เมื่อรถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาในบ้านที่หลังไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ความรู้สึกของหญิงสาวที่มีในเวลานี้ บ้านหลังนี้มันคือที่แปลกใหม่สำหรับเธอ กับชายหนุ่มข้างๆ ที่ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคย แต่ความเป็นจริงแล้วเปล่าเลย เธอกับเขานั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับกันและกัน
"ถึงบ้านแล้วก็ลงไปสิ นั่งบื้ออยู่ทำไมล่ะ" ประโยคที่ได้ยินจากชายหนุ่ม ช่างทำให้เธอนั้นไม่อยากจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาเอาเสียเลย แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว คงถอยหลังกลับไปไม่ได้
"ทำไมเสียงดังจังเลยค่ะ" เมื่อลงจากรถได้ขวัญข้าวก็ถามอัครเดชออกมาในทันที ถ้าเธอเป็นบ้านหลังข้างๆ จะแจ้งตำรวจมาจับปรับให้เข็ดเลย พวกที่ชอบทำเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านแบบนี้
"ถือของตามเข้ามา อย่าถามมาก ก็บอกแล้วไงว่ามีปาร์ตี้ไม่ได้เดินจงกรมทำสมาธินะถึงจะเงียบได้" ชายหนุ่มพูดออกมาก่อนจะเดินนำหน้าขวัญข้าวเข้าไปในบ้าน เสียงดังของเครื่องเสียง ผสมผสานกับน้ำเสียงของหญิงชายกระเซ้าเย้าแหย่กันไปมาอย่างสนุกสนาน คงดังมาจากบริเวณข้างสระน้ำของบ้าน
พอเข้ามาในบ้านหญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาจัดบ้านได้น่าอยู่กว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก มีมุมนั่งเล่นกับเก้าอี้ตัวเล็กๆ จัดตกแต่งเอาไว้ถัดไปจากห้องรับแขกด้วย ซึ่งมีไม้ประดับหลายชนิด วางเรียงรายกันเอาไว้อย่างสวยงาม
"เอาถุงน้ำพริกวางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันจะเก็บเอง ส่วนเธอตามฉันขึ้นมาบนบ้านเดี๋ยวจะบอกห้องของเธออยู่ตรงไหน"
หญิงสาวไม่ตอบโต้ใดๆ ออกไป เธอเพียงแค่ทำตามที่เขาสั่งเท่านั้น พร้อมกับเดินตามอัครเดชขึ้นไปบนบ้าน ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดประตูห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเขา
"นี่ห้องของเธอ ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็เรียกฉันได้ ห้องฉันอยู่ตรงข้ามกับเธอนี่เอง อ้อ... เธอจะกินอะไรไหม เพื่อนฉันน่าจะย่างบาร์บีคิวเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะใส่จานมาให้ แล้วไม่ต้องเสนอหน้าเข้าไปในงานปาร์ตี้นะ ฉันไม่ชอบให้คนนอกเข้าไปวุ่นวาย"
ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย แต่คนฟังนั้นกลับรู้สึก เหมือนกับว่าโดนตบมาที่ใบหน้าอย่างแรง เมื่อเขาเห็นเธอเป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วเขาก็พูดออกมาได้อย่างถูกต้อง เธอเป็นแค่กาฝากที่มารดาของเขาเก็บมาชุบเลี้ยง แต่ทว่านางนั้นกลับมีจิตใจโอบอ้อมอารีให้กับเธอ ซึ่งตรงกันข้ามกับเขาที่ทำตัวห่างเหิน เพราะนางทั้งรักและฟูมฟักเลี้ยงดูขวัญข้าวเป็นอย่างดีราวกับลูกในอุทร
"ฉันรู้ฐานะของตัวเองดี ขอบคุณนะคะ พี่ไม่ต้องลำบากหาอะไรมาให้ฉันทานหรอก เดี๋ยวฉันหาทานเองขอตัวนะคะ"
