็ไม่ได้ดังกึกก้องเหมือนกับที่เคยเปิดด้วยซ้ำ
ทางด้านขวัญข้าว เมื่อลงมาที่ครัวสิ่งแรกที่เธอต้องทำก็คือหุงข้าว และรู้สึกว่าครัวนี้ไม่ได้ผ่านการทำอาหารมานานแล้ว จากนั้นเธอก็ได้หยิบไข่มาสองฟองตอกใส่ชาม เพื่อทำไข่เจียว ยังโชคดีที่ไข่มันยังไม่เน่าไม่อย่างนั้นแล้วละก็ เธอคงได้กินข้าวกับน้ำพริกที่หิ้วมา
ในขณะที่หญิงสาวกำลังปรุงรสไข่เจียวเสียง ไลน์โทรเข้าจากสมาร์ตโฟนเครื่องแพงก็ดังขึ้น เธอหยิบมาดูปรากฏว่ามารดาโทรมา หญิงสาวไม่รอช้ารีบกดปุ่มเปิดรับทันที
"สวัสดีค่ะแม่...ขวัญคิดถึงแม่ที่สุดในโลกเลย" หญิงสาวพูดออกมาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เมื่อชีวิตของเธอนั้นไม่มีใครนอกจากผู้หญิงสูงวัยในจอ
"คิดถึงแต่ไม่โทรมาหาสักที ปล่อยให้คนแก่รอจนอดใจไม่ไหวโทรหาเองเนี่ยนะ" หญิงสูงวัยแกล้งพูดแหย่ลูกสาวออกไป แต่ภายในใจก็รู้สึกดีที่เห็นขวัญข้าวยิ้มได้ในวันนี้
"ขวัญมัวแต่ยุ่งอยู่เลยยังไม่ได้โทรหาค่ะแม่"
"นั่นทำอะไรอยู่ในครัว อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้ทานข้าวนี่มันจะสองทุ่มแล้วนะขวัญ" หญิงสูงวัยเอ็ดลูกสาวออกไปเบาๆ เพราะความห่วงใย
"ขวัญกำลังจะทำไข่เจียว แต่รอให้ข้าวสุกก่อนค่ะแม่" หญิงสาวพูดออกไปตามความจริง โดยที่เธอนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย
"พี่เสืออยู่ไหน เรียกมารับสายแม่ทีซิ...โทรไปหลายครั้งแล้วก็ไม่ติดปิดเครื่องเฉยเลย" คราวนี้หญิงสูงวัยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธนิดๆ จนขวัญข้าวสัมผัสได้ถึงหายนะ ที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาในชีวิตของเธอ หากจะต้องเอาโทรศัพท์ไปให้ชายหนุ่มรับสายจากมารดา
"แม่ค่ะ คือว่าพี่เสือมีปาร์ตี้ที่สระน้ำ เขาเปิดเพลงเสียงดัง เอาไว้วันหลังค่อยคุยกับพี่เขานะคะ" ขวัญข้าวพยายามพูด เพื่อหาทางเลี่ยงที่จะไม่เอาโทรศัพท์ไปให้พี่ชายรับสาย
"อะไรกันตัวเองไปนั่งดื่มอย่างสนุกสนานแล้วปล่อยให้น้องทำไข่เจียวทานมันใช้ได้ที่ไหนกัน" หญิงสูงวัยเริ่มโวยวายออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจในตัวของลูกชาย
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่...เรื่องแค่นี้เอง ขวัญชอบทานไข่เจียวแม่ก็รู้" หญิงสาวพยายามแย้งผู้เป็นมารดาขึ้นมาอีกครั้ง
"ขวัญแม่บอกว่าให้เอาโทรศัพท์ไปให้พี่เสือ แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับพี่ ไม่ต้องกลัว ถ้าพี่เสือทำอะไรบอกแม่ได้เลย เดี๋ยวแม่จะจัดการขั้นเด็ดขาด ไอ้ลูกคนนี้ชักจะไปกันใหญ่แล้ว" คราวนี้ขวัญข้าวคงไม่สามารถขัดคำสั่งของมารดาได้ จำใจต้องเดินออกไปจากครัว เพื่อเอาโทรศัพท์ไปให้พี่ชายได้คุยกับมารดาที่วิดีโอคอลมา ในช่วงเวลาที่เขากำลังนั่งดื่มเหล้าเคล้านารี
หลายปีผ่านไป อัครเดชและขวัญข้าวได้แต่งงานกันที่ไร่ ทั้งสองไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไรมากมาย แขกที่มาร่วมเป็นสักขีพยานก็ล้วนเป็นคนที่สนิทกัน แต่นั่นมันไม่ใช่ส่วนสำคัญในชีวิตของคนทั้งคู่ เพราะทั้งสองไม่ได้มีความปรารถนาที่จะให้งานแต่งใหญ่โตมโหฬาร ขอแค่มีสักขีพยานมาร่วมแสดงความยินดีในวันงานก็เพียงพอ ตอนนี้อัครเดชได้ลูกสาวสมใจ เมื่อขวัญข้าวได้ให้กำเนิดลูกคนที่สอง ซึ่งเป็นลูกสาวมีชื่อว่าน้องแพนด้า ส่วนเจ้าสิงโตกันยาและตุลานั้นได้เข้าเรียนเตรียมอนุบาลเรียบร้อยแล้ว "ทำอะไรเหรอคะพี่ฮันน่า" ขวัญข้าวอุ้มลูกสาว เดินตรงมาที่เรือนหลังเล็ก ซึ่งอัครเดชได้ปลูกไว้ให้ฮันน่าและลูกๆ ของเธอได้อาศัย เพราะเขาเข้าใจดีว่าหญิงสาวคงต้องการใช้ชีวิตส่วนตัว "พี่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ การทำร้านดอกไม้ ขวัญว่าพี่จะขายได้ไหม แต่รอให้เด็กๆ โตอีกสักหน่อยพี่อาจต้องย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ" ฮันน่าพูดกับขวัญข้าว แต่ดวงตาของเธอกลับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อหญิงสาวมีความปรารถนา อยากจะเปิดร้านดอกไม้ เพื่อเลี้ยงชีพและส่งลูกๆเรียน เพราะเงินในบัญชีที่เก็บเอาไว้ก็เริ่มจ