ปึง!! หญิงสาวพูดออกมา พร้อมกับปิดประตูใส่หน้าชายหนุ่มอย่างแรง จนเขารู้สึกและสัมผัสได้ ถึงความน้อยใจในตัวเธอ แต่ที่อัครเดชพูดออกไปแบบนั้น ก็เพราะว่าไม่อยากตอบคำถามของเพื่อน โดยเฉพาะพวกผู้ชายคงเห็นเธอเป็นเพียงแค่กระต่ายน้อย ที่พร้อมจะขย้ำหญิงสาวมาเป็นเหยื่อ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงต้องรู้สึกหวงแหนเธออย่างบอกไม่ถูก จนเผลอพูดอะไรแรงๆ ออกไปแบบนั้น
เมื่อปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยขวัญข้าวได้วางกระเป๋าลงที่เตียงนอน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดไฟฉายหาปุ่มสวิตช์เปิดไฟ จากนั้นเธอได้เดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดผ้าม่านออก ที่ริมสระน้ำเต็มไปด้วยสาวสวยหุ่นเซ็กซี่และหนุ่มหล่อ ทุกคนต่างเฮฮาปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน
"ต่อให้พี่ไม่ห้าม ขวัญก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปเหยียบในงานแบบนั้นหรอกค่ะ" ขวัญข้าวพูดพึมพำออกมาคนเดียว จากนั้นเธอจึงเดินมารูดซิปกระเป๋าเป้แล้วหยิบชุดออกมาแขวนไว้ในตู้ ซึ่งมันมีไม่กี่ชุดเอง ก่อนจะตัดสินใจหยิบชุดนอนเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวสีชมพูลายมุ้งมิ้งน่ารักพร้อมกับผ้าเช็ดตัว เข้าไปในห้องน้ำ เธอต้องแปลกใจเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าพี่เสือของเธอนั้น เขาได้เตรียมการเอาไว้สำหรับเธออย่างเรียบร้อย เพราะในห้องน้ำมีทั้งแปรงฟันยาสีฟัน ครีมอาบน้ำ รวมทั้งโฟมล้างหน้า ที่เธอนั้นยังแปลกใจว่าทำไมเขาถึงรู้ถึงยี่ห้อที่เธอเคยใช้ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้ท้องร้องจ๊อกๆ หิวข้าวจะแย่แล้ว หญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัว เพื่อจะได้ไปหาอะไรกินในครัว
ในขณะที่อัครเดชกำลังนั่งกับเพื่อนๆ ที่ริมสระ โดยมีหญิงสาวมากหน้าหลายตา สวยๆ หุ่นเซ็กซี่ทั้งนั้น เพราะเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ที่มาในงานปาร์ตี้นี้ด้วย พวกหล่อนมักจะส่งสายตายั่วยวนมาที่ชายหนุ่มบ่อยครั้ง จนเดียน่านั้นถึงกับหน้าบึ้ง บอกบุญไม่รับเลยทีเดียว
"ไอ้เควินมึงลดเสียงลงหน่อยสิ เกรงใจชาวบ้านเขาบ้างเดี๋ยวเขาก็โยนรองเท้าเข้ามาในบ้านกูหรอก รองเท้าไม่เท่าไหร่แต่ถ้าลูกปืน พวกมึงบังให้กูด้วย" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับนั่งจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลงคออย่างช้าๆ ภายในใจของเขานั้นเขากำลังจดจ่ออยู่แต่ภายในบ้าน เมื่อชายหนุ่มกำลังเป็นห่วงว่าขวัญข้าวเธอจะได้ทานข้าวหรือยัง
"ไอ้เชี้ย! ไหนมึงบอกว่าเคลียร์แล้วไง จ่ายให้ทุกบ้าน แล้วพวกเขายังกล้ามีปัญหากับมึงอีกเหรอ" ชาร์ลพูดออกมาเสียงดัง เมื่อเขานั้นกำลังกลัวว่าเพื่อนบ้าน จะทำในสิ่งที่อัครเดชพูดออกมาจริงๆ
"เออน่า...กูเคลียร์แล้วแต่ช่วยลดเสียงเบาลงกว่านี้ก่อนเหอะ" เควินยอมทำตามที่เพื่อนบอกอย่างว่าง่าย ในขณะที่เขานั้นไม่เข้าใจว่าทำไม อัครเดชถึงมาแปลกจากทุกครั้ง ทั้งที่วันนี้เสียงของเพลงนั้น ก็ไม่ได้ดังกึกก้องเหมือนกับที่เคยเปิดด้วยซ้ำ