"ขอแย่งเจ้าสิงโตชิมสักวันนะครับคนดี" น้ำเสียงของชายหนุ่มช่างออดอ้อน ขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงละเลียดชิมอมแล้วดูดที่เม็ดบัวอย่างมูมมาม ราวกับว่าจะไม่เหลือมันไว้ให้กับลูกชายเลยสักหยด"อุ๊ย! พี่เสือ" หญิงสาวร้องครางออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเจ้ามังกรยักษ์ที่แข็งเป็นลำตั้งชันขึ้นทิ่มหน้าท้องของเธอไปมา จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะแอ่นสะโพกขึ้นไปท้าทายกับท่อนเอ็นลำใหญ่หัวแดงบานเบ่ง ที่มันพร้อมจะเข้ามาสำรวจในถ้ำของเธอเต็มที "อืม...ขวัญ...ทำไมเมียพี่ถึงได้เซ็กซี่จัง" เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มเอ่ยชมผู้เป็นภรรยาออกมา เข้าอ้อยอิ่งละเลียดชิมอมแล้วดูดอยู่ที่สองเต้าเป็นนานสองนาน ก่อนจะก้มลงไปจับเจ้ามังกรยักษ์สอดเข้าไปในช่องแคบของเธอพรึบ!!! "อืมพี่เสือ...อ๊า" เมื่อชายหนุ่มดันเจ้ามังกรยักษ์เข้าไปในถ้ำของเธอ ทำให้หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความคับแน่น จนเธอร้องครางออกมา แต่ทว่ามันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดเลยสักนิด เมื่อความเสียวซ่านกำลังเกิดขึ้นภายในช่องแคบ เมื่อสามี
"เดี๋ยวก็รู้ตามพี่มา" อัครเดชจูงแขนภรรยาของเขาเดินเข้าไปในไร่กุหลาบ ส่วนฮันน่าและลูกๆ ของเธอได้นั่งเล่นที่สนาม โดยมีเอื้องคำเป็นพี่เลี้ยง หญิงสาวแอบอมยิ้มตามภาพของพ่อแม่ลูกที่ดูอบอุ่น เพราะเธอแน่ใจว่าบอสหนุ่มคงกำลังจะมีเซอร์ไพรส์ภรรยา อัครเดชพาขวัญข้าวเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงซุ้มกุหลาบที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม มันถูกออกแบบโดยชายหนุ่ม เมื่อเขาอยากจะขอภรรยาแต่งงาน และนั่นก็ทำให้ขวัญข้าวถึงกับน้ำตาคลอ เพราะไม่คิดว่าเขาจะมีมุมที่อ่อนโยน แล้วโรแมนติกขนาดนี้มาก่อน "นั่งตรงนี้ก่อนครับคนดี" เขาจัดแจงให้ภรรยานั่งลงที่ขอนไม้ จากนั้นชายหนุ่มได้คุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาว โดยที่เขายังคงอุ้มเจ้าสิงโตเอาไว้ แล้วค่อยๆ หยิบแหวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง "แต่งงานกับพี่นะครับ" "พี่เสือ..." ขวัญข้าวเรียกชื่อผู้เป็นสามีออกมา ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจเพราะเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่า เขาจะขอเธอแต่งงาน เมื่อหญิงสาวไม่เคยคาดหวังที่จะมีโมเม้นต์แบบนี้ "ขอให้เจ้าสิงโตเป็นพยาน พี่จะรักและซื่
จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี ตอนนี้ก็ครบหนึ่งปีแล้ว ที่ขวัญข้าวใช้ชีวิตร่วมกับอัครเดชด้วยความผาสุก ชีวิตคู่ของเขาและเธอนั้น มีอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ขวัญข้าวนึกไม่ถึง โดยเฉพาะสิ่งที่ชายหนุ่มทำให้เธอ มันเป็นมากกว่าคำว่ารัก ที่เขายืนยันพูดกับเธอซ้ำๆ ในทุกคืนวัน เพราะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนไหนผ่านเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ไม่เคยชายตาแลเลยสักครั้ง เขายังคงทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีให้กับเจ้าสิงโตได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนฮันน่าได้คลอดลูกแฝด หลังจากที่ขวัญข้าวคลอดเจ้าสิงโตได้หนึ่งเดือน ที่สำคัญเธอสามารถคลอดเองแบบธรรมชาติได้ และที่น่าแปลกก็คือลูกสาวของเธอคลอดเวลาเกือบเที่ยงคืน ของคืนวันที่สามสิบกันยายน ห่างจากลูกชายเพียงแค่ไม่กี่นาที แต่ทำให้ลูกอีกคนของเธอนั้นต้องแจ้งเกิดเป็นเดือนตุลาคม และนั่นก็คือที่มาของชื่อกันยาและตุลา ส่วนเจ้าสิงโตลูกของขวัญข้าวกับอัครเดชนั้นเกิดในเดือนสิงหาคม ช่างเหมาะเจาะกับชื่อสิงโต และทั้งสามคงจะเติบโตไปด้วยกัน อย่างไม่มีวันเหงาแน่นอน "สิงโตกลับบ้านได้แล้วลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกับกันยาและตุลาใหม่นะครับ" ขวั
สักพักอัครเดชก็เดินเข้ามาในห้องคลอด โดยมีคุณหมอและพยาบาลยืนข้างๆ เตียง ที่มีขวัญข้าวนอนหายใจเข้าถี่ ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เมื่อหญิงสาวพยายามเบ่งคลอดหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ และดูเหมือนว่าเธอนั้นเริ่มจะหมดแรง "ขวัญ...ขวัญต้องอดทนนะครับคนดี เพื่อลูกของเรา อีกไม่กี่นาทีเจ้าสิงโตก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว พี่รู้ว่าขวัญเจ็บมาก อดทนไว้นะครับ""คุณพ่อมาให้กำลังใจแล้ว คุณแม่หายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งนะคะ แล้วเตรียมเบ่ง หายใจเข้าลึกๆ ค่ะ หนึ่ง สอง สาม เบ่งค่ะ...อื้ดดด!!" คุณหมอและนางพยาบาลต่างก็ช่วยกันให้กำลังใจขวัญข้าว เมื่อปากมดลูกของเธอเริ่มเปิดสิบเซนติเมตรพร้อมคลอดเต็มทีแล้ว กรี๊ด!!! หญิงสาวร้องกรี๊ดออกมาจนสุดแรงเกิด แม้ว่าคุณหมอจะบอกให้เก็บเสียง แต่ในเวลานี้คงไม่มีคุณแม่คนไหนเก็บอาการเจ็บปวดปางตายนี้ไว้ได้ ใบหน้าของหญิงสาวฉายแววความเจ็บปวดออกมาอย่างทรมาน จนอัครเดชนั้นถึงกับน้ำตาซึมเพราะสงสารภรรยา"อูเว้! อูเว้! อูเว้! " เสียงทารกน้อยดังขึ้น พร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยของขวัญข้าว ที่ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำลังหมดเรี่ยวแรงพอดี แต่รอยยิ
"ทำไมอ้อนแบบนี้ครับ ถ้าพี่อดใจไม่ไหวจะให้ทำยังไง...หื้ม"คำพูดและแววตาของชายหนุ่มฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วโอบกอดหญิงสาวร่างอวบเอาไว้หลวมๆ แต่ขวัญข้าวก็เชื่อว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่ากอด เพราะตั้งแต่กลับมาที่ไร่ก็ทำให้เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ มีมุมอ่อนโยน และเขาก็ทะนุถนอมห่วงใยเธอมาก จนมองข้ามความต้องการของตัวเองออกไป ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วหากเขาจะทำอะไรในแบบที่พูดออกมาก็ย่อมทำได้ "พี่เสือ... ขวัญขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ" ขวัญข้าวพลิกตัวตะแคงข้างเข้าหาชายหนุ่ม พร้อมกับ สบตากับเขา "ไหนบอกว่าง่วงไง ทำไมตาแป๋วเลยตอนนี้ จะถามอะไรพี่ละครับ...หื้ม...จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! " ดวงหน้ากลมของภรรยาที่ดูอวบอิ่มเพราะการตั้งครรภ์ ทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว ที่จะจุ๊บลงไปที่เรียวปากของเธอหลายที ก่อนจะเอามือปัดปอยผมออกจากแก้ม แล้วยิ้มแฉ่งให้กับความน่ารักของเธอ ขณะที่ขวัญข้าวก็ยิ้มร่าให้กับความรักที่ผู้เป็นสามีมอบให้มาด้วยความสุขใจ