ทางด้านขวัญข้าว เมื่อลงมาที่ครัวสิ่งแรกที่เธอต้องทำก็คือหุงข้าว และรู้สึกว่าครัวนี้ไม่ได้ผ่านการทำอาหารมานานแล้ว จากนั้นเธอก็ได้หยิบไข่มาสองฟองตอกใส่ชาม เพื่อทำไข่เจียว ยังโชคดีที่ไข่มันยังไม่เน่าไม่อย่างนั้นแล้วละก็ เธอคงได้กินข้าวกับน้ำพริกที่หิ้วมา
ในขณะที่หญิงสาวกำลังปรุงรสไข่เจียวเสียง ไลน์โทรเข้าจากสมาร์ตโฟนเครื่องแพงก็ดังขึ้น เธอหยิบมาดูปรากฏว่ามารดาโทรมา หญิงสาวไม่รอช้ารีบกดปุ่มเปิดรับทันที
"สวัสดีค่ะแม่...ขวัญคิดถึงแม่ที่สุดในโลกเลย" หญิงสาวพูดออกมาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เมื่อชีวิตของเธอนั้นไม่มีใครนอกจากผู้หญิงสูงวัยในจอ
"คิดถึงแต่ไม่โทรมาหาสักที ปล่อยให้คนแก่รอจนอดใจไม่ไหวโทรหาเองเนี่ยนะ" หญิงสูงวัยแกล้งพูดแหย่ลูกสาวออกไป แต่ภายในใจก็รู้สึกดีที่เห็นขวัญข้าวยิ้มได้ในวันนี้
"ขวัญมัวแต่ยุ่งอยู่เลยยังไม่ได้โทรหาค่ะแม่"
"นั่นทำอะไรอยู่ในครัว อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้ทานข้าวนี่มันจะสองทุ่มแล้วนะขวัญ" หญิงสูงวัยเอ็ดลูกสาวออกไปเบาๆ เพราะความห่วงใย
"ขวัญกำลังจะทำไข่เจียว แต่รอให้ข้าวสุกก่อนค่ะแม่" หญิงสาวพูดออกไปตามความจริง โดยที่เธอนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย
"พี่เสืออยู่ไหน เรียกมารับสายแม่ทีซิ...โทรไปหลายครั้งแล้วก็ไม่ติดปิดเครื่องเฉยเลย" คราวนี้หญิงสูงวัยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธนิดๆ จนขวัญข้าวสัมผัสได้ถึงหายนะ ที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาในชีวิตของเธอ หากจะต้องเอาโทรศัพท์ไปให้ชายหนุ่มรับสายจากมารดา
"แม่ค่ะ คือว่าพี่เสือมีปาร์ตี้ที่สระน้ำ เขาเปิดเพลงเสียงดัง เอาไว้วันหลังค่อยคุยกับพี่เขานะคะ" ขวัญข้าวพยายามพูด เพื่อหาทางเลี่ยงที่จะไม่เอาโทรศัพท์ไปให้พี่ชายรับสาย
"อะไรกันตัวเองไปนั่งดื่มอย่างสนุกสนานแล้วปล่อยให้น้องทำไข่เจียวทานมันใช้ได้ที่ไหนกัน" หญิงสูงวัยเริ่มโวยวายออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจในตัวของลูกชาย
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่...เรื่องแค่นี้เอง ขวัญชอบทานไข่เจียวแม่ก็รู้" หญิงสาวพยายามแย้งผู้เป็นมารดาขึ้นมาอีกครั้ง
"ขวัญแม่บอกว่าให้เอาโทรศัพท์ไปให้พี่เสือ แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับพี่ ไม่ต้องกลัว ถ้าพี่เสือทำอะไรบอกแม่ได้เลย เดี๋ยวแม่จะจัดการขั้นเด็ดขาด ไอ้ลูกคนนี้ชักจะไปกันใหญ่แล้ว" คราวนี้ขวัญข้าวคงไม่สามารถขัดคำสั่งของมารดาได้ จำใจต้องเดินออกไปจากครัว เพื่อเอาโทรศัพท์ไปให้พี่ชายได้คุยกับมารดาที่วิดีโอคอลมา ในช่วงเวลาที่เขากำลังนั่งดื่มเหล้าเคล้านารี
"กูว่ามึงมาจำนนให้กับเท้ากูนี่มา! หาเรื่องเจ็บตัวแต่เช้าเลยนะมึง จะลุกไปทำงานดีๆ หรือจะให้กูเตะเข้าไป!" อัครเดชพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง พร้อมกับคว้าข้อมือเรียวของขวัญข้าว ให้เธอมายืนอยู่ทางด้านหลังของเขา โดยมีชาร์ลนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า พร้อมกับสายตาที่เอือมๆ เมื่อเพื่อนกำลังหวงน้องสาวราวกับว่าเธอนั้นเป็นแฟนของเขาจนน่าแปลกใจ "น้องขวัญโตแล้วนะ เรียนจบแล้วสมควรที่จะมีแฟนได้แล้วด้วย มึงจะหวงอะไรนักหนา ทีมึงยังคบผู้หญิงมากหน้าหลายตา และพร้อมกันทีละหลายคนเลยไอ้เสือ!" ชาร์ลยังคงลอยหน้าลอยตาพูดออกมา โดยไม่รู้ว่าเพื่อนนั้นกำลังกัดฟัน เพื่อระงับความโกรธเอาไว้ "มึงเสือกอะไรด้วย และที่สำคัญน้องกูมีแฟนแล้วมึงห้ามยุ่ง!" คำพูดของชายหนุ่มทำให้ขวัญข้าวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพี่ชายถึงพูดกับชาร์ลออกไปแบบนั้น "มีแล้วก็เลิกได้...แค่แฟนไม่ใช่ผัว พี่ไปทำงานก่อนนะครับน้องขวัญแล้วเจอกัน...บ๊าย
"ฉะ ฉันขอโทษ" อัครเดชถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย พร้อมกับแววตาที่รู้สึกผิด ก่อนจะกล่าวขอโทษหญิงสาวออกมา ขณะที่น้ำตาของเธอไหลไม่หยุด ดวงตากลมโตเหม่อลอยมองออกไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย ราวกับว่าเธอกำลังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ขวัญ! พูดอะไรออกมาสักคำสิ! เธอจะด่าจะว่า หรือตบตีฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าเฉยชาชอบแบบนี้" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับลูบลงไปที่แก้มนวล แล้วค่อยๆ ปาดน้ำตาให้เธออย่างเบามือ แต่ทว่าขวัญข้าวก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่พูดไม่จาไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา จนทำให้ชายหนุ่มนั้นเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี "ขวัญ....พี่จะพยายามเก็บอารมณ์และมีเหตุผล ให้มากกว่านี้ พี่ขอโทษนะขวัญ" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับโอบร่างอรชรเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เขาควรจะบอกเธอออกไปดีไหมว่าการกระทำเมื่อครู่มันเกิดจากความหึงหวง และกลัวว่าจะมีใครเข้ามาจีบเธอ โดยที่เขานั้นยังไม่กล้าเผยความในใจให้กับเธอได้รู้ "ฮึก...ฮื้อ พี่ทำกับขวัญแบบนี้ได้ยังไง พี่ทำได้ยังไง...ฮื้อ" หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายออกมา เมื่อเธอกำลังคิดว่าสิ่งที่เขาทำไป
หญิงสาวรวบผมมัดหางม้าต่ำ ทำให้แลดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เธอปัดแก้มโทนสีตุ่นๆ ทาปากด้วยสีชมพูนู้ด พร้อมทั้งปัดคิ้วให้ดูตั้งตามเทรน แต่ไม่ฟูจนเวอร์ รับรองว่าใครเห็นต่างก็ต้องตกตะลึงในความงามของเธอที่ดูสวยโดดเด่นเซ็กซี่ในลุคของสาวมั่น เปลือกตาเธอปัดด้วยอายแชโดว์สีชมพูอ่อนดูวิ้งค์เป็นประกายนั้น ยิ่งทำให้ดวงตากลมโตมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นชายใดได้จ้องคงต้องตกอยู่ในวังวน จนเก็บเอาไปเพ้อฝันจินตนาการอยากได้เธอมาอยู่ข้างกายอย่างแน่นอน ขวัญข้าวหยิบต่างหูห่วงสีทองมาใส่ ซึ่งเป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวในตัว แต่มันกลับทำให้ใบหน้าของเธอนั้นโดดเด่นเพิ่มความเซ็กซี่ขึ้นมาอีก จากนั้นหญิงสาวจึงหยิบสูทสีเทาแขนยาวมาสวมทับ ยิ่งทำให้ขวัญข้าวนั้นดูดีกว่าเดิมเป็นหลายเท่า เธอหยิบรองเท้าคัทชูสีแดงออกมาจากในตู้แล้วเดินลงไปด้านล่าง พร้อมสำหรับการรับประทานอาหารมื้อเช้า ก่อนออกไปทำงานในวันแรกของชีวิต พอขวัญข้าวเดินตรงมายังโต๊ะอาหาร อัครเดชถึงกับมองตาค้าง เขาไม่คิดว่าเธอจะสวยเซ็กซี่และดูดีมา
"อื้ม...แล้วเธอล่ะได้หรือยัง เราไปหาที่นั่งคุยกันก่อนดีไหม" ชายหนุ่มถามหญิงสาวออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ขณะที่ขวัญข้าวชำระเงินเสร็จพอดี "แม่ให้เรามาทำงานกับพี่เสือ พรุ่งนี้เริ่มงานวันแรก เอาไว้ค่อยคุยกันนะ เราต้องรีบกลับเพราะพี่เสือรออยู่ที่รถนานแล้ว" ขวัญข้าวรีบปฏิเสธภูผาออกไป เพราะเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มคิดกับเธอมากเกินกว่าเพื่อน เมื่อเธอกับเขาสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมจวบจนมหา'ลัย แม้เขาเพิ่งจะบอกความในใจเธอได้ไม่นาน แต่ขวัญข้าวก็พอจะรู้และพยายามที่จะถอยห่าง เมื่อเธอนั้นไม่อยากสานสัมพันธ์กับเขา "เดี๋ยวเราเดินไปส่ง" "ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เองเราเดินไปเองได้ เธอรีบไปทำธุระตัวเองเถอะ" ขวัญข้าวพยายามปฏิเสธชายหนุ่มออกมา เพราะหญิงสาวกลัวว่าพี่ชายจะดุ ถ้าหากเขาเห็นผู้ชายมาส่งเธอที่รถแบบนี้ "เอามานี่เดี๋ยวเราถือให้"
ขวัญข้าวไม่ได้สนใจเสือหนุ่มกับคู่ขาของเขา เธอเดินตรงเข้าหาพนักงาน พร้อมกับยื่นบัตรให้ โดยที่ไม่ได้สังเกตชุดที่พนักงานเลือกไว้ "จ่ายด้วยบัตรใบนี้นะคะ" "คุณผู้หญิงจะไม่ดูชุดก่อนเหรอคะ ถูกใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ สำหรับชุดที่ดิฉันเลือกเอาไว้ให้ แต่ก็มั่นใจว่าคุณจะใส่ได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ตัวเล็กๆ แบบนี้ ใส่ชุดไหนก็สวยแถมคุณยังเป็นคนที่สวยอยู่แล้ว" พนักงานสาวกล่าวชื่นชมขวัญข้าวออกมาจากใจเพราะเธอมองมุมไหนหญิงสาวก็สวยสะดุดตา มีเพียงแค่แพมคู่ขาของเสือหนุ่ม ที่มองเห็นเธอเป็นเพียงแค่คนรับใช้ "ขอบคุณนะคะ ชุดไหนขวัญก็ใส่ได้ทั้งนั้นละค่ะ ขวัญเองก็เชื่อใจคุณพี่ว่าจะเลือกให้ตรงตามที่สาวออฟฟิศเขานิยมใส่กัน" หญิงสาวพูดพร้อมกับส่งยิ้มแหยๆ ไปให้กับพนักงาน เพราะเธอเองก็ไม่ถนัดเลือกชุดสักเท่าไหร่
"เลือกได้หรือยังแม่คุณ! แค่เลือกกระเป๋าก็ปาไปเป็นชั่วโมงแล้วนะขวัญข้าว ชอบใบไหนก็หยิบมาเถอะ! จะเลือกอะไรนักหนาก็ไม่รู้" คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ขวัญข้าวแอบชำเลืองหางตามองค้อนไปที่ใบหน้าคม ด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ ถ้าเธอไปตลาดคงได้มาหลายใบ แต่ตอนนี้คงต้องทำใจหยิบมาสักใบ เพื่อไม่ให้เขานั้นว่าเธอได้ "เอาใบนี้ก็แล้วกันค่ะ" หญิงสาวหยิบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมสีดำ ยื่นให้พนักงานไปหนึ่งใบ "ใบนี้ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์นะคะ ราคาจะเหลือแค่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทเท่านั้น ตกลงคุณผู้หญิงรับใบนี้ใช่ไหมคะ" พนักงานสาวสวยถามขวัญข้าวออกมาด้วยรอยยิ้ม "ใช่ค่ะ" หญิงสาวพูดพร้อมกับหยิบบัตรเครดิตออกมา ซึ่งเธอใช้มันอย่างประหยัด จะรูดบัตรเฉพาะในยามที่จำเป็นเท่านั้น"ไม่ต้องเดี๋ยวฉันจ่ายเอง เอาใบนี้ ใบนี้ แล้วก็ใบนี้ด้วยทั้งหมดรวมเป็นเจ็ดใบ" อัครเดชที่สังเกตการณ์อยู่นาน เขาพอจะเดาได้ว่าทำไมเธอถึงไม่เลือกสักที